Perfect Superstar - ตอนที่ 194 มีนัด
ตอนที่ 194 มีนัด
หญิงสาวชุดกระโปรงขาวถอดแว่นตาออก เปิดเผยใบหน้าออกมา
หน้าของเธอสวยสด รอยยิ้มกิริยาเต็มไปด้วยความสง่างามแบบหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ ทำให้คนอื่นใจเต้นแรง
ใบหน้านี้ ทุกคนไม่มีใครไม่รู้จัก
เฉินเฟยเอ๋อร์!
ราชินีเพลงป็อปเสียงหวาน เข้าวงการมาสิบกว่าปีมีแต่รุ่งไม่มีร่วง!
สำหรับซุนซาน ผู้กำกับจงและคนอื่นๆ การปรากฏตัวของเธอเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก…ใครจะคิดว่าคนที่มาหาลู่เฉินคือเฉินเฟยเอ๋อร์
ทุกคนตกตะลึงไปพักหนึ่ง
โดยเฉพาะซุนซาน ตอนนี้สมองกลวงว่างเปล่า!
เมื่อครู่เธอยังพูดดูถูกเฉินเฟยเอ๋อร์อยู่เลย!
เฉินเฟยเอ๋อร์แม้จะเป็นนักร้อง แต่เคยถ่ายทำภาพยนตร์ โด่งดังจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง
คนที่ร่วมงานกับเธอมีแต่คนในวงการระดับสูงทั้งนั้น ทั้งผู้กำกับหนังทั้งนักแสดงชื่อดัง
ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงหรือสถานะในวงการ เฉินเฟยเอ๋อร์เหนือกว่าซุนซานเป็นไหนๆ
ทั้งสองไม่ใช่คนในระดับเดียวกัน
ถ้าเฉินเฟยเอ๋อร์จะเอาเรื่องซุนซาน ฝ่ายหลังจะต้องเดือดร้อนหนัก การเติบโตในวงการต้องถูกขัดขวางรุนแรง นอกเสียจากซุนซานมีความสามารถเหนือธรรมชาติหรือมีผู้หนุนหลังยิ่งใหญ่คอยคุ้มกัน
ซุนซานรู้ดีว่าเธอไม่มีทั้งสองอย่าง
ต่อหน้าเฉินเฟยเอ๋อร์ เธอไม่มีสิทธิ์แสดงท่าทางหยิ่งยโส ทั้งสองแตกต่างกันเกินไป
หากเฉินเฟยเอ๋อร์ใจกว้างไม่ถือสาเธอ ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ก็จะทำให้คนในวงการหัวเราะเยาะและประชดประชันเธอ!
“พี่…พี่เฉิน…”
ซุนซานพูดติดอ่าง “ขอ…ขอโทษ”
ความโอ้อวดโอหังของเธอหายไปสิ้น แสร้งทำหน้าแดงเศร้าสร้อยเหมือนแม่หม้ายที่ถูกทำร้าย
ซุนซานอยากจะหารอยแยกบนพื้นมุดหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด เพราะสถานการณ์แบบนี้เลวร้ายกับเธอมาก
แต่เธอไม่อาจหันหลังเดินหนีไป ไม่เช่นนั้นจะผิดใจกับเฉินเฟยเอ๋อร์
เฉินเฟยเอ๋อร์ปรายสายตามองซุนซานทีหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ที่จริงซุนซานคิดมากไปแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์เข้าวงการมาสิบกว่าปี เคยเจอคนมาแล้วทุกประเภท?
เข้าข้างคนมีอำนาจเพื่อเอาชนะคนอ่อนแอ ปากหวานก้นเปรี้ยว หน้าด้านไม่รู้จักอาย แสร้งทำเป็นดูดีมีสกุล…
เธอไม่ใส่ใจกับประโยคไม่กี่คำที่คนอื่นสบประมาทเธอ แบบนั้นมันจะทำให้เธอเสียเกียรติ
ไม่แน่ว่ายังเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายนั้นสร้างกระแสร้าย
เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่เห็นซุนซานอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ไม่ให้โอกาสเธอด้วย
ผู้กำกับจงดึงสติกลับมา โปรยยิ้มเต็มหน้าถามว่า “คุณเฉินเฟยเอ๋อร์ คุณมาดูงานเหรอครับ?”
เห็นซุนซานที่ทำหน้าเหมือนมะเขือถูกทุบ ผู้กำกับคนนี้รู้สึกสะใจอยู่ลึกๆ
เสแสร้ง เสแสร้งเข้าจนจะกลายเป็นเจ้างั่งอยู่แล้ว?
เขาไม่กล้าแสดงอารมณ์ในใจออกมา เพียงแต่รุดเข้าไปต้อนรับเฉินเฟยเอ๋อร์
พี่เฟยนี่เกรียงไกรจริงๆ!
ยังมีลู่เฉิน
ลู่เฉินไม่พูดไม่จา ใครจะรู้ว่าเขายังมีอำนาจขนาดนี้ ทำให้ราชินีเพลงรักมาดูงานถึงที่นี่?
ผู้กำกับจงรู้สึกว่าต้องมองลู่เฉินใหม่ ในใจมีแต่คำว่า “นับถือ”!
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “ไม่ได้มาดูงานหรอก ฉันเป็นเพื่อนกับลู่เฉิน รู้ว่าเขามาถ่ายโฆษณาที่นี่เลยแวะมาดู ไม่ได้รบกวนการทำงานของพวกคุณใช่ไหม?”
“ไม่เลย ไม่เลยครับ…”
ผู้กำกับจงสะบัดเส้นผม “คุณมาดูถือเป็นเกียรติของพวกเราแล้ว”
เขาถ่ายโฆษณามานับไม่ถ้วน แต่นักแสดงที่เขาร่วมมือด้วยส่วนใหญ่มักเป็นนักแสดงระดับกลางเท่านั้น ซูเปอร์สตาร์อย่างเฉินเฟยเอ๋อร์ปกติแล้วเขาไม่มีโอกาสได้เฉียดเข้าใกล้
วันนี้เฉินเฟยเอ๋อร์มาดูงาน บอกออกไปมีแต่จะได้หน้า!
ลู่เฉินยิ้ม “ขอบคุณครับพี่เฟย”
ดวงตาของเขากับเฉินเฟยเอ๋อร์สบกัน ประกายตาของเธอเผยรอยยิ้มอยู่บางเบา ราวกับจะบอกบางอย่าง
แม้ลู่เฉินมีคำถามมากมายจะถามเธอ แต่รู้ว่าตอนนี้ยังไม่เหมาะ
แววตาของเฉินเฟยเอ๋อร์ห้ามเขาไว้
ราชินีเพลงรักยกมุมปากยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ ฉันเพียงแค่แวะมาดู ถ้าอย่างนั้นไม่รบกวนพวกนายทำงานแล้ว”
ตอนนั้นเองที่นักท่องเที่ยวที่มุงดูอยู่จำเฉินเฟยเอ๋อร์ได้ รีบร้องตะโกนชื่อเธอ
“เฉินเฟยเอ๋อร์!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ เป็นเฉินเฟยเอ๋อร์!”
“เป็นเฉินเฟยเอ๋อร์จริงๆ ด้วย ! ฉันไม่ได้ดูผิดใช่ไหม?”
“ไม่ผิด!”
การพบเจอดาราในโรงถ่ายทำภาพยนตร์เป็นเรื่องปกติ แต่เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ใช่ดาราระดับนั้น การได้เจอเธอถือเป็นเรื่องโชคดี คนจำนวนมากรายล้อมเข้ามาทันที อยากจะชื่นชมบารมีของเธอ
ยังดีที่ทีมถ่ายทำกับผู้ช่วยของเฉินเฟยเอ๋อร์มีประสบการณ์ รีบเข้ามาป้องกันคนที่เข้ามามุงดู
เฉินเฟยเอ๋อร์ขยิบตาให้ลู่เฉิน หันหลังเดินจากไป กลับไปที่รถของตัวเอง
ถ้าไม่ไปตอนนี้ เดี๋ยวจะไปยากแล้ว!
ลู่เฉินใช้สายตาส่งรถของเธอขับไกลออกไป รู้สึกแปลกใจมาก
ตอนแรกเฉินเฟยเอ๋อร์ติดต่อเขา เขาก็รู้สึกมีลางสังหรณ์บางอย่าง
คิดไม่ถึงว่าลางสังหรณ์จะเป็นจริง!
“คุณลู่เฉิน…”
เสียงของผู้กำกับจงดังขึ้น ทำให้ลู่เฉินดึงสติกลับมา
ผู้กำกับยิ่งระแวดระวัง “ตอนนี้เที่ยงแล้ว พวกเรารับประทานอาหารกันก่อน แล้วค่อยไปถ่ายต่อ?”
ท่าทีของเขาที่มีต่อลู่เฉิน ดูเกรงอกเกรงใจกว่าเดิมสองเท่า!
ลู่เฉินยิ้ม “คุณเป็นผู้กำกับ แล้วแต่คุณเลย”
ผู้กำกับจงรู้สึกสบายใจ การปรากฏตัวของเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้ทำให้ความเคารพที่ลู่เฉินมีต่อเขาเปลี่ยนแปลงไป
เขาหัวเราะ “เมื่อเช้าทุกคนเหนื่อยกันมากแล้ว เที่ยงนี้ฉันเลี้ยงข้าวทุกคนเอง ตอนบ่ายค่อยมาถ่ายต่อ!”
ผู้กำกับจงไม่หันไปถามความเห็นของซุนซานสักนิด
เพราะเขารู้ดีว่า หากซุนซานยังพอมีหัวสมองอยู่บ้าง เธอไม่ควรทำท่าหงุดหงิดเอาแต่ใจอีก กลับกันเธอต้องพยายามผูกมิตรกับลู่เฉินถึงจะถูก
ความสัมพันธ์ของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา
เป็นดังที่ผู้กำกับจงคาดไว้ หลังจากอาหารมื้อเที่ยงก็กลับมาเริ่มถ่ายใหม่ ซุนซานเชื่อฟังว่าง่ายเหมือนนกเชื่องๆตัวหนึ่ง ให้ความร่วมมือกับทุกคำสั่ง เพื่อถ่ายทำฉากของเธอกับลู่เฉินจนเสร็จสิ้น
ทั้งกลางแจ้งและในอาคารถ่ายเสร็จหมดแล้ว ฟ้ายังไม่มืดเลย
ทีมถ่ายทำของบริษัทโฆษณาอิ๋นหม่าเก็บข้าวของกลับบ้าน ต่อไปคืองานตัดต่อแล้ว
ลู่เฉินถ่ายโฆษณาวันนี้จบ ยังต้องค้างคืนที่จินหลิงอีกคืน
เพราะพรุ่งนี้ต้องถ่ายภาพโปสเตอร์ต่อ ไม่แน่ว่าคืนพรุ่งนี้อาจยังต้องค้างคืนที่จินหลิง
แน่นอนว่าค่าห้องพักโรงแรมเขาไม่ต้องจ่าย
ตอนที่จะแยกกัน ผู้กำกับจงออกแรงบีบมือลู่เฉิน พูดอย่างจริงใจว่า “คุณลู่เฉิน ถ้ามีโอกาสผมหวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณอีกครั้งครับ!”
เขาไม่ได้พูดป้อยอ แต่พูดออกมาจากใจจริง
ลักษณะการทำงานของลู่เฉินไม่ต้องพูดถึง ตั้งใจและซื่อตรงมากที่สุด ทั้งการแสดงยังดีเด่นกว่าที่คาดเอาไว้ด้วย
การเป็นนักร้องคนหนึ่ง ลู่เฉินแสดงได้ดีกว่าซุนซานเสียอีก
ฉากในบ้าน ถูกสั่งคัตเพราะซุนซานถึงสี่ครั้ง แต่เป็นเพราะลู่เฉินเพียงแค่ครั้งเดียว
ลู่เฉินพยักหน้า “ผมคิดว่าคงมีโอกาสอีก”
ผู้กำกับจงล้วงเอานามบัตรของตัวเองออกมาเหมือนเสกมายากล ยื่นให้สองมือ “นี่เป็นเบอร์ติดต่อของผม…”
“ถ้าคุณอยากถ่ายโฆษณา มิวสิควิดีโอ คลิปโฆษณา ขอให้ผมได้รับใช้ครับ ขอบคุณ”
ลู่เฉินยิ้มอย่างอบอุ่น รับนามบัตรมาจากผู้กำกับจง บอกหลี่เฟยอวี่ให้มอบนามบัตรของตัวเองให้ฝ่ายนั้นด้วย
มีเพื่อนเพิ่มเป็นการเพิ่มลู่ทางอีกเส้นหนึ่ง ต่อให้ฝ่ายนั้นเป็นเพียงผู้กำกับโนเนม ไม่แน่ว่าหากวันหนึ่งเขาเกิดโด่งดังขึ้นมาเล่า? การเป็นคนต้องไม่แสวงหาอำนาจอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นอาจเสียหายง่ายๆ เหมือนซุนซาน
พูดถึงซุนซาน เธอเข้ามาหาลู่เฉิน
เธอยิ้มถามว่า “ลู่เฉิน วันนี้ต้องขอโทษคุณจริงๆ คืนนี้ให้โอกาสฉันได้ไถ่โทษได้ไหม”
นักแสดงระดับกลางยิ้มตาเยิ้มใส่เขา เปิดเผยเสน่ห์ออกมาแสดงท่าทียั่วยวน
แต่ลู่เฉินไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอ
ใบหน้าของซุนซานน่าจะทำศัลยกรรมมา เวลายิ้มดูกล้ามเนื้อเกร็งตึง แล้วยังแต่งหน้าหนา
โชคดีที่ฉากจูบตอนสุดท้ายไม่ได้จูบจริง ใช้เทคนิคมุมกล้องแทน
ไม่เช่นนั้นคืนนี้คงกินข้าวไม่ลง
ลู่เฉินปฏิเสธอย่างนุ่มนวล “คุณซุนซานเกรงใจเกินไปแล้ว คืนนี้ผมนัดกับเพื่อนไว้ จึงต้องขอโทษจริงๆ เอาไว้ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสขอเลี้ยงคุณเอง”
เขาพูดอย่างเกรงใจ แต่หนักแน่นไม่หวั่นไหว
ซุนซานรู้สึกเสียหน้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงสะบัดหน้าหนีไปแล้ว…ฉันชวนนายแปลว่าฉันให้เกียรตินาย นายคิดว่านายเป็นใคร? เป็นแค่นักร้องที่ชนะการประกวดเท่านั้นเอง!
แม้เธอโมโหแต่ต้องอดกลั้น ฝืนยิ้มตอบ “เอาอย่างนั้นก็ได้…”
จุดมุ่งหมายที่ซุนซานชวนลู่เฉิน คืออยากอาศัยฝ่ายหลังเป็นสื่อไปถึงเฉินเฟยเอ๋อร์ แค่พบหน้ากินข้าวสักมื้อเท่านั้นก็ส่งผลดีต่อเธอมากแล้ว
น่าเสียดายที่ลู่เฉินไม่หลงกล ทำให้เธอหว่านเสน่ห์เก้อ!
“ผู้หญิงคนนี้!”
ระหว่างทางกลับโรงแรม หลี่เฟยอวี่บ่นอุบ “มันน่า….”
ขออภัยกับถ้อยคำไม่ไพเราะของเขาด้วย คิดไม่ออกว่าจะใช้คำว่าอะไรจึงจะเหมาะสม มีเพียงคำว่า “ถุย” คำเดียว
ลู่เฉินหัวเราะ
เฉินเจี้ยนหาวเคยบอกเขาว่า วงการบันเทิงซับซ้อนมาก ป่าอันกว้างใหญ่มีนกนานาพันธุ์ ไม่ขาดพวกนกแปลกประหลาด
กับคนแบบนี้ ชื่นชมแต่ไม่เข้าใกล้ดูจะเป็นเรื่องที่ฉลาดกว่า ถ้าเข้าไปใกล้มีแต่เรื่องเดือดร้อน
ตี๊ด! ตี๊ด!
ตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น…มีข้อความเข้ามา
ลู่เฉินหยิบมือถือออกมา แล้วตอบข้อความอย่างเรียบเฉย
เขายื่นมือไปตบบ่าหลี่เฟยอวี่บอกว่า “พี่หลี่ ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก มื้อเย็นพี่หากินเองแล้วกัน”
หลี่เฟยอวี่หัวเราะคิกๆ ยิ้มแบบมีเลศนัย “เข้าใจแล้ว นัดใครไว้หรือเปล่า?”
ลู่เฉินยิ้มแหยจับจมูกตอบว่า “ใช่”
เขารู้ว่ายังไงก็ปิดบังพี่เสี่ยวเฟยไม่อยู่
หลี่เฟยอวี่คำราม “ฮ่า”ออกมาเสียงดัง “ฉันรู้อยู่แล้วเชียว!”
เขาเดาได้ว่าใครนัดลู่เฉิน…มันช่าง….ช่างน่าอิจฉาจริงๆ!
หลี่เฟยอวี่ไม่โง่ ทั้งยังเป็นผู้ช่วยของลู่เฉิน เขาเข้าใจเรื่องราวมากกว่าลู่ซีเสียอีก
“ถ้าอย่างนั้นก็เที่ยวให้สนุก คืนนี้ไม่ต้องกลับมาเป็นดี!”
ลู่เฉินพูดไม่ออก
เขาโบกเรียกรถรับจ้างข้างทาง จากนั้นบอกสถานที่แก่คนขับ
ที่อยู่เพิ่งถูกส่งมาในกล่องข้อความ
……………………………………………………………………………………..