Perfect Superstar - ตอนที่ 537 พี่ชายที่แสนดี
ตอนที่ 537 พี่ชายที่แสนดี
วันที่ 27 มกราคม วันส่งท้ายปีเก่า สมควรรับเงิน เปิดตลาด ย้ายบ้าน
บ่ายสามโมงเย็น วัดเฉิงหวง
วัดเฉิงหวงตั้งอยู่ใจกลางเขตเมืองเก่าของเมืองปินไห่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมืองชายฝั่งเล็กๆ แห่งนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่มีอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่ถูกอนุรักษ์เอาไว้อย่างดีเมืองหนึ่ง และยังมีประชากรหนาแน่น
โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีน งานวัดประจำปีของที่นี่คึกคักมาก ผู้คนมาจากทุกตำบล ร้านค้ารายทางเปิดร้านค้าขาย ร้านแผงลอยวางเรียงกันเป็นแนวยาว ผู้ที่มาเยือนและนักท่องเที่ยวเลือกซื้อของที่แทบจะไม่มีให้เห็นในเมืองใหญ่แล้ว
ตามปกติตลาดของงานวัดจะเริ่มขึ้นในวันที่ 25 เดือน 12 ตามปฏิทินจีน จนถึงวันเทศกาลหยวนเซียวเป็นวันสุดท้าย ประชาชนในเมืองปินไห่มักพาครอบครัวมา ‘เดินตลาด’ ซื้อของต่างๆ ที่ใช้ในวันขึ้นปีใหม่ เช่น ภาพวาดปีใหม่ กลอนมงคล โคมไฟ ประทัด เป็นต้น
สังคมปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปเร็ว มีเพียงสิ่งเหล่านี้ที่ยังรักษาบรรยากาศของเทศกาลปีใหม่เอาไว้ได้
ชาวเมืองหลายคนที่ฉลาด มักจะเลือกตอนบ่ายของวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อไป ‘เหมาของ’ เพราะตอนนี้ร้านค้าแผงลอยอยากจะเก็บร้านกลับบ้านกันแล้ว มักจะยอมขายในราคาถูกหรือลดราคาให้
หากได้พบกับเจ้าของร้านที่อยากเก็บร้านกลับบ้านเร็วๆ กลอนมงคลที่ปกติขายกันคู่ละสิบยี่สิบหยวน ก็อาจจะซื้อได้ในราคาห้าหยวนเท่านั้น ถุงหอมที่สวยงามงานประณีตทำมืออาจจะหาซื้อได้ในราคาที่ถูกลงเหลือ 30-50%
เฉินเฟยเอ๋อร์จูงมือลู่เฉิน แทรกตัวไปตามกลุ่มคนอันคับคั่ง ในมืออีกข้างถือถุงหอมสี่ห้าอัน ท่าทางยิ้มแย้มมีความสุขเหมือนหนูที่เจอถังข้าวสาร ทั้งดีใจทั้งมีความสุข
ในมือของลู่เฉินถือของเยอะกว่ามาก ทั้งภาพวาด กระดาษตัดลวดลาย ขนม ลูกอมน้ำตาล และข้าวของต่างๆ ที่ใส่รวมอยู่ในถุงใบใหญ่
วันนี้ตอนเช้าเขากับลู่ซีนั่งรถไฟความเร็วสูงจากปักกิ่งกลับมาถึงปินไห่
ส่วนเฉินเฟยเอ๋อร์เมื่อวานหลังจากเธอไปร่วมงานแสดงสินค้าที่ฮู่ไห่เสร็จแล้วก็ตรงมาปินไห่ทันที มาถึงวิลล่าในชุมชนจิ่งเซิ่งก่อนลู่เฉิน
ทั้งสองคนนัดกันไว้แล้ว ปีนี้จะมาฉลองวันตรุษจีนที่บ้านลู่เฉิน
เพราะเฉินเฟยเอ๋อร์อยากเห็นสีสันวันตรุษจีนของเมืองปินไห่ จึงให้ลู่เฉินพาเธอมาที่วัดเฉิงหวง
อากาศหนาวเย็น ทั้งสองคนสวมเสื้อกันหนาวขนเป็ดตัวหนา เฉินเฟยเอ๋อร์สวมทั้งผ้าพันคอและหมวก นอกจากความสูงที่โดดเด่นแล้วดูไม่แตกต่างจากคนทั่วไป ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดไปมาไม่มีใครจำได้
คนที่เดินผ่านไปมาไม่มีใครคิดว่าหญิงสาวที่กระโดดโลดเต้นไปมา เห็นอะไรก็ตื่นเต้น เห็นอะไรก็อยากซื้อ ซื้อของอะไรก็ต่อราคาคนนี้ จะเป็นดาราใหญ่เป็นราชินีแห่งวงการเพลงที่กำลังโด่งดังที่สุดในตอนนี้!
“ที่นี่สนุกจังเลย…”
เฉินเฟยเอ๋อร์หนีบรางวัลที่เพิ่งได้มา เธอบ่นลู่เฉิน “นายน่าจะบอกฉันแต่แรกว่าเดินทั้งบ่ายก็ไม่หมด เมื่อวานฉันจะได้มากับลู่เสวี่ยก่อน”
ลู่เฉินทำหน้าไม่ถูก “ผมจะไปรู้เหรอ บ้านคุณไม่มีตลาดแบบนี้หรือไง”
เฉินเฟยเอ๋อร์ดวงตาหม่นลง
ลู่เฉินรู้ทันทีว่าเขาพูดผิดไปแล้ว รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ไม่เป็นไรหรอก วันที่สองที่นี่ก็กลับมาเปิดขายของแล้ว จนถึงเทศกาลหยวนเซียวถึงจะจบงาน วันเทศกาลหยวนเซียวถึงจะคึกคักที่สุด”
เขากุมมือของแฟนสาว “ถ้าคุณชอบละก็ พวกเราอยู่ถึงเทศกาลหยวนเซียวค่อยกลับก็ได้”
เดิมทีลู่เฉินวางแผนไว้ว่าจะกลับไปที่ฮ่องกงในวันที่สี่หรือห้าหลังจากตรุษจีน การตัดต่อหนัง ‘โปเยโปโลเย’ มาถึงโค้งสุดท้ายก็ถูกเทศกาลตรุษจีนกั้นกลาง กำลังต้องการให้เขาไปนั่งคุมงาน
แต่ถ้าเทียบกับเฉินเฟยเอ๋อร์แล้ว สิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญ กลับไปช้าหน่อยไม่เป็นไร
เฉินเฟยเอ๋อร์รู้สึกถึงความจริงใจของลู่เฉิน เธอเผยรอยยิ้มน่าหลงใหลอีกครั้ง เขย่งปลายเท้าจุ๊บเข้าที่แก้มลู่เฉิน จากนั้นบอกว่า “ไปดูตรงนั้นกันเถอะ…”
ลู่เฉินพยักหน้า เงาร่างทั้งสองหายไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
จนฟ้ามืด ทั้งสองถือทั้งถุงเล็กถุงใหญ่เต็มมือกลับบ้าน
“แม่ครับ!”
ลู่เฉินวางข้าวของลงบนโซฟาในห้องรับแขก พร้อมกับตะโกนเข้าไปในครัวว่า “ผมกับเฟยเอ๋อร์กลับมาแล้ว”
ฟางอวิ๋นยื่นหน้าออกมาจากครัว ยิ้มบอกว่า “นั่งดูทีวีพักผ่อนก่อน อาหารค่ำส่งท้ายปีเก่ากำลังจะเสร็จแล้ว”
บนโต๊ะอาหารในห้องอาหารมีอาหารวางอยู่ห้าหกอย่าง ส่งกลิ่นหอมอบอวลล่อตาล่อใจ
เฉินเฟยเอ๋อร์ปลดผ้าพันคอออกแล้วเดินไปที่ห้องครัว “คุณน้าคะ หนูช่วยค่ะ”
ฟางอวิ๋นมองเธอเป็นลูกสะใภ้ ไม่ใช่แขก จึงยิ้มรับและไม่ปฏิเสธ
ลู่เฉินนั่งพิงโซฟานิ่มสบายมองดูแม่กับแฟนสาวกำลังยุ่งอยู่ในครัวผ่านกระจกกั้น เขารู้สึกจิตใจสงบอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกมีความสุขเกินบรรยาย
“พี่ชาย!”
เสียดายความสงบสุขมีอยู่เพียงชั่วครู่ ลู่เสวี่ยกับลู่ซีถือถุงใบน้อยใบใหญ่กลับมาถึงบ้าน
พอเห็นลู่เฉิน ลู่เสวี่ยกระโจนเข้าไปกอดพี่ชายเหมือนปลาหมึกเกาะแน่น ทำเหมือนทั้งสองไม่ได้เจอกันมานานมาก “อั่งเปาของหนูล่ะ!”
น้องสาวกำลังเรียนหนังสือ พี่ชายหาเงินได้ น้องสาวขออั่งเปาจากพี่ชายเป็นเรื่องธรรมดาของโลก
แต่มีบางคนเห็นแล้วไม่ชอบใจ ตีก้นเธอป้าบใหญ่ “ลงมา โตขนาดนี้แล้วยังเกาะติดเป็นตังเมอีก ดูเหมือนอะไรไปแล้วก็ไม่รู้!”
ลู่เสวี่ยเบะปากอย่างน้อยใจ แล้วลงมาจากตัวลู่เฉิน
เธอไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน กลัวแค่ความดุของลู่ซีคนเดียว
ลู่เฉินแอบขำ เขาหยิบซองแดงออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ลู่เสวี่ย “อะให้”
บนโลกนี้ ลู่เฉินรักและเอ็นดูน้องสาวของตัวเองที่สุด
ของที่เขารักทะนุถนอมคือกีตาร์ไม้กุหลาบที่ลู่เสวี่ยใช้เงินอั่งเปาทั้งหมดของเธอไปซื้อมาให้เขา
แม้ด้วยฐานะของลู่เฉินในตอนนี้ หากจะซื้อกีตาร์ที่แพงกว่าหลายสิบเท่าก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่กีตาร์ตัวนีเขาพกติดตัวไว้ตลอด
หลายสิ่งหลายอย่างไม่อาจใช้เงินมาวัดคุณค่าได้
ลู่เสวี่ยเปลี่ยนจากความเศร้าเป็นดีใจ รีบแย่งซองอั่งเปาไปทันใด จากนั้นโน้มตัวเข้าไปหอมลู่เฉินหลายๆ ที “ขอบคุณค่ะพี่ชาย!”
แต่พอได้ซองแดงมา เธอกลับสงสัย “ทำไมมันเบาขนาดนี้ล่ะ”
ลู่เฉินหัวเราะ “ในนี้เป็นบัตรเสริมที่พี่ทำให้ เวลาเธอจะซื้อของอะไรก็ใช้รูดเอา”
เขาเคยสาบานว่าจะให้น้องสาวได้ใช้ชีวิตแบบเจ้าหญิง
บัตรใบนี้มียอดวงเงินสูงถึงหนึ่งล้านหยวน
ลู่เสวี่ยยิ้มตาหยี “ขอบคุณค่ะพี่!”
เธอรีบเปิดซองออก ควักบัตรเครดิตออกมา แล้วเก็บเข้าไปในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองอย่างระมัดระวัง
ลู่ซีส่ายหน้าเตือนว่า “อย่าซี้ซั้วใช้นะ อย่าให้กลายเป็นคนสุรุ่ยสุร่ายล่ะ”
ลู่เสวี่ยรับคำว่า “ค่ะ” จากนั้นก็กอดแขนลู่เฉินแน่น ซบหัวลงที่บ่าของพี่ชาย
ไม่ว่าจะมีเงินหรือไม่ ในใจของเธอ พี่ชายเป็นพี่ชายที่แสนดีเสมอ
…………………………………………