Perfect Superstar - ตอนที่ 487 ผิดสัญญา
ตอนที่ 487 ผิดสัญญา
กองถ่ายภาพยนตร์ที่เป็นทางการ การก่อตั้งทีมงานค่อนข้างซับซ้อน ยกเว้นนักแสดงแล้ว นอกเหนือจากนี้ยังรวมถึงโปรดิวเซอร์ ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับ ผู้ผลิตและตรวจสอบ ผู้วางแผน ผู้กำกับศิลป์ ตากล้อง เป็นต้น
นอกจากนี้ถัดมาก็คือทีมสวัสดิการ ช่างแต่งหน้า ทีมอาร์ต ทีมไฟ ทีมของประกอบฉาก…
เพิ่มสมาชิกผู้ช่วยทีมสวัสดิการเข้าไปอีก จำนวนคนเกินร้อยได้ง่ายมาก สองสามร้อยคนก็เห็นกันบ่อยไป
จำนวนทีมงานกองถ่าย ‘โปเยโปโลเย’ ถือว่าค่อนข้างน้อย เพราะตัวละครไม่เยอะ ดังนั้นจำนวนนักแสดงจึงน้อยหน่อย แต่ทีมงานที่ควรมีก็ไม่ขาดเลย
ยกเว้นสมาชิกสิบกว่าคนของสตูดิโอลู่เฉินแล้ว คนส่วนใหญ่ของกองถ่ายถูกส่งมาจากเจียหยางพิคเจอร์ส และส่วนหนึ่งในนั้นก็ยังเป็นทีมงานที่จ้างมาชั่วคราว ไม่ได้ขึ้นตรงกับเจียหยางพิคเจอร์ส
นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก ไม่อย่างนั้นด้วยขนาดและกำลังของเจียหยางพิคเจอร์ส ยามปกติไม่สามารถเลี้ยงคนมากมายขนาดนี้ได้ ต่อให้เป็นบริษัทภาพยนตร์โทรทัศน์ขนาดใหญ่ การจ้างงานก็ยังต้องควบคุมปริมาณ
ในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์ มีบริษัทเอเจนซี่โดยเฉพาะที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาเหล่านี้ หากบริษัทภาพยนตร์โทรทัศน์แห่งหนึ่งกำลังมีโปรเจกต์ใหม่ต้องการคน ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง คนเขียนบท ตากล้อง บันทึกเสียง หรือแม้กระทั่งผู้กำกับ ก็สามารถจ้างงานผ่านนายหน้าได้ เพื่อประหยัดเงินทุนระดับสูงสุด
ทันใดนั้นก็มีทีมงานกองถ่ายห้าคนขอถอนตัว ซึ่งเป็นผู้ช่วยทำงานเบ็ดเตล็ด ไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรมาก พวกเขาออกไปกองถ่ายก็ยังทำงานได้ปกติ
แต่นี่คือสัญญาณอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย เหตการณ์แมวตายถูกทิ้งในสถานที่ถ่ายทำ ทำให้คนของกองถ่าย‘โปเยโปโลเย’ จิตใจสั่นคลอน แผนการถ่ายทำกำลังเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่รุนแรง
แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ ตอนบ่าย รถพร็อพที่จอดอยู่ในโรงถ่ายหนังถูกคนเจาะยาง และยังเจาะยางทั้งหมดสี่ล้อ!
รถคันนี้เป็นรถที่วั่นเสี่ยวเฉวียนพาคนออกไปซื้อข้าวกล่องของเมื่อวานนี้กับมื้อกลางวัน คนที่ทำลายมีเจตนาที่ชัดเจนมาก
“แจ้งความเถอะ!”
ลู่เฉินพูดกับเฉินเหวินเฉียงว่า “แล้วคุณค่อยไปร้องเรียนกับผู้ดูแลโรงถ่ายหนังอีกทีครับ”
ตอนเช้าแมวตายถูกทิ้งในสถานที่ถ่ายทำ ลู่เฉินยังพอทนได้ แต่จนถึงตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว!
เขารู้ดีว่า ไม่ว่าจะแจ้งความหรือร้องเรียนก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แน่ คนที่ก่อความวุ่นวายถึงแม้จะโดนจับได้รับโทษก็ไม่รุนแรงนัก เสียค่าปรับเล็กๆ น้อยๆ ติดคุกสองสามวันก็ออกมาแล้ว จากนั้นก็ยังก่อความวุ่นวายต่อไปได้
ยิ่งไปกว่านั้นจะหาผู้ก่อเหตุได้หรือไม่ ก็ยังไม่รู้
นี่ไม่ใช่คดีอาญา
ขอเพียงทางหงหวาก่อกวนบ่อยๆ ก็มากพอที่จะทำให้เดือดร้อนเป็นอย่างมาก ไม่สามารถถ่ายทำได้อย่างสงบใจเลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดของพวกสมาคมนักเลงเหล่านี้ก็อยู่ตรงนี้แหละ ตอนนี้พวกเขาไม่ใช้ความรุนแรงตีรันฟันแทงกัน ก็ยังสามารถบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้อยู่ดี
และการเผชิญหน้ากับเรื่องยุ่งยากพวกนี้ ถ้าหากทางกองถ่ายไม่มีเส้นสายที่แข็งแกร่งมากพอ เกรงว่าคงต้องก้มหัวยอมรับ ไม่อย่างนั้นก็ต้องจ่ายค่าคุ้มครองตามธรรรมเนียม หรือไม่ก็ต้องแบ่งกำไรเสียเงินฟาดเคราะห์
ลู่เฉินก็อยากเสียเงินฟาดเคราะห์เหมือนกัน ทว่าอีกฝ่ายได้คืบจะเอาศอก ไม่จบเรื่องแค่นี้แน่นอน
แจ้งความกับร้องทุกข์ เป็นการแสดงออกว่าเขาไม่มีทางยอมก้มหัวให้!
เฉินเหวินเฉียงพยักหน้า “ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ แต่…”
เขาลังเลเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “แต่ไม่มีหลักฐานโดยตรง พวกเราทางที่ดีอย่าชี้เป้าไปที่หงหวา”
ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิด ทุกคนก็รู้ว่าหงหวาเป็นคนทำเรื่องนี้ แต่ถึงจะรู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แจ้งความกับตำรวจและร้องเรียนกับฝ่ายดูแลโรงถ่ายหนังก็อีกเรื่องหนึ่ง
ไม่มีทั้งพยานและหลักฐาน ต้องถูกอีกฝ่ายฟ้องกลับให้เสื่อมเสียชื่อเสียงแน่นอน ตอนนี้สมาคมนักเลงเหล่านี้ได้รับบทเรียนมาจากรุ่นพี่แล้ว เปิดบริษัทเปิดโรงงานทำธุรกิจ แถมยังจ้างทนายมาเป็นยันต์คุ้มภัย ถนัดใช้วิธีทางกฎหมายเพื่อให้เป้าหมายเป็นจริง
ไม่แน่ทางหงหวาคงอยากจะร้องเรียนพวกเขาเสียให้ได้!
การอธิบายของเฉินเหวินเฉียงทำให้ลู่เฉินเปิดโลกกว้างอีกครั้ง ที่แท้สมาคมนักเลงทุกวันนี้ก็เล่นไม้นี้กันนี่เอง
แต่เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว ก็ยากที่จะถอย
เฉินเหวินเฉียงเพิ่งจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมจะแจ้งความ โทรศัพท์ของเขากลับดังขึ้นมากะทันหัน
เขารับสายพูดสองประโยค แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
อีกฝ่ายวางสายเร็วมาก
“เกิดอะไรขึ้น”
ลู่เฉินความรู้สึกไวสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงรีบถามว่า “หรือว่าเกิดเรื่องอะไรอีกแล้วครับ”
เฉินเหวินเฉียงยิ้มเจื่อนๆ พลางพยักหน้า แล้วตอบว่า “หลิวเจ้าฮุยไม่แสดงแล้ว เขาออกจากกองแล้วครับ”
หลิวเจ้าฮุยเป็นนักแสดงที่รับบทแม่เฒ่าปีศาจ เป็นคนฮ่องกงโดยแท้ เดบิวต์มาสิบกว่าปีเคยรับบทมามากมายนับไม่ถ้วน ด้านการแสดงเป็นตัวร้ายพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เมื่อก่อนลู่เฉินดูภาพยนตร์ฮ่องกง ก็เคยเห็นเขาอยู่หลายครั้ง
ทีมนักแสดงของ ‘โปเยโปโลเย’ ดูอ่อนแรงนัก หลิวเจ้าฮุยก็เป็นแค่นักแสดงตัวเล็กๆ เท่านั้น
เนื่องจากสองวันนี้ไม่มีบทของหลิวเจ้าฮุย ดังนั้นเขาจึงไม่อยู่ที่หน้ากองถ่าย แต่เห็นได้ชัดว่าเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทางนี้แล้ว ดังนั้นถึงเป็นฝ่ายขอถอนตัวก่อน
นักแสดงมีประสบการณ์มากแบบนี้ระวังเรื่องชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ในสายอาชีพนี้ถ้าหากเสียชื่อแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีกองถ่ายไหนอยากจ้างคุณอีก ซึ่งเท่ากับตัวเองเป็นคนทำลายชามข้าวของตัวองโดยแท้
ถ้าหากไม่มีแรงกดดันมาก หลิวเจ้าฮุยไม่ยอมผิดสัญญาแบบนี้แน่นอน
“แม่ง เย็xยายมึง!”
เฉินเหวินเฉียงยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ อดไม่ได้ที่จะสบถด่าออกมา
นักแสดงคนนี้ก็มีท่าทางเหมือน ‘คุณยาย’ จริงๆ ลู่เฉินเกือบจะขำกับคำด่าของเฉินเหวินเฉียง
“หลิวเจ้าฮุยถูกจ้างมาจากเจียหยางพิคเจอร์สไม่ใช่เหรอ”
บทนี้เจียหยางพิคเจอร์สพยายามช่วงชิงเพื่อให้ได้มาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในช่วงเจรจา ตอนนี้หลิวเจ้าฮุยผิดสัญญาแล้ว ก็เท่ากับตบหน้าเจียหยางพิคเจอร์สเช่นกัน ทางเจียหยางพิคเจอร์สจะไม่ทำอะไรบ้างเลยหรือ
เฉินเหวินเฉียงยิ้มเจื่อนๆ “คนของเจียหยางพิคเจอร์สโทรมาแจ้งผมเองครับ”
อย่างนั้นก็ยากที่จะแก้ไขแล้ว!
ลู่เฉินก็อยากสบถด่าเย็xยายมึงเหมือนกัน แต่เขาพยายามอดกลั้นไฟโกรธในใจเอาไว้ แล้วพูดเสียงขรึมว่า “ลุงเฉียง ยังไม่ต้องแจ้งความครับ รบกวนคุณช่วยไปตามลุงหม่ามาที่นี่ทีครับ”
เฉินเหวินเฉียงตกตะลึง จากนั้นก็เข้าใจความหมายของลู่เฉินทันที
หลิวเจ้าฮุยหนีไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีบทตัวประกอบที่สำคัญยิ่งกว่าถ้าหากหม่าหรงเจินหนีไปอีกคน เช่นนั้นกองถ่ายภาพยนตร์นี้คงล้มระเนระนาดไปเกือบครึ่ง เละเทะพังพินาศแน่นอน
เมื่อเทียบกับหลิวเจ้าฮุยที่อยู่ในวงการอย่างเฉิดฉายกว่า เกรงว่าหม่าหรงเจินที่ล้มไม่เป็นท่ามาโดยตลอดน่าจะมีความสามารถในการต่อต้านแรงกดดันที่น้อยกว่ากระมัง
ดังนั้นในเวลานี้ ลู่เฉินจะปล่อยให้มีเรื่องวุ่นวายภายในไม่ได้ ต้องคิดหาวิธีสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทหาร ขั้นแรกเขาต้องยืนยันก่อนว่าหม่าหรงเจินที่รับบทสำคัญจะไม่มีปัญหา
หม่าหรงเจินมาถึงอย่างรวดเร็ว
เป็นตัวประกอบเหมือนกัน ตอนนี้จึงยังไม่มีฉากที่ต้องถ่ายทำหมือนกัน แต่หม่าหรงเจินแตกต่างจากหลิวเจ้าฮุยที่ไม่เห็นแม้แต่เงาหลังจากเปิดกล้อง เขาอยู่ในกองถ่ายตลอด กระทั่งช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ
หรือบางทีคงเป็นเพราะเคยสูญเสียมาก่อน หม่าหรงเจินจึงทะนุถนอมโอกาสนี้เป็นอย่างมาก เขาไม่พูดจาโอ้อวดแต่ใช้การกระทำแสดงความขยันของตนเอง
“คุณลู่ คุณเรียกหาผมเหรอครับ”
ลู่เฉินถามตรงประเด็นทันที “ลุงหม่า มีคนสั่งให้คุณออกจากกองถ่ายไหมครับ”
…………………………………………………………………………