Perfect Superstar - ตอนที่ 167 ความเงียบของคนส่วนใหญ่
ตอนที่ 167 ความเงียบของคนส่วนใหญ่
อัลบั้ม ‘Pantera’ จำนวนการวิจารณ์ในเฟยซวิ่นมิวสิคมีถึงสี่หมื่นขึ้นไป หากคนที่ใส่ใจคลิกเข้าไปที่การแสดงความคิดเห็นจะพบว่า คำวิจารณ์ที่อยู่ในนั้นถูกแบ่งเป็นสองขั้วอย่างเห็นได้ชัด
เป็นคำวิจารณ์ที่ดีเกินกว่าครึ่ง หน้ำซ้ำยังเป็นคำวิจารณ์ ‘ที่ยอดเยี่ยมสุดๆ’ อย่างเช่น ‘เพราะจริงๆ เลย!’ ‘เป็นอัลบั้มที่สุดยอดมาก!’ ‘สนับสนุนเจิ้งจื้อโอปป้า’ บทวิจารณ์ดีๆ สิบคะแนนมีมากมายนับไม่ถ้วน และเป็นเนื้อหาที่ซ้ำกันเป็นจำนวนมาก
คำวิจารณ์เหล่านี้เรียงกันแน่นขนัด จัดแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย
เผยกลิ่นอายของคำสรรเสริญจอมปลอมออกมา
แน่นอนว่าคำวิจารณ์ที่ดีและละเอียดก็ยังมีอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับคำวิจารณ์แย่ๆ แล้ว น้อยกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
คำวิจารณ์ไม่ดีที่ให้คะแนนต่ำมีเนื้อหาที่เป็นจริงมากกว่าคำวิจารณ์ที่ดี สมาชิกหลายคนที่ซื้ออัลบั้มไปแล้วให้คำวิจารณ์ไม่สูงมากสำหรับอัลบั้ม ‘Pantera’ และความคิดเห็นโดยทั่วไปก็คืออัลบั้มชุดนี้เน้นความเป็นเกาหลีมากเกินไป ให้ความรู้สึกที่เหมือนเดิมกับพวกเขา ไม่มีจุดเด่นหรือความตื่นเต้นอะไรมากนัก
มีบางคนรู้สึกเสียใจหลังจากซื้อไปแล้ว ถึงแม้จะราคาแปดหยวนต่อหนึ่งชุด แต่ซื้อแค่ ‘Pantera’ เพลงเดียวก็พอแล้ว
และยังมีบางคนที่พูดจาเสียดสี บอกว่าเนื้อเพลงในอัลบั้มชุดนี้เหมือนกับการศัลยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศเกาหลี…ล้วนมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน มีหลายเพลงที่คล้ายกันราวกับพี่น้องฝาแฝด
กระทั่งมีบางคนบ่นว่าอยากจะขอเงินคืน!
เมื่อเทียบกับอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ของลู่เฉินแล้ว ก็มีจำนวนคำวิจารณ์ประมาณสี่หมื่นเช่นกันน้อยกว่าอัลบั้ม ‘Pantera’ อยู่นิดหน่อย
แต่การแสดงความคิดเห็นของอัลบั้มชุดนี้เป็นคำวิจารณ์ที่ดีมากถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป และเนื้อหาของคำวิจารณ์ส่วนใหญ่ก็เป็นความจริง ไม่ใช่การตอบกลับง่ายๆ ที่มีรูปแบบเหมือนกัน
มีบางคนชอบเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ มีบางคนชอบเพลง ‘ดอกไม้เหล่านั้น’ มีบางคนชื่นชมเพลง ‘ธุลีรักในสายลม’ และก็มีบางคนเปิดเพลง ‘ดวงดาวที่สุกสกาวบนฟากฟ้าราตรี’ ฟังซ้ำสิบกว่ารอบ แต่ก็ไม่เบื่อ
สมาชิกในเฟยซวิ่นมิวสิคที่มีไอดีชื่อว่า ‘มอร์นิ่งสตาร์’ กล่าวในความคิดเห็นว่า “ฉันชอบอัลบั้มชุดนี้ของลู่เฉินเพราะว่ามันทำให้ฉันย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่สวยงามในรั้วมหาลัย นึกถึงรักครั้งแรกของฉัน นึกถึงเพื่อนที่นอนอยู่บนเตียงของฉัน นึกถึงคนที่เคยชอบฉันหรือคนที่ฉันชอบเหล่านั้น นึกถึงช่วงเวลาที่ไม่อาจย้อนกลับไปได้อีก”
“ถึงแม้ผลงานส่วนใหญ่ที่อยู่ในนี้ฉันจะเคยฟังเวอร์ชั่นร้องสดมาแล้ว แต่อัลบั้มที่เสร็จสมบูรณ์แบบนี้มันไม่เหมือนกัน ใช้ใจในการเรียบเรียงเพลงและดนตรีประกอบเป็นอย่างมาก เงินแปดหยวนถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา ฉันหวังว่าจะได้ซื้อแบบเป็นแผ่นเสียงซีดี”
และอีกหนึ่งคนที่มีไอดีชื่อว่า ‘นักท่องเที่ยวทั่วโลก’ ก็เขียนแบบนี้ “ดูการร้องเพลงของลู่เฉินในรายการขับร้องให้ก้องจีนมานานแล้ว ตอนนั้นมีหลายเพลงที่ฉันรู้สึกประทับใจมาก ดังนั้นหลังจากที่รู้ว่าเขาออกอัลบั้ม ฉันจึงรีบซื้อและดาวน์โหลดทันที ไม่ผิดหวังจริงๆ รู้สึกดีมากๆ”
“สำหรับอัลบั้มชุดนี้ ฉันอยากพูดว่า ลู่เฉิน คุณคือนักร้องนักแต่งเพลงที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง!”
คำวิจารณ์ที่คล้ายคลึงกันยังมีอีกไม่น้อย กระทั่งมีบางคนเล่าถึงเรื่องราวในอดีตวัยหนุ่มสาวของตัวเอง
บรรยากาศการวิจารณ์แบบนี้ มีความคมชัดมากกว่าเมื่อเทียบกับอัลบั้ม ‘Pantera’!
ในขณะเดียวกันก็มีใครบางคนที่ถูกกระตุ้นอย่างลึกซึ้ง
ปัง!
เมาส์ยี่ห้อดังราคาแพงอันหนึ่งถูกตบลงบนโต๊ะหนังสืออย่างแรง พลาสติกด้านล่างแตกเป็นเสี่ยงๆ ทันที เผยให้เห็นแผงวงจรที่อยู่ข้างใน มองปราดเดียวก็รู้ว่าโกรธจนแทบหมดลมหายใจ
ชุยซิ่วอินที่ได้ยินความเคลื่อนไหวภายในห้องจึงรีบวิ่งมาดู พร้อมกับในมือที่จับโทรศัพท์ไว้แน่น
เธอเป็นห่วงน้องชายที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก อ้าปาก แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เดิมทีวันนี้เธอกับชุยเจิ้งจื้อจะต้องเดินทางจากฮู่ไห่ไปที่เมืองซาเฉิง แต่เนื่องจากเรื่องของยอดขายอัลบั้มจึงทำให้ล่าช้า และต้องเปลี่ยนแปลงตารางงานหลังจากนี้กับการออกรายการโชว์ ทำให้เกิดผลเสียที่ยุ่งยากมากๆ
แต่อารมณ์ของชุยเจิ้งจื้อแย่มากจริงๆ กระทั่งชุยซิ่วอินยังไม่กล้าเข้าไปพูดโน้มน้าว
เธอรู้จักนิสัยของน้องชายตัวเองดี หากคุ้นชินแล้วจะราบรื่นเสมอ ถ้าหากเขาเจอความพ่ายแพ้อารมณ์เสียหรือเรื่องที่หงุดหงิดกวนใจ นิสัยเสียต่างๆ ก็จะถาโถมเข้ามา ตอนนี้แค่ทำเมาส์พังไปหนึ่งตัวถือว่าดีมาก
วันนี้วันที่ 11 เดือนกันยายน อัลบั้มชุดแรกของลู่เฉิน ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ มียอดขายรวมทะลุหนึ่งแสนห้าหมื่นชุด ถูกกำหนดให้อยู่ในระดับขายดีแล้ว
กระทั่งมีความหวังว่าจะติดระดับ ‘แพลตตินั่มดิสก์’ ได้สำเร็จ!
ยอดขายอัลบั้ม ‘Pantera’ ของชุยเจิ้งจื้อจมดิ่งลงมาโดยตรง ฝืนขายได้เกินเก้าหมื่นชุด แตกต่างกันมากจนทำให้คนรู้สึกผิดหวัง
เวลาสั้นๆ เพียงสามวัน เขาเหมือนกับคนที่ตกมาจากสวรรค์ลงสู่นรก
แม้ว่าผลงานของยอดขายนี้จะไม่เลวก็ตาม
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ชุยเจิ้งจื้อจึงเอ่ยว่า “พี่ ทางบริษัทโทรมาหาผมใช่ไหม”
ชุยซิ่วอินถอนหายใจ แล้วเอ่ยว่า “ใช่ ทางบริษัทโกรธมาก หยุดการโปรโมทอัลบั้มชุดใหม่แล้ว และก็ไม่ซื้อชาร์ตอีกยังสั่งให้นายรีบเดินทางไปที่ซาเฉิงเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น…”
“แล้วพ่อกับแม่ก็โทรมาเหมือนกัน ถามถึงสถานภาพของนาย”
ชุยเจิ้งจื้อนั่งกลุ้มใจอยู่ในโรงแรมมาสองวันแล้ว เขาไม่ไปออกรายการและไม่รับโทรศัพท์ ทางบริษัทจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ถึงแม้เธอจะใช้ข้ออ้างๆ ว่าเขาป่วยไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ปิดบังคนอื่นไม่ได้อยู่ดี
ชุยเจิ้งจื้อยื่นมือไปปิดคอมพิวเตอร์ ใช้แรงนวดหน้าตัวเอง พูดเสียงแหบแห้งว่า “ผมรู้แล้ว พวกเราจะไปซาเฉิงวันพรุ่งนี้ พี่ช่วยจัดการตารางงานหลังจากนี้ให้ผมใหม่นะครับ”
“ได้!”
เห็นน้องชายฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง ชุยซิ่วอินก็ดีใจมาก “ครั้งนี้แพ้ก็ไม่เป็นไร ต่อไปนายยังมีโอกาสชนะลู่เฉินอีก!”
ชุยเจิ้งจื้อพยักหน้าอย่างแรง
แต่ในหัวของเขาตอนนี้ ยังเต็มไปด้วยคำวิจารณ์ที่เห็นในอินเทอร์เน็ต คำวิจารณ์ที่แย่ให้ตัวเองกับคำวิจารณ์ที่ดีให้ลู่เฉิน มันเหมือนกับหนามแหลมคมแต่ละอัน ทิ่มแทงเขาให้บ้าคลั่ง!
ลู่เฉิน!
ชุยเจิ้งจื้อจำชื่อนี้ขึ้นใจ เขาสาบานว่าสักวันหนึ่งจะลบล้างความอัปยศอดสูในวันนี้ให้ได้!
วันที่ 12 เดือนกันยายน อัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ มียอดขายทั้งหมดเกินหนึ่งแสนแปดหมื่นชุด
วันที่ 13 เดือนกันยายน พุ่งทะยานสองแสนชุด
วันที่ 15 เดือนกันยายน สองแสนห้าหมื่นชุด!
เวลาแค่เจ็ดวัน อัลบั้มชุดนี้สร้างสถิติยอดขายประจำสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบครึ่งปีของเว็บไซต์เฟยซวิ่นมิวสิค กระทั่งเบียดอัลบั้มของนักร้องแถวหน้าในประเทศไปหลายคน กลายเป็นยอดขายอัลบั้มเดบิวต์ของศิลปินหน้าใหม่ที่เยี่ยมที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
เมื่อเทียบกันแล้ว อัลบั้มของชุยเจิ่งจื้อ ‘Pantera’ ด้อยกว่ามาก เจ็ดวันขายได้ทั้งหมดหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นชุด ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของลู่เฉิน!
ด้วยเหตุนี้ เสียงที่กล่าวหาว่าลู่เฉินใช้เทคนิคยกระดับชาร์ตบนอินเทอร์เน็ตจึงน้อยลงไปมาก
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะทุกคนรู้ว่าลู่เฉินเป็นศิลปินอิสระ เบื้องหลังของเขาไม่มีบริษัทเอเจนซี่จัดหานักแสดงที่ยิ่งใหญ่ หากจะพูดว่าใช้เงินซื้อยอดขายสองสามหมื่นก็มีความเป็นไปได้ แต่ถึงระดับนี้กลับมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การขายอัลบั้มออนไลน์ของนักร้องไม่เหมือนกับการขายแผ่นเสียงจริงๆ ยอดขายสัปดาห์แรกมักจะมีสัดส่วนประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั้งหมด ยอดขายประจำสัปดาห์ที่สองแสนห้าหมื่นชุด หมายความว่าอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ มีความเป็นไปได้สูงที่จะทะลุติดอันดับขายดีห้าแสนชุด
ห้าแสนชุด หมายถึงการรับรองระดับ ‘แพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์’ และยังหมายถึงยอดขายสี่ล้านหยวน!
ตามส่วนแบ่งห้าสิบเปอร์เซ็นต์ หักลบภาษีอีกสิบเปอร์เช็นต์ ลู่เฉินก็จะได้เงินหนึ่งล้านหกแสนหยวน!
อัลบั้มนี้เขาลงทุนไปเท่าไร น่าจะใช้ไปสองสามแสนหยวน
ลู่เฉินเป็นคนเขียนเพลงทั้งหมดด้วยตัวเอง
จึงเป็นการทำเงินได้เยอะมาก!
ไม่รู้ว่าในวงการมีกี่คนที่อิจฉาตาร้อน และมากไปกว่านั้นมีหลายคนที่รู้สึกเหลือเชื่อ
ทำไมอัลบั้มชุดนี้ที่มีเวอร์ชั่นร้องสดอยู่แล้ว แถมไม่มีการจ่ายเงินสร้างกระแสโปรโมทในวงกว้าง แต่กลับขายดีขนาดนี้
ตอนเย็นวันที่ 15 เดือนกันยายน เฉินกั๋วต้งที่ได้รับรองบัญชีระดับวีไอพีในบล็อกล่างฉาวว่าเป็น ‘อาจารย์ภาควิชาดนตรีมหาวิทยาลัยครูปักกิ่ง’ ได้โพสต์บล็อกยาวในหัวข้อว่า ‘ความเงียบของคนส่วนใหญ่’
ในฐานะอาจารย์ของมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง เฉินกั๋วต้งไม่มีความเกี่ยวข้องกับวงการบันเทิงมากนัก แต่ในวงการเพลงป็อป ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และเป็นนักวิจารณ์เพลงที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง เวลาว่างเขาจะส่งต้นฉบับให้เว็บไซต์เพลงและนิตยสารหลายแห่ง
เนื้อหาในโพสต์บล็อกนี้ เขาเน้นพูดถึงอัลบั้มของลู่เฉินที่ได้รับรความสนใจเป็นวงกว้างในวงการ
ขึ้นต้นเนื้อหาของโพสต์บล็อก เฉินกั๋วต้งกล่าวว่าวันที่ 10 เขาได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัยครูปักกิ่ง และงานเลี้ยงในคืนนั้นเขาได้ฟังเพลงสี่เพลง คือ ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ‘เพื่อนที่นอนอยู่บนเตียงของฉัน’ ‘ดอกไม้เหล่านั้น’ และ ‘ดวงดาวที่สุกสกาวบนฟากฟ้าราตรี’!
ทั้งสี่เพลงนี้มาจากอัลบั้มชุด ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ของลู่เฉิน นอกจากนี้ยังได้รับการต้อนรับจากเหล่านักศึกษาทั้งหมด การเล่นและร้องเพลงของนักศึกษาชายสองสามคนต่างก็ได้รับเสียงปรบมือคึกคักและสนุกสนานทั่วทั้งงาน
เมื่อเทียบกับ รายการเต้นเร็วที่เป็นกระแสยอดนิยมสองสามรายการกลับได้รับการตอบรับในระดับที่ธรรมดา
สิ่งนี้ทำให้เฉินกั๋วต้งเกิดความคิดอย่างลึกซึ้ง ทำไมผลงานเพลงบัดลาดพื้นบ้านของลู่เฉินถึงได้รับการต้อนรับจากบรรดานักศึกษาขนาดนี้ หนำซ้ำยังขายดิบขายดีบนเว็บไซต์เฟยซวิ่นมิวสิค
เขาวิเคราะห์ว่า อัลบั้มชุดนี้น่าจะโดนใจการหวนรำลึกของ ‘ความเงียบของคนส่วนใหญ่’
สิ่งที่เรียกว่า ‘ความเงียบของคนส่วนใหญ่’ แท้จริงแล้วก็คือคนหนุ่มสาวธรรมดากับผู้ที่ชื่นชอบเพลงป็อปทั่วๆ ไปพวกเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ข้างกายพวกเรา บ้างก็อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย บ้างก็ดิ้นรนทำงานอยู่ในสังคม
พวกเขาชอบฟังเพลงป็อปเหมือนกัน แต่ไม่ถึงขนาดไล่ตามดารา ถ้าอยากจะฟังเพลงก็ค้นหาเพลงที่ตัวเองชอบในอินเทอร์เน็ตแล้วดาวน์โหลดฟรี แต่จะไม่แสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาง่ายๆ
กลุ่มคนมหาศาลกลุ่มนี้ ตอนที่บริษัทเอเจนซี่จัดหานักแสดงทำการโปรโมทมักจะมองข้ามเสมอ เพราะว่าพวกเขาไม่เหมือนกลุ่มแฟนคลับของศิลปินดาราที่สามารถนำกำไรมหาศาลมาให้ตัวเองได้
ดังนั้นแนวโน้มของตลาดเพลงป็อปจึงปรับตามใจกลุ่มแฟนคลับ และสไตล์เพลงยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่นกับเกาหลีก็คือหลักฐานพิสูจน์ที่ดีที่สุด บริษัทบันเทิงและศิลปินนักร้องจึงปรับเปลี่ยนเทคนิคเพื่อตอบสนองความต้องการของคนเหล่านี้
ความเสื่อมถอยของพลังในการคิดสร้างสรรค์เพลงในประเทศ มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมากกับความคิดอคติแบบนี้
แต่ ‘ความเงียบของคนส่วนใหญ่’ เต็มใจที่จะเป็นฝ่ายถูกกระทำและยอมรับหรือไม่
คำตอบเห็นได้ชัดว่าไม่
พวกเขากระทั่งแฟนคลับดาราบางส่วน เริ่มเบื่อหน่ายการเลียนแบบ ลอกเลียนความบันเทิงของยุโรป อเมริกาญี่ปุ่นและเกาหลีมานานแล้ว ไม่อยากฟังเพลงที่เคยฮิตติดปากแบบเดิมๆ นับพันครั้ง แต่กลับทำอะไรไม่ได้
เพราะทั้งตลาดก็เป็นแบบนี้
แต่การโผล่พรวดออกมาของลู่เฉิน เหมือนกับสายลมสดชื่นกลุ่มหนึ่งที่พัดเข้ามาในวงการเพลงป็อป ‘ผลงาน‘เพลงบัลลาดพื้นบ้านร่วมสมัย’ ที่เขาสร้างขึ้นมาทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขามองเห็นความหวังครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นมาในประเทศนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นพลังงานที่สะสมมานานจึงระเบิดออกมา และสิ่งที่เป็นการตอบสนองโดยตรงมากที่สุดก็คือการขับเคลื่อนยอดขายของอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ มีหลายคนที่ปกติจะแต่ฟังเพลงฟรี แต่ก็เต็มใจที่จะควักเงินแปดหยวนเพื่อสนับสนุนลู่เฉิน
ดังนั้นลู่เฉินจึงตีฝ่ายชุยเจิ้งจื้อคู่ต่อสู้ให้พังย่อยยับได้อย่างง่ายดาย
และคนหลังก็เป็นตัวแทนของเพลงป็อปเกาหลีพอดี
นี่คือการสนับสนุนและการต่อต้าน ต่อสู้ที่ไร้สุ่มเสียง เป็นพลังของ ‘ความเงียบของคนส่วนใหญ่’
ส่วนสุดท้ายของโพสต์บล็อก เฉินกั๋วต้งคิดว่า วงการเพลงป็อปในประเทศควรจะเริ่มคิดทบทวนอย่างจริงจังได้แล้ว!
อย่ามองข้าม ‘ความเงียบของคนส่วนใหญ่’
…………………………………………………………………………
ไอคอนเหรียญทอง