Perfect Superstar - ตอนที่ 669 ความรักของพวกเรา
ตอนที่ 669 ความรักของพวกเรา
ยืนอยู่บนเวที ให้คนเป็นพันเป็นหมื่นตะโกนร้องเรียกชื่อคุณ ความรู้สึกมันช่างดีเกินคำบรรยาย
ลู่เฉินกำลังซึมซับความรู้สึกนี้
ราวกับเป็นจ้าวแห่งโลกใบนี้ ราวกับโลกกำลังหมุนรอบตัวคุณ ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างเกิดมาเพื่อคุณ…
เป็นเกียรติยศอันสูงสุด!
แต่เขาไม่ได้จ่อมจมลงไปกับความสุขที่เกียรติยศนำมาให้ ไม่ได้ลืมความรับผิดชอบของตัวเอง
“ขอบคุณทุกคนครับ!”
เพลงใหม่ ‘ความเสียใจหมื่นครั้ง’ ร้องจบลงแล้ว ลู่เฉินขอบคุณแฟนเพลงผู้อบอุ่นอีกครั้ง จากนั้นจับกีตาร์ด้วยมือเดียว แล้วแนะนำสมาชิกวงนิพพานให้แฟนเพลงรู้จัก
“และขอบคุณวงนิพพาน ขอบคุณมือกีตาร์ของเรา หวังจิ้ง!”
หวังจิ้งโบกมือให้กับทุกคน กล้องจับมาที่เธอคนเดียว และทั้งลานจัตุรัสนั้นเกิดเสียงแซ่ซ้องขึ้นมาว่า…ว้าว คนสวย!
“โอวหยางเฮ่อ!”
มือเบสโอวหยางเฮ่อที่โชว์โซโล่เดี่ยวอย่างสวยงาม ได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลามเช่นกัน
จากนั้นเป็นมือคีย์บอร์ดเวินยวน และมือกลองหยางเสี่ยวอี้
หลังจากแนะนำสมาชิกวงนิพพานทั้งสี่คนครบแล้ว ลู่เฉินกล่าวต่อว่า “ผมดีใจมากที่วันนี้ได้มาที่เมืองเทียนฝู่ มายืนอยู่ตรงหน้าทุกคน แบ่งปันความสุขที่มาจากเสียงเพลง และต่อไปการแสดงที่ทุกคนจะได้ชมก็คือวงนิพพานที่ผมเพิ่งได้แนะนำไป!”
“ผมเชื่อว่า พวกเขาสามารถนำความสุขจากดนตรีมามอบให้กับทุกคนได้เช่นกัน…”
“ตอนนี้ เชิญวงนิพพานครับ!”
เขาปรบมือนำขึ้นมาก่อน
เสียงเพลงดังขึ้น แสงไฟที่จับบนตัวลู่เฉินเปลี่ยนที่ไปจับที่หวังจิ้งและอีกสามคน
ลู่เฉินกอดกีตาร์ถอยหลังออกมา หายตัวไปจากกลางเวที
เขามอบความสนใจบนเวทีทั้งหมดให้แก่วงนิพพานที่ได้แสดงเดี่ยวเป็นครั้งแรก
นี่เป็นคำสัญญาที่ลู่เฉินมีต่อวงนิพพาน เป็นแผนที่วางไว้เมื่อนานมาแล้ว เทศกาลดนตรีเทียนฝู่กลายเป็นโอกาสเดบิวต์ครั้งแรกที่ประจวบเหมาะพอดี กลายเป็นการเริ่มต้นเส้นทางใหม่ของวงดนตรีวงนี้
วงนิพพานยังคงมีสมาชิกแค่สี่คน นอกจากมือเบสโอวหยางเฮ่อ มือคีย์บอร์ดเวินยวน และมือกลองหยางเสี่ยวอี้ ก็มีหวังจิ้งที่เป็นทั้งนักร้องนำและมือกีตาร์ เป็นใจกลางสำคัญของวง
หวังจิ้งจบการศึกษาด้านการแต่งทำนองเพลงจากวิทยาลัยการดนตรีปักกิ่ง เคยเป็นโปรดิวเซอร์หลักของสตูดิโอเนี่ยผาน อัลบั้มแรกของลู่เฉิน ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ มีเธอเป็นผู้ผลิต การเรียบเรียงเสียงประสานของหลายๆ เพลงในอัลบั้มก็เป็นฝีมือของเธอ
นอกจากความสามารถด้านการแต่งและเรียบเรียงเสียงประสานที่ไม่ธรรมดาแล้ว หวังจิ้งยังมีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลง เสียงของเธอมีจุดเด่น จดจำได้ง่าย เป็นผู้หญิงที่มีเสียงโทนเย็น
ดังนั้นเธอมีความสามารถมากพอที่จะรับหน้าที่เป็นนักร้องนำของวงนิพพาน!
เมื่อลู่เฉินหลบฉากออกไป เธอต้องเป็นตัวหลักของเวทีแทน กลายเป็นจุดสนใจของสายตานับหมื่นคู่ที่จับจ้องมาที่เธอ หวังจิ้งยังคงรู้สึกหัวใจเต้นแรง
ลู่เฉินที่ร้องเพลงต่อกันสองเพลง ทำให้บรรยากาศในงานพุ่งสู่จุดสูงสุด และก็ทำให้มาตรฐานความพอใจของแฟนเพลงสูงขึ้นอีกระดับ นักร้องที่ได้แสดงต่อจากเขาได้รับความกดดันอย่างหนัก
ร้องเพลงได้ดีเยี่ยมเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว แต่กลับไม่มีทางเหนือกว่าลู่เฉิน ถ้าร้องเพลงไม่ดี แฟนเพลงที่ช่างเลือกอาจจะไม่ไว้หน้า ถูกโห่ไล่ลงจากเวทีก็เป็นเรื่องปกติ
เทศกาลดนตรีไม่เหมือนกับการแสดงคอนเสิร์ต พวกเขามีความคาดหวังในผลงานเพลงรวมถึงตัวนักร้องสูงมาก ไม่ใช่จะขายผ้าเอาหน้ารอดได้ง่ายๆ
ตอนนี้ ความกดดันทั้งหมดตกอยู่ที่หวังจิ้ง
เธอไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ และไม่อาจถอยหลัง
เธอเครียดมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
แต่ตอนนี้เอง หวังจิ้งรู้สึกได้ว่ามีสายตาที่คุ้นเคยและเป็นห่วงเป็นใยกำลังมองมาที่เธอ
ประสาทสัมผัสอันฉับไวของเธอทำให้อดหันไปมองไม่ได้ เห็นลู่เฉินที่เดินหลบจากเวทีไปอยู่อีกมุม กำลังยกนิ้วโป้งให้เธออยู่ในมุมมืด
สู้ๆ!
ชั่วพริบตาเดียว หัวใจของหวังจิ้งสงบลง ความตึงเครียดและความกระวนกระวายหายไปหมดสิ้น
เธอหันกลับและเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มมั่นใจ พูดใส่ไมโครโฟนว่า “ความรักของพวกเรา”
นี่เป็นชื่อเพลง เป็นผลงานเพลงเพลงแรกของวงนิพพาน!
“ในความทรงจำมีภาพเลือนรางของวัยเยาว์
ก้อนเมฆล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าสีฟ้าสด
ตอนนั้นเธอพูดว่า
อยากจะจูงมือฉัน
เดินไปด้วยกันจนสิ้นสุด
ตั้งแต่นั้นฉันไม่กล้าเงยหน้ามอง
ราวกับท้องฟ้าของฉันขาดสีสัน
ตั้งแต่วันนั้น
ฉันลืมหายใจ
น้ำตาเอย
จะไม่มีวันร้องไห้ จะไม่ร้องไห้อีกตลอดกาล
…”
เพลง ‘ความรักของพวกเรา’ เป็นเพลงใหม่ที่ลู่เฉินแต่งให้หวังจิ้งและวงนิพพาน เขียนโน้ตเพลงเสร็จตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้นำไปแสดงที่ไหนเลย
หวังจิ้งชอบเพลงนี้มาก หลังจากได้รับโน้ตเพลงจากลู่เฉินแล้ว เธอใช้เวลามากมายไปกับการเรียบเรียงเสียงประสานใหม่ ใช้พลังใจทั้งหมดทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อม
เพลง ‘ความรักของพวกเรา’ แม้จะเป็นเพลงรัก แต่กลับเลือกมุมมองที่แตกต่างออกไป หลุดพ้นจากอารมณ์เศร้าโศกเหมือนเพลงรักทั่วไป เจือปนด้วยความสวยงามในแบบฉบับเพลงแจ๊ส ทำนองไพเราะน่าประทับใจ เป็นเพลงยอดเยี่ยมที่หาได้ยาก
ตั้งแต่หวังจิ้งอ้าปากร้องเพลงประโยคแรก เธอลืมความตื่นเต้นไปหมดสิ้น ลืมความกดดัน กระทั่งลืมว่าตัวเองอยู่ที่ไหน อารมณ์ทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการร้องเพลงนี้
“ความรักของพวกเรา
ผ่านไปแล้วไม่หวนคืน
จวบจนวันนี้
ฉันยังรอคอยอยู่เงียบๆ
ความรักของพวกเราฉันเข้าใจ
ว่ามันเปลี่ยนเป็นความกดดันของเธอ
เพียงแต่ฉันไม่อาจวางมันได้ตลอดกาล
ความอบอุ่นสุดท้ายเอย…
ความอบอุ่นที่เธอมอบให้
ไม่ถามอีกแล้วว่าเธอรักฉันไหม
ตอนนี้ฉันอยากได้เพียงท้องฟ้าที่อิสระเสรี
…
เธอร้องเพลงอย่างลืมตัว มีความรู้สึกว่าอยากร้องไห้ปะทุขึ้นมา จนน้ำตารื้นฉ่ำโดยไม่รู้ตัว
ด้านล่างเวทีผู้ชมเป็นพันเป็นหมื่น ความสงสัย ความคลางแคลงที่ปรากฏบนใบหน้าและสายตาของพวกเขาหายไปสิ้น กลายเป็นความรู้สึกประหลาดใจและชื่นชม ราวกับเพิ่งได้พบกับดอกกุหลาบล้ำค่าบนยอดเขาสูง
แฟนเพลงที่คุ้นเคยกับลู่เฉินต่างรู้จักวงนิพพาน แต่น้อยมากที่จะมีคนสนใจวงดนตรีนี้ หรือถึงขึ้นไม่รู้จักชื่อสมาชิกในวง เพราะเดิมทีวงนิพพานเป็นวงดนตรีของลู่เฉิน
ดังนั้นเมื่อวงนิพพานเป็นเอกเทศอย่างกะทันหัน จากวงที่ยืนอยู่เบื้องหลังลู่เฉินได้มายืนอยู่หน้าเวที นี่ทำให้เหล่าแฟนเพลงอดกังวลไม่ได้…พวกเขาจะทำได้หรือ? ร้องเพลงได้ดีไหม? จะทำให้ลู่เฉินขายหน้าไหม?
รัศมีของลู่เฉินเจิดจรัสเกินไป!
แต่ ณ ตอนนี้ไม่มีใครสงสัยอีกต่อไป เพลง ‘ความรักของพวกเรา’ จากหวังจิ้งและวงนิพพานเพลงนี้เอาชนะใจเหล่าแฟนเพลงในงานได้อย่างง่ายดาย ทำให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความสามารถและพรสวรรค์ของนักร้องนำสาวคนนี้
ตอนนี้เอง ลู่เฉินผู้ผลักดันวงนิพพานให้ยืนหยัดเป็นเอกเทศยังยืนอยู่ตรงขอบเวที ภายใต้เงามืด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มสว่างไสว
“เพียงแต่ฉัน ยังไม่อาจวางมันได้ตลอดกาล ความอบอุ่นสุดท้ายเอย ความอบอุ่นที่เธอมอบให้…”
วงนิพพาน กำลังจะประสบความสำเร็จแล้ว!
……………………………………
หมายเหตุ: เพลง ‘ความรักของพวกเรา’ (我们的爱) คำร้อง: F.I.R /เซี่ยโย่ว (谢宥) ทำนอง: F.I.R