Perfect Superstar - ตอนที่ 189 เพื่อน
ตอนที่ 189 เพื่อน
เคยมีนักแสดงคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ว่า เส้นทางอาชีพนักแสดงของเขานั้นมีแต่อุปสรรค เคยผ่านความยากลำบากมานับครั้งไม่ถ้วน ล้มลุกคลุกคลานมาจนถึงตอนนี้ หลายครั้งที่เกือบยอมแพ้ แล้วหันไปใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา
แต่เมื่อเขายืนอยู่บนเวที ได้ยินเสียงคนเป็นพันเป็นหมื่นร้องเรียกชื่อเขาอยู่ ความเหน็ดเหนื่อยและความเจ็บปวดที่สะสมมานานมันสูญสลายไปหมด รู้สึกว่าทั้งหมดที่เขาทุมเทไปกำลังได้รับกลับคืนมา จึงยืนหยัดปณิธานเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ช่วงวินาทีนั้น ลู่เฉินรู้สึกเข้าใจความหมายของผู้อาวุโสท่านนี้แล้ว
แม้ตอนนี้แขกในบาร์เดย์ลิลลี่จะไม่มาก มีแค่คนหรือสองคนเท่านั้น แต่พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา เป็นคนที่อยู่ในวงการบันเทิง มีทั้งนักร้องที่ร้องเพลงอยู่ในย่านโฮ่วไห่ มีเถ้าแก่เจ้าของบาร์…
ทุกคนต่างร้องเรียกชื่อของเขา รอให้เขาขึ้นเวทีร้องเพลง ความรู้สึกเช่นนี้ช่างดีเหลือเกิน
ราวกับว่าเป็นเจ้าของโลกทั้งใบ!
การเชื้อเชิญที่ปฏิเสธยาก ลู่เฉินก้าวขึ้นบนเวที ยืนอยู่ใต้แสงไฟส่องสว่าง
ในบาร์เงียบเสียงลง
ลู่เฉินหัวเราะอย่างเก้อเขิน เขาพูดใส่ไมโครโฟนว่า “วันนี้เป็นวันเลี้ยงอำลาความโสดของพี่เจี้ยนหาว ผมขอมอบเพลงหนึ่งให้เป็นของขวัญครับ”
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง
สายตาของทุกคนจับจ้องที่ร่างของลู่เฉิน ทั้งรอคอย ทั้งแปลกใจ ทั้งตื่นเต้น
ลู่เฉินขอยืมกีตาร์มาจากฉินฮั่นหยาง
เขายิ้มเล็กน้อยพูดว่า “ที่นี่มีแต่เพื่อนๆ ทั้งนั้น เพลงนี้ผมจึงตั้งชื่อว่า…”
“เพื่อน!”
ครู่ต่อมาลู่เฉินเริ่มบรรเลงกีตาร์ ในท่อนแรกของเพลง
สายตาของเขามองตรง ดวงตาดำสนิทเป็นประกายท่ามกลางความมืด
จากนั้น เสียงทุ้มต่ำของเนื้อเพลงค่อยๆ ลอยมาเข้าหู
“หลายปีนี้ อยู่คนเดียว ผ่านทั้งลม ผ่านทั้งฝน มีน้ำตา มีผิดพลาด ยังจำได้ว่ายืนหยัดเพื่ออะไร?”
“เคยมีรักแท้ ถึงได้เข้าใจ ได้โดดเดี่ยว ได้รำลึกถึง ในที่สุดมีควาฝัน ในที่สุดมีนาย อยู่ในหัวใจ!”
“เพื่อนรักเดินร่วมทางตลอดชีวิต วันเหล่านั้นไม่อาจหวนกลับมา ประโยคหนึ่ง ชั่วชีวิต ความรู้สึกหนึ่ง เหล้าแก้วหนึ่ง…”
“มีเพื่อนไม่เคยเหงา คำว่าเพื่อนถึงทำให้นายเข้าใจ ว่ายังบาดเจ็บ ยังเจ็บปวด ยังต้องเดินไปข้างหน้า ยังมีฉัน!”
“…”
ไม่รู้ทำไม อาจเป็นเพราะลู่เฉินได้ร้องบรรเลงเพลงนี้เป็นครั้งแรก บาร์เดย์ลิลลี่ที่คึกคักเสียงดัง กลับเงียบกริบ เงียบสนิท
ที่ด้านหลังบาร์ บาร์เทนเดอร์เดวิดวางกระบอกเครื่องดื่มที่เขาเขย่าอยู่ตั้งนานลง…
ท่ามกลางแขก บริกรบันนี่เกิร์ลหยุดเดินไปมา
ชั้นบนของบาร์ แขกวีไอพีหลายคนโผลศีรษะออกมานอกราวเหล็กเพื่อฟังเพลงให้ชัดขึ้น
คนมากมายมุงอยู่รอบเวที พวกเขาจ้องที่ลู่เฉินเป็นตาเดียว ฟังเพลงไปด้วยท่าทางครุ่นคิดอย่างจริงจัง
ยังมีความซาบซึ้งใจปนอยู่ด้วย
เพื่อน นั่นคือสิ่งล้ำค่าขนาดไหนกัน!
เพลงนี้เนื้อเพลงธรรมดา ทำนองไม่ซับซ้อน ลู่เฉินร้องและเล่นทำนองออกไปโดยไม่มีชั้นเชิง
เขาร้องและเล่นอย่างเรียบง่ายราวกับกำลังเล่านิทานเรื่องหนึ่ง
ทำให้ทุกคนต่างประทับใจ โดยเฉพาะกระทบจิตวิญญาณของนักดนตรี!
บรรดาพวกเขาหลายคนใช้ชีวิตที่เคลื่อนไหวลอยละล่องไปตามกระแสที่ไม่หยุดนิ่ง เพราะงานอาชีพมีความพิเศษ มักจะวิ่งไปวิ่งมาตามสถานที่ต่างๆ บางครั้งยังไม่ทันเปิดกระเป๋าเดินทางออกมา ก็ต้องวิ่งโร่ไปรายงานตัวอีกที่แล้ว ใช้ชีวิตพเนจรไปเรื่อย
บนเส้นทางดนตรี ทุกครั้งที่พวกเขาออกเดินทาง ไม่เคยรู้เลยว่าผลลัพธ์จะไปสิ้นสุดที่ใด ระหว่างทางที่ประสบพบเจอกับการตามหานั้นมีเพียงตัวเองเป็นที่พึ่ง ยังมีเพื่อน!
พวกเขาไม่อาจมีความมั่นคงทางใจอยู่กับใครคนใดคนหนึ่งได้ตลอดกาล มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาสบายใจได้ นอกจากครอบครัวและญาติแล้ว ก็คือเพื่อน!
มดงานในเมืองหลวงนั้นยากลำบาก เพื่อนแท้หายาก!
‘ประโยคหนึ่ง ชั่วชีวิต ความรู้สึกหนึ่ง เหล้าแก้วหนึ่ง’ สี่ประโยคนี้ ถ่ายทอดมิตรภาพของเหล่านักวณิพกพเนจรได้ออกมาล้ำค่ายิ่ง คืนนี้เป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมดื่มสังสรรค์ พรุ่งนี้เช้าต่างแยกย้ายไปคนละทาง แม้มีแค่ถ้อยคำประโยคเดียว กลับเป็นตัวแทนของสัญญาชั่วชีวิต
การมีเพื่อนแบบนี้ ในชีวิตหนึ่งจะมีสักกี่คน?
เพื่อนเป็นการพบปะรูปแบบหนึ่ง
โลกอันกว้างใหญ่ วังวนโลกีย์ ผู้คนมากหน้าหลายตา ผสมปะปนกันไป การที่เพื่อนได้มาพบกัน เดินร่วมทางกันไป รู้จักกัน เข้าใจกัน ใกล้ชิดกัน ทั้งหมดเป็นวาสนาต่อกัน
ในผู้คนที่ผ่านไปมา การเดินทางพบปะลาจากของผู้คน ในเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน ในประสบการณ์ชีวิตที่พานพบ การได้รู้จัก การรวมตัว การพบเจอ บอกได้ว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง วาสนาไม่ใช่จะมีก็มีได้ น่าจะเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าถึงที่สุด!
เหมือนกับเนื้อเพลงที่ลู่เฉินร้อง
“มีเพื่อนไม่เคยเหงา คำว่าเพื่อนถึงทำให้นายเข้าใจว่ายังบาดเจ็บ ยังเจ็บปวด ยังต้องเดินไปข้างหน้า ยังมีฉัน!”
“เพื่อนรักเดินร่วมทางตลอดชีวิต วันเหล่านั้นไม่อาจหวนกลับมา ประโยคหนึ่ง ชั่วชีวิต ความรู้สึกหนึ่ง เหล้าแก้วหนึ่ง…”
เฉินเจี้ยนหาวยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน รู้สึกเคืองตานิดหน่อย
น้ำตาลูกผู้ชายไม่หลั่งง่าย ยังไม่ถึงเวลาเสียใจ
เขาไม่เสียใจเลย
เพราะพรุ่งนี้เป็นวันมงคลของเขา หลังจากผ่านมรสุมมามากมาย เขาค้นพบคนๆ หนึ่งที่มีคุณค่าอยู่ข้างกายเขาเงียบๆ ตลอดเวลา จะไม่ปล่อยให้หลุดมือไป
ความทรงจำในอดีตถูกเสียงเพลงของลู่เฉินปลุกขึ้นมา
เฉินเจี้ยนหาวนึกถึงเพื่อนร่วมวงการที่เดินทางมาพร้อมกับตัวเองคนหนึ่ง ระหว่างทางพวกเขาหลงทางจนขาดการติดต่อไป ค่อยๆ ห่างค่อยๆ ถอยจากไปโดยไม่มีคำลา ยิ่งกว่านั้นคือหันหลังให้กันกลายเป็นความแค้น
แต่ยังมีเพื่อนอีกหลายคนที่ยืนหยัดเดินทางต่อด้วยกัน กลายเป็นเพื่อนแท้
สิ่งที่เรียกว่าเพื่อนแท้ ไม่ใช่การพบหน้าสังสรรค์ในทุกวัน แต่หากไม่ได้พบเจอกันไม่ว่ากี่ปีหรือไม่ได้ติดต่อเลย เมื่อมีเรื่องเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ ถึงจะไกลแสนไกลแค่ไหน ก็จะรีบมาหาช่วยเหลือสุดกำลัง!
เขาโชคดีแค่ไหน ที่มีเพื่อนที่ดีอย่างนี้!
ความทรงจำในอดีต เฉินเจี้ยนหาวนิ่งค้าง
จนเสียงปรบมือดังขึ้น ปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์
บนเวที ลู่เฉินส่งกีตาร์คืนให้ฉินฮั่นหยาง เขาโค้งตัวไปหยิบเบียร์แก้วหนึ่งจากบันนี่เกิร์ล
แล้วยืดตัวขึ้นใหม่ ลู่เฉินยกแก้วขึ้นสูง พูดว่า “แก้วนี้ พวกเราดื่มให้เพื่อน!”
“ดื่มให้เพื่อน!”
ทุกคนยกแก้วขึ้นตามสัญญาณที่เขาให้
ลู่เฉินเงยหน้ากระดกเบียร์ทั้งหมดลงคอ
เขาเริ่มเมาแล้ว
แต่ปาร์ตี้สละโสดคืนนี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น ยังมีรายการดีๆรออยู่ด้านหลัง
บางทีอาจเป็นเพราะเพลงของลู่เฉินทำให้ซึ้งใจหรือแค่เพราะอยากรู้จักเท่านั้น เมื่อลู่เฉินลงมาจากเวที แขกมากมายเดินเข้ามาชนแก้วกับเขาคนแล้วคนเล่า
ลู่เฉินดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า จนสุดท้ายจำไม่ได้ว่าตัวเองดื่มไปมากเท่าไหร่
เขารู้สึกแปลกใจ…ทำไมเขาคอแข็งเท่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ดื่มไปมากแล้วยังไม่เมา!
น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงความรู้สึกลวง
ดื่มจนหยดสุดท้าย ลู่เฉินรู้สึกมึนเมา เบลอจนถูกคนประคองไปพักในห้องพักหลังเวที
เอนกายอยู่บนเตียงด้วยความเมา ในสมองของลู่เฉินปรากฏความทรงจำลอยขึ้นมาช่วงหนึ่ง
ทั้งหมดเป็นความทรงจำในโลกแห่งความฝันของเขา
สวีป๋อ โม่หราน ฟางหมิงอี้…
ช่วงชีวิตของใครต่อใครผ่านเข้ามา ราวกับภาพหลอน ทั้งยังเหมือนจริงมาก!
ขมุกขมัว เขาได้ยินคนร้องเพลงของตัวเองเบาๆ อยู่ข้างหู
“เวลานี้ โยกย้าย โยกย้าย เวลานี้ หมุนวน หมุนวน!”
“เวลานี้ โยกย้าย โยกย้าย เวลานี้ หมุนวน หมุนวน!…”
…
“ต้าเฉิน ต้าเฉิน!”
ลู่เฉินถูกคนเขย่าตัวปลุกให้ตื่น
สั่นคลอนจนเวียนหัว
พยายามลืมตาขึ้น ลู่เฉินมองเห็นใบหน้าอันคุ้นเคย…พี่เฟย
เขายังสะลึมสะลือ “พี่เฟย มาได้ยังไง?”
หลี่เฟยอวี่ทำหน้าแหย “ต้าเฉิน วันนี้วันแต่งงานของเถ้าแก่เฉิน นายเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว!”
ลู่เฉินตื่นเต็มตา สะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่ง “แย่แล้ว!”
วันนี้วันที่ 1ตุลาคม วันชาติจีน และเป็นวันมงคลสมรสของเฉินเจี้ยนหาวกับจางน่าน่า ลู่เฉินถูกกำหนดหน้าที่ให้ทำ…รับเจ้าสาว!
เมื่อคืนปาร์ตี้สละโสด เขาดื่มมากเกินไป ลืมเสียสนิท!
หลี่เฟยอวี่รีบพูดว่า “ตอนนี้ยังไม่สาย ขบวนรถยังจอดรออยู่ด้านนอก นายไปล้างหน้าแต่งตัว อีกเดี๋ยวฉันขับรถให้เอง”
ลู่เฉินถอนใจยาวอย่างโล่งอก รีบลุกขึ้นวิ่งไปเตรียมตัว
ในห้องรับรองศิลปินหลังเวทีมีห้องน้ำในตัว ลู่เฉินอาบน้ำอย่างลวกๆ ล้างกลิ่นแอลกอลฮอลบนร่างกายทิ้ง ขณะเดียวกันก็ให้น้ำปลุกความสดชื่นและดึงสติของเขากลับคืนมา
หลี่เฟยอวี่นำชุดเข้าพิธีมาให้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็ออกเดินทาง
ตามขบวนรถไปที่โรงแรม
จางน่าน่าไม่ใช่คนเมืองหลวงแต่ดั้งเดิม เมื่อก่อนเช่าห้องพักอยู่ ดังนั้นจึงต้องเปิดห้องของโรงแรมใช้เป็นบ้านเจ้าสาว พ่อแม่ของเธอเดินทางมาจากบ้านเกิด
ที่น่าสนใจคือ เมื่อถึงโรงแรมมารับเจ้าสาว ลู่เฉินถึงรู้ว่าเพื่อนเจ้าสาวคือซูชิงเหมย
คุณหนูซูชิงเหมยผู้อำนวยการแห่งชิงอวี่มีเดียสบโอกาส กลั่นแกล้งเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวเต็มที่
ผ่านไปสามด่าน ยัดเยียดอั่งเปา ทายปริศนา…
ยังดีที่เจ้าสาวจางน่าน่ามีเหตุผล ยอมให้ผ่านได้ พวกลู่เฉินจึงไม่ถึงขนาดโดนลบหลู่จนเสียเกียรติ
พิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ จัดในโรงแรมห้าดาวชื่อดังแห่งเมืองปักกิ่ง โรงแรมลี่จิง
ชีวิตคนมีครั้งเดียว เฉินเจี้ยนหาวไม่ได้ปฏิบัติต่อเจ้าสาวที่แอบรักเขามาหลายปีอย่างย่ำแย่ พิธีแต่งงานจัดอย่างสมเกียรติ เชิญแขกผู้มีเกียรติมากกว่าสี่ห้าร้อยคน เพื่อนเจ้าสาวเก็บซองแดงจนเมื่อยมือ
เพื่อนฝูงทั้งในและนอกวงการมากันมากมาย
พิธีการช่างน่าประทับใจ พี่น่าถึงกับร้องไห้ออกมา
ทั้งสองคนกว่าจะได้อยู่ด้วยกันนั้นไม่ง่ายเลย เฉินเจี้ยนหาวไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงาน พี่น่าไม่ใช่คู่ชีวิตในฝันของเขา แต่ฝ่ายหลังรักเขาด้วยใจจริง สุดท้ายจึงมีชีวิตแต่งงานที่สวยงาม
กลายเป็นเรื่องเล่าดีๆ ในวงการ
แม้รูปร่างหน้าตาของพี่น่าจะธรรมดา แต่เธอได้ร่วมมือกับวงเฮสิเทชั่น กลายเป็นนักร้องสาวชื่อดังที่มีความสามารถสูง เพียงแค่นี้ก็คู่ควรกับเฉินเจี้ยนหาวแล้ว
หลังจากร่วมงานแต่งงานของเฉินเจี้ยนหาวกับจางน่าน่าเสร็จแล้ว ลู่เฉินก็ไม่ได้หยุดพักในวันหยุดวันชาติจีนอันยาวนาน
วันรุ่งขึ้นเขาต้องพาหลี่เฟยอวี่ไปที่บริษัทจินหลิง เพื่อถ่ายภาพงานโฆษณาชิ้นแรกของตัวเอง!
………………………………………………………………….