Perfect Superstar - ตอนที่ 836 ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้า
ตอนที่ 836 ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้า
ณ สำนักงานใหญ่เฉินเฟยมีเดีย ศูนย์ศิลปะยุคใหม่กรุงปักกิ่ง
ในวันเสาร์ที่ 29 กันยายน เนื่องจากอีกสองวันจะเป็นวันชาติจีนหรือวันที่ 1ตุลาคม ดังนั้นวันหยุดยาวในปีนี้ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพิ่มสัปดาห์หน้าเข้าไปจะมีวันหยุดรวมทั้งหมด 9 วัน สถานประกอบการและหน่วยงานส่วนใหญ่ได้เริ่มเข้าสู่สัปดาห์ทองแห่งวันหยุดยาวกันแล้ว
แต่พนักงานของเฉินเฟยมีเดียมีไม่กี่คนที่ลาพัก ในความเป็นจริงในวันหยุดยาวดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ที่คนส่วนมากจะออกไปปีนเขาลงห้วยหรือนอนกรนอยู่ที่บ้าน กลับกันยังต้องทำงานล่วงเวลาอีกต่างหาก
นี่ไม่ใช่เพราะเจ้านายบีบบังคับพนักงานอย่างไร้มนุษยธรรม แต่ที่จริงแล้วการปฏิบัติต่อพนักงานของเฉินเฟยมีเดียนั้นเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว พนักงานทุกคนที่ทำงานล่วงเวลาจะได้รับค่าจ้างชดเชยหลายเท่าและวันลาพักร้อนอีกตั้งหลายวัน
สาเหตุของสถานการณ์แบบนี้เป็นเพราะภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่สำคัญที่สุดสำหรับเฉินเฟยมีเดียจะเข้าฉายในวันที่ 1 ตุลาคมอย่างเป็นทางการ และเปิดจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ก่อนล่วงหน้าสี่วัน ในขณะเดียวกัน กิจกรรมการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ของสื่อใหญ่ต่างๆ ก็มาถึงจุดสูงสุดเช่นกัน ทุ่มเงินลงไปหลายสิบล้าน เรียกได้ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับสัปดาห์ทองนี้แล้วละ
ข้อมูลทุกๆ ด้านจากช่องทางที่หลากหลายถูกรวบรวมมาไว้ที่เดียวกัน ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าค่อยๆ มีความชัดเจนขึ้นมา ข้อมูลสถิติล่าสุดถูกพิมพ์บนกระดาษ A4 แผ่นบาง กำลังจัดส่งไปยังสำนักงานผู้จัดการใหญ่
ลู่เฉิน ลู่ซี และเฉินเฟยเอ๋อร์ต่างก็อยู่ในสำนักงาน ลู่ซีหยิบกระดาษที่มีความสำคัญไม่น้อยแผ่นนี้ขึ้นมา ใช้เวลาอ่านไม่กี่วินาที แล้วส่งมันไปให้ลู่เฉิน
ใบหน้าของพี่สาวไม่ได้แสดงสีหน้าและอารมณ์อะไรออกมา
ลู่เฉินรับเอามันมา ข้อมูลแต่ละบรรทัดสะท้อนเข้าสู่ม่านตาทันที
เมื่อเวลาบ่ายสามโมงของวันที่ 29 ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ในปักกิ่งรวมอยู่ที่ 3,572,570 ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าในฮู่ไห่รวมอยู่ที่ 2,980,500 ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าในเซินไห่รวมอยู่ที่ 2,102,570…
ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าทั้งประเทศรวมอยู่ที่ 41,275,630!
ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าในเวลาห้าวันกว่าๆ อยู่ที่สี่สิบล้านต้นๆ ต่อให้เพิ่มวันนี้อีกครึ่งวันและวันพรุ่งนี้เข้าไปอีก อยากได้ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าทะลุห้าสิบล้านโดยรวมแล้วไม่น่าเป็นไปได้
สำหรับภาพยนตร์ที่ผลิตในประเทศหลายๆ เรื่องแล้ว ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าแบบนี้คุ้มค่าที่จะจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองความสำเร็จแล้วด้วยซ้ำ แต่สำหรับ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มันไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรขนาดนั้น
ตามสถานการณ์โดยทั่วไป ปัจจุบันนี้ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าของภาพยนตร์คิดเป็น 10-15% ของยอดจำหน่ายตั๋วทั้งหมด เว้นเสียแต่ว่าหลังการเข้าฉายคำวิจารณ์จะดีมากหรือเลวร้ายเกินไป ไม่เช่นนั้นก็น้อยมากที่จะมีข้อยกเว้น
หากคิดตามอัตราส่วนนี้ ยอดจำหน่ายตั๋วโดยรวมของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะไม่เกิน 500 ล้าน อยากได้ทุนคืนยังแค่พอถูๆ ไถๆ แถมยอดขายล่วงหน้าอย่างนี้ยังเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ลงทุนค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ไปอีกหลายสิบล้าน
และตามตารางกำหนดการเข้าฉาย โปรแกรมภาพยนตร์วันชาติจีนมีหรือจะสู้โปรแกรมภาพยนตร์ฤดูร้อนและโปรแกรมภาพยนตร์วันตรุษจีนได้ แม้ว่าจะมีคู่แข่งเพียงไม่กี่ราย แต่คาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายตั๋วจะต้องลดลงอย่างแน่นอน
การเปิดตัวเช่นนี้ค่อนข้างเสียเปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย เฉินเฟยเอ๋อร์เงียบไปหลังจากได้อ่านข้อมูลสถิติอ้างอิงชุดนี้ บรรยากาศภายในออฟฟิศอึมครึมขึ้นมาก
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลู่ซีเอ่ยขึ้น “สินค้าที่ระลึกเราก็ลงทุนไปแล้ว 30 ล้าน…”
เสียงของพี่สาวฟังดูขมขื่นอยู่เล็กน้อย
เนื่องจาก ‘โปเยโปโลเย’ ภาพยนตร์เรื่องแรกของลู่เฉินประสบความสำเร็จทั้งยอดจำหน่ายตั๋วและการขายสินค้าที่ระลึก ดังนั้นเฉินเฟยมีเดียจึงลงทุนใน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้สินค้าที่ระลึกที่สั่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายหรือปริมาณล้วนมากกว่า ‘โปเยโปโลเย’ ส่วนใหญ่ส่งไปยังโรงภาพยนตร์หลายแห่งทั่วประเทศตั้งนานแล้ว
ยิ่งยอดจำหน่ายตั๋วสูงเท่าไร สินค้าที่ระลึกก็ขายดีมากขึ้นเท่านั้น
นี่เป็นกฎเหล็กที่ไม่มีทางสั่นคลอน ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็เป็นเช่นนี้
ตอนนี้การจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ไม่ดีเท่าไร ยอดจำหน่ายตั๋วในอนาคตถูกเงาก้อนเมฆบดบัง ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ สินค้าที่ระลึกที่กองอยู่ในร้านค้าของโรงภาพยนตร์เหล่านั้นมีอนาคตที่ไม่แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
“เป็นเพราะหนูเน่าไม่กี่ตัวพวกนั้น…”
เฉินเฟยเอ๋อร์ฟาดกระดาษในมือลงบนโต๊ะอย่างโกรธจัด และพูดด้วยความขุ่นเคือง “มันน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!”
‘หนูเน่า’ ที่เฉินเฟยเอ๋อร์เอ่ยถึงนั้น ย่อมหมายถึงภาพยนตร์ทำตามกระแสที่ออกฉายในช่วงฤดูร้อนสองสามเรื่องนั้น หากไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาทำลายชื่อเสียงของภาพยนตร์กำลังภายในจนป่นปี้ จากความนิยมของนิยาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ รายชื่อดาราที่แสดง และการประชาสัมพันธ์ที่ลงทุนไปสูงมาก ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะไม่ถึงแม้แต่ 50 ล้าน
จะบอกว่าเป็นเพื่อนรวมทีมที่ห่วยแตกก็คงไม่ถูก จะบอกว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ห่วยแตกก็ไม่เหมาะสมอีก ทำได้เพียงใช้คำว่า ‘หนูเน่า’ เข้ามาเปรียบเปรย คุณภาพสินค้าตัวเองไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ดันเอาความสะอิดสะเอียนมากระทบคนอื่นอีก
แตกต่างจากเรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ ความรู้สึกของเฉินเฟยเอ๋อร์ที่มีต่อ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ นั้นมากมายเหลือเกิน เรื่องที่กล่าวก่อนหน้าเธอรับบทเป็นหัวหน้าใหญ่ของฝ่ายตัวร้าย แต่เรื่องหลังนั้นเธอเป็นนางเอกของเรื่อง เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เธอกับลู่เฉินรับบทเข้าคู่พระนางด้วยกัน มีความหมายไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
แม้ว่ายอดจำหน่ายตั๋วของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ไม่ราบรื่น ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของเฉินเฟยมีเดีย แต่เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ยังรู้สึกรังเกียจ เพราะเธอรู้ดีว่าลู่เฉินได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อภาพยนตร์กำลังภายในเรื่องนี้
หากเพียงเพราะความโง่เขลาของคนอื่นทำให้ความพยายามของเขาสูญเปล่า นั่นไม่ยุติธรรมเลย!
“ความจริงสถานการณ์…”
ลู่เฉินส่ายหัวแล้วพูดว่า “มันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คุณคิด ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีโอกาสสักหน่อย”
ควรจะบอกว่าในโปรเจกต์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ นี้ ความผิดพลาดอยู่ที่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยเกิดขึ้น เลื่อนเวลาเข้าฉาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จากช่วงฤดูร้อนไปถึงวันชาติจีน ผลลัพธ์ที่ได้ในตอนนี้จึงกลายเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ
แต่สำหรับลู่เฉินแล้ว การจ่ายราคาดังกล่าวเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เหตุผลที่เขาไม่ทันตามกำหนดการ ก็เพื่อรับประกันคุณภาพของภาพยนตร์ และรับประกันว่าภาคแรกของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะสามารถเปิดตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ความสมบูรณ์แบบนี้ไม่ได้หมายถึงแค่ยอดจำหน่ายตั๋วเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือชื่อเสียงจากปากของผู้ชม!
ดังนั้นยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าในปัจจุบันไม่นับว่าเป็นอะไรเลย กุญแจสำคัญอยู่ที่การตอบสนองและคำวิจารณ์หลังการเข้าฉาย นี่คือเหตุผลที่ลู่เฉินยังคงรักษาความมั่นใจของเขาเอาไว้ได้
ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในตอนนี้!
สำหรับความใจเย็นของลู่เฉิน ลู่ซีรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “เราทุกคนกังวลแทนแกไปเปล่าๆ หากถึงเวลานั้นแล้วยอดจำหน่ายตั๋วไม่ดีจริงๆ ละก็ คนขายขี้หน้าก็คือแกที่บอกว่าสามารถคว้ายอดจำหน่ายตั๋วมากกว่าหนึ่งพันล้านนั่นแหละ!”
ลู่เฉินหัวเราะและพูดว่า “ผมเป็นคนหน้าด้านอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
เมื่อเห็นความหน้าด้านหน้าทนของเขา เฉินเฟยเอ๋อร์ก็อดหัวเราะไม่ได้ อารมณ์หดหู่หายไปไม่น้อย
ลู่เฉินใช้โอกาสนี้พูดว่า “เอาเถอะ เราไม่ต้องห่วงเรื่องยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าอีกแล้ว ได้เวลาออกไปกันแล้ว”
เย็นวันนี้ เฉินเฟยมีเดียจะจัดพิธีฉายรอบปฐมทัศน์ของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่เป่าลี่แกรนด์เธียร์เตอร์ในปักกิ่ง เชิญผู้คนจากทุกสาขาอาชีพในวงการมาร่วมงาน ในฐานะที่พวกเขาหลายคนเป็นเจ้าภาพ จำเป็นต้องไปถึงงานล่วงหน้าก่อนอยู่แล้ว
รอบปฐมทัศน์นี้ไม่ได้จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการนัก แต่การ์ดเชิญถูกร่อนออกไปก่อนแล้ว และแขกส่วนใหญ่ที่ได้รับคำเชิญก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะมา ดังนั้นจึงมีประโยชน์ต่อการประชาสัมพันธ์ส่งเสริม ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ด้วย
แต่นอกเหนือจากการประชาสัมพันธ์และกิจกรรมทั้งหมด สิ่งที่กำหนดยอดจำหน่ายตั๋วในตอนสุดท้ายนั้นก็คือตัวภาพยนตร์เอง!
…………………………………………………………………………..