Perfect Superstar - ตอนที่ 843 ยอดจำหน่ายตั๋ววันแรก
ตอนที่ 843 ยอดจำหน่ายตั๋ววันแรก
ณ จื่อเฉิงย่วน กรุงปักกิ่ง
เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ไฟในห้องหนังสือยังคงสว่างโร่ กาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะเย็นชืดไปนานแล้ว
ลู่เฉินเอนหลังพิงเก้าอี้ จับเมาส์ไว้ในมือขวา จ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างครุ่นคิด
เวลาที่มุมขวาล่างของหน้าจอแสดงว่าขณะนี้คือเวลา 00.25 น. ของวันที่ 2 ตุลาคม
ปกติลู่เฉินจะไม่นอนดึก เว้นเสียแต่จำเป็นต้องทำงาน แม้จะบอกว่าร่างกายของเขาอยู่ในช่วงที่ดีที่สุด แต่ประจวบเหมาะกับที่เขายังอายุน้อยอยู่จึงต้องฝึกให้เป็นนิสัย ไม่อย่างนั้นจะต้องเสียใจในอนาคตอย่างแน่นอน
แต่สถานการณ์ในวันนี้ต่างออกไป เขากำลังรอผลยอดจำหน่ายตั๋วของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ วันแรกอยู่
เนื่องจากระบบการขายตั๋วของเครือโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศมีความล่าช้าในการรวบรวมสถิติข้อมูล ยอดจำหน่ายตั๋วของวันที่ 1ตุลาคมจึงต้องรอจนหลังเที่ยงคืนของวันถัดไปถึงจะเผยแพร่ออกมา
เกือบจะเที่ยงคืนครึ่งแล้ว โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างคอมพิวเตอร์ก็ยังไม่ส่งเสียงดังขึ้นมา
แต่ลู่เฉินไม่ได้ขาดความอดทนนี้ และเขาก็ไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะมีแฟนๆ หลายพันหลายหมื่นคนลุ้นไปพร้อมๆ กัน แม้จะล่วงเข้ากลางดึกแล้ว แต่กลุ่มแฟนคลับหลักของลู่เฉินยังคงคึกคักมีชีวิตชีวากันมาก และแฟนๆ จำนวนมากกำลังพูดถึง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่เพิ่งเข้าฉายไปอย่างกระตือรือร้น
“น่าทึ่งมาก คุ้มราคาแน่นอน พรุ่งนี้ฉันจะไปดูอีกรอบ!”
“กรี๊ดๆ ลิ่งหูชงที่ลู่เฉินแสดงหล่อไม่ไหว เฉินเฟยเอ๋อร์ในชุดโบราณสวยเกินไปแล้ว ชอบจนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว!”
“พวกคุณบอกหน่อยสิว่าฉากต่อสู้ในนั้นถ่ายทำยังไง ใช่สเปเชียลเอฟเฟกต์หรือเปล่า มองไม่เห็นจะออกเลย!”
“นี่คือภาพยนตร์กำลังภายในที่แท้จริง เรื่องก่อนหน้านี้ถ่ายได้ทุเรศมาก!”
“ฉันชอบเพลงประกอบหลักมากเลย แต่ทำไมลู่เฉินไม่เป็นคนร้องล่ะ”
“ชื่นชอบเพลงประกอบหลักด้วยคน…”
แฟนๆ เหล่านี้ที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ คงไม่เคยคิดมาก่อนว่าไอดอลที่พวกเขาชื่นชอบกำลังแอบส่องอยู่ในกลุ่มอย่างเงียบๆ และให้ความสนใจกับความคิดเห็นของพวกเขา
กลุ่มแฟนคลับหลักอย่างขุนศึกตระกูลลู่มีกลุ่มเฟยซิ่นอยู่หลายร้อยกลุ่ม และลู่เฉินก็มีบัญชีลับอยู่ในนั้น เวลาว่าง เขาจะล็อกอินเข้าไปดู สื่อสารกับแฟนคลับคนอื่นๆ ในฐานะแฟนคลับธรรมดา และได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์มากมายจากในนั้น
บางครั้งสำหรับคำถามที่แฟนๆ หลายคนกังวล ลู่เฉินได้เรียนรู้จากกลุ่มเหล่านี้และตอบคำถามเหล่านี้ในบล็อกของเขา เป็นการลดระยะห่างระหว่างตัวเองและแฟนๆ
สำหรับเหล่าแฟนคลับ ลู่เฉินไม่กล้าพูดว่าเขาให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้มากกว่าศิลปินคนอื่นๆ ทว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยที่จะละเลย
และคำพูดของแฟนๆ ในกลุ่มเมื่อสักครู่ ก็ทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ซีรีส์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ และเพื่อโปรเจกต์ผลงานกำลังภายใน เขาเตรียมตัวมาเกือบสองปี ทุ่มเงินไปหลายร้อยล้าน ทุ่มเทแรงกายแรงใจและความพยายามสุดตัว เป้าหมายใหญ่ที่ต้องการก็คือการบรรลุจุดสูงสุดใหม่ในชีวิตและอาชีพการงาน พร้อมกับทิ้งร่อยรอยจารึกที่แท้จริงของตัวเองไว้บนโลกใบนี้
ส่วนเป้าหมายเล็กคือการยอมรับและความชื่นชอบของแฟนๆ!
ไม่ว่าคนอื่นจะเยาะเย้ยถากถางแค่ไหน และไม่ว่าในวงการจะตั้งข้อสงสัยแย่ๆ อย่างไร มันไม่สำคัญสำหรับลู่เฉินเลย แฟนๆ จะชอบหรือไม่ต่างหากที่เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จหรือความล้มเหลว
แม้ว่ายอดจำหน่ายตั๋วของวันแรกจะยังไม่ออกมา แต่การบอกปากต่อปากของแฟนๆ ก็ปะทุขึ้นแล้ว ดังนั้นแม้ว่าผลรวมยอดจำหน่ายตั๋วของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ภาคแรก จะไม่บรรลุเป้าตามที่คาดหวังไว้ แต่ก็ไม่ใช่ความล้มเหลวเสียทีเดียว
เขาสามารถพูดตรงๆ ได้เลยว่า ภาพยนตร์ที่เขาสร้างคู่ควรกับเงินค่าตั๋วภาพยนตร์ที่แฟนๆ จ่ายให้
“ผลลัพธ์ยังไม่ออกมาเหรอ”
เสียงหวานนุ่มนวลดังมาจากด้านหลัง แขนขาวผ่องราวกับหยกโอบรอบคอของเขาเบาๆ ทันที
ลู่เฉินหมุนตัวกลับมา กอดคนงามไว้ในอ้อมแขนแล้วพูดว่า “ยังไม่ออกมาครับ คุณยังไม่นอนอีกเหรอ”
เฉินเฟยเอ๋อร์ในชุดนอนสีชมพูบ่นพึมพำ “นายไม่นอนด้วย ฉันนอนไม่หลับ…”
แม้ว่าเธอจะอายุมากกว่าลู่เฉินหลายปี แต่เมื่ออยู่ในอ้อมแขนของลู่เฉิน เธอก็ยังมีเสน่ห์ขี้อ้อนเหมือนเด็กสาวแรกรุ่น
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “น่าจะใกล้ออกมาแล้ว…”
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง…
สิ้นสุดคำพูดของเขา โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นทันที ทำให้ทั้งคู่สะดุ้งตกใจ
ลู่เฉินชะงักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้สติขึ้นมา เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย “ฮัลโหล”
เป็นลู่ซีที่โทรมาหาเขา ตอนนี้ลู่ซีอยู่ที่สำนักงานใหญ่เฉินเฟยมีเดีย ระดับความสนใจของพี่สาวที่มีต่อยอดจำหน่ายตั๋ววันแรกของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ไม่ได้น้อยไปกว่าลู่เฉินเลย หรือแม้กระทั่งมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
เสียงของเธอที่ออกมาจากในโทรศัพท์ร่าเริงมาก “ยอดจำหน่ายตั๋วออกมาแล้ว 49.2 ล้าน!”
วันแรกเกือบ 50 ล้าน!
ลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น แล้วโบกไปมา
แม้ว่าตลาดภาพยนตร์ในประเทศในปัจจุบันนี้มีขนาดใหญ่มาก และยอดจำหน่ายตั๋วก็สูงเป็นอันดับหนึ่งอันดับสองในโลกเช่นกัน มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านในวันแรก 50 ล้านไม่นับว่าเป็นผลลัพธ์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ
แต่สำหรับ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร ภาคกระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ ได้ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องทราบก่อนว่ามันต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดจากภาพยนตร์แอกชันของฮอลลีวูด แค่ต้นทุนการผลิตของ ‘กำเนิดโคตรพยัคฆ์ราชัน’ เพียงอย่างเดียวก็มากกว่า ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ตั้งไม่รู้กี่เท่า อัตราการฉายภาพยนตร์ก็สูงกว่ากันไม่น้อย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความล้มเหลวของภาพยนตร์ประเภทเดียวกันหลายเรื่องในช่วงฤดูร้อน ทำให้การบอกปากต่อปากในตลาดเป็นไปในแง่ลบ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ ‘กระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ สามารถเริ่มต้นได้ดีภายใต้สถานการณ์อย่างนี้!
สิ่งนี้ยังพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญที่เฉินเฟยมีเดียทุ่มเงินหลายสิบล้านเพื่อการประชาสัมพันธ์ก่อนหน้านี้อีกด้วย
ลู่เฉินข่มความตื่นเต้นเอาไว้ แล้วถามขึ้น “ถ้างั้น ‘กำเนิดโคตรพยัคฆ์ราชัน’ ได้เท่าไร”
เขายังใส่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของคู่ต่อสู้ เป็นการรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
สงครามยอดจำหน่ายตั๋วครั้งใหญ่ เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น!
ลู่ซีตอบว่า “สูงกว่าเรา เกิน 67 ล้านมานิดหน่อย”
สูงเป็นเรื่องปกติ แต่เกินไปไม่ถึง 20 ล้าน ก็สอดคล้องกับอัตราการฉายพอดี ลู่เฉินมีข้อสรุปอยู่ในใจ “อืม เรายังต้องใส่ใจกับการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น เอาเงินที่ควรลงทุนทุ่มเข้าไปอีก ไม่ต้องยั้ง!”
เมื่อมีการเริ่มต้นที่ดี เป็นธรรมดาที่จะตีเหล็กตอนร้อน เขามั่นใจใน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เต็มเปี่ยม แต่ถ้าเขาต้องการได้รับการยอมรับจากผู้ชมมากขึ้น และดึงดูดพวกเขาให้ซื้อตั๋วเข้าโรงภาพยนตร์ การลงทุนในการประชาสัมพันธ์ห้ามขาดช่วงเด็ดขาด
มันก็คล้ายกับการกลิ้งก้อนหิมะ ในตอนเริ่มต้นต้องใช้แรงผลัก เมื่อก้อนหิมะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มันจะสามารถกลิ้งลงมาได้โดยอาศัยความหน่วง และยิ่งกลิ้งมันก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ก้อนหิมะของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เพิ่งจะเริ่มกลิ้งเท่านั้น
“พี่สบายใจได้ เรื่องประชาสัมพันธ์หลังจากนี้ผมเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว…”
ลู่ซีเอ่ยว่า “แกไปพักผ่อนได้แล้ว อย่านอนดึกให้มันมากนักล่ะ แกยังต้องเข้าร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในวันพรุ่งนี้อีกนะ”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “เข้าใจแล้วครับ พี่ก็ไปพักผ่อนได้แล้ว”
หลังจากจบบทสนทนากับพี่สาวแล้ว ลู่เฉินก็กอดเฉินเฟยเอ๋อร์และจุ๊บลงไป “ได้สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่แล้ว ไหนมาจูบทีสิ!”
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะคิกคัก เอี้ยวศีรษะหลบเลี่ยง “นายยังไม่ได้แปรงฟันเลย!”
ลู่เฉินยิ้มเจ้าเล่ห์ ดื้อดึงหอมแก้มเฉินเฟยเอ๋อร์ไปหนึ่งที จากนั้นอุ้มเธอขึ้นและรีบตรงไปที่ห้องนอน
ได้เวลาฉลองแล้ว!
……………………………………………………