Perfect Superstar - ตอนที่ 647 คอนเสิร์ตของคนอื่น
ตอนที่ 647 คอนเสิร์ตของคนอื่น
คืนนั้นลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ไปด้วยกัน ไปดูคอนเสิร์ตหนึ่ง
คอนเสิร์ตของเว่ยซิ่นหราน
เว่ยซิ่นหรานคือนักร้องไต้หวันที่มีชื่อเสียง เขาเป็นคนยุคหกศูนย์ อายุสิบกว่าปีก็ออกอัลบั้มเซ็นสัญญากับบริษัทไต้หวันแดนดิไลออนเรคคอร์ด จนถึงตอนนี้ออกอัลบั้มมาแล้วทั้งหมดสิบเจ็ดชุด จนถึงวันนี้ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการเพลง
ความรุ่งเรืองของนักร้องไต้หวันผู้นี้อยู่ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และต้นทศวรรษ 1990 เพลง ‘ท่วงทำนองเพลงบ้านเกิด’ เพลง ‘ทางกลับบ้าน’ และ เพลง ‘ท่าเรือลึกล้ำ’ ของเขาล้วนเป็นผลงานชิ้นเอกที่ถูกนำไปร้องต่อกันอย่างแพร่หลายในยุคนั้น มีเอกลักษณ์ของท้องถิ่นอย่างเข้มข้น แฟนๆ นิยมชมชอบกันมาก
ยอดขายแผ่นเสียงของเว่ยซิ่นหรานแม้ว่าจะไม่อาจเทียบกับราชาหรือราชินีเพลงระดับท็อปได้ แต่ก็ขายดีมาก เพียงแต่ช่วงสิบปีมานี้เขาเบนเข็มไปทำงานเบื้องหลัง น้อยมากที่จะมีผลงานออกมา และก็ไม่ได้ออกอัลบั้มอะไรอีก เงียบเหงาไปไม่น้อยเลย
แต่ทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศครั้งนี้ ไม่ใช่เว่ยซิ่นหรานกลับมาเพราะไม่อยากอยู่อย่างเงียบเหงาอีกต่อไป แต่เป็นการบอกลา
เฉินเฟยเอ๋อร์คือแฟนคลับของเว่ยซิ่นหราน
“ตอนฉันอยู่ประถมศึกษาปีที่สาม คุณลุงมอบเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ตต์ให้ฉัน…”
เมื่อทานอาหารเย็นที่แสนจะโรแมนติกเสร็จ ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ก็จับมือกันมาเดินเล่นในสวนสาธารณะ เมื่อเอ่ยถึงเว่ยซิ่นหราน เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ย้อนรำลึกถึงเรื่องในอดีต “นอกจากนั้น ยังมีเทปอีกห้าม้วน ในนั้นสามม้วนคือของเว่ยซิ่นหราน”
“ฉันชอบฟังมาก หลังจากนั้นไม่นานก็ร้องตาม ต่อมาก็ยังเคยแสดงในงานปีใหม่ของโรงเรียนอีกด้วย”
คืนวันนี้เฉินเฟยเอ๋อร์สวมใส่ชุดเดรสชายดอกไม้สีขาวเรียบง่าย เธอไม่ได้ผัดแป้งแต่งหน้าใดๆ เลย ผมสีดำขลับปล่อยสยายลงมาคลอเคลียไหล่บาง เอวคอดเย้ายวน เท้าสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวอยู่
ลู่เฉินกลับสวมเพียงเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เท่านั้น ทั้งสองดูแล้วไม่ต่างจากคู่รักวัยเรียนธรรมดาเลย
คืนนี้การแสดงคอนเสิร์ตของเว่ยซิ่นหรานจัดแสดงที่ห้องโถงใหญ่ของศูนย์วัฒนธรรมหย่วนฟาง ด้วยยังเช้าอยู่ ดังนั้นหลังจากทานอาหารเสร็จ ทั้งสองก็เดินเล่นไปที่นั่น เมื่อเดินไปถึงที่นั่นเวลาก็พอดีกัน
เพียงแต่ด้านหลังมีรถเบนซ์สีดำติดตามอยู่ ผู้ช่วยของทั้งสองอยู่ในรถคันดังกล่าว
จะว่าไปก็นานมากแล้วที่ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้เดินเล่นด้วยกันอย่างนี้ หลักๆ ก็เพราะไม่สะดวกเท่าไร เดินอยู่บนถนนมันง่ายที่จะถูกคนจำได้ หลังจากนั้นก็อาจจะทำให้รถติด ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องปกติ
เมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ข้างหน้ามากขึ้น ลู่เฉินก็สวมแว่นและเฉินเฟยเอ๋อร์ก็สวมหน้ากาก
แม้ว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะเป็นแฟนคลับตัวเล็กๆ ของเว่ยซิ่นหราน แต่เธอกลับไม่ได้คลุกคลีกับรุ่นพี่ท่านนี้เท่าไร ทั้งสองเคยพบหน้ากันสองสามครั้งเท่านั้น ดังนั้นตั๋วคอนเสิร์ตคืนนี้ก็ซื้อด้วยตนเอง ตั๋ววีไอพีทั้งสองใบจ่ายไป 2,580 หยวน ราคาไม่ถือว่าแพงมาก
เว่ยซิ่นหรานจะจัดคอนเสิร์ตทั้งหมดห้าครั้งในแผ่นดินใหญ่ ปักกิ่งเป็นที่แรก เนื่องจากเป็นคอนเสิร์ตอำลาบัตรจึงขายดีมาก แฟนๆ จำนวนมากมาร่วมงาน ว่ากันว่าบัตรขายหมดเกลี้ยงเลยทีเดียว
ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์มาถึงศูนย์วัฒนธรรมหย่วนฟางก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่มไม่ถึงสิบนาที ผู้ชมส่วนใหญ่เข้าไปด้านในแล้ว ดังนั้นจึงมีคนไม่มากนักที่ทางเข้าหลัก
ลู่เฉินหันไปพูดกับจางเสี่ยวฟางที่เดินตามมาสองสามประโยค ให้เขากับผู้ช่วยของเฉินเฟยเอ๋อร์ไปหาอะไรกินก่อน เมื่อได้เวลาแล้วค่อยกลับมา ไม่ต้องมาแกร่วรออยู่ที่นี่
จางเสี่ยวฟางยังดูไม่ค่อยวางใจ แต่ลู่เฉินไม่มีอะไรต้องกังวล หากถูกจำได้ในงานแสดงคอนเสิร์ตก็ไม่มีอะไรอันตราย ในคอนเสิร์ตต้องมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแน่ๆ
เมื่อไล่ผู้ช่วยไปได้ ทั้งสองก็ถือตั๋วไปยังทางเข้าของวีไอพีเพื่อเข้าสู่ฮอลล์
คนที่รับผิดชอบตรวจตั๋วคงรู้สึกว่าทั้งสองหน้าคุ้นมาก จึงมองมากหน่อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ห้องโถงใหญ่ของศูนย์วัฒนธรรมหย่วนฟางสามารถรองรับผู้ชมได้หนึ่งหมื่นเจ็ดพันคน แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับโรงยิมขนาดใหญ่ที่จุผู้ชมได้ห้าหมื่นถึงแปดหมื่นคน แต่ก็เป็นสถานที่ในร่ม ที่ไม่กลัวลมและฝนทั้งยังมีเครื่องปรับอากาศ ระบบแสงและเสียงที่ยอดเยี่ยม มีหลายคนที่ชอบจัดคอนเสิร์ตพิเศษที่นี่ ซึ่งเหมาะสำหรับนักร้องที่ยังไม่ดังมากนักมากกว่า
ที่นั่งของวีไอพีนั้นอยู่ด้านหน้ามาก ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์หาที่นั่งได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้บรรยากาศในคอนเสิร์ตค่อนข้างคึกคัก วงดนตรีเพิ่งจะขึ้นเวที เว่ยซิ่นหรานยังไม่ปรากฏตัว หลังจากนั้นก็มีหลายคนเรียกชื่อของเขา
อายุของแฟนคลับเว่ยซิ่นหรานประมาณยี่สิบกว่าจนถึงสี่สิบ เขาไม่ใช่นักร้องที่อาศัยหน้าตาหากิน ที่เอาชนะใจแฟนคลับได้ เขาอาศัยความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง บรรดาแฟนคลับแม้ว่าจะไม่เยอะ แต่ก็เป็นแฟนคลับระดับคุณภาพ
ดังนั้นจึงไม่ค่อยเห็นป้ายเชียร์และกระบองไฟอะไรแบบนั้น และก็ไม่มีแฟนคลับมืออาชีพที่่คอยตะโกนให้จังหวะ แต่บรรยากาศไม่เยือกเย็นแน่นอน ทุกอย่างกำลังดี
เฉินเฟยเอ๋อร์ค่อนข้างชอบเลย เธอถอดหน้ากากออกก่อนจะเอียงหน้าไปกระซิบข้างหูลู่เฉินเอ่ยถามว่า “แล้วนายเตรียมจะเปิดคอนเสิร์ตเมื่อไรเหรอ”
คำถามนี้มีแฟนคลับไม่น้อยถามลู่เฉินในบล็อก หากจะพูดละก็ เดิมทีลู่เฉินมีแผนที่จะจัดคอนเสิร์ตเมื่อปีที่แล้ว แต่วางแผนไว้อย่างไรก็ไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง
เรื่องที่เขาต้องทำมีเยอะมาก เวลามักจะไม่พอ ดังนั้นแผนจึงเลื่อนแล้วเลื่อนอีก
หลังจากที่เขาเข้าวงการมาสองปี และได้ออกอัลบั้มสองอัลบั้มแล้ว นอกเหนือจากการเข้าร่วมแจมคอนเสิร์ตสองครั้ง ลู่เฉินก็ไม่เคยจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวเลย
ด้วยสถานะปัจจุบันของเขาในวงการเพลงจีน เรื่องนี้ค่อนข้างไม่น่าเชื่อเลย
เพราะในแง่มุมหนึ่ง เคยแสดงคอนเสิร์ตเดี่ยวหลายครั้ง เกี่ยวข้องโดยตรงกับความดังของศิลปินและเกียรติยศที่ได้รับ ศิลปินไม่น้อยเลยที่ต่อให้มีแฟนคลับไม่มากเท่าใด ก็ไม่เสียดายที่จะควักเนื้อตัวเองจัดงานคอนเสิร์ต เพื่อยกระดับของตัวเอง
ลู่เฉินหัวเราะก่อนจะพูดว่า “คุณจัดก่อนแล้วผมค่อยจัด”
เช่นเดียวกัน เฉินเฟยเอ๋อร์ที่ถูกลู่เฉินชักจูงมาตลอด คอนเสิร์ตของเธอก็ถูกเลื่อนเช่นกัน แฟนคลับในบล็อกล่างฉาวต่างไม่พอใจอย่างมากต่อ ‘คู่รักจอมเลื่อนคอนเสิร์ต’ ทั้งสอง และพวกเขาก็บ่นกันเยอะมาก
เฉินเฟยเอ๋อร์คิดก่อนจะกล่าวว่า “งั้นเราถ่ายละครเรื่องใหม่ให้เสร็จก่อนค่อยจัดเถอะ เราจะทำให้แฟนๆ ผิดหวังไม่ได้อีกแล้ว”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ เวลาก็มาถึง 19:30 น.
คอนเสิร์ตครั้งแรกของทัวร์ระดับประเทศของเว่ยซิ่นหรานได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!
ด้วยเสียงโหมโรงของเพลงและการกะพริบของหน้าจอขนาดใหญ่บนพื้นหลังของเวทีหลัก ห้องโถงใหญ่ของศูนย์วัฒนธรรมหย่วนฟางเงียบลงอย่างรวดเร็ว มีแฟนคลับเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ถือหน้าจอเรืองแสงที่มีชื่อเว่ยซิ่นหรานเขียนไว้
วินาทีถัดมา สปอตไลต์ก็สว่างขึ้นบนเวที แล้วชายวัยกลางคนที่สง่างามในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำก็เดินออกมาปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชมหนึ่งหมื่นเจ็ดพันคน
บนจอฉายภาพขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่กลางอากาศและหันไปยังสามทิศทางของสถานที่ ใบหน้าที่แท้จริงของชายคนนี้ก็ถูกเปิดเผยในเวลาเดียวกัน
“รุ่นพี่เว่ย!”
ผู้ชมต่างพากันโห่ร้องกึกก้อง และตะโกนฉายาที่โด่งดังของเว่ยซิ่นหรานออกมา
นี่เป็นความทรงจำในวัยเยาว์ที่เป็นของใครหลายคน
ราวกับมันยังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นเลย!
…………………………………………