Perfect Superstar - ตอนที่ 644 ลึกลับ
ตอนที่ 644 ลึกลับ
ปัง!
ประตูรถปิดลง เกิดเสียงปึงเบาๆ
หลี่ว์เจิ้นไห่นั่งอยู่เบาะหลัง เขากดตัวเองให้จมลงไปกับเบาะ ปิดตาลงพลางคิดอะไรอยู่เงียบๆ
แม้ว่าเมอร์เซเดสเบนซ์ปี 2005 คันนี้เดินทางมามากกว่าหนึ่งแสนกิโลเมตร แต่ก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ในฐานะที่เป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานประจำเมืองปักกิ่ง ซึ่งมีเพียงผู้บริหารระดับสูงอย่างหลี่ว์เจิ้นไห่เท่านั้นที่สามารถใช้ได้
ครั้งนี้ หลี่ว์เจิ้นไห่มาปักกิ่งทำงานอย่างเงียบๆ เขาพาผู้ช่วยมาด้วยเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งตอนนี้นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับ
ผู้ช่วยของเขาเข้าใจในนิสัยของเขาเป็นอย่างดี ไม่ถามและก็ไม่ติดเครื่องยนต์ เขาอดทนรออย่างใจเย็น
ผ่านไปประมาณสี่ห้านาที ในที่สุดหลี่ว์เจิ้นไห่ก็ลืมตาขึ้น แล้วพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “ออกรถเถอะ กลับโรงแรม”
เมื่อครู่เขาคิดถึงเรื่องที่ได้พบกับลู่เฉิน รวมถึงบทสนทนาระหว่างกัน
นี่ก็เป็นนิสัยเดิมของหลี่ว์เจิ้นไห่ เมื่อพบเจอคนสำคัญหรือว่าเรื่องสำคัญ เขาจะอาศัยเวลาที่ความทรงจำยังชัดเจนหวนคิดถึงเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าตนนั้นไม่ได้ตกหล่นรายละเอียดอะไรหรือว่าเรื่องอะไรที่ต้องระวังไป
นิสัยที่ดีอย่างนี้สร้างประโยชน์ให้หลี่ว์เจิ้นไห่อย่างมาก เขาสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เซียงหนานได้ในวัยนี้ ก็เกี่ยวข้องกับนิสัยอย่างนี้แหละ
เมื่อได้รับคำสั่งจากหลี่ว์เจิ้นไห่ ผู้ช่วยของเขาจึงติดเครื่องอย่างชำนาญ ก่อนจะขับรถเบนซ์กลับโรงแรมไป
เมื่อมาถึงโรงแรมที่พักแล้ว หลี่ว์เจิ้นไห่ก็ถือกระเป๋านทำงานลงรถไป
ผู้ช่วยของเขาเดินตามมาด้านหลัง ทั้งสองโดยสารลิฟต์มาถึงยังชั้นที่พัก
หลังจากเข้าห้องแล้ว หลี่ว์เจิ้นไห่วางกระเป๋าลง ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาในส่วนรับแขกเล็กๆ ในห้องชุด
เขาหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า หลังจากสูบไปได้ครึ่งมวน เขาก็ดูผ่อนคลายลงทันที
ผู้ช่วยจึงได้นำชาที่เพิ่งชงเสร็จออกมาเสิร์ฟ
หลี่ว์เจิ้นไห่ไม่ได้ดื่มทันที แต่ชี้ไปที่ตำแหน่งด้านข้าง พลางบอกผู้ช่วยว่า “เสี่ยวซาน นายนั่งลงคุยกันก่อนสิ”
ผู้ช่วยไม่ได้ลังเล เขานั่งลงทันที ก่อนเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “ลุงครับ ทุกอย่างราบรื่นไหม”
ผู้ช่วยคนนี้ไม่ได้เรียกไปเรื่อย เพราะเขาเป็นหลานห่างๆ ของหลี่ว์เจิ้นไห่เอง และก็เป็นคนสนิทของอีกฝ่ายด้วย อยู่ต่อหน้าคนอื่นอาจจะเรียกชื่อเต็ม แต่เวลาส่วนตัวก็เรียกตามศักดิ์ได้เลย
และเพราะสถานะที่เชื่อใจได้นี้เอง ดังนั้นหลายเรื่องหลี่ว์จิ้นไห่จึงไม่ได้ปิดบังเขา กระทั่งถามความเห็นเขาด้วยซ้ำไป เพื่อมาเสริมส่วนที่ตกหล่นไป
หลานผู้ช่วยคนนี้ทราบดีว่าเป้าหมายสำคัญของการมาปักกิ่งของหลี่ว์เจิ้นไห่คืออะไร และก็ทราบดีกว่าก่อนหน้านี้เขาพบใครมา
หลี่ว์เจิ้นไห่ฝืนหัวเราะก่อนจะพูดว่า “ก็ดี…”
ที่จริงก็คาดเดาได้ไม่ยาก ครั้งนี้เขาใช้ทรัพยากรบุคคลไปมากมาย มาพบลู่เฉินอย่างไม่ถือตัว ไม่ได้เพียงอยากมาสร้างสัมพันธ์เท่านั้น ยิ่งไปว่านั้นคืออยากถือโอกาสนี้สร้างความร่วมมือที่ดีกับลู่เฉินนั่นเอง
ปัจจุบัน สถานการณ์ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานค่อนข้างแย่ และตำแหน่งในวงการก็กำลังสั่นคลอน ทางเหนือมีสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ทางตะวันออกมีสถานีโทรทัศน์เจ้อตงที่อาศัยรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ผงาดขึ้นมา ยังมีหลายสถานีโทรทัศน์ที่จดจ้องราวกับเสือ สถานการณ์ตลาดนั้นกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
นับตั้งแต่ปีที่แล้ว สถานีโทรทัศน์เซียงหนานได้สูญเสียลูกค้าแบรนด์ใหญ่ทั้งในและต่างประเทศไปหลายราย รายได้จากโฆษณาก็ลดลงอย่างร้ายแรง เหตุผลที่ว่าทำไมเขาสามารถเข้ารับตำแหน่งได้ก็เกี่ยวข้องกับการไร้ประสิทธิภาพเลยของคนรุ่นก่อนด้วยเช่นกัน
เหตุผลเดียวกัน ที่วันนี้หลี่ว์เจิ้นไห่ได้นั่งตำแหน่งนี้ หากคิดวิธีแก้สถานการณ์ไม่ได้ละก็ จะนั่งได้อีกนานแค่ไหนนั่นก็เป็นปัญหาแล้ว
แล้วเขาจะไม่เหมือนเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ ได้อย่างไร จะไม่สุขุมรอบคอบได้อย่างไร
เพียงแต่หลังจากที่พบกับลู่เฉินแล้ว หลี่ว์เจิ้นไห่ถึงได้พบว่าความคิดเดิมของตนนั้นเป็นเพียงความต้องการฝ่ายเดียว
ลู่เฉินยังเด็ก แต่คำพูดและท่าทางของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าคนใหญ่คนโตที่ผ่านอะไรมาหลายปีแล้วเลย เมื่อเผชิญหน้ากับรองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เซียงหนานอย่างเขากลับไม่แสดงตัวว่าต่ำต้อยและไม่แสดงตัวโอหัง เห็นได้ชัดถึงจิตใจของเขา ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าเขามั่นคงในปณิธานของเขาเอง
หากไม่ได้รู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องของเขามาก่อนทุกด้าน หลี่ว์เจิ้นไห่ยังยากที่จะเชื่อว่า สองปีก่อน ลู่เฉินเป็นเพียงคนที่ยังไม่จบมหาวิทยาลัย อยู่ในปักกิ่งเพื่อเป็นนักร้องระดับล่างตัวเล็กๆ ในบาร์เท่านั้น
คนอย่างนี้ไม่มีทางหวั่นไหวไปกับบุญคุณและผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ หรอก วิธีการทั่วไปใช้ไม่ได้ผลกับเขา
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หลี่ว์เจิ้นไห่ยิ่งรังเกียจเพื่อนร่วมงานของตัวเองคนนั้นที่สมรู้ร่วมคิดกับจินหงเหว่ยทำเรื่องแย่ๆ คิดไม่ถึงเลยว่ากล้าที่จะเอาการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลรางวัลสุวรรณหงส์ไปต่อรองกับลู่เฉิน ไม่เพียงแต่ถูกตบหน้ากลับมาดื้อๆ ยังทำให้สถานีโทรทัศน์เดือดร้อนไปด้วย
เดือนก่อนเมื่อการประกาศรางวัลสุวรรณหงส์ถูกเปิดเผย ผู้จัดงานรวมถึงสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเอง ไม่รู้ว่าถูกก่นด่าในอินเทอร์เนตไปเท่าไหน ไม่ได้ประโยชน์อะไรแต่กลับเสียชื่อไปด้วย แม้แต่ผู้ร่วมทุนยังไม่พอใจ
ยังดีที่คนผู้นั้นกับจินหงเหว่ยย่อยยับไปแล้วไม่อย่างนั้นหลี่ว์เจิ้นไห่ก็ไม่รู้ว่าจะมาฟื้นความสัมพันธ์กับลู่เฉินอย่างไรดี
แต่วันนี้ลู่เฉินไม่รับผลประโยชน์ใดๆ ทำให้หลี่ว์เจิ้นไห่ยุ่งยากใจมาก เขาเดินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ให้เดินต่อไปคงไม่ได้ และอีกอย่างก็ไม่มีเวลาแล้ว
ผู้บริหารเบื้องบนสนใจแต่ผลประกอบการ หากจะเปลี่ยนสถานการณ์ในเวลาอันสั้น คงรอให้เขาค่อยๆ ปล่อยวิชาไม่ได้แล้ว
ผู้ช่วยดูออกว่าหลี่ว์เจิ้นไห่อารมณ์ไม่ดีนัก ดังนั้นจึงจินตนาการเรื่องราวเอาเอง ก่อนจะพูดอย่างอารมณ์เสียว่า “ลุงครับ ลุงให้เกียรติเขามากไปหรือเปล่า สุดท้ายแล้วเขาเลยโก่งราคาอีก”
หลี่ว์เจิ้นไห่โบกมือพลางเอ่ยว่า “ไม่ใช่หรอก นายอย่าเดามั่ว พวกเราคุยกันดีอยู่”
ระหว่างที่พบกัน ลู่เฉินแสดงความเคารพเขาในฐานะรองผู้อำนวยการสถานีอย่างดี
การปฏิบัติตัวของลู่เฉินถือว่าไม่มีปัญหาอะไร
แต่แค่ความเคารพมันไม่พอ
จากข้อมูลที่เชื่อถือได้ เฉินเฟยมีเดียที่นำโดยลู่เฉินกำลังจะเริ่มถ่ายทำ ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ ละครเรื่องใหม่นี้จะเป็นละครที่มีคนดูมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยในปีนี้ และมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะสร้างสถิติเรตติ้งอีกครั้ง
เนื่องจากเป็นละครแนวรักในเมืองหลวงของคู่รักที่สมบูรณ์แบบอย่างลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์เรื่องสุดท้ายจากทั้งหมดสามเรื่อง จึงเป็นประเด็นร้อนบนอินเทอร์เน็ตมานานแล้วก่อนที่จะถ่ายทำเสียอีก
และสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตงก็ได้ยืนยันว่าพวกเขาจะเข้าร่วมในการถ่ายทำและการผลิต และได้รับสิทธิ์ในการออกอากาศครั้งแรกด้วย
แล้วสถานีโทรทัศน์เซียงหนานจะทำอะไรได้ล่ะ
หลี่ว์เจิ้นไห่สูดลมหายใจขุ่น เขาหยิบกระเป๋าเอกสารที่นูนขึ้นมาวางบนแท่นชงชา หยิบหนังสือปกแข็งออกมาชุดหนึ่ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “เมื่อตอนจากมา ลู่เฉินมอบหนังสือกำลังภายในชุดหนึ่งให้ลุงด้วย”
มันบ้ามาก เขาไม่ได้ชอบอ่านหนังสือแบบนี้เสียหน่อย
“กระบี่เย้ยยุทธจักร?”
ผู้ช่วยตาเป็นประกาย “นี่เป็นฉบับปกแข็งตอนตีพิมพ์ครั้งแรกใช่ไหมครับ ตอนนี้ซื้อไม่ได้แล้วนะครั้บ มันแพงมากๆ”
หลี่ว์เจิ้นไห่ชะงักไป เขายื่นหนังสือชุดนั้นให้หลานไป “นายเคยอ่านเหรอ”
“เคยครับ…”
ผู้ช่วยหยิบมันขึ้นมาด้วยความเบิกบาน เขาสัมผัสปกของหนังสือด้วยความเอาใจใส่และความรัก ก่อนจะบอกว่า “หนังสือเล่มนี้น่าตื่นเต้นมาก ผมอ่านมันมาสองรอบแล้ว และชุดที่ผมซื้อมาก็ถูกคนยืมไปแล้วไม่คืนด้วย…” .
“อ้อ ผมจำได้ว่าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ของหนังสือเล่มนี้ถูกซื้อโดยลู่เฉิน ผมยังได้ยินมาว่ามันอาจจะถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ด้วยนะครับ!”
“อะไรนะ”
หลวี่เจิ้นไห่ตกใจ เขาคว้าแขนหลานชายโดยไม่ตั้งใจ “นายพูดอีกครั้งสิ!”
ผู้ช่วยตกใจ และต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะได้สติและพึมพำออกมาว่า “ผมบอกว่า ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และโทรทัศน์ของหนังสือเล่มนี้ถูกซื้อโดยลู่เฉิน และเขาต้องการสร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์”
ในวินาทีนั้น หลี่ว์เจิ้นไห่เหมือนเข้าใจอะไรได้แล้ว
……………………………………