Perfect Superstar - ตอนที่ 386 ปูทางล่วงหน้า
ตอนที่ 386 ปูทางล่วงหน้า
“ลู่เฉินครั้งนี้ต้องขอบใจนายมาก!”
หวังเสี่ยวหลิงดวงตาวาว กล่าวกลับลู่เฉินด้วยความจริงใจ “ฉันคิดไม่ถึงเลยว่านายจะมาได้”
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในบ้าน ห้องนอนของเธอถูกเพื่อนเจ้าสาวเฝ้าคุม เกาเฮ่อถูกกันไว้อยู่ข้างนอกเข้ามาไม่ได้ เธอกระวนกระวายใจจริงๆ กลัวว่าอารมณ์อันวู่วามของเกาเฮ่อจะทำให้ทั้งสองฝ่ายบาดหมางกัน
เพราะการกลั่นแกล้งเจ้าบ่าวที่มารับตัวเจ้าสาวจนเกิดเรื่องวุ่นวายก็มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย บางคู่ถึงกับเลิกลากันไปเลย
โชคดีที่สวรรค์ส่งลู่เฉินมาช่วยจึงจัดการกับพวกญาติพี่น้องของเธอได้อย่างง่ายดาย ทำให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดไปได้อย่างราบรื่น ในใจจึงรู้สึกซาบซึ้งมาก
ลู่เฉินหัวเราะ “พี่สะใภ้ พูดอะไรแบบนั้น ฉันกับลูกพี่สนิทกันขนาดนี้!”
เกาเฮ่อกุมมือหวังเสี่ยวหลิง ยิ้มอย่างจริงใจ
หวังเสี่ยวหลิงเม้มปากยิ้ม “เอาเป็นว่าต้องขอบใจนาย ได้ข่าวว่าเฉินเฟยเอ๋อร์แฟนของนายก็มาด้วยเหรอ”
ลู่เฉินพยักหน้า “พรุ่งนี้จะพาเธอมาพบกับเจ้าสาว”
หวังเสี่ยวหลิงดีใจ “ดีจังเลย ฉันเป็นแฟนคลับของเธอนะ!”
ลู่เฉินถามเกาเฮ่อ “ลูกพี่ ตอนนี้งานเป็นยังไงบ้าง”
ตอนที่เกาเฮ่อยังเรียนไม่จบ ก็ได้งานที่เมืองจี่เฉิงซึ่งเป็นบ้านเกิดแล้ว แต่สุดท้ายแล้วเพื่อความรักจึงเลือกอยู่ในเมืองหังโจวต่อ โจวรุ่ยบอกว่าเขากับหวังเสี่ยวหลิวทำงานด้วยกันในบริษัทเกมแห่งหนึ่ง
โจวรุ่ยบอกเล่าไม่ค่อยครบถ้วน ลู่เฉินคิดว่างานนี้น่าจะเป็นงานทั่วไป เทียบไม่ได้กับบริษัทเฟยเถิงที่เจ้าสี่ทำงานอยู่
ดังนั้นเขาจึงถามอย่างเป็นห่วง
เกาเฮ่อไม่ปิดบัง บริษัทที่เขากับหวังเสี่ยวหลิงทำงานอยู่นั้นไม่ใหญ่ เป็นบริษัทเกมที่ตั้งขึ้นเมื่อปีก่อน ส่วนใหญ่เน้นผลิตเกมเบราว์เซอร์และเกมมือถือ ตอนนี้มีเกมเล็กๆ สองเกมที่ขายได้ไม่ค่อยดีนัก
“เงินเดือนก็พอกินพอใช้แหละ…”
เกาเฮ่อตอบ “บริษัทเล็กๆ ก็มีข้อดี อย่างน้อยฉันได้จับงานหลายอย่าง ตอนนี้ฉันเรียนรู้และฝึกฝนเป็นหลัก สั่งสมประสบการณ์เพียงพอแล้วค่อยย้ายงานหรือไม่ก็ออกไปทำงานของตัวเอง”
เขาเสริมอีกว่า “ตอนนี้เกมมือถือกำลังมาแรง เกมเล็กๆ เกมหนึ่งสร้างผลประกอบการได้หลายล้านต่อเดือน แต่ก็แน่นอนว่ามีการแข่งขันที่สูงมาก”
เกาเฮ่อมีความคิดเป็นของตัวเอง เขาไม่อยากให้หวังเสี่ยวหลิงต้องลำบากไปกับเขาเช่นนี้ตลอดไป บ้านในเมืองหังโจวก็แพงขนาดนี้ อาศัยแค่เงินเดือนตอนนี้ไม่อาจซื้อบ้านสักหลังได้ ถ้ามีโอกาสเขาก็อยากสร้างกิจการของตัวเอง
แม้การสร้างธุรกิจจะมีความเสี่ยงสูง แต่ถ้าไม่มีความเสี่ยงเลย แล้วจะมีผลตอบรับที่สวยงามได้อย่างไร
เกาเฮ่อพูดล้อเล่นกับลู่เฉิน “ต่อไปถ้าฉันมีเกมมือถือของตัวเอง จะให้นายมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ นายต้องลดราคาให้ฉันเยอะๆ เลยนะ ฮ่าๆๆ!”
ทุกวันนี้สมาร์ตโฟนกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เกมมือถือก็ได้รับการพัฒนาตาม ตลาดขยายใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนน่าตกใจ
ดารานักแสดงเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเกมมือถือเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป ลู่เฉินเองก็ได้รับคำเชิญจากหลายบริษัท แต่เขาปฏิเสธไปหมด…ไม่ใช่เพราะราคาค่าตัวถูก แต่เพราะระดับไม่เพียงพอ
ทว่าตอนนี้เขากลับกำลังคิดอยู่เรื่องหนึ่ง
ลู่เฉินเรียนคณะคอมพิวเตอร์ในมหาวิทยาลัย ค่อนข้างรู้เรื่องเกี่ยวกับสมาร์ตโฟนและเทรนด์บันเทิงเป็นอย่างดี รู้ว่ายุคนี้การสร้างเกมมือถือขึ้นมาสำคัญที่ความคิดสร้างสรรค์และความแปลกใหม่
เกมมือถือที่แปลกแหวกแนว ต่อให้เป็นแค่ภาพสองมิติธรรมดาก็ยังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ส่วนเกมมือถือสามมิติอันสวยงามที่ลงทุนผลิตด้วยงบมหาศาล แต่กลับล้มเหลวก็มีถมไป
ในโลกแห่งความฝันของลู่เฉิน มีเกมที่เป็นตำนานมากมาย รวมทั้งเกมมือถือที่ดังแค่ชั่วครั้งชั่วคราวก็มีไม่น้อย ล้วนเป็นขุมทรัพย์ที่รอให้มีการขุดค้น
ถ้าไม่ได้อยู่บนเส้นทางที่เดินอยู่ในทุกวันนี้ เขาจะต้องเหมือนกับเกาเฮ่อ ที่ต้องทำงานสั่งสมประสบการณ์และสะสมเงินทุนในบริษัทเกมก่อน จากนั้นค่อยออกมาสร้างกิจการของตัวเอง อาศัยขุมทรัพย์ที่ได้จากความฝัน เชื่อว่าเขาก็คงจะสร้างกิจการที่แท้จริงขึ้นมาได้เช่นกัน
ลู่เฉินคิดแล้วเอ่ยว่า “ลูกพี่ ทำงานถึงแค่ปีนี้แล้วก็ออกมาเถอะ ฉันจะลงทุนให้นายทำเกมมือถือเอง”
เกาเฮ่ออึ้ง “เจ้าสาม ฉันแค่พูดเล่น”
เขาไม่สงสัยในความมั่งมีของลู่เฉิน แต่กลับไม่ค่อยมั่นใจความสามารถของตัวเอง เพราะเพิ่งจะเข้ามาทำงานด้านนี้ได้ไม่นาน แค่ทำงานของตัวเองได้ไม่มีปัญหา แต่จะให้ตั้งบริษัทและบริหารกิจการนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ลู่เฉินอาจจะไม่สนหากลงทุนแล้วล้มเหลว แต่ตัวเขาเองรับไม่ได้!
ลู่เฉินส่ายหน้า “แต่ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันวางแผนไว้อย่างนั้นจริงๆ นายก็รู้ว่าฉันไปบริหารบริษัทผลิตเกมด้วยตัวเองไม่ได้ ถ้าให้นายทำ ฉันถึงจะวางใจ”
ลู่เฉินคิดดีแล้ว ให้คนอื่นได้ผลประโยชน์สู้ให้เกาเฮ่อไม่ดีกว่าเหรอ และเขาก็ทำเพื่อปูทางล่วงหน้าให้กับโครงการผลงานลิขสิทธิ์ขนาดใหญ่ของตัวเองด้วย ต้องรู้ว่าลิขสิทธิ์เกมนั้นเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล
ตอนนี้ลู่เฉินพยายามผูกสัมพันธ์หาเส้นสายโดยการแบ่งปันผลประโยชน์เพื่อที่จะได้ยืนหยัดอย่างมั่นคง แต่ผลประโยชน์หลักของโครงการผลงานลิขสิทธิ์ขนาดใหญ่ เขาต้องควบคุมมันไว้อยู่ในกำมือทั้งหมด
อย่างเช่นนิยาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่กำลังอัปเดตตอนใหม่ในเว็บไซต์ล่างฉาวบุ๊ก ถ้าในอนาคตหนังสือเล่มนี้ขายดี สุดท้ายจะกลายเป็นผลงานลิขสิทธิ์ที่ดีอย่างหนึ่ง การนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ย่อมเกิดขึ้น ส่วนการจะทำเป็นเกมนั้นก็ขาดไม่ได้
แทนที่จะขายลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในคราวเดียว ทำไมไม่ลองใช้ประโยชน์จากลิขสิทธิ์ให้เต็มที่เพื่อหาผลประโยชน์ให้มากขึ้นเล่า
ลู่เฉินไม่มีกำลังจะไปทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่เขาลงทุนได้ ซื้อบริษัทที่เกี่ยวข้องได้ สุดท้ายก็สร้างอาณาจักรบันเทิงขึ้นมาแห่งหนึ่ง
นี่ถึงจะเป็นความทะเยอทะยานขั้นสูงสุดของลู่เฉินที่มุ่งหน้าสู่หนทางการเป็นเพอร์เฟกต์ซูเปอร์สตาร์!
เกาเฮ่ออยากจะพูดอะไรอีก แต่ถูกหวังเสี่ยวหลิงเหยียบเท้าไว้
เจ้าสาวถลึงตามองเจ้าบ่าวด้วยสายตาเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้…นายปัญญาอ่อนเหรอ โอกาสดีๆ มาอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ทำไมไม่ไขว่คว้าไว้ คิดว่าตัวเองจะมีปัญญาสร้างธุรกิจขึ้นมาเองได้จริงๆ เหรอ
พึ่งพาเพื่อนฝูง อาศัยเส้นสายไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย ขอแค่ตั้งใจและพยายามให้สมกับเงินลงทุนและการสนับสนุนของลู่เฉิน ก็ไม่มีอะไรให้ต้องละอายใจแล้ว!
เกาเฮ่อรู้สึกกระดากใจ “ให้ฉันคิดดูก่อนนะ”
ในสมองของเขาสับสนวุ่นวาย ทั้งดีใจทั้งหวาดหวั่น เป็นจิตใจของกี๊ก (Geek) โดยแท้
ลู่เฉินหัวเราะ “วันนี้นายยังไม่ต้องคิด วันนี้หน้าที่ของนายคือการทำตัวให้สมกับเป็นเจ้าบ่าว!”
เกาเฮ่อพยักหน้า
เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวตะวันก็ใกล้จะตกดินแล้ว
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของเกาเฮ่อกับหวังเสี่ยวหลิงจัดขึ้นที่ชั้นสองของโรงแรม คู่บ่าวสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถึงตรงประตูทางเข้าเพื่อต้อนรับแขก
ลู่เฉินเนื่องจากมีสถานะพิเศษจึงไม่ได้ไป เขานั่งอยู่ในห้องจัดเลี้ยง ยังคงเป็นจุดสนใจของคนทั้งงาน!
ส่วนคนที่รู้สึกมีหน้ามีตาที่สุดคงจะเป็นครอบครัวของหวังเสี่ยวหลิง
พ่อตาแม่ยายของเกาเฮ่อเดิมทีคัดค้านหัวชนฝาไม่ให้ทั้งสองรักกัน ไม่อยากให้ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนไปอยู่กับคนต่างถิ่นที่ไม่มีเงินไม่มีอำนาจ สุดท้ายปีๆ หนึ่งได้พบกันแค่ไม่กี่ครั้ง นอกเสียจากจะซื้อบ้านอยู่ในเมืองหังโจว
แต่จนใจที่หวังเสี่ยวหลิงนั้นช่างเด็ดเดี่ยว ไปจดทะเบียนสมรสเสียเลย พ่อแม่ของหวังเสี่ยวหลิงแม้จะไม่เต็มใจแค่ไหนก็จำต้องยอมรับ ไม่เช่นนั้นไม่เพียงแต่จะสูญเสียลูกสาวไป ยังจะถูกญาติและเพื่อนฝูงหัวเราะเยาะเอาได้
แน่นอนว่าหากจะหวังให้ทั้งสองท่านช่วยจัดงานแต่งอย่างมีความสุขนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่า ดาราดังอย่างลู่เฉินจะมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้เกาเฮ่อ แถมยังมาร่วมรับตัวเจ้าสาวที่บ้านด้วย ทำให้บ้านหวังเป็นประเด็นร้อนที่พวกเพื่อนบ้านกล่าวถึง…มีหน้ามีตาเหลือเกิน
เมื่อก่อนพ่อแม่ของหวังเสี่ยวหลิงเคยได้ยินลูกสาวพูดให้ฟังว่ามีเพื่อนที่เก่งสุดยอดอยู่หลายคน ไม่รู้จริงๆ ว่าลู่เฉินกับเกาเฮ่อจะสนิทกันขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นจะทำตัวเป็นคนใจร้ายพยายามจับคู่รักแยกจากกันตั้งแต่แรกไปทำไม
ลู่เฉินแค่เอ่ยออกมาคำเดียว เกาเฮ่ออาจจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์แล้ว
อย่ากล่าวหาที่ทั้งสองเห็นแก่ผลประโยชน์เลย เมื่อกี้ผู้จัดการของโรงแรมมาถึงที่เพื่อเชิญลู่เฉินไปถ่ายรูปร่วมกันด้วยท่าทางนอบน้อม พร้อมทั้งขอให้มอบข้อความไว้เป็นที่ระลึก จากนั้นลู่เฉินพูดเพียงไม่กี่ประโยค ค่าจัดงานแพงหูฉี่ก็ลดลงไปเยอะ อย่างน้อยประหยัดลงไปได้หลายหมื่นหยวน
ความจริงแล้วพ่อแม่ของหวังเสี่ยวหลิงไม่อยากให้ลูกสาวสุดที่รักต้องไปตกระกำลำบาก เกาเฮ่อมีเพื่อนที่สุดยอดขนาดนี้ ทำให้พวกเขาวางใจได้มากขึ้น
พวกเขายังโชคดีที่ไม่ได้ลดมาตรฐานการจัดงานลงต่ำเกินไป และเชิญพิธีกรงานแต่งงานมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงต้องขายหน้าต่อหน้าเพื่อนฝูงและเครือญาติ
ตามเวลาที่ล่วงเลยไป แขกที่มาร่วมงานมงคลมาถึงเกือบจะครบแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวกลับเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง งานแต่งงานเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
“นกนางแอ่นโบยบินในวันมงคล ภาพของคู่ยวนยางช่างสวยงาม ดอกเหมยแดงส่งกลิ่นขจร ดอกจือหลันอยู่เคยเคียง!”
“วันนี้วันที่ 18 มิถุนายน 2016 ด้วยความปีติชื่นมื่น ความสุขกำลังงอกเงย ในวันมงคลนี้ พวกเราใช้สุราร่วมดื่มฉลอง อวยพรให้กับคุณเกาเฮ่อและคุณหวังเสี่ยวหลิงคู่บ่าวสาวในวันฉลองมงคลสมรสด้วยค่ะ”
“เมื่อดนตรีแห่งพิธีวิวาห์เริ่มต้นขึ้น จิตวิญญาณของคนมีรักจะได้ประสบพบกันเกิดเป็นดวงไฟอันสุกสกาว คู่บ่าวสาวจูงมือกันเดินเข้าสู่แท่นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์!”
บทกลอนขับกล่อมดังขึ้นจากพิธีกรงานแต่งงาน ดนตรีแห่งงานวิวาห์บรรเลงขึ้น ทำให้ทั้งห้องจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความชื่นมื่น
คู่บ่าวสาวในชุดแต่งงานเต็มยศเข้าสู่พิธีการ หวังเสี่ยวหลิงในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ใบหน้าเกลื่อนยิ้ม เธอไม่เคยดูสวยเท่านี้มาก่อน ส่วนเกาเฮ่อก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมฮึกเหิมมีชีวิตชีวา
คู่บ่าวสาวดึงดูดสายตาทุกคู่ในงานให้จับจ้อง แม้แต่ลู่เฉินยังถูกลดตำแหน่งกลายเป็นตัวประกอบ
“เรือที่ผูกด้วยกันร้อยปี วาสนาที่ได้เคียงคู่สั่งสมมาพันปี ชีวิตคนราวกับดอกไม้ ความรักเหมือนเกสรอันหอมหวาน เมื่อความรักสุกงอม หญิงชายจึงร่วมงานตกลงเป็นสามีภรรยา เป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจที่สุดช่วงหนึ่งของทุกชีวิต”
“ณ ที่นี้ พวกเรามาร่วมยินดีกับหัวใจที่ผูกกันทั้งสองดวง ให้พวกเขารักกันจนแก่เฒ่า! พวกเรามาร่วมอวยพรให้คู่บ่าวสาวให้อยู่คู่กันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร อยู่เคียงข้างกันไปจนตราบชั่วฟ้าดินสลาย ขอให้พวกเราช่วยกันปรบมือดังๆ เพื่ออวยพรให้คู่บ่าวสาวพร้อมกัน!”
เสียงปรบมือดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งห้อง ญาติสนิทมิตรสหายล้วนแสดงความยินดีอย่างจริงใจ
หวังเสี่ยวหลิงซาบซึ้งจนน้ำตาไหล
ภาพแบบนี้ ทำให้ใจของลู่เฉินรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด
ความสุข ความจริงแล้วช่างเรียบง่ายแค่นี้เอง
……………………………………