Perfect Superstar - ตอนที่ 551 การเปิดฉากที่รุนแรง
ตอนที่ 551 การเปิดฉากที่รุนแรง
‘โปเยโปโลเย’ เริ่มฉายอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์
เมื่อวานนี้ ภาพยนตร์คู่แข่งอย่างเรื่อง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ได้ออกมาประกาศรายได้ในรอบหนึ่งสัปดาห์
เริ่มฉายในโรงตั้งแต่วันที่ 14-19 รวมทั้งสิ้นหกวัน ภาพยนตร์ที่หวาก้วนพิคเจอร์สและซิงอี้เอนเตอร์เทนเมนต์ร่วมมือกันถ่ายทำเรื่องนี้ทำรายได้ 36.77 ล้านหยวน เป็นผลงานที่ดึงดูดสายตามาก
สิบปีที่ผ่านมา ภาพยนตร์ที่ผลิตภายในฮ่องกงถูกภาพยนตร์ฮอลลีวูดโจมตี สภาพค่อนข้างย่ำแย่ บริษัทภาพยนตร์จำนวนมากต้องปิดตัวไป คนเก่งมีความสามารถออกสู่ต่างถิ่น รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศที่ดีมีเพียงส่วนน้อย
‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ แม้จะเป็นการร่วมทุนถ่ายทำ แต่ในการโปรโมตนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ของฮ่องกง ดังนั้นรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศสัปดาห์แรกที่ 36.77 ล้านหยวนได้สร้างสถิติใหม่ให้กับภาพยนตร์ที่ผลิตในฮ่องกงในรอบสามปีนี้
หวาก้วนพิคเจอร์สกับซิงอี้เอนเตอร์เทนเมนต์ย่อมต้องเฉลิมฉลอง แม้แต่เจียงเหว่ยที่ด่าประณามหวังต้งจนถูกประชาชนตำหนิและบังคับให้ออกมากล่าวขอโทษ ยังมีความเคลื่อนไหวในบล็อกส่วนตัวใหม่อีกครั้ง เขาโพสต์เนื้อหาต่อเนื่องกันหลายโพสต์ด้วยความยินดีได้ใจ
มีเพียงกลุ่มคนที่ไม่รู้ความจริงที่คิดว่า ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ทำคะแนนได้ดีมาก บ็อกซ์ออฟฟิศในฮ่องกงทะลุร้อยล้านเหมือนอย่างที่เขาคุยโวเอาไว้นั้นอีกไม่นานแล้ว แต่กับคนที่รู้เรื่องราวในวงการเป็นอย่างดีนั้นมีมุมมองที่แตกต่างมาก
สามวันแรกที่ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ลงโรงทำคะแนนได้ดีอย่างสะดุดตา ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศ 24.45 ล้านหยวนสูงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ แสดงถึงการเป็นเจ้าแห่งบ็อกซ์ออฟฟิศที่พอเปิดตัวก็ทะยานขึ้นฟ้า
จนวันที่ 17 กุมาภาพันธ์ ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ลดลงเหลือเพียง 4.27 ล้าน เทียบกับวันที่ 16แล้ว ลดลง 50%!
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ทำรายได้เพียง 3.2 ล้านหยวน ซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งวันที่ 19 เริ่มกระเตื้องตัวขึ้นเป็น 4.85 ล้าน ทำให้แนวโน้มกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ยอดรวมของสัปดาห์แรกคือ 36.77 ล้านหยวน จากนั้นวันที่ 20 ยืนหยัดอยู่ที่ประมาณ 5 ล้าน
แม้ภายนอกจะดูไม่เลว วันหนึ่งทำยอดบ็อกซ์ออฟฟิศได้ห้าล้าน ภาพยนตร์หลายเรื่องที่ผลิตในฮ่องกงฉายในโรงต่อเนื่องกันหลายสัปดาห์ยังทำไม่ได้เท่านี้ จึงเพียงพอที่จะกดขี่ภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่องอื่นที่ฉายในช่วงเวลาเดียวกันได้
แต่มีคนที่รู้ดีออกมาแพร่งพรายว่า ตั้งแต่วันที่ 19 หวาก้วนพิคเจอร์สกับซิงอี้เอนเตอร์เทนเมนต์ได้เริ่มกอบกู้สถานการณ์แล้ว
หรือก็คือการซื้อตั๋วหนัง
ซื้อตั๋วหนังคือวิธีอันไม่ชอบธรรมที่ผู้ผลิตภาพยนตร์นำมาใช้สำหรับสร้างยอดบ็อกซ์ออฟฟิศที่สูงขึ้นแบบจอมปลอม เพื่อบีบคั้นภาพยนตร์คู่แข่งที่ลงฉายในเวลาเดียวกัน โดยที่ผู้ผลิตภาพยนตร์จะออกเงินซื้อตั๋วหนังจำนวนมาก แล้วใช้มอบเป็นของขวัญและขายในราคาถูกให้แก่คนดู
เพราะรอบฉายของโรงภาพยนตร์นั้นถือเป็นทรัพยากรที่ขาดแคลน ‘การซื้อยอดบ็อกซ์ออฟฟิศ’ สร้างตัวเลขปลอมขึ้นไม่เพียงแต่ทำให้คนดูเลือกด้วยความเข้าใจผิด ยังสร้างความกดดันให้กับภาพยนตร์เรื่องอื่นด้วย
ปรากฏการณ์การซื้อตั๋วหนังในฮ่องกงมีอยู่ ในจีนแผ่นดินใหญ่ยิ่งมีมากกว่า มีที่มาจากฮอลลีวูดอเมริกา เป็นกลยุทธ์ซ่อนเร้นอย่างหนึ่งในวงการภาพยนตร์ ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจแต่ไม่พูดออกมาเท่านั้น
ซื้อตั๋วหนังถึงทำยอดได้ห้าล้าน อย่างนั้นยอดขายที่แท้จริงแค่ทุกคนคิดก็จะรู้ทันที สิ่งสำคัญคือ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ได้รับคำวิจารณ์ที่ย่ำแย่ในโลกออนไลน์ คะแนนในตอนหลังนั้นน่าเป็นห่วง
ในช่วงเวลาสำคัญนี้ ‘โปเยโปโลเย’ เข้าโรงแล้ว
การแข่งขันระหว่าง ‘โปเยโปโลเย’ และ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ไม่ต้องกล่าวให้มากความ หนังทั้งสองเรื่องถูกดัดแปลงมาจาก ‘เรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ’ ของผู่ซงหลิง อย่างแรกเลยคือมีแนวเรื่องคล้ายกัน เป็นหนังเกี่ยวกับภูตผีปีศาจเรื่องลึกลับเหมือนกัน
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังมีความแค้นอย่างอื่นต่อกันอีกด้วย
‘โปเยโปโลเย’ เข้าฉายช้ากว่า ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ หนึ่งสัปดาห์ ทั้งสองเหมือนกับอุกกาบาตพุ่งชนโลก เป็นที่จับตามองของโลกธุรกิจ และเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนของวงการ
บุคคลในวงการไม่น้อยคิดว่า ‘โปเยโปโลเย’ อยากเอาชนะยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ นั้นเป็นไปไม่ได้ อันดับแรกเงินลงทุนของทั้งสองฝ่ายต่างกันหลายเท่า อีกทั้งทีมนักแสดงของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ยังแข็งแกร่งกว่าฝ่ายแรกมาก
ส่วนเรื่องการโปรโมตอันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ก็ถึงกับเอาชนะ ‘โปเยโปโลเย’ ไปหมดทุกด้าน จากงานฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ของทั้งสองเรื่องนี้มองออกว่า หาก ‘โปเยโปโลเย’ ไม่ได้ชื่อเสียงของหลิวกั่งเซิงกับซือฟาง คงไม่มีสื่อมวลชนมาร่วมงานมากขนาดนี้
ปัจจัยสำคัญอีกประการคือ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ได้ชิงลงมือก่อน ใช้ศักยภาพของบ็อกซ์ออฟฟิศส่วนใหญ่ไปแล้ว ย่อมทำให้ ‘โปเยโปโลเย’ ที่เป็นภาพยนตร์ประเภทเดียวกันเกิดความกดดันถึงที่สุด…ทุกคนเคยดูภาพยนตร์แบบนี้ หากจะควักเงินในกระเป๋าไปดูอีกครั้งคงต้องคิดดูดีๆ เงินในกระเป๋าไม่ได้มีลมพัดพามาให้สักหน่อย
สุดท้าย ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ต้องใช้วิธีซื้อตั๋วหนังไปกดดัน ‘โปเยโปโลเย’ อย่างแน่นอน ดังนั้นฝ่ายหลังต้องเผชิญหน้ากับสภาพการณ์ที่รุนแรง บุคลากรผู้เชี่ยวชาญออกมาคาดการณ์ว่า ‘โปเยโปโลเย’ จะได้ยอดขายตั๋วหนังในบ็อกซ์ออฟฟิศฮ่องกงประมาณ 15-25 ล้านหยวน
สมรภูมิที่แท้จริงของทั้งสองฝ่ายอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่
ไม่ว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ในวงการจะเป็นอย่างไร ‘โปเยโปโลเย’ ก็ได้เข้าสู่โรงภาพยนตร์ทั่วฮ่องกงตรงตามเวลา
วันนั้นรอบฉายภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ คิดเป็น 18.75% น้อยกว่า 20% ที่คาดการณ์ไว้เมื่อวันก่อน เหตุผลเพราะถูกแรงกดดันจากฝ่ายตรงข้าม
รอบฉายที่ 18.75% ไม่ได้แย่มาก แต่หากเทียบกับ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ แล้วแตกต่างกันมาก
ส่วนยอดการจองตั๋ว การจองตั๋วผ่านเว็บไซต์และโทรศัพท์ของ ‘โปเยโปโลเย’ นั้นคาดคิดไม่ถึง ในวันที่ 21 ซึ่งเป็นวันแรกของการเข้าโรง มียอดการจองตั๋วเพียงสองหมื่นใบเท่านั้น
…
“อาฮุ่ย ฉันรออยู่ข้างล่าง”
ฉีจื่อหาวหนีบโทรศัพท์ไว้ กดเสียงต่ำถามว่า “เธอ…เธอจะลงมาตอนไหนเหรอ”
เขาตึงเครียดมาก มือที่ถือโทรศัพท์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่งในการบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ท่าทางที่แปลกประหลากของเขาทำให้คุณป้าที่เดินผ่านมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
ฉีจื่อหาวไม่รู้ตัวสักนิด ความสนใจของเขามุ่งอยู่ที่โทรศัพท์มือถือ
เขากำลังกังวลว่าอาฮุ่ยจะเบี้ยวนัดเขา
ฉีจื่อหาวเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสองของโรงเรียนมัธยมปลายจิ่วหลงหมิงเต๋อของฮ่องกง ช่วงนี้เขากำลังปลื้มสาวน้อยรุ่นน้องปีหนึ่งคนหนึ่งอยู่
ครอบครัวของฉีจื่อหาวเป็นครอบครัวทั่วไป เขามีผิวพรรณขาวสะอาด แม้จะไม่หล่อเหลา แต่หน้าตาก็ดูดีไม่เลว เพียงแต่นิสัยเก็บกดและขี้ขลาดของเขา ทำให้จนป่านนี้ยังไม่เคยจับมือกับสาวคนไหนมาก่อน
การจีบหญิง ต้องใจกล้าหน้าด้านเข้าไว้!
ฉีจื่อหาวชอบเจียฮุ่ยรุ่นน้องหน้าตาน่ารักคนนี้มาก ดังนั้นด้วยการยุยงของเพื่อน เขารวบรวมความกล้าเดินหน้าจีบเจียฮุ่ย
ที่น่าเศร้าใจคือ คนหน้าตาน่ารักแบบเจียฮุ่ยมีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบอยู่ไม่ขาดสาย บวกกับคำพูดด้วยความประหม่าของเขานั้นไม่ต้องใจสาว บอกได้เพียงว่ามีความหวังอยู่เพียงน้อยนิด ห่างไกลจากความสำเร็จมากนัก
คืนนี้ฉีจื่อหาวนัดเดตกับเจียฮุ่ยเป็นครั้งแรก แม้ฝ่ายหลังจะรับปากแล้ว แต่ตราบใดที่เธอยังไม่ปรากฏตัว ฉีจื่อหาวก็ยังกระวนกระวายไม่หยุด
“ทำไมนายมาถึงเร็วจัง”
โชคดีที่เจียฮุ่ยไม่เปลี่ยนใจ เธอพูดกับมือถือว่า “ให้เวลาฉันอีกสิบนาทีได้ไหม”
ฉีจื่อหาวดีใจใหญ่ รีบตอบว่า “ไม่…ไม่มีปัญหา อีกร้อยนาทีก็ยังได้!”
เสียงของเจียฮุ่ยที่กลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่หัวเราะพรวดออกมา ทำให้ฉีจื่อหาวหน้าแดง อยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาด…ขายหน้าจริงๆ!
คุยโทรศัพท์จบ ฉีจื่อหาวเกาหัวอย่างหงุดหงิด
เขามีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า การจีบสาวของเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับการแสดงออกของเขาในคืนนี้แล้ว
ผลลัพธ์คือถูกหักไปก่อนแล้วหนึ่งคะแนน
…………………………………………