Perfect Superstar - ตอนที่ 515 ช่วงเวลาแห่งเกียรติยศ (2)
ตอนที่ 515 ช่วงเวลาแห่งเกียรติยศ (2)
“เป้าหมายของผม ก็คือได้รับหนึ่งรางวัลครับ”
เวลาสามทุ่มกว่า เป็นช่วงเวลาที่ชาวเน็ตเล่นอินเทอร์เน็ตเยอะที่สุด บวกกับตอนนี้อินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่กลายเป็นกระแสหลัก ดังนั้นบล็อกล่างฉาวในฐานะที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ จึงมีการล็อกอินเข้าสู่ระบบสูงมาก
ตอนที่ลู่เฉินโพสต์ตอบ ก็ได้รับความสนใจจากแฟนคลับจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
ลู่เฉินประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้ หนีไม่พ้นการสนับสนุนของบรรดาแฟนคลับตัวยงอยู่แล้ว ย้อนกลับไปตอนที่เขาเดบิวต์จนกระทั่งมีชื่อเสียง ก็มีความสัมพันธ์กับอินเทอร์เน็ตอย่างแนบแน่น
บนอินเทอร์เน็ตมีผู้สนับสนุนเขามากที่สุด ตัวแทนหนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มขุนศึกตระกูลลู่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวัน กลุ่มแฟนคลับที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังเหล่านี้มีหลายคนที่เป็นแฟนคลับตัวยงตั้งแต่ตอนที่เขายังไลฟ์สดทางอินเทอร์เน็ต
ดื่มน้ำนึกถึงแหล่งต้นน้ำ หลังจากที่ดังแล้วลู่เฉินไม่เพียงแต่ไม่เคยลืมแฟนๆ เหล่านี้ ตรงข้ามกลับสื่อสารกับแฟนๆบนอินเทอน์เน็ตอย่างใส่ใจ
ก่อนหน้านั้นเขาถ่ายภาพยนตร์อดหลับอดนอนทั้งคืนที่ฮ่องกง ก็ไม่ลืมที่จะแบ่งเวลามาพูดคุยกับแฟนๆ ในบล็อกของตัวเอง เล่าถึงงานของตัวเองในช่วงนี้
การทำเช่นนี้ทำให้ระดับความซื่อสัตย์ของแฟนๆ ลู่เฉินเพิ่มขึ้นสูงมาก รู้สึกว่าไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบไม่ได้สูงเกินเอื้อม แต่เหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันในชีวิตประจำวันมากนัก ดูจริงใจเป็นอย่างมาก
สำหรับคำตอบของลู่เฉิน การตอบสนองของแฟนๆ กระตือรือร้นยิ่งกว่า ชั่วพริบตาเดียวยอดคอมเมนต์ในบล็อกสูงขึ้นราวน้ำขึ้น
“แค่หนึ่งรางวัลเหรอ พี่ใหญ่ พี่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว!”
“อย่างน้อยต้องได้สามรางวัล รางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยม เนื้อเพลงยอดเยี่ยม และทำนองยอดเยี่ยม!”
“รางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมล่ะ?”
“รางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมให้เฟยของฉันเถอะ ถึงยังไงเรือล่มในหนองทองจะไปไหน”
“ถ้าหากเฉินของฉันไม่ได้รางวัลใหญ่มากกว่าสองรางวัล ฉันจะกินคีย์บอร์ดให้ดู พูดคำไหนคำนั้น!”
“กินด้วย…”
มีบางความคิดเห็นที่ดูแล้วตลกมาก มีบางอันที่โอเวอร์เกินไป แต่โดยทั่วไปแล้วล้วนชื่นชมและสนับสนุนมากกว่าและมีความมั่นใจว่าลู่เฉินจะต้องชนะได้รางวัลใหญ่
การตอบสนองที่เยอะมากระดับนี้สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของลู่เฉินในปัจจุบัน แม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะไปถ่ายทำภาพยนตร์ที่ฮ่องกงก็ตาม แต่จำนวนแฟนคลับในบล็อกล่างฉาวมีแต่เพิ่มไม่มีลด
คนที่ชอบเพลงของลู่เฉิน ชอบผลงานของเขาเพิ่มขึ้นทุกวัน มีหลายคนที่รู้จักลู่เฉินผ่านละครยอดฮิต ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ กับ‘ฟูลเฮ้าส์’ จากนั้นก็ฟังเพลงของเขา สุดท้ายจึงกลายเป็นแฟนคลับของลู่เฉิน
ในฐานะแฟนเพลง ทุกคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลู่เฉินจะได้รับรางวัลใน ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ ได้สำเร็จ
เพราะไม่ว่าอย่างไรรางวัลโกลเด้นอวอร์ดส์ก็คือตัวแทนความสำเร็จสูงสุดของวงการเพลงป็อปจีน
และสำหรับลู่เฉิน มีแฟนคลับที่น่ารักจิตใจดีและกระตือรือร้นเยอะขนาดนี้ เป็นเรื่องที่อบอุ่นหัวใจอย่างไม่ต้องสงสัย เขาพยายามตอบคอมเมนต์เหล่านี้ โดยไม่รู้ตัวว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว
ตอนที่ลู่เฉินปิดแท็บเล็ต เขาพบว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ที่ซบอยู่ในอ้อมอกได้นอนหลับไปนานแล้ว
…
วันที่ 31 ธันวาคม วันเสาร์ วันสุดท้ายของปี 2016
อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนติดต่อกันหลายวันในที่สุดก็สิ้นสุดลง ปลายเดือนธันวาคมของเมืองหลวงนานๆ จะมีวันที่ท้องฟ้าสดใส ช่วงต้นฤดูหนาวไม่ถือว่าหนาวมาก สามารถมองเห็นสาวสวยสวมกระโปรงยาวได้ตามถนนน้อยใหญ่ เผยขาเรียวยาวออกมาท่ามกลางสายลม อวดความงดงามของวัยสาว
ตอนบ่าย ถนนรอบโรงละครแห่งชาติจีนเริ่มควบคุมการจราจรอย่างเคร่งครัด เกิดการการจราจรติดขัดตั้งแต่อยู่ที่ไกลๆ แล้ว ฝ่ายจราจรจึงต้องส่งกำลังคนเพิ่มเพื่อช่วยเคลียร์คนออกไป
ท้องฟ้ายังไม่มืด หน้าทางเข้าโรงละครแห่งชาติจีนได้ตั้งกำแพงลายเซ็นต้อนรับแขกเรียบร้อยแล้ว พรมแดงยาวปูออกไปด้านนอกหลายร้อยเมตร นักข่าวจากสื่อสำนักต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วนต่างถือกล้องพร้อมเลนส์สั้นยาวเฝ้าอยู่สองข้างพรมแดงตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อรอเริ่มต้นพิธีอย่างเป็นทางการ
ด้านหลังของพวกนักข่าว ถูกล้อมรอบด้วยเหล่าผู้ชม พวกเขาส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ในมือของหลายๆ คนถือป้ายไฟที่เขียนชื่อเอาไว้หรือไม่ก็แท่งไฟ ใบหน้าที่ดูตื่นเต้นของแต่ละคนทำให้บรรยากาศของงานยิ่งคึกคัก
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรู เพราะพวกเขารู้ว่างานเดินพรมแดงวันนี้มีดาราศิลปินดังมากมาย เรียกได้ว่ารวบรวมซูเปอร์สตาร์เบอร์ใหญ่ของวงการเพลงของจีน ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวันเอาไว้เลยทีเดียว หากพวกแฟนคลับเห็นไอดอลแล้วเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา เช่นนันก็ยากที่จะควบคุมได้
เวลาห้าโมงเย็นกว่าๆ แสงไฟสว่างจ้าตั้งตระหง่านอยู่สองข้างกำแพงลายเซ็น ผู้คนรวมตัวอยู่ในจัตุรัสหน้าโรงละครแห่งชาติจีนเยอะมาก โชคดีที่ตั้งหน้าจอขนาดใหญ่สำหรับแพร่ภาพสดเอาไว้รอบๆ เพื่อกระจายกลุ่มคน ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าสองข้างพรมแดงจะถูกเบียดจนกลายเป็นสภาพแบบไหน
หกโมงเย็น เขตกำหนดห้ามคนเข้า รถต้อนรับสีดำคันหนึ่งขับเข้ามาท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย แล้วจอดนิ่งตรงจุดเดินพรมแดง
ประตูรถเปิดออก ผู้ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทมุดออกมายืนอยู่บนพรมแดง
เพียงชั่วพริบตา แสงแฟลชปรากฏขึ้นจำนวนมาก ส่องแสงบนใบหน้าและตัวของเขา แต่ผู้ชายวัยกลางคนผู้นี้เห็นได้ชัดว่าคุ้นชินแล้ว ใบหน้ายังคงยิ้มเล็กน้อยและโบกมือให้ผู้ชมที่อยู่รอบๆ
“อวี๋หมิง!”
เสียงตะโกนดังสนั่นฟ้าระเบิดออกมาท่ามกลางกลุ่มผู้คน
ผู้ชายวัยกลางคนที่สง่างามคนนี้ ก็คือ อวี๋หมิง บุคคลระดับพี่ใหญ่ของวงการเพลงป็อปในประเทศจีน เขาเดบิวต์ตอนปลายยุค 1980 และโชว์พรสวรรค์ของตัวเองอย่างโดดเด่นในช่วงต้นยุค 1990 ตลอดสามสิบปีที่ผ่านออกอัลบั้มส่วนตัวมากกว่าสิบอัลบั้ม ใช้เพลงพื้นบ้านและเพลงรักพิชิตใจแฟนเพลงกลุ่มใหญ่ เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน
พิธีเดินพรมแดงงานมอบรางวัล ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ แขกที่ออกมาคนแรกคืออวี๋หมิง ซึ่งดังสมชื่อจริงๆ
เมื่อดื่มด่ำแสงแฟลชและทักทายแฟนเพลงพอประมาณแล้ว อวี๋หมิงก็เดินบนพรมแดงนี้ด้วยความกระฉับกระเฉง
หลังจากเขา ดาราเบอร์ใหญ่ ซูเปอร์สตาร์ ไอดอลของวงการเพลงประเทศจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ต่างทยอยกันปรากฏตัว
“ถานหง!” “เลี่ยวเจี่ย!” “ซูอิ๋งอิ๋ง!” “หลิวกั่งเซิง!” “อันอัน!”…
ชื่อของแต่ละคนดังปานสายฟ้า ลานกว้างด้านหน้าโรงละครแห่งชาติจีนเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสงแฟลชส่องสว่างจ้าตาไม่หยุด วงการเพลงจีนได้ต้อนรับ ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ ครั้งแรก และได้ต้อนรับช่วงเวลาแห่งเกียรติยศอย่างแท้จริง
ลู่เฉินปรากฏตัวเป็นลำดับที่สิบสอง
ถึงแม้ไม่ใช่งานเดินพรมแดงครั้งแรก แต่ตอนที่ประตูรถเปิด แล้วเขามุดออกมาจากรถนั้น เสียงกรี๊ดที่ดังปะทะเข้ามาดังเกลียวคลื่นและแสงแฟลชที่จ้าตา ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวทันที
โรงละครแห่งชาติในค่ำคืนนี้ เป็นเวทีอันยิ่งใหญ่ของวงการเพลงป็อป หรือว่าเป็นเวทีของเขาคนเดียวกันแน่
ลู่เฉินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขามองไปยังกลุ่มผู้คนที่อยู่ไม่ไกล มีบางคนพยายามชูป้ายไฟที่เขียนชื่อของเขาให้สูงขึ้น
“ลู่เฉิน!” “ลู่เฉิน!”
ดาราเบอร์ใหญ่เดินนำหน้าไปแล้ว แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อความนิยมของลู่เฉิน ในกลุ่มผู้คนที่รายล้อม ไม่รู้ว่ามีแฟนคลับอีกกี่คนที่ตะโกนเรียกชื่อของเขา และยังมีกล้องพร้อมเลนส์สั้นยาวแต่ละอันเล็งมาที่เขาอีก
นี่คือช่วงเวลาอันทรงเกียรติของเขา!
ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้คนหลงใหลมากจริงๆ
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงหมุนตัวยื่นมือของตัวเองเข้าไปในรถ
เขาไม่ได้มาคนเดียว
“เฉินเฟยเอ๋อร์!”
…………………………………………………………………………