Perfect Superstar - ตอนที่ 328 ห่างกันชั่วคราวแต่รักกันมากกว่าเพิ่งแต่งงาน
ตอนที่ 328 ห่างกันชั่วคราวแต่รักกันมากกว่าเพิ่งแต่งงาน
ตอนที่ลู่เฉินกลับมาถึงคอนโดมิเนียมที่จื่อเฉิงย่วน ก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว
อาหารมื้อดึกครั้งนี้กินกันนานกว่าสองชั่วโมง ไม่เสียแรงที่เลี่ยวเจี่ยเป็นนักกินที่มีชื่อเสียงในวงการ สามารถหาร้านอาหารรสชาติชั้นหนึ่งในละแวกใกล้เคียงได้ทุกที่ ต่อโต๊ะรวมกันได้คนสิบกว่าคนพอดี
หลินจื้อเจี๋ยก็มาด้วย ไม่ใช่เพราะสาเหตุจากลู่เฉินเท่านั้น เขากับเลี่ยวเจี่ยก็เป็นเพื่อนกัน ถึงได้มาพบปะเจอหน้ากันพอดี
ส่วนเรื่องของสือกัง หลินจื้อเจี๋ยมีความสนใจมาก ตอนนี้เฟยสือเรคคอร์ดกำลังขยายกองกำลังพอดี มีศิลปินหน้าใหม่เซ็นสัญญาภายใต้สังกัดของเขาอยู่ไม่น้อย เหมือนอย่างวงเวนส์เดย์ที่กลับมาโด่งดังอีกครั้ง ขอเพียงหยิบผลงานเพลงที่เยี่ยมยอดออกมา ก็สามารถอยู่ในสายตาของเขาได้เช่นกัน
แน่นอนว่าเรื่องการเซ็นสัญญาหลินจื้อเจี๋ยไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้ ยังต้องปรึกษาหารือและสำรวจตรวจสอบก่อน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขรายละเอียดแบบเฉพาะเจาะจงอีกมากมาย
สำหรับสือกัง แค่ได้พูดคุยกับหลินจื้อเจี๋ยก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ไม่ว่าสุดท้ายจะได้เซ็นสัญญาเข้าบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดหรือไม่ เขาก็ติดหนี้น้ำใจก้อนโตของลู่เฉินแล้ว
ดังนั้นคืนนี้ทุกคนจึงมีความสุขมาก ระหว่างที่รับประทานอาหารลู่เฉินถูก ‘พี่ใหญ่’ สองสามคนมอมเหล้า สุดท้ายหวังจิ้งต้องขับรถมาส่งเขา…เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ไม่แตะเหล้า
ขับไปถึงตึกที่เจ็ดตามที่ลู่เฉินบอกทาง จากนั้นหวังจิ้งจึงถามว่า “ให้ฉันส่งนายขึ้นไปข้างบนไหม”
ลู่เฉินคลึงหัวคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก เธอขับรถกลับไปได้เลย วันพรุ่งนี้ขับไปที่สตูดิโอก็พอ”
ถึงแม้จะดื่มเหล้าไปเยอะ แต่เขาก็ไม่ถึงขั้นเมาจนกลับบ้านไม่ได้
หวังจิ้งลังเลเล็กน้อย แล้วพยักหน้ากล่าวว่า “โอเค งั้นเจอกันวันพรุ่งนี้”
“ขอบคุณนะ!”
ลู่เฉินยิ้มให้เธอ แล้วเอ่ยว่า “ดึกมากแล้ว เธอขับรถระวังหน่อย ขับช้าๆ นะ”
พูดจบ ลู่เฉินก็เปิดประตูเดินลงจากรถ
หวังจิ้งมองตามจนเงาร่างของเขาหายไปจากสายตาของตัวเอง เธอจึงถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็ขับรถออกไป
รูดการ์ดเปิดประตูลิฟต์ ลู่เฉินขึ้นไปที่ชั้นสิบเจ็ดโดยตรง
พอถึงบ้าน เขาก็หยิบกุญแจเปิดประตู หลังจากเข้าไปแล้วก็เปิดไฟก่อน
หรี่ตาพยายามคุ้นชินกับแสงสว่างสักพัก ลู่เฉินถอดเสื้อโค้ตตัวหนาออก แล้วพาดทิ้งไปที่โซฟา
“ทำไมกลับมาดึกจัง”
ขณะที่เขากำลังเตรียมตัวจะอาบน้ำร้อนๆ ในห้องอาบน้ำ ทันใดนั้นเสียงที่ไพเราะก็ดังขึ้น
ลู่เฉินสะดุ้งตกใจ หันไปมองโดยสัญชาตญาณ มองเห็นเพียงสาวสวยยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนใหญ่ กำลังขยี้ตาด้วยความง่วงนอน
เฉินเฟยเอ๋อร์!
อารมณ์ของลู่เฉินดีใจสุดๆ เขารีบเดินเข้าไปถาม “คุณกลับมาเมื่อไรครับเนี่ย”
ขณะที่ถาม ลู่เฉินก็อ้าแขนทั้งสองข้างดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
เฉินเฟยเอ๋อร์สวมชุดนอนผ้าฝ้ายลายเฮลโลคิตตี ท่าทางสะลึมสะลือน่ารักเหมือนสาวน้อย ลู่เฉินได้กลิ่นหอมละมุนเฉพาะตัวของเธอ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดพลันหายไป
หลังจากกลับมาจากปักกิ่งครั้งที่แล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันจริงๆ จังๆ สองวันก่อนเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ถ่ายโฆษณาอยู่ต่างเมือง
คิดไม่ถึงว่าคืนนี้จะเซอร์ไพรส์เขามากๆ!
ลู่เฉินอดหอมแก้มเธอไม่ได้ รู้สึกดีที่สุด
เขากอดเธอเหมือนกับได้กอดโลกทั้งใบ ไม่ต้องการอะไรแล้ว
เฉินเฟยเอ๋อร์ได้สติ จึงหัวเราะคิกคักเอ่ยว่า “เพิ่งกลับมาตอนเย็น แล้วก็เลยมาที่นี่ นาย…”
ทันใดนั้นเธอก็ทำจมูกฟุดฟิด เผยใบหน้าที่รังเกียจออกมา “นายดื่มเหล้าไปเท่าไรเนี่ย”
ลู่เฉินหัวเราะฮิๆ
เฉินเฟยเอ๋อร์บีบจมูกด้วยความรังเกียจ “เหม็นมาก นายอย่าเอามาติดฉันนะ รีบไปแปรงฟันอาบน้ำเลย!”
ลู่เฉินได้แต่ปล่อยมือด้วยความขุ่นเคือง
“เป็นเด็กดีมาก…”
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดพลางยิ้มกริ่ม “มีรางวัลให้นะ!”
…
เช้าตรู่ ลู่เฉินตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงร้องเจื้อยแจ้วของนกน้อย
บริเวณใกล้ๆ จื่อเฉิงย่วนมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในฐานะเขตชุมชนระดับไฮเอนด์ พื้นที่สีเขียวทั้งในและนอกเขตชุมชนแห่งนี้จึงดีมาก ดังนั้นจึงมีนกกระจอกมากมายมาทำรัง ยามเช้าก็ได้ยินเสียงนกร้องออกหาอาหาร ปลุกผู้คนให้ตื่นนอน
ลู่เฉินตื่นขึ้นมา จูบเฉินเฟยเอ๋อร์อย่างหอมหวาน แล้วจึงลุกขึ้นจากเตียงอย่างมีพลัง
วันนี้ยากนักที่เขาไม่ได้ออกกำลังตอนเช้า หากแต่วิ่งเข้าไปในห้องครัวหยิบวัตถุดิบอาหารออกมาจากในตู้เย็น ลงมือทำอาหารเช้ามื้อใหญ่ด้วยตัวเอง ทอดไข่ดาว ทำข้าวต้ม ทอดเบคอน…
ไม่รู้ว่าเฉิยเฟยเอ๋อร์ตื่นนอนตอนไหน สวมชุดนอนเดินมาที่ห้องครัว
เธอสวมกอดลู่เฉินจากด้านหลัง เอาใบหน้าแนบติดกับแผ่นหลังที่กำยำของเขา แล้วพูดพึมพำว่า “นายคิดว่าต่อไปพวกเราใช้ชีวิตแบบนี้ทุกวัน ดีไหม”
ลู่เฉินวางตะหลิว หมุนตัวโอบกอดเธอ แล้วยิ้มพูดว่า “ผมไม่ปัญหาอยู่แล้วครับ!”
เฉินเฟยเอ๋อร์เบ้ปาก ถอนหายใจอย่างจนใจ
เธอเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่อยู่ตามลำพังกับลู่เฉินเป็นอย่างมาก ถ้าอยากจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ทุกวัน ก็จำเป็นต้องทิ้งงานของเธอ
นี่ไม่ใช่เธอ อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นความปรารถนาทั้งหมดของเธอ
ดังนั้นคำพูดเมื่อครู่จึงพูดเฉยๆ เท่านั้น
ลู่เฉินมองออกทุกอย่าง จึงกลั้นหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ความจริงไม่ต้องอยู่ด้วยกันแบบนี้ทุกวันก็ได้ ขอแค่พี่ต้องการผมก็พร้อมจะอยู่กับคุณฟรีๆ ทุกเมื่อ คุณคิดว่ายังไงครับ”
“พูดได้น่าฟังมาก!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ขำ ความกลุ้มใจเล็กๆ เมื่อครู่มลายหายไปแล้ว
ลู่เฉินยิ้มพลางพูดว่า “กินอาหารเช้ากันเถอะครับ”
ทั้งสองคนกินอาหารมื้อเช้าอันแสนอบอุ่นด้วยกันอย่างหวานชื่นและใกล้ชิดสนิทสนม
กินเสร็จก็เป็นเวลาเก้าโมงกว่าใกล้จะสิบโมงแล้ว
เฉินเฟยเอ๋อร์ใช้ผ้าเช็ดปากเช็ดปาก เริ่มเก็บจานชาม แล้วถามไปเรื่อยเปื่อยว่า “เมื่อคืนนายดื่มเหล้ากับใครทำไมดึกขนาดนั้น”
ลู่เฉิน “เอ่อ…”
เขาคิดว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะยังจำได้
เฉินเฟยเอ๋อร์ทำเสียง ‘เชอะ’ หนึ่งที “นายไม่พูดฉันก็รู้ ต้องถูกเลี่ยวเจี่ยลากไปแน่นอนใช่ไหม”
ถึงแม้เฉินเฟยเอ๋อร์จะไม่ได้ไปร่วมงาน 72H แต่เธอก็รู้เรื่องไม่น้อย
ลู่เฉินพูดอย่างขมขื่น “พี่จื้อเจี๋ยก็อยู่ด้วย”
เขารู้ว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ชอบเลี่ยวเจี่ยมากๆ แน่นอนว่ายิ่งไม่ชอบที่เลี่ยวเจี่ยลากเขาไปดื่มเหล้า
ความจริงก็แค่สองสามครั้งเอง
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดแบบไม่พอใจ “นายอย่าเอาพี่จื้อเจี๋ยมาเป็นตัวกั้น ต่อไปต้องไปมาหาสู่กับเลี่ยวเจี่ยน้อยๆ หน่อยเขาเป็นคนชอบเฮฮาปาร์ตี้ สุรา นารี การพนันครบหมดทุกอย่าง นายอยู่กับเขาจะไม่เสียคนเหรอ”
ลู่เฉินยิ้มเจื่อนๆ
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่คัดค้านที่นายจะคบเพื่อน อย่างเช่นพี่ถาน พี่หลินพวกเขานั้นดีมาก แต่มีบางคนที่ไม่น่าคบค้าสมาคมด้วย เหล้าก็ต้องดื่มให้น้อยลงเหมือนกัน คนในวงการทำเรื่องผิดพลาดเพราะดื่มเหล้าเยอะก็มีถมไป!”
ลู่เฉินยอมแพ้ “ผมรู้แล้วครับ”
เขารู้ว่าเฉินเฟยเอ๋อร์หวังดีกับตัวเอง
เฉินเฟยเอ๋อร์ได้ทีขี่แพะไล่พูดตอกย้ำอีก “สองสามวันนี้ไม่ต้องออกไปข้างนอก ฉันต้องทำอัลบั้มให้เสร็จ!”
ลู่เฉินทำท่าเคารพ “น้อมรับคำสั่งครับ ภรรยาที่เคารพ!”
เฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดงขณะเอ่ยว่า “ใครเป็นภรรยาของนาย ตอนนี้นายยังอยู่ในช่วงพิจารณา ระวังฉันจะเตะนายออกไปเมื่อไรก็ได้!”
กริ๊ง~
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังหยอกล้อกัน โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาในห้องรับแขกพลันดังขึ้น
ลู่เฉินจึงได้แต่ปล่อยเฉินเฟยเอ๋อร์ แล้ววิ่งไปรับสาย
คนที่โทรมาหาเขาคือลู่ซี
เขากับพี่สาวคุยกันสองสามประโยคก็วางสาย
เฉินเฟยเอ๋อร์เห็นสีหน้าของเขาดูแปลกๆ จึงอดเดินเข้าไปถามไม่ได้ “เป็นอะไรคะ”
ลู่เฉินเอ่ยว่า “พี่สาวกับทางเอสพีจีตกลงกันเรียบร้อยแล้วครับ!”
เอสพีจีก็คือบริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์ของเกาหลีใต้ ช่วงนี้ทางเอสพีจีกำลังเจรจากับสตูดิโอลู่เฉินเพื่อขอซื้อละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’
เนื่องจากเงื่อนไขของเอสพีจีค่อนข้างโหด ดังนั้นลู่ซีกับปาร์คชงโฮตัวแทนของเอสพีจีจึงเจรจากันลำบากมาก
คิดไม่ถึงว่าเช้าวันนี้จะได้ผลสรุปแล้ว
เฉินเฟยเอ๋อร์ก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน จึงดีใจมาก “จริงเหรอเอสพีจีซื้อขาดในราคาเท่าไร”
“หนึ่งพันล้านวอน!”
…………………………………………………………………………