Perfect Superstar - ตอนที่ 343 ของขวัญสุดพิเศษ
ตอนที่ 343 ของขวัญสุดพิเศษ
ความจริงตอนที่รับของมา ลู่เฉินก็พอเดาออกว่าของขวัญที่คนตระกูลหลี่มอบให้ตัวเองคืออะไร
แต่ก่อนเขาก็เคยสัมผัสกลอุบายการให้ของขวัญอีกฝ่าย จึงคุ้นชินกับรสชาติที่คุ้นเคย
เอกสารคือหนังสืออนุมัติการจัดตั้งมูลนิธิกองทุนการกุศลเฉินเฟย ใบรับรองคือหนังสือรับรองนิติบุคคลและใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของมูลนิธิ
ได้เอกสารสามฉบับนี้แล้ว มูลนิธิกองทุนการกุศลเฉินเฟยที่ก่อตั้งขึ้นโดยลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ นับจากวันนี้เป็นต้นไปก็จะมีฐานะที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถรับบริจาคเงินจากสาธารณชน และดำเนินกิจการการกุศลในประเทศจีนได้!
ของขวัญชิ้นนี้ไม่ได้มาง่ายๆ
กิจการมูลนิธิของประเทศจีนเคยมีช่วงที่โกลาหลพักหนึ่ง องค์กรการกุศลของภาครัฐและภาคเอกชนมีมากมายนับไม่ถ้วน และมีพวกที่ฉกฉวยผลประโยชน์ในขณะที่เกิดความสับสนวุ่นวายปะปนอยู่ด้วย เป็นผลทำให้เกิดข่าวอื้อฉาวไม่น้อย กิจการมูลนิธิที่มีพลังบวกมากๆ ก็ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกจนเป็นชั้นหนาเตอะ ส่งผลกระทบที่ค่อนข้างแย่ต่อสังคม
มีบางมูลนิธิ เมื่อได้รับเงินบริจาคแล้วจะทำกิจกรรมการกุศลแค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เงินบริจาคจำนวนมากก็ไม่รู้ว่าถูกกลืนหรือถูกย้ายไปที่ไหน หลังจากความจริงถูกเปิดเผยความเชื่อใจของมวลชนจึงลดลงอย่างรุนแรง
ในสถานการณ์เช่นนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศจึงเริ่มจัดระเบียบองค์กรการกุศล ควบคุมกลุ่มนักเก็งกำไรที่ชอบย้อมแมวขายอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ยังดำเนินการควบคุมแหล่งที่มาอย่างเคร่งครัด
ดังนั้นตอนนี้หากต้องการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิการกุศลสักแห่ง จึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ตอนแรกที่ลู่เฉินตัดสินใจจะจัดตั้งมูลนิธิขึ้นมาก็ไม่ได้พิจารณาถึงความยากของเรื่องนี้
แต่เขาก็ขอให้ตระกูลหลี่ช่วยออกหน้าจริงๆ จนกระทั่งป่านนี้ถึงได้รับการอนุมัติ
หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญมาก นั่นคือลู่เฉินในฐานะตัวแทนทางนิติบุคคลของมูลนิธิ เป็นศิลปินดาราที่มีภาพลักษณ์ที่ดีมากต่อสาธารณชน มิฉะนั้นต่อให้ตระกูลหลี่ออกหน้าก็เสียแรงเปล่า
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ลู่เฉินก็ยอมรับน้ำใจที่หนักแน่นนี้ของคนตระกูลหลี่
หลังจากแก้ปัญหาเหตุการณ์ที่ยากลำบากของครอบครัวแล้ว ลู่เฉินก็อยากจะทำอะไรเพื่อสังคมและคนอื่นบ้างเขาทำการกุศลไม่ใช่เพราะอยากมีชื่อเสียง แต่ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยที่ไม่มีอะไรต้องละอายแก่ใจเลย
เนื่องจากความสำเร็จ ฐานะ และชื่อเสียงที่เขาได้รับในวันนี้ ส่วนใหญ่ก็มาจากความทรงจำที่มาจากความฝัน สิ่งล้ำค่าและความมั่งคั่งอันหนาแน่นนี้ได้มาง่ายดายจริงๆ ทำให้ลู่เฉินรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงอยู่เสมอ
เขาไม่อยากใช้ความมั่งคั่งของความทรงจำเพื่อตอบสนองความเห็นแก่ตัวของตัวเอง กินนอนอย่างมีความสุขไปทั้งชาติ แต่อยากใช้บางส่วนมาช่วยเหลือคนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้นเขาถึงได้รับความรักจากสวรรค์โดยไม่ต้องละอายแก่ใจ!
“ขอบคุณครับ!”
ลู่เฉินขอบคุณหลี่มู่ซือและซูไต้หว่านอย่างจริงใจ
ซูไต้หว่านยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “ไม่ต้องเกรงใจ ความจริงฉันก็มีเรื่องอยากขอร้อง”
ลู่เฉินรีบพูดทันที “พี่สะใภ้พูดได้เลยครับ”
ซูไต้หว่านกล่าวว่า “มูลนิธิของนายยังต้องการคนอีกไหม ฉันอยากร่วมด้วย จะได้มีอะไรทำบ้าง”
ลู่เฉินเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “หากพี่เข้าร่วมได้ก็จะดีมากครับ จะเป็นตำแหน่งกรรมการผู้จัดการหรือเลขาธิการพี่เลือกได้ตามสบายเลยครับ”
ซูไต้หว่านกล่าวว่า “ฉันเป็นกรรมการผู้จัดการดีกว่า เดี๋ยวฉันจะบริจาคเงินส่วนตัวอีกสองล้านหยวน”
ลู่เฉินเดิมทีอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อคิดดูแล้วจึงพยักหน้า “ครับ!”
เขามองออกว่าซูไต้หว่านอยากทำงานการกุศลจริงๆ ไม่ได้จ่ายเงินเพื่อตำแหน่งในมูลนิธิ
ต่อให้เธอไม่บริจาคเงินสักแดงเดียวและอยากจะเป็นกรรมการผู้จัดการ มีหรือที่ลู่เฉินจะไม่ตกลง
แต่ลู่เฉินรู้สึกไม่วางใจเล็กน้อย “พี่สะใภ้ พี่มู่หรงจะไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ”
ซูไต้หว่านยิ้มและพูดว่า “ตัวเขาเองก็อยู่ที่อเมริกาแล้ว ฉันอยู่บ้านคนเดียวน่าเบื่อจะตาย สู้ทำบุญสร้างกุศลจะดีกว่า”
ลู่เฉินยิ้ม “พี่ไม่อยากออกอัลบั้มแล้วเหรอครับ ผมยังติดค้างพี่อีกหนึ่งอัลบั้มนะ!”
ซูไต้หว่านเป็นชาวไทเปมาจากไต้หวัน ตอนนั้นเธอโด่งดังที่ไต้หวันอยู่ช่วงหนึ่ง เข้าวงการตอนอายุสิบเก้าปี เป็นแชมป์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดของไต้หวัน ด้วยเสียงที่ไพเราะราวเสียงสวรรค์และรูปลักษณ์ที่โดดเด่น เธอจึงกลายเป็นดาวรุ่งจรัสแสงอีกดวงหนึ่ง
ตอนอายุยี่สิบเอ็ดปี ซูไต้หว่านออกอัลบั้ม ‘เสี่ยวเสวี่ยชูฉิง’ ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกของเธอ ในขณะเดียวกันก็ผลักดันอาชีพการร้องเพลงของเธอจนถึงจุดสูงสุด และถูกคนมองว่าจะได้เป็นราชินีแห่งวงการเพลงในอนาคต
ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากเข้าวงการได้เพียงสองปี ขณะที่เส้นทางของดวงดาวกำลังเฉิดฉายแวววับ ซูไต้หว่านกลับออกจากวงการเพลงป็อปกะทันหัน และหายไปจากสายตาของสาธารณชนนับตั้งแต่บัดนั้น
น้อยคนมากที่จะรู้ว่า ซูไต้หว่านได้แต่งงานกับหลี่มู่หรง และพักอาศัยอยู่ในเมืองหลวง
หากเธอไม่ออกจากวงการ คงจะประสบความสำเร็จไม่ต่างจากเฉินเฟยเอ๋อร์
ตอนแรกที่ลู่เฉินไปเยี่ยมที่บ้านตระกูลหลี่ถึงได้รู้จักหลี่มู่หรงสองสามีภรรยา และรับปากซูไต้หว่านว่าจะออกอัลบั้มให้เธอหนึ่งชุด ตอนนั้นเธอตื่นเต้นประทับใจมาก ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่ได้สานต่อ
ลู่เฉินยังจำเรื่องนี้ได้
ซูไต้หว่านก็ไม่ลืมเช่นกัน เธอยิ้มพลางเอ่ยว่า “ฉันก็อยากเหมือนกัน แต่กลัวพี่หลี่ของนายจะไม่สบายใจ อีกอย่างฉันก็ออกจากวงการเพลงมาหลายปีแล้ว จึงรู้สึกเฉยๆ แต่…”
เธอลากเฉินเชี่ยนเข้ามา แล้วเอ่ยว่า “ถ้าหากนายอยากจะตอบแทนน้ำใจละก็ มาตอบแทนกับน้องสาวของฉันแล้วกัน!”
เฉินเชี่ยนหลบอยู่ข้างหลังญาติทั้งสามคนไม่พูดไม่จา เธอถูกพี่สาวของตัวเองลากมาอยู่ตรงหน้าลู่เฉิน ถึงได้ยอมพูดออกมาว่า “พี่ลู่เฉิน สวัสดีค่ะ”
ลู่เฉินพยักหน้าพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย “สวัสดีครับ”
ไม่เจอกันมาพักหนึ่ง สาวน้อยกบฏวัยรุ่นโตเป็นผู้ใหญ่ไม่น้อย อย่างน้อยก็เข้าใจมารยาทแล้ว
เขาอยากตอบแทนน้ำใจอีกฝ่ายโดยไม่ถือสา “เธอชอบอะไร ร้องเพลงหรือว่าเล่นละคร”
เฉินเชี่ยนตาเป็นประกาย กล่าวว่า “ฉันได้ยินว่าช่วงนี้พี่กำลังจะถ่ายทำละครเรื่องใหม่ ให้ฉันเล่นสักบทได้ไหมคะ”
ลู่เฉินตกลงทันที “ไม่มีปัญหา”
ละครใหม่ของเขากำลังร้อนแรงมาก ไม่รู้ว่ามีกี่คนใช้สายสัมพันธ์ทางอ้อมมาหาเขาถึงที่เพื่อขอบทแสดง และบทตัวประกอบที่สำคัญสองสามบทบาทก็ถูกกำหนดเรียบร้อยแล้ว แต่ยังช่วยจัดการให้เฉินเชี่ยนได้อย่างไม่มีปัญหา
เฉินเชี่ยนดีใจ “ขอบคุณค่ะ”
เธอไม่ได้เรียนสาขาการแสดงโดยเฉพาะ แค่อยากแสดงเพราะความรู้สึกแปลกใหม่และสนุกล้วนๆ
แน่นอนว่าบทบาทที่ลู่เฉินจะให้เธอ ก็ไม่ใช่บทที่สำคัญอะไร
ลู่เฉินกวาดตามอง จึงเหลือบเห็นเฉินเฟยเอ๋อร์กำลังลากพี่หลีไปคุยอยู่ไม่ไกล ดังนั้นเขาจึงโบกมือทักทาย
เฉินเฟยเอ๋อร์กับพี่หลีเดินเข้ามา
ลู่เฉินยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เฟยเอ๋อร์ พี่หลี ผมขอแนะนำพวกคุณก่อน คนนี้คือ…”
“พี่ไต้หว่าน!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ตื่นเต้นดีใจมาก “พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
ซูไต้หว่านเอ่ยพลางแย้มยิ้มว่า “น้องเฟยเอ๋อร์ ไม่เจอกันนานเลย”
คราวนี้ลู่เฉินเป็นฝ่ายตกใจแทน “ที่แท้พวกคุณสองคนก็รู้จักกันนานแล้วเหรอ”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ปีนั้นฉันไปแสดงคอนเสิร์ตที่ไต้หวัน และได้ขึ้นร้องเพลงบนเวทีเดียวกันกับพี่ไต้หว่าน…”
ทั้งสองคนเคยมีมิตรภาพที่ดีต่อกันช่วงหนึ่ง ได้พบกันหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานดังนั้นจึงดีใจเป็นพิเศษ
ลู่เฉิงแนะนำซูไต้หว่านให้รู้จักกับพี่หลีอีกครั้ง
พี่หลีตกลงรับตำแหน่งผู้อำนวยการของมูลนิธิการกุศล จะช่วยทั้งสองคนบริหารดูแลกิจการนี้ให้ดี
เธอก็ได้ยินชื่อเสียงของซูไต้หว่านมานานแล้ว
ต่างฝ่ายต่างยกเหล้าให้อีกฝ่าย แขกผู้มีเกียรติมากันมากมายจนเต็มงาน งานเลี้ยงยามค่ำคืนที่เปี่ยมไปด้วยความเซอร์ไพรส์และความคึกคักสนุกสนานเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
…………………………………………………………………………