Perfect Superstar - ตอนที่ 432 คุณนายจิน
ตอนที่ 432 คุณนายจิน
ข่าวสารในยุคปัจจุบันเผยแพร่อย่างรวดเร็ว โลกของอินเทอร์เน็ตนั้นไร้ขอบเขต แม้สังคมในเซียงเจียงจะค่อนข้างพิเศษ ชนชั้นสูงเย่อหยิ่งกีดกันคนนอก วงการบันเทิงมีความปิดกั้น แต่ก็ไม่ขาดคนที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลและคนที่มีประสาทสัมผัสว่องไว
คนที่เก่งกาจในเซียงเจียงจริงๆ ไม่สนใจแค่ตลาดในเซียงเจียง มาเก๊า และเกาลูนเท่านั้น ยิ่งต้องจับตามองตลาดอันกว้างขวางของจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย หรือแม้แต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก ก็ต้องติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา
คุณนายจินเป็นคนในวงการบันเทิงคนหนึ่งที่ติดตามตลาดบันเทิงในจีนแผ่นดินใหญ่ ตั้งแต่เธอเริ่มก่อตั้งบริษัทเอเจนซี่ของตัวเอง ก็เริ่มมีความคิดที่จะขยับขยายไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่ พยายามเข้าถึงตลาดในนั้น หลายครั้งที่ผลักดันให้ดาราจากเซียงเจียงไปทำการแสดงในจีนแผ่นดินใหญ่ มีทั้งเส้นสายและเงินทุนอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่
ตอนที่ธุรกิจละครและภาพยนตร์ของเซียงเจียงกำลังรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด มีผลงานชิ้นโบแดงเกิดขึ้นไม่ขาดสาย ดาราใหญ่โด่งดังเป็นซูเปอร์สตาร์มากมาย ตอนนั้นคุณนายจินก็ได้รู้ถึงความสำคัญของตลาดจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว แสดงว่ามีวิสัยทัศน์มาก
เธอจึงได้รับผลตอบแทนมหาศาล
แขกในงานเป็นร้อยคน หากวัดระดับสถานะในวงการบันเทิงแล้ว คุณนายจินอยู่อันดับสูงที่สุด
เธอบอกว่าผลงานของลู่เฉินมีมูลค่าเป็นล้าน ก็ไม่มีใครกล้าสงสัย แม้ไม่เชื่อก็ต้องเก็บเอาไว้ในใจ
ทำให้คนส่วนใหญ่ได้รู้จักกับลู่เฉินผู้ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่
เพราะลู่เฉินได้พิสูจน์ราคาค่าตัวของเขาไปแล้ว
ค่าตัวในเซียงเจียงถูกวัดด้วยระดับสถานะทางสังคม
นี่หมายความว่า ‘เพลงเพลงหนึ่ง’ ที่ลู่เฉินนำมาเป็นของประมูล ก็ทำให้เขากลายเป็นนักแต่งเพลงขั้นสูงสุดของเซียงเจียงไปโดยปริยาย
“เจ็ดแสน!”
สวี่ฮุ่ยกัดฟันยกป้ายขึ้นอีกครั้ง
พูดความจริง ราคานี้สูงเกินกว่าที่เธอตั้งไว้ และเธอยังต้องระวังคุณนายจินด้วย
แต่ถ้ายอมถอยตั้งแต่ตอนนี้ สวี่ฮุ่ยไม่พอใจ
เธอไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเธอกลัวคุณนายจิน
คุณนายจินเหมือนคาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว เธอยิ้มเล็กน้อย แล้วยกป้ายขึ้นอย่างสง่างาม “หนึ่งล้าน”
หนึ่งล้าน!
ถึงหนึ่งล้านจริงๆ ด้วย เพลงเพลงหนึ่งประมูลด้วยราคาหนึ่งล้าน เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในงานประมูลสินค้า
เสียงตกใจฮือฮาดังไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง
สำหรับหลายคนในงานเงินหนึ่งล้านไม่ได้มากมายอะไร ถ้าราคาสูงกว่านี้สิบเท่าพวกเขาก็จ่ายออกไปได้สบายๆ แต่เพื่อเพลงเพลงเดียว…
บอกได้ว่าคุณนายจินใจป้ำเกินไปแล้ว!
สวี่ฮุ่ยยอมแพ้แล้ว อย่าเพิ่งพูดถึงราคาหนึ่งล้านที่น่าตกใจ หากเธอยังสู้ต่อ ก็ยิ่งทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอไม่รู้กาลเทศะ
ไม่ผิดหรอก ต่อให้สวี่ฮุ่ยเป็นคนเปิดราคาก่อน แต่ถ้าเธอกับคุณนายจินต่อสู้กันจนถึงขั้นสุดท้าย คนอื่นจะคิดว่าเธอเป็นผู้เยาว์ที่ไม่รู้กาลเทศะ
หากเป็นแบบนี้ชื่อเสียงของเธอจะมีปัญหา
“หนึ่งล้าน ตกลงครับ!”
พิธีกรประมูลไม่กล้าถามต่ออีก รีบเคาะค้อนลง “ยินดีกับคุณนายจินด้วยนะครับ!”
แปะๆๆ!
เสียงปรบมือดังไปทั่วทั้งห้องจัดงาน ไม่ว่าทุกคนจะคิดอย่างไร ตอนนี้ต่างพากันแสดงความยินดีกับคุณนายจิน
พวกเขาถือว่าได้ดูฉากสนุกๆ มีหัวข้อสนทนาใหม่เพิ่มขึ้น
“ขอบคุณค่ะ!”
คุณนายจินยิ้มแล้วโค้งตัวขอบคุณ พร้อมกับหันไปมองทางมุมที่ลู่เฉินนั่งอยู่
เห็นได้ชัดว่าเธอสังเกตเห็นการมีตัวตนของลู่เฉิน
ลู่เฉินพูดกับหลีเจินว่า “ไป เราเข้าไปกันเถอะ”
ของประมูลของเขาถูกประมูลได้ ก็ไม่จำเป็นต้องนั่งหลบอยู่ในมุมในฐานะผู้ชมอีกต่อไป
ต้องเอาสิ่งของไปมอบให้เธอด้วย
เมื่อลู่เฉินลุกขึ้นยืน สายตาของทั้งห้องหันมาทันที
ไม่ต้องแนะนำเป็นพิเศษ ทุกคนก็รู้ว่าเขาคือเจ้าของของประมูลชิ้นเมื่อครู่ สายตาเกือบทุกคู่ถูกดึงดูดไปที่เขา
แขกทุกคนอยากเห็นว่าคนที่เขียนเพลงราคาเป็นล้านจากจีนแผ่นดินใหญ่มีสามหัวหกมือหรืออย่างไร
แค่รูปลักษณ์ภายนอก ลู่เฉินก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
เครื่องหน้าของลู่เฉินคมชัด คิ้วกระบี่กับดวงตาเป็นประกายตามแบบฉบับชายชาตรี ช่างแตกต่างกับเหล่าดาราไอดอลชายหน้าหวานหน้ามนที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ ดูเข้ากับความงดงามตามแบบฉบับดั้งเดิมมากกว่า
หล่อมาก ไม่มีความตุ้งติ้งเลยสักนิด!
ส่วนสูงของเขาเกินกว่า 180 เซนติเมตร เคยออกกำลังกายฝึกฝนจนรูปร่างสมบูรณ์แบบ สวมชุดสูทอาร์มานีคอลเล็กชันใหม่ของปี 2016 สามารถไปเดินบนแคตวอล์กได้โดยไม่เป็นปัญหา
ที่สำคัญคือ หลังจากเขามีประสบการณ์ของคนทั้งสามในความฝันแล้ว บุคลิกของลู่เฉินเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ดูสุขุมเก็บงำ ไม่ลุกลี้ลุกลน ท่าทางสงบเยือกเย็นเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จ ทำให้คนประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
“เขาก็คือลู่เฉิน?”
“ดูดีมากเลย ในจีนแผ่นดินใหญ่ก็คงมีคนแบบนี้ไม่มาก”
“ยังหนุ่มขนาดนี้ ในเซียงเจียงก็มีน้อยนัก”
“หล่อจังเลย…”
ในบรรดาแขกเหรื่อมีหญิงสาววัยรุ่นหลายคน พวกเธอมองดูลู่เฉินด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับ
ส่วนข้างกายของคุณนายจิน มีสาวน้อยสองคนนั่งอยู่
แววตาของทั้งสองทั้งเขินอายและอยากรู้อยากเห็น จ้องมองไปยังลู่เฉินที่กำลังเดินเข้ามา
“คุณนายจิน สวัสดีครับ ผมคือลู่เฉิน”
ลู่เฉินค้อมตัวเล็กน้อย แล้วแนะนำตัวเองตามด้วยแนะนำหลีเจิน “คนนี้คือผู้ช่วยของผมครับ หลีเจิน พวกเรานั่งลงคุยกันตรงนี้ดีไหมครับ”
หลีเจินรีบโค้งตัว “คุณนายจิน สวัสดีค่ะ!”
คุณนายจินไม่ใช่สาวรุ่นแต่อย่างใด กาลเวลาผู้โหดร้ายได้ส่งผลต่อริ้วรอยบนใบหน้าของเธอ ไม่ว่าจะบำรุงรักษาอย่างไรก็ไม่อาจชดเชยได้ ตรงจอนผมเริ่มมีสีขาวแซมบ้างแล้ว
แต่ยังมองออกว่าตอนสาวๆ นั้นเธอสวยเพียงใด ร่องรอยที่กาลเวลาฝากไว้ได้สั่งสมประสบการณ์บ่มเพาะให้เธอมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สูงส่งสง่างาม
สิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลยคือดวงตาอันสว่างสดใสของเธอ ราวกับมองทะลุลงไปถึงจิตใจคน
“นั่งเถอะ ตรงนี้ยังมีที่นั่งอีก”
คุณนายจินยิ้มแล้วถามว่า “คุณมาเซียงเจียงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
ลู่เฉินกับหลีเจินนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ เขาตอบว่า “เพิ่งมาถึงเมื่อวันก่อนครับ”
คุณนายจินยิ้ม “ให้ฉันเดานะคะ คุณมาเซียงเจียงเพื่อเข้าร่วมแผนการสนับสนุนธุรกิจภาพยนตร์และโทรทัศน์รูปแบบใหม่ใช่ไหมคะ”
ลู่เฉินอึ้ง “ใช่ครับ คุณรู้ได้ยังไงครับ”
เขาอยู่ในเซียงเจียงอย่างเจียมตัว แม้กระทั่งในบล็อกก็ไม่เคยกล่าวอะไรเลย สตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์เพิ่งเริ่มก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้เอง คนในวงการบันเทิงคงจะมีแต่ซูจิ้งที่รู้เรื่องนี้ คุณนายจินหูตากว้างไกลเหลือเกิน
“ความจริงก็เดาได้ง่ายจะตาย…”
คุณนายจินอธิบายว่า “คุณประสบความสำเร็จในวงการเพลงป็อปจีนและในตลาดละครโทรทัศน์อย่างล้มหลาม ถ้าไม่ใช่เพราะแผนการสนับสนุนธุรกิจภาพยนตร์และโทรทัศน์ของเซียงเจียง คงไม่มีเหตุผลอะไรให้คุณเดินทางมาถึงที่นี่”
ลู่เฉินยิ้มแห้ง “ผมมาเที่ยวไม่ได้เหรอครับ”
คุณนายจินย้อนถามว่า “มาเที่ยวเซียงเจียงคนเดียว คุณกับเฉินเฟยเอ๋อร์เลิกกันแล้วเหรอคะ”
ลู่เฉินพูดอะไรไม่ออก
คุณนายจินยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วบอกว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือ เมื่อคืนฉันเพิ่งคุยโทรศัพท์กับเฟยเอ๋อร์ ฉันรู้จักกับเธอก่อนหน้าซูจิ้งเสียอีก”
ลู่เฉินยอมแพ้ราบคาบ
………………………………