Perfect Superstar - ตอนที่ 480 พิธีเปิดกล้อง
ตอนที่ 480 พิธีเปิดกล้อง
วันที่ 25 พฤศจิกายน พลังเทพ (จักรราศี) ฤกษ์ดี
เหมาะสม เปิดกิจการ ขอโชคลาภ ค้าขาย เดินทาง ย้ายบ้าน นัดบอด
พิธีเปิดกล้อง ‘โปเยโปโลเย’ ผลงานภาพยนตร์ชิ้นแรกของลู่เฉิน จัดขึ้นที่วัดฮุนจิของโรงถ่ายหนังไลออนร็อก
วัดฮุนจิของโรงถ่ายไลออนร็อกเป็นวัดเก่าแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นครั้งแรกช่วงปลายราชวงศ์ชิง หลังจากนั้นเกิดเหตุไฟไหม้ถึงสองครั้งสุดท้ายจึงทิ้งไป ซากปรักหักพังถูกทิ้งร้างจนหญ้ารกกลายเป็นรังที่เงียบสงบของสุนัขจิ้งจอก
ต้นยุค 1990 ตอนที่เริ่มสร้างโรงถ่ายไลออนร็อก ได้รวมวัดฮุนจิเข้าไปด้วย นักออกแบบไม่ได้ซ่อมแซมและสร้างใหม่ให้แล้วเสร็จ แต่กลับซ่อมแซมฐานรากของซากปรักหักพัง กลายเป็นสถานที่ถ่ายทำอย่างดีของภาพยนตร์ผีดิบและภาพยนตร์สยองขวัญ
ในยุค 1990 เคยเป็นยุคที่รุ่งเรืองของภาพยนตร์แนวผีดิบและภูตผีปีศาจของฮ่องกง มีหลายเรื่องที่มาถ่ายทำที่นี่
แต่ตอนนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด หัวข้อที่ขายดีในวันวานจึงไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป อัตราการใช้ประโยชน์ของวัดฮุนจิจึงลดลงมาก ดังนั้นทางสตูดิโอจึงขอเช่ามันได้อย่างง่ายดาย และค่าใช้จ่ายก็ถูกมาก
ด้านหน้าประตูวัดมีโต๊ะยาวเรียงต่อกัน นี่คือโต๊ะที่ใช้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้านบนปูด้วยผ้าสักหลาดสีแดง วางรูปปั้นกวนอูอยู่ตรงกลาง ด้านซ้ายและด้านขวาเป็นกระถางธูปและของถวายอย่างหมูหัน ถั่ว และผลไม้สดต่างๆ เป็นต้น
กล้องตัวหนึ่งตั้งอยู่ด้านขวาของโต๊ะ ใช้ผ้าสีแดงคลุมไว้ไม่เห็นหน้าตาที่แท้จริงของมัน
เดินเข้าไปตรงพื้นที่ว่างอีกนิด ประทัดที่แขวนแต่ละอันถูกจุดไฟ จากนั้นจึงเกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ ทีมงานกองถ่ายทยอยจุดธูปบูชาเทพเจ้า ขอพรให้ถ่ายทำราบรื่น ขอให้ภาพยนตร์ขายดี
พิธีเปิดกล้องบูชาเทพเจ้ามีต้นกำเนิดมาจากฮ่องกง คนฮ่องกงเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ชอบขอพร กราบไหว้บูชาเทพเจ้ากันอย่างเอิกเกริก กองถ่ายทำภาพยนตร์ก็เช่นกัน และมีข้อห้ามมากมาย
อย่างเช่นทิศทางการกราบไหว้เทพเจ้าจะผิดไม่ได้ เปิดกล้องในเวลาและสถานที่ที่ต่างกัน ทิศทางกราบไว้เทพเจ้าของผู้คนก็ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง ประมาณว่าให้ความพิถีพิถันกับทุกทิศทาง ทิศใต้หากวางผิดเป็นทิศตะวันตกเฉียงใต้ เช่นนั้นพลาดแค่หนึ่งเซนติเมตรก็แตกต่างกันถึงพันลี้ บางครั้งยังต้องแม่นยำถึงกับระยะลองจิจูดและละติจูด
ฟังดูแล้วเหมือนไม่น่าเชื่อ แต่กองถ่ายทำหลายกองจะเชิญ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ มาคำนวณก่อนจะทำพิธีเปิดกล้องเสมอจะประมาทนิดเดียวก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหากเจออุปสรรคระหว่างถ่ายทำ ก็อดคิดไม่ได้ว่าเจอเรื่องซวยอะไรหรือเปล่า
สตูดิโอลู่เฉินเพิ่งก่อตั้งไม่นาน และผู้ร่วมงานก็คือเจียหยางพิคเจอร์สซึ่งไม่ใช่บริษัทชั้นนำของวงการ ดังนั้นสถานที่จัดพิธีเปิดกล้องจึงไม่ใหญ่นัก แต่ก็อลังการเช่นกัน
โจวอี้เถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังเจียหยางพิคเจอร์สก็มาร่วมงานด้วยตัวเอง แน่นอนว่ามาเป็นเพื่อนน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของเขา ซึ่งก็คือเนี่ยหมิงจูนางเอกเรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ นั่นเอง
คุณนายจินก็มา และก็ยังมีจี่เสี่ยวเตี๋ยกับหลี่ซินเหยียนลูกสาวบุญธรรมของเธออีกสองคน
สาวน้อยสองคนนี้ได้รับบทเล็กๆ ในภาพยนตร์เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีเฉินซืออี๋ลูกสาวของเฉินเหวินเฉียง
เฉินซืออี๋ปีนี้อายุยี่สิบปี เธอไม่ชอบเรียนหนังสือหลังจากเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้วก็ไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่อาศัยเส้นสายของพ่อตัวเองเข้ามาอยู่ในสถาบันฝึกสอนศิลปะการแสดงแห่งหนึ่ง เข้าฝึกเป็นศิลปินมืออาชีพ เตรียมพัฒนาเข้าสู่วงการบันเทิง
ตอนที่เฉินเหวินเฉียงถูกวั่นเสี่ยวเฉวียนดึงตัวมาได้สำเร็จ ตอนนั้นสตูดิโอของลู่เฉินในฮ่องกงยังไม่ได้จดทะเบียนก่อตั้งอย่างเป็นทางการเลย นอกจากเงินเดือนที่ค่อนข้างสูงแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือวั่นเสี่ยวเฉวียนรับปากว่าจะให้บทที่สำคัญบทหนึ่งแก่ลูกสาวของเขา
เฉินซืออี๋รับบทเป็นเสี่ยวชิงใน ‘โปเยโปโลเย’ ถือว่าเป็นตัวประกอบหญิงที่สำคัญ
จริงๆ แล้วภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ เรื่องนี้ บทบาทที่สำคัญที่สุดมีสี่คน หนิงฉ่ายเฉิน เนี่ยเสี่ยวเชี่ยน เยียนชื่อเสียและบอสฝ่ายร้ายแม่เฒ่าปีศาจต้นไม้ ซึ่งสีสันโดยส่วนใหญ่ล้วนรวมตัวอยู่ที่พวกเขา โดยเฉพาะสามคนแรก
ในฐานะตัวประกอบหญิงหมายเลขหนึ่ง เสี่ยวชิงมีฉากไม่เยอะ แต่ไม่ว่าจะเป็นเฉินเหวินเฉียงหรือว่าตัวของเฉินซืออี๋ ก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้นอกจากลู่เฉินแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ จะไม่มีนักแสดงดังคนไหนอีก หม่าหรงเจินก็ไม่ดังร่วงลงไปเป็นนักแสดงตัวประกอบหางแถวนานแล้ว และคนอื่นส่วนใหญ่ก็เป็นนักแสดงหน้าใหม่
ตัวลู่เฉินเองก็เพิ่งจะมีชื่อเสียงเล็กน้อยในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์ของฮ่องกง และยังอาศัยผลงานของตัวเองอีกด้วย
แต่เงินลงทุนของภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ ที่มากถึงสามสิบล้าน แม้ว่าจะไม่ใช่ผลงานการผลิตขนาดใหญ่ระดับชั้นนำ แต่เนื่องจากไม่มีดาราตัวท็อปอะไร ค่าจ้างจึงไม่สูงมาก เงินลงทุนก้อนใหญ่นี้ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ในตอนถ่ายทำและตัดต่อเบื้องหลัง หากออกผลงานที่ไม่ยอดเยี่ยมคงต้องรู้สึกขอโทษทุกคนแล้ว
เล่นภาพยนตร์ครั้งแรก ก็ได้รับบทตัวประกอบหญิงสำคัญของเรื่อง เฉินซืออี๋โชคดีกว่าคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันคนอื่นๆ มาก เปิดตัวมาก็ยืนอยู่ในจุดเริ่มต้นที่สูงแล้ว
ขอเพียง ‘โปเยโปโลเย’ หลังจากออกฉายแล้วไม่ล้มระเนระนาด เธอก็จะมีประวัติผลงานที่ล้ำค่า
ประวัติผลงานเป็นตัวแทนของตำแหน่งในวงการ
หลังจากจุดธูปบูชาเทพเจ้าเสร็จแล้ว ลู่เฉิน โจวอี้ วั่นเสี่ยวเฉวียน และเนี่ยหมิงจูทั้งสี่คนจึงลงมือพร้อมกัน ร่วมกันเปิด ‘ผ้าคลุมสีแดง’ ที่อยู่บนกล้องถ่ายหนัง ทีมงานที่อยู่โดยรอบมารวมตัวแล้วปรบมือกันอย่างพร้อมเพรียง และยังมีนักข่าวที่กำลังถ่ายรูป
ได้ยินว่า กระบวนการนี้แรกเริ่มมาจากความหวาดกลัว ‘แผ่นฟิล์มเป็นรอย’
สิ่งที่เรียกว่า ‘แผ่นฟิล์มเป็นรอย’ หมายถึงยุคฟิล์มตอนต้น ฟิล์มที่อยู่ในกล้องถูกขีดข่วนเป็นรอยจากอะไหล่ที่อยู่ข้างในขณะถ่ายทำ และหากเกิด ‘ฟิล์มเป็นรอย’ ขึ้นมา เช่นนั้นก็จะสร้างความเสียหายที่ไม่อาจคาดเดาได้สำหรับกองถ่ายแต่เครื่องตัดฟิล์มก็ยากที่จะคาดเดาหรือป้องกันล่วงหน้าได้ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียวคือใช้ผ้าคลุมสีแดงคลุมบนกล้องถ่ายหนังเพื่อ ‘ปราบสิ่งชั่วร้าย’
ตอนนี้กล้องถ่ายหนังใช้แบบดิจิทัลหมดแล้ว ความเป็นไปได้ที่ ‘ฟิล์มเป็นรอย’ จึงไม่มีอีก แต่สิ่งของที่ยิ่งแม่นยำเวลาเกิดปัญหาก็ยิ่งใหญ่ ดังนั้นจึงยังรักษาประเพณีนี้เอาไว้อยู่
เปิดผ้าคลุมสีแดงแล้ว พิธีเปิดกล้อง ‘โปเยโปโลเย’ ถือว่าเป็นอันสิ้นสุด
สุดท้ายก็คือกองถ่ายเป็นตัวแทนรับสัมภาษณ์จากสื่อ
นักข่าวส่วนใหญ่ล้วนได้รับเชิญมาจากเจียหยางพิคเจอร์ส ตัวเล็กตัวใหญ่มีอยู่สิบกว่าคน ถึงแม้จะมาเป็นพิธีแต่ก็จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์เหมือนกัน และนักข่าวทุกคนก็ได้รับอั่งเปาที่มากพอ
บริษัทบันเทิงภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งหนึ่งถ้าอยากจะตั้งตัวที่ฮ่องกง คนที่ห้ามผิดใจเลยก็คือคนของสื่อ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะด่าคุณในโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ทุกวัน หรือไม่ก็สร้างข่าวลือที่ไม่เป็นจริง เช่นนั้นก็อย่าคิดว่าจะหาเงินได้
แน่นอนว่าการเอาใจสื่อทุกคนนั้นเป็นไปไม่ได้ เจียหยางพิคเจอร์สจัดว่าเป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์เจ้าเก่า และเถ้าแก่โจวอี้ก็เป็นนักธุรกิจชาวฮ่องกง จึงไม่ขาดแคลนสายสัมพันธ์กับสื่อที่เกี่ยวข้อง
แต่ก็มีบางสื่อที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ นักข่าวพวกนี้ให้ความสนใจลู่เฉินอย่างชัดเจน ดังนั้นหลังจากเสร็จพิธีเปิดกล้องแล้ว จึงรีบเข้ามาโอบล้อมทันที แล้วแย่งกันถาม
“คุณลู่เฉิน ไม่ทราบว่าคุณคิดจะใช้ภาพยนตร์เรื่องนี้มาเปลี่ยนแปลงรูปแบบภาพยนตร์ของฮ่องกงใช่ไหม”
“ทำไมคุณถึงมั่นใจและเชื่อมั่นขนาดนี้”
“สมมติว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ล้มไม่เป็นท่า คุณคิดจะทำยังไง กลับประเทศจีนใช่ไหม”
“คุณลู่เฉิน ฉันได้ยินว่า นักแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีดาราดังเลย ไม่ทราบว่า…”
คนที่มามีเจตนาที่ไม่ดี นักข่าวเหล่านี้ยิงคำถามเหมือนกระสุนปืนติดต่อกันเอาแต่เค้นถามลูกเดียว เฉินเหวินเฉียงและวั่นเสี่ยวเฉวียนที่อยู่ข้างๆ จึงหน้าดำเคร่งเครียดทันที
แม้แต่โจวอี้ที่เป็นคนน้ำนิ่งไหลลึกมาก นัยน์ตาก็ยังเผยความไม่พอใจออกมาแวบหนึ่ง
…………………………………………………………………………