Perfect Superstar - ตอนที่ 195 หมาน้อยฟ่านฟาน
ตอนที่ 195 หมาน้อยฟ่านฟาน
ฟ่านฟานเป็นนักข่าวสายบันเทิงคนหนึ่ง
เขาทำงานให้สำนักข่าวหลายแห่ง ที่โด่งดังที่สุดคือเป็นข่าวพิเศษของ ‘ข่าวบันเทิงรายวัน’
เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็น ‘ปาปารัสซี่’
คำว่าปาปารัสซี่เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อห้าสิบกว่าปีก่อนในอิตาลี มาจากช่างภาพชาวอิตาลี่ชื่อ Pignor Paparazzo ต่อมามีชื่อเสียงโด่งดังมาถึงฮ่องกง คนฮ่องกงเปลี่ยนจาก Paparazzi เรียกว่า Puppy (หมาน้อย) เพราะอย่างแรกคือออกเสียงคล้ายกัน อย่างที่สองเป็นการเปรียบเทียบนักข่าวที่คอยสะกดรอยตามแหล่งข่าวว่าเหมือนสุนัข
หมาน้อยชอบแอบสืบข่าวของนักแสดงศิลปินที่มีชื่อเสียงเอาไปสร้างเป็นกระแสข่าว เมื่อปี 80-90 ได้พัฒนามากขึ้นตามความโด่งดังและความนิยมของดาราในฮ่องกง ทั้งหมาน้อยของนิตยสารและช่องโทรทัศน์จับกลุ่มกัน ทำให้นักแสดงศิลปินทั้งหลายมีแต่ข่าวเสียหาย การใช้ชีวิตต้องหลบซ่อนอย่างยากลำบาก
เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ วงการบันเทิงภายในประเทศขยายตัวขึ้นไม่หยุด นักข่าวจากฮ่องกงถือโอกาสเดินทางขึ้นเหนือเพื่อหาลู่ทางต่อ จึงทำให้มีวงการหมาน้อยเกิดขึ้นในประเทศจีน ทำให้คนในวงการเปลี่ยนแปลงไป
ในเมืองหลวงแห่งนี้ มีทั้งนิตยสารรายปักษ์ เว็บไซต์จำนวนเป็นร้อยเป็นพัน องค์กรเหล่านี้มีนักข่าวอยู่มากมาย ฟ่านฟานเป็นหนึ่งในนั้น
เขาเรียนมหาวิทยาลัยในสาขาวารสารศาสตร์โดยถูกต้อง หลังจากจบการศึกษาไม่มีเส้นสายไม่อาจเข้าทำงานในสำนักข่าวใหญ่ได้ จึงลดตัวลงมาทำงานเป็นช่างภาพอยู่ในบริษัทสื่อส่วนตัวแห่งหนึ่ง ทำอยู่หลายปีถึงได้เป็นหมาน้อยผู้เปี่ยมด้วยประสบการณ์
อาศัยความอดทนอดกลั้น และความเฉียบคมในการเฝ้าติดตาม ฟ่านฟานทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม
แม้เมื่อคนในวงการเอ่ยถึงหมาน้อยแบบพวกเขา มีทั้งดูถูก ทั้งโกรธเคือง แต่ฟ่านฟานรู้ดีว่า การดำรงอยู่ของพวกเขาต้องอาศัยพวกนักแสดงศิลปิน
หมาน้อยอาศัยดาราทำมาหากิน นักแสดงถ้าไม่มีเหล่าหมาน้อยคอยติดตาม…แล้วยังจะเป็นนักแสดงอยู่ไหม
มักมีศิลปินที่ชอบเปิดเผยข่าวให้พวกหมาน้อยนำไปสร้างกระแส หรือถึงขั้นให้เงินจ้างพวกเขาทำข่าว
ฟ่านฟานได้รายได้จากทางนี้มาไม่น้อย
แต่พักหลัง งานของเขาไม่ค่อยราบรื่นนัก
หัวหน้าของฟ่านฟานไม่รู้ว่ากินยาผิดประเภทหรือถึงวัยหมดประจำเดือนก่อนเวลา ไม่มีเรื่องอะไรยังชอบมาหาเรื่องฟ่านฟาน ให้เขาเสียเปรียบ ทำให้เขาหงุดหงิดรำคาญใจ
ที่เกินไปกว่านั้นก็คือ กว่าจะถึงวันหยุดยาวในเทศกาลวันชาติจีน จากเดิมที่เขาควรจะได้พักผ่อนนอนตื่นสาย ผู้หญิงคนนั้นยังให้เขาออกไปหาข่าว บอกว่าคนอื่นหยุดงานได้ แต่นักข่าวไม่มีวันหยุด
โธ่เอ๊ย นักข่าวไม่ใช่คนเหรอไง?
หมาน้อยเชื่อฟังคำสั่งดีมาก!
ฟ่านฟานด้วยความโมโหจึงเดินทางออกจากเมืองหลวงมาอยู่ที่เมืองจินหลิง
เขาคิดอย่างรอบคอบแล้ว คิดเสียว่าหลบมาพักผ่อนท่องเที่ยวที่เมืองจินหลิง ดีกว่าอยู่ที่เมืองหลวงคอยกวนใจหญิงแก่คนนั้น
อาจจะได้ข่าวอะไรกลับไปก็ได้ เมื่อเดินเล่นรอบโรงถ่ายภาพยนตร์รอบหนึ่งแล้ว เขาหากองถ่ายละครสักเรื่องถ่ายภาพเก็บกลับไปก็พอแล้ว
ถ้าทำต่อไปไม่ได้ ฟ่านฟานก็คงต้องเตรียมตัวโบกมือลา
ที่นี่ไม่มีที่ให้ข้ายืน ต้องมีที่อื่นที่เป็นที่ของข้า!
ฟ่านฟานมาถึงเมืองจินหลิงตั้งแต่วันที่ 1 เที่ยวเล่นทั้งวันแล้ว
ปรากฏว่าทางสำนักข่าวโทรศัพท์มาตามงาน ฟ่านฟานรับปาก แต่ความจริงแล้วยังไม่ได้เริ่มหาข่าวเลย
วันนี้เขานอนตื่นสาย 10โมงเช้าเพิ่งลุกจากที่นอน จากนั้นก็ไปเดินเล่นอย่างสบายใจในโรงถ่ายทำภาพยนตร์จินหลิง
การเป็นนักข่าวคนหนึ่ง ฟ่านฟานไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก
เขาคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี อยากทำงานให้ลุล่วง ความจริงแล้วง่ายมากเลย
ใกล้เวลาเที่ยง ฟ่านฟานเดินเล่นจนเหนื่อยแล้ว กำลังคิดจะหาร้านอาหารใกล้ๆ เติมพลัง
อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนข้างหน้าร้องขึ้นว่า “เฉินเฟยเอ๋อร์!”
ได้ยินชื่อนี้ ฟ่านฟานหูผึ่งขึ้นมาทันที ราวกับสวิตช์บางอย่างในร่างกายถูกกดเปิด พลังงานไม่รู้มาจากไหนพวยพุ่งออกมา ความสนใจจับจ้องทันที…เป็นปฏิกิริยาตามอาชีพ!
เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นดาราใหญ่นี่นา!
เธอมาจินหลิงเหรอ?
ฟ่านฟานหันไปตามต้นเสียงทันที เห็นคนจำนวนมากรุมล้อมเข้าไปทางด้านนั้น มองไม่เห็นเงาของเฉินเฟยเอ๋อร์เลยสักนิด แต่กลุ่มคนกำลังตะโกนเรียกชื่อเธอเป็นการรับประกัน
ฟ่านฟานไม่ได้วิ่งเข้าไปหาข่าวทันที แต่มองซ้ายมองขวา
เขามองเห็นรูปปั้นแกะสลักใกล้กับจัตุรัส ฐานของมันเป็นหินแกรนิตสูงมาก
ฟ่านฟานวิ่งไปตรงนั้นทันที ปีนขึ้นไปด้านบน คว้ากล้องถ่ายรูปออกมาถ่ายจากด้านบน
สำหรับหมาน้อยทั้งหลาย การพกกล้องซูมระยะไกลเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งกว่าการพกเมียเสียอีก จะต้องมีอาวุธนี้ติดตัวอยู่ตลอดเวลา
ฟ่านฟานก็ไม่ต่างกัน แม้กล้องจะหนัก ปกติถ้าไม่ได้พกไปด้วย จะรู้สึกว่าในใจว่างเปล่าเหมือนขาดอะไรไป ตอนที่เขาไม่ได้ทำงานเขาก็ยังพกมันไปด้วยทุกที่
ความเคยชินนี้ทำให้เขาแย่งทำข่าวบันเทิงดังได้หลายข่าว!
ตอนที่กล้องซูมเข้าไป ลางสังหรณ์ของฟ่านฟานบอกว่าวันนี้เขาต้องได้ข่าวใหญ่
ปรับหัวกล้องไปทางซ้ายและขวาหลายรอบจนกล้องโฟกัสอยู่ตรงกลาง ภาพมัวปรับเป็นชัดเจน ฟ่านฟานจับร่างเฉินเฟยเอ๋อร์ได้แล้ว
เป็นราชินีเพลงรักตัวจริง ข้างกายเธอยังมี…
สายตาของฟ่านฟานเผ็ดร้อน ความจำของเขายังดีอยู่
นอกจากทำงานอาชีพหลักแล้ว เขายังชอบดูภาพถ่ายจากข่าวของเพื่อนร่วมสายอาชีพ ด้วยเหตุนี้นักแสดงมากมายที่มักแต่งตัวให้เปลี่ยนไป เขาก็ยังจำได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังสามารถล็อกตัวเป้าหมายเอาไว้ได้
เพราะมีความสามารถทางด้านนี้ ฟ่านฟานไม่กลัวจะไม่มีงานทำ
รายชื่อนักแสดงชื่อดังในวงการบันเทิง ฟ่านฟานจำได้ขึ้นใจ ทั้งยังอัพเดทอยู่เสมอ
เขาจำได้ว่าชายหนุ่มหล่อเหลารูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างเฉินเฟยเอ๋อร์คือลู่เฉิน ผู้ชนะเลิศในรายการขับร้องให้ก้องจีน เขายังจำได้อีกว่าเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นหนึ่งในสี่กรรมการด้วย ท่าทางของเธอดูชื่นชมลู่เฉินมาก
ทั้งสองคนมาปรากฏตัวที่นี่…
แน่นอนว่าไม่ได้มาพลอดรัก ด้านข้างยังมีกล้องถ่ายทำตั้งอยู่!
ถ่ายภาพยนตร์เหรอ?
ไม่เห็นได้ข่าวว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ถ่ายทำหนังหรือละครเลยนี่!
ฟ่านฟานไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม เขารีบกดชัตเตอร์รัวๆถ่ายรูปไปสิบกว่าใบ โดยให้ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์อยู่ในเฟรมเดียวกัน
เขาเลือกตำแหน่งถ่ายภาพได้ดีมาก คนรอบข้างไม่มีใครบดบังเขาได้เลย
ถ้าไม่มีคนมุงเหล่านี้จะดีมาก ฟ่านฟานสามารถ่ายภาพที่จะไปลงประกอบหัวข้อข่าวได้มากพอ
เช่น…‘เฉินเฟยเอ๋อร์แอบนัดกับลู่เฉิน ทั้งสองแอบคบกันในฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์’
ต้องขายดีแน่!
ฟ่านฟานเสียดายมาก เฉินเฟยเอ๋อร์พูดคุยกับลู่เฉินได้ไม่กี่ประโยคก็จากไป ไม่มีเวลาให้เขาถ่ายภาพต่อได้อีก
ส่วนที่ยืนอยู่ด้านข้างของทั้งสองคือซุนซาน ถูกฟ่านฟานมองข้ามไป
คนนั้นมาจากไหน?
นักข่าวฟ่านไม่ค่อยสนใจ เขาคิดเล็กน้อยแล้วรีบกระโดดลงมาจากแท่นหิน วิ่งตรงไปที่ถนน
ฟ่านฟานมีโชคอยู่บ้าง พอดีกับมีรถแท็กซี่ที่เปิดไฟว่างอยู่ แล่นผ่านมาจึงถูกเขาเรียกไว้
ฟ่านฟานกระชากประตูรถเปิดออกมา หย่อนก้นเข้าไปนั่ง ชี้ไปที่รถบีเอ็บดับเบิ้ลยูสีเงินด้านหน้าบอกคนขับด้วยความร้อนใจ “คนขับ คุณช่วยผมตามรถคันนั้นไป!”
คนขับแท็กซี่หันกลับมาถามเขาอย่างรู้ดี “คุณเป็นนักข่าวบันเทิงใช่ไหม? สำนักข่าวไหน?”
ฟ่านฟานได้ยินก็รู้ว่าคนนี้เป็นคนขับรถผู้โชกโชนตัวจริง รีบตอบว่า “ผมมาจากปักกิ่ง รู้กฎดี ผมจะให้เงินคุณเป็นสองเท่า!”
โรงถ่ายหนังใหญ่ทั้งสามแห่งของประเทศ โรงถ่ายหนังจินหลิงใกล้กับเมืองหลวงที่สุด ทั้งยังมีสภาพแวดล้อมที่ดีและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ดังนั้นบริษัทสร้างภาพยนตร์ของเมืองหลวงมักมาถ่ายทำที่นี่มากมาย
เมื่อมีภาพยนตร์หลายเรื่องนักแสดงก็มีมาก บรรดาหมาน้อยต้องมารวมตัวที่นี่เป็นธรรมดา การเรียกแท็กซี่ตามดาราเพื่อหาข่าวเกิดขึ้นจนเป็นเรื่องปกติ คนขับรถท้องถิ่นเคยชินแล้ว เรียกสิ่งนี้ว่า “พาหมามา”
“เหล่าหวัง คุณอยู่ที่ไหน ถึงเวลาเปลี่ยนกะแล้ว วันนี้ฉันได้พาหมามาได้สองตัวเชียวนะ!”
“ฉัน…ฉันอยู่บ้าน…”
ไม่เพียงแต่ไม่แปลกใจ พวกเขายังหาเงินได้มากกว่าเดิม โก่งราคาพวกหมาน้อย
เพื่อการหาข่าวที่รวดเร็ว เหล่านักข่าวสายบันเทิงไม่ใส่ใจกับเงินเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็เบิกกลับได้อยู่ดี
เห็นฟ่านฟานรู้งานเช่นนี้ คนขับรถยิ้มตาหยี “คุณนั่งให้ดี คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย รับรองว่าจะตามไม่ให้หลงเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้นผมจะชดใช้เงินให้คุณหนึ่งในสี่ส่วนของค่ารถ!”
ภายใต้การนำของคนขับ ฟ่านฟานติดตามรถบีเอ็มของเฉินเฟยเอ๋อร์มาจนถึงโรงแรมห้าดาวหรูหราแห่งหนึ่งในเขตเมือง
เขาจ่ายเงินแล้วลงจากรถ ไม่ได้เข้าไปในโรงแรม ทั้งยังหาที่แอบซ่อนตัวอยู่ด้านนอก เตรียมรอเวลาออกรบ
การซุ่มดักรอแบบนี้อาจจะคว้าน้ำเหลว ทำให้เขาเสียเวลาเปล่า
แต่ถ้าคอยอยู่ก็ยังมีโอกาส หากไม่เฝ้าคอยจะสูญเสียโอกาสทั้งหมด!
ฟ่านฟานทำงานในวงการนี้มาเจ็ดปี เข้าใจหลักการเป็นอย่างดี
และทั้งหมดเป็นการตอกย้ำว่า การยืนหยัดของเขาเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
บ่ายสี่โมงกว่า ฟ่านฟานเห็นเฉินเฟยเอ๋อร์เดินออกมาจากโรงแรม
แม้ราชินีเพลงรักเธอจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แม้ยังคงสวมหมวกและแว่นตากันแดด แต่ผมยาวดำสลวยของเธอยังเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
ฟ่านฟานจับจ้องทุกรายละเอียด โดยเฉพาะบรรดาดาราศิลปิน บางคนเพื่อจะหลบหลีกจากหมาน้อยถึงขั้นปลอมตัวไปเลยก็มี
เฉินเฟยเอ๋อร์ดูระมัดระวัง ถึงกับเปลี่ยนรถที่ใช้เป็นเบนซ์สีดำ
น่าเสียดายที่ถูกฟ่านฟานจับตามองอยู่แล้ว จึงไม่อาจหนีไปไหนได้
ฟ่านฟานรีบอาศัยจังหวะก่อนที่รถยนต์จะออกจากโรงแรมเขาเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งไว้ ติดตามรถเบนซ์สีดำคันนั้นไปอย่างกระชั้นชิด
สุดท้ายก็ตามมาถึงร้านอาหารว่างเจียงโหลวที่อยู่ริมแม่น้ำ
ร้านอาหารว่างเจียงโหลวเป็นร้านเก่าแก่มีอายุเป็นร้อยปีของเมืองจินหลิง มีชื่อเสียงโด่งดังในเมือง นั่งในร้านนี้สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้โดยรอบ นักท่องเที่ยวมากมายต่างต้องลงชื่อจองถึงจะได้มา
ฟ่านฟานมองเฉินเฟยเอ๋อร์ที่เข้าไปในร้านคนเดียว
เขาไม่ได้ตามเข้าไป
เพราะฟ่านฟานรู้ดีว่า เวลานี้เป็นเวลาทอง คนในร้านแน่นจนไม่มีที่นั่ง
เฉินเฟยเอ๋อร์ต้องให้คนจองที่นั่งเอาไว้ก่อนแล้ว
ในนั้นถ้าเขาอยากหาที่แอบถ่ายเฉินเฟยเอ๋อร์ จะต้องถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจับส่งตำรวจแน่นอน
ดังนั้นฟ่านฟานวิ่งไปที่หน้าร้านทางริมฝั่งแม่น้ำ ใช้กล้องถ่ายรูปเล็งโฟกัสเข้าไปในร้าน
เขากำลังลงพนัน พนันว่าที่นั่งของเฉินเฟยเอ๋อร์ต้องอยู่ริมหน้าต่าง
ถ้าอยากถ่ายอะไรดีๆ ได้ ตรงนี้จะเป็นตำแหน่งและโอกาสที่ดีที่สุด
ฟ่านฟานพนันได้ถูกต้อง กล้องของเขาจับภาพเฉินเฟยเอ๋อร์ได้ นั่งอยู่ริมหน้าต่างจริงๆ ด้วย
หมาน้อยตัวนี้เริ่มรอคอยอย่างอดทน
เขาไม่เชื่อว่าผู้ช่วยของเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ด้วย เพียงเพื่อมานั่งรับประทานอาหารที่ร้านอาหารว่างเจียงโหลวคนเดียว
มันบังเอิญเกินไป!
คิดแล้วฟ่านฟานระงับความตื่นเต้นไม่ได้ สารอะดรีนาลีนหลั่งออกมาอย่างรวดเร็ว
………………………………………………………………………………….