Perfect Superstar - ตอนที่ 423 เข้าใจ
ตอนที่ 423 เข้าใจ
เซียงเจียงเคยตกเป็นเมืองอาณานิคมของอังกฤษ หลังจากได้เอกราชคืนในปี 1967 ก็กลายเป็นหนึ่งในเขตปกครองพิเศษของประเทศจีน ได้รักษาระบอบการปกครองและโครงสร้างทางสังคมแบบดั้งเดิมเอาไว้ ไม่เปลี่ยนแปลงมาเป็นร้อยปี
ปีหน้า เป็นปีที่เซียงเจียงกลับคืนสู่ประเทศจีนเป็นปีที่ 50
ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา หรือก็คือช่วงที่เศรษฐกิจของเซียงเจียงได้พัฒนาขึ้นมาเป็นเวลา 50 ปี มีธุรกิจการเงินการค้าขายเป็นเสาหลัก ค่าจีดีพีของประชากรเซียงเจียงอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก มีมหาเศรษฐีชั้นนำระดับโลกมากมาย
แต่วัฒนธรรมการเมืองที่แตกต่างกัน ส่งผลให้บรรยากาศทางสังคมในเซียงเจียงไม่เหมือนในจีนแผ่นดินใหญ่ หลายปีนี้มหานครระดับนานาชาติแห่งนี้ได้ปรากฏความจองหองเย่อหยิ่งขึ้น มักกีดกันระบอบการปกครอง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมจากจีนแผ่นดินใหญ่ สภาพสังคมค่อนข้างซับซ้อน
วงการบันเทิงของเซียงเจียงก็เหมือนกับโคจรรรอบตัวเอง เป็นเหมือนวงจรที่ปิดตาย มีการติดต่อกับวงการบันเทิงของจีนแผ่นดินใหญ่ แต่กลับแบ่งแยกอย่างชัดเจน ราวกับน้ำที่ไม่หลอมรวมกับน้ำมัน
คนท้องถิ่นของเซียงเจียงสนใจเพียงศิลปินท้องถิ่นด้วยกัน ขาดความสนใจในนักแสดงจากจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนสื่อของเซียงเจียงก็เลือกที่จะมองข้ามข่าวบันเทิงในประเทศจีน ลงเพียงข่าวซุบซิบในวงการบันเทิงของเซียงเจียง หรือไม่ก็เพิ่มข่าวจากไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา เป็นต้น
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นการแสดงถึงความแปลกแยกโดดเดี่ยว ต่อให้มีคนในวงการบันเทิงหาโอกาสไปทำงานในประเทศจีนมากขึ้นทุกที ศิลปินจากเซียงเจียงไปปรากฏตัวในละครหรือภาพยนตร์ของจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม
รัฐบาลของเซียงเจียงร่วมมือกับกรมวิทยุและโทรทัศน์ของจีนแผ่นดินใหญ่ ออกกฎใหม่เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของเซียงเจียง ผลักดันการจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ มีทั้งสิทธิพิเศษและนโยบายสนับสนุน แบ่งตลาดให้ทั้งในประเทศและในเซียงเจียง ด้านหนึ่งเพื่อฟื้นฟูภาพยนตร์ของเซียงเจียงที่อยู่ในยุคตกต่ำให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง อีกด้านเพื่อทำลายกำแพงที่กั้นกลาง
แต่ผลจะเป็นอย่างไรต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
การเป็นหนึ่งในองค์กรกลุ่มแรกที่ขออนุญาตก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ในเซียงเจียง หากสตูดิโอลู่เฉินอยากจะเจริญก้าวหน้าอย่างราบรื่น หวังพึ่งแค่สิทธิพิเศษกับการสนับสนุนของรัฐบาลยังไม่พอ
วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ในเซียงเจียงพัฒนามาหลายสิบปี จนเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมานานแล้ว ทั้งยังชอบสร้างกำแพงกีดกั้นคนนอกที่จะเข้ามา อยากจะทลายกำแพงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
ดังนั้นลู่เฉินมาถ่ายทำภาพยนตร์ที่เซียงเจียง ไม่ใช่ว่าหาช่างกล้อง ฝ่ายจัดฉาก คนอัดเสียงมารวมกันหลายๆ คนจนกลายเป็นทีมงานกองถ่ายแล้วจะทำได้สบายๆ อันดับแรกต้องทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ของที่นี่ก่อน จากนั้นก็ต้องทำความคุ้นเคย สุดท้ายต้องรู้จักนำไปใช้ประโยชน์
เฉินเหวินเฉียงให้ข้อเสนอแนะทั่วไป นั่นก็คือหาบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ที่เก่งกาจของที่นี่มาร่วมกันถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่
นี่เป็นทางลัดที่ง่ายดายที่สุด แต่จะเลือกไปร่วมมือกับบริษัทใดนั้นยังเป็นเรื่องยากอยู่
ในยุค 80-90 บริษัทผลิตละครและภาพยนตร์ท้องถิ่นของเซียงเจียงมีมากมาย ผลิตละครและภาพยนตร์ออกมาเป็นจำนวนที่น่าตกใจทุกปี แล้วยังส่งออกไปขายยังจีนแผ่นดินใหญ่และประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
แม้ตอนนี้จะไม่รุ่งเรืองเท่าเมื่อก่อน แต่อูฐผอมๆ ก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า ค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่างจิ่นหรง หวังซื่อ เป่าลี่ต๋า เป็นต้น ยังครอบครองตลาดอยู่เช่นเดิม มีสิทธิ์มีเสียงในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์
เฉินเหวินเฉียงประเมินบริษัทเก่าแก่เหล่านี้ไว้ไม่สูงนัก แม้ในอดีตบริษัทเหล่านี้จะเคยรุ่งเรืองมากก็ตาม แต่ทุกวันนี้หากอยากจะได้โควตาในการส่งหนังไปฉายที่จีนแผ่นดินใหญ่ อาศัยแค่ตัวเองแล้วหาบริษัทผลิตภาพยนตร์ชั้นสองชั้นสามมาร่วมมือด้วยก็มีปัญหามาก
ปัญหาใหม่อยู่ที่บริษัทใหญ่ๆ อย่างจิ่นหรง หวังซื่อ และเป่าลี่ต๋าล้วนไม่ได้จะติดต่อด้วยง่ายๆ บริษัทเล็กๆ ที่เพิ่งเข้ามาเปิดในท้องถิ่นอย่างสตูดิโอลู่เฉิน แม้จะได้รับการตอบรับ แต่พวกเขาก็ยื่นเงื่อนไขที่สูงเกินไป หรืออาจถึงขั้นบังคับข่มขู่
ตอนนี้สิ่งที่ทำให้วั่นเสี่ยวเฉวียนปวดหัวหนักก็คือปัญหานี้!
ก้าวย่างนี้ไม่ง่ายเลย หากเดินพลาดทางข้างหน้าจะยิ่งยากลำบาก
ลู่เฉินเห็นวั่นเสี่ยวเฉวียนวิตกกังวล คิดว่าเขาเป็นคนที่ตัวเองดึงตัวมาที่นี่ เกรงว่าจะเป็นเพราะเหตุนี้จึงปลอบใจเขาว่า “อย่าเพิ่งใจร้อนเลยครับ พวกเราค่อยๆ คิดหาวิธีดีกว่า”
ในเมื่อลู่เฉินมาแล้ว ต้องมาช่วยงานแน่นอน ถึงเขาจะเป็นคนแปลกหน้าของเซียงเจียง แต่ใช้เส้นสายความสัมพันธ์ของเฉินเฟยเอ๋อร์ ถานหง และเพื่อนคนอื่นๆ ยังพอจะติดต่อกับคนในวงการได้หลายคน
เฉินเหวินเฉียงนิ่งเงียบ เพราะการร่วมมือถ่ายหนังนั้นเกี่ยวพันไปถึงคนระดับสูง ส่วนเขาคุ้นเคยกับคนในวงการระดับกลางและล่างมากกว่า ไม่มีสิทธิ์มีเสียงต่อคนระดับสูงของวงการภาพยนตร์ จึงไม่อยากพูดมาก
ทุกคนนั่งปรึกษาหารือกันอยู่ในห้องประชุมสองชั่วโมง กำหนดแผนการขั้นแรกและตารางงานเบื้องต้นได้แล้ว
หลังจากการประชุมเสร็จสิ้นลง เฉินเหวินเฉียงพูดกับลู่เฉินว่า “บอสครับ คุณมาเซียงเจียงครั้งแรก ให้ผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารท้องถิ่นเซียงเจียงสักมื้อได้ไหมครับ ถือว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับ”
ลู่เฉินหัวเราะ “ถ้าคุณเป็นเจ้ามืองั้นผมจ่ายเงิน แบบนั้นไม่มีปัญหา!”
พบกันครั้งแรก เขาจะให้ลูกน้องมาเลี้ยงข้าวตัวเองได้ยังไง?
แน่นอนว่าต้องเห็นแก่หน้าของเฉินเหวินเฉียงด้วย
เฉินเหวินเฉียงตะลึง วั่นเสี่ยวเฉวียนหัวเราะเสียงดัง “เอาแบบนี้แหละ เราไปกันเถอะ!”
เขายื่นมือออกไปตบบ่าเฉินเหวินเฉียงที่ยังตะลึงไม่หาย พลางบอกว่า “พี่เฉียง พวกเราไม่ต้องให้เจ้านายประหยัดหรอก เขาเขียนเพลงให้คนอื่นเพลงหนึ่งได้เป็นล้าน!”
“หา!”
หลีเจินที่นั่งอยู่ด้านข้างอุทานออกมา มองดูลู่เฉินด้วยสายตาเป็นประกายวาววับ
เขียนเพลงเพลงหนึ่งคิดตั้งล้านหนึ่งเลยเหรอ?
ถ้าเขียนเพลงสักสิบเพลงคงจะซื้อบ้านในเซียงเจียงได้หลังหนึ่งแล้ว?
เฉินเหวินเฉียงยังไม่อยากเชื่อ ตามที่เขารู้นักเขียนเพลงชั้นยอดที่สุดในเซียงเจียง ราคาค่าเขียนเพลงเพลงหนึ่งยังแค่สองสามแสนเท่านั้น ลู่เฉินได้มากกว่าพวกเขาตั้งกี่เท่า?
ลู่เฉินเก่งด้านการสร้างสรรค์เพลงก็จริง แต่ราคานี้มันน่าตกใจ!
ลู่เฉินทำหน้าไม่ถูก “ลุงเฉียง คุณอย่าฟังที่ผู้กำกับวั่นโม้เลยครับ เราไปกินข้าวกันเถอะ!”
เฉินเหวินเฉียงพาลู่เฉินไปที่ปี้เฟิงถังในย่านอ่าวถงหลัว
พร้อมกับหลีเจินและจางเสี่ยวฟางผู้ช่วยทั้งสองรวมแล้วห้าชีวิต ทุกคนรับประทานอาหารเย็นร่วมกันบนเรือท่องเที่ยว ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของอ่าววิคตอเรียไปพลาง ลิ้มรสอาหารทะเลสดใหม่ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของท้องถิ่นไปพลาง ทำให้ลู่เฉินชมไม่ขาดปาก
หลังจากอาหารทะเลมื้อใหญ่ เฉินเหวินเฉียงถามว่า “บอสครับ คืนนี้คุณพักที่โรงแรมไหน ได้จองห้องไว้ไหมครับ”
ลู่เฉินตอบ “ผมไม่ได้พักที่โรงแรม เพื่อนให้ผมยืมบ้านแถวอ่าวน้ำตื้น เดี๋ยวพี่จางจะส่งผมไปก่อน จากนั้นคุณค่อยหาที่พักให้เขานะครับ”
บ้านแถวอ่าวน้ำตื้น!
เฉินเหวินเฉียงแอบทอดถอนใจ แถวนั้นเป็นย่านระดับสูงของเซียงเจียง มีแต่บ้านหรู ราคาเป็นร้อยล้าน
ไม่รู้ว่าเพื่อนของลู่เฉินคนไหนที่ให้เขายืมบ้านในอ่าวน้ำตื้นพักแรม
เขารีบตอบว่า “ไม่มีปัญหาครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะรอเสี่ยวฟางอยู่ที่นี่ ผมค่อยพาเขาไปที่อพาร์ตเมนต์ของพนักงาน ห้องพักได้ถูกเตรียมไว้แล้วครับ”
……………………………………………………