Perfect Superstar - ตอนที่ 580 พอดี
ตอนที่ 580 พอดี
กลับมาถึงรถ ลู่ซีจ้องมองลู่เฉิน
ตอนแรกลู่เฉินไม่ได้สังเกต แต่ก็ถูกสายตาอันแปลกประหลาดของพี่สาวจ้องจนขนลุก
“เป็นอะไร”
ลู่ซียื่นนิ้วออกไปจิ้มที่หน้าผากของเขาพลางบอกว่า “ฉันกำลังสงสัยว่าแกเป็นน้องชายฉันจริงหรือเปล่า!”
ลู่เฉินเหงื่อแตก “ผมไม่ใช่น้องชายพี่แล้วจะเป็นใคร”
ลู่ซีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เปลือกนอกน่ะใช่ แต่ฉันสงสัยว่าข้างในมีปีศาจพันปีซ่อนตัวอยู่หรือเปล่า!”
ลู่เฉินทำหน้าไม่ถูก “พี่ พี่เริ่มอ่านนิยายออนไลน์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ลู่ซีตอบ “สองปีมานี้ แกทำให้ฉันประหลาดใจอยู่เรื่อย ฉันแทบไม่อยากเชื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้น”
นี่คือความรู้สึกจากใจของเธอ
สองปีมานี้ลู่เฉินก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมากในวงการบันเทิง กลายเป็นดาวเจิดจรัสอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าที่เป็นของเขา ตั้งแต่เพลงป็อปจนถึงละครและภาพยนตร์ ความสามารถอันน่าตกใจที่เขาแสดงออกมาไม่เพียงแต่ทำให้คนทั้งในและนอกวงการต้องทึ่ง ยังทำให้พี่สาวที่คุ้นเคยกับเขารู้สึกคาดไม่ถึง
ค่ำคืนนี้ ลู่เฉินได้ประลองฝีมือกับวั่นจินผิง ทำให้จิ้งจอกเฒ่าคนนี้ตกอยู่ในกำมือ แค่มอบสิ่งตอบแทนเล็กน้อยก็ดึงตัวพันธมิตรผู้เข็มแข็งมาเป็นพวกได้แล้ว ทำให้ลู่ซีได้เปิดหูเปิดตาครั้งใหม่
ถ้าเป็นตัวเธอเอง คงไม่อาจทำได้ดีเท่านี้
เพียงแต่นี่ไม่เหมือนกับน้องชายที่รักสนุกและเอาแต่ใจที่เธอคุ้นเคย!
ลู่ซีรู้ว่า สองปีนี้ลู่เฉินยิ่งใหญ่ขึ้นมา อาจเพราะได้ผ่านชีวิตที่ยากลำบากจนทำให้เขาเติบโตอย่างแท้จริง
แต่เธอก็ยังรู้สึกเหมือนความฝัน
บางครั้งเธอกลัวว่า หลังจากตื่นขึ้นมาแล้วทุกอย่างจะหายไป ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม
ลู่เฉินกุมมือพี่สาวปลอบว่า “ผมก็เป็นผมคนเดิมนี่แหละ ไม่เคยเปลี่ยน”
เพียงแต่ในสมองของเขา มีความทรงจำของอีกโลกหนึ่งเพิ่มเข้ามา
ลู่ซีรู้สึกถึงความจริงใจของลู่เฉิน เธอเผยยิ้ม บรรยากาศในรถอบอุ่นอ่อนโยน
เวลาผ่านไปเร็ว ฝีเท้าที่ก้าวย่างก็ต้องเร็วตามให้ทัน สองพี่น้องไม่ได้เปิดใจพูดคุยกันมานานแล้ว
กริ๊ง~
น่าเสียดายที่เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะความสุข ลู่ซีหดมือกลับไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วรับสาย “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”
“อืม กินแล้ว กำลังจะกลับบ้านกับลู่เฉิน”
“หา? ตอนนี้ดึกมากแล้วนะ…”
“งั้น…งั้นก็ได้”
เธอพูดอยู่ไม่กี่ประโยคก็วางสาย ลู่เฉินถามอย่างสงสัย “ใครโทรมา”
ลู่ซีลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “มู่ซือน่ะ เธอนัดฉันออกไปเล่นโยคะกับทำสปาคืนนี้”
ลู่เฉินรู้สึกไม่ชอบมาพากลขึ้นมา
“พี่ หลี่มู่ซือชอบนัดพี่ออกไปบ่อยๆ เหรอ พี่รู้ไหมว่าเขา…”
ลู่ซีหน้าแดง ตอบว่า “ฉันรู้ แต่เธอไม่ได้คิดแบบนั้นกับฉันหรอก พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ฉันไม่มีเพื่อนในปักกิ่งเลยสักคน ก็เลย…”
ลู่เฉินพูดไม่ออก
แม้จะเป็นพี่น้องแท้ๆ เขาก็ไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของพี่สาว “งั้นพี่ระวังตัวหน่อยแล้วกัน”
ลู่ซีถลึงตาใส่เขา “ระวังอะไร มู่ซือไม่ใช่เสือนะ เขาจะกินฉันเหรอ”
“พี่จาง พี่ส่งฉันตรงแยกข้างหน้านะคะ”
จางเสี่ยวฟางผู้รับหน้าที่เป็นพลขับรับคำ แล้วบังคับพวงมาลัยรถไปจอดที่ข้างทาง
ลู่ซีตบบ่าลู่เฉินบอกว่า “ไม่ต้องคิดมาก ฉันลงตรงนี้แหละ ไปที่คลับใกล้มาก แกกลับไปพักผ่อนเถอะ มีอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”
ลู่เฉินจะพูดอะไรได้อีก? ได้แต่ยิ้มแห้งรับคำ
เขาอยากโทรศัพท์หาหลี่มู่ซือ บอกฝ่ายนั้นว่าอย่าคิดอะไรเกินเลยกับลู่ซี แต่คิดไม่ออกว่าจะพูดอย่างไรดี ทำได้เพียงสับสนอยู่อย่างนี้
ตอนที่กลับถึงบ้าน ลู่เฉินยังอึดอัดใจไม่หาย
แต่ความอึดอัดใจของเขาหายไปทันทีเมื่อเปิดประตูบ้านออกมา !
“คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
คนที่ยืนอยู่หลังประตูคือแก้วตาดวงใจของเขา ถ้าไม่ใช่เฉินเฟยเอ๋อร์แล้วจะเป็นใคร
ช่วงนี้เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่ง ตารางการเดินทางของเธอจัดไว้จนเต็มแน่น วันนี้อยู่ที่ฮู่ไห่ พรุ่งนี้บินไปเซินไห่ นี่ขนาดยกเลิกงานอีเวนต์และงานโฆษณาอื่นไปหลายอย่างแล้ว
ตั้งแต่ ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ และ ‘ฟูลเฮ้าส์’ โด่งดัง เฉินเฟยเอ๋อร์กลายเป็นนักแสดงที่มีค่าตัวสูงที่สุดคนหนึ่งของวงการ ความนิยมของเธอมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เทียบเท่า
แม้ตอนนี้เธอคบกับลู่เฉิน อีกทั้งตัวเธอเองก็มีรายได้มหาศาลจนใช้ไปหลายชาติก็ไม่หมด แต่เธอไม่เคยคิดจะอยู่แต่ในบ้านทำตัวเป็นคุณนายให้กับคนรัก งานสำหรับเธอแล้วเปรียบเสมือนพลังชีวิตที่ทำให้เธอสดชื่นอ่อนวัยกระชุ่มกระชวย
ด้านนี้ด้านเดียว เฉินเฟยเอ๋อร์พยายามมากกว่าลู่เฉิน
อาจเป็นเพราะเหตุนี้ เธอจึงรู้สึกผิดต่อลู่เฉิน อยากหาโอกาสมาชดเชยให้เขา
เฉินเฟยเอ๋อร์โผเข้าใส่อ้อมกอดของลู่เฉิน ยิ้มยั่วยวนตอบว่า “เพิ่งกลับมา มีเซอร์ไรส์เล็กๆ น้อยๆ ให้นายด้วย…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกริมฝีปากของลู่เฉินปิดปากไปเสียก่อน
ทั้งสองคบหาดูใจกันมาไม่ใช่เวลาน้อยๆ ปกติแล้วมีแต่การจากมากกว่าอยู่ด้วยกัน แต่ความรู้สึกที่มีต่อกันไม่เคยถดถอยลง กลับยิ่งเพิ่มขึ้นเข้มข้นขึ้นตามกาลเวลา
คนรักอยู่ในอ้อมกอดช่างมีความสุข ลู่เฉินลืมเรื่องของพี่สาวไปเสียจนหมดสิ้น ตกอยู่ในภวังค์แห่งความหวานดูดดื่ม
หวานฉ่ำทั้งคืน
…
สองวันถัดมา หรือก็คือวันที่ 19 มีนาคม คณะกรรมการรางวัลสุวรรณหงส์ได้ออกมาประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสุวรรณหงส์ประจำปี 2017 ทั้ง 39 สาขาในอินเทอร์เน็ต
หนึ่งในนั้น ละครแชมป์เรตติ้งของปี 2016 อย่าง ‘ฟูลเฮ้าส์’ ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบทละครยอดเยี่ยม เพลงประกอบละครยอดเยี่ยม ผลงานการตัดต่อยอดเยี่ยม ส่วนรางวัลที่หมดสิทธิ์อย่างรางวัลผู้กำกับละครยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายและหญิงยอดเยี่ยม นักแสดงชายและหญิงยอดนิยม เหล่านี้ล้วนเป็นรางวัลระดับสูง
ช่างแตกต่างกับข่าวที่ออกมาในโลกออนไลน์เมื่อหลายวันก่อนว่า ‘ฟูลเฮ้าส์’ ไม่ได้รับการเสนอชื่อสักรางวัล
ลู่เฉินไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เพราะเหมือนกับที่เขาบอกกับวั่นจินผิง ‘ฟูลเฮ้าส์’ ถ้าไม่ได้รับการเสนอชื่อสักรางวัล คนที่ขายหน้าไม่ใช่ตัวเขา
รางวัลขนาดกลางและเล็กทั้งสาม เป็นเหมือนกับผ้าแก้เขินให้กับคณะกรรมการรางวัลสุวรรณหงส์!
“ผมว่ารางวัลที่พวกเราได้น่าจะเป็นรางวัลเพลงประกอบละครยอดเยี่ยมนะ…”
ลู่เฉินพูดกับลู่ซีและเฉินเฟยเอ๋อร์ “เราส่งตัวแทนไปก็พอ ผมว่าเป็นเฉินซินก็ได้”
เฉินซินเป็นเพื่อนร่วมงานของลู่เฉินสมัยที่ทำงานอยู่ร้านเคเอฟซี ตอนนี้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ของเฉินเฟยมีเดีย
ลู่ซีลังเล “มันจะไม่ค่อยดีมั้ง”
ดูถูกรางวัลสุวรรณหงส์มากเกินไปแล้ว
ลู่เฉินหัวเราะ “งั้นก็ส่งเพิ่มไปอีกสองคน สามคนตามสามรางวัลที่ถูกเสนอชื่อ พอดีเลย”
ฝ่ายนั้นกำลังจะสะบัดตบ ทำไมจะต้องยื่นหน้าตัวเองไปรับล่ะ
มีปัญหาก็มีปัญหาไป ลู่เฉินไม่ได้อาศัยรางวัลมาหากินเสียหน่อย เขายังรู้ดีอีกด้วยว่าใครกำลังเล่นแง่กับเขา
เรื่องสำคัญคือ ‘โปเยโปโลเย’ กำลังจะลงโรงฉายในประเทศ การโปรโมตมาถึงช่วงเวลาสำคัญ จะเอาใจที่ไหนไปสู้รบปรบมือกับคนอื่น “ถ้ามีนักข่าวมาสัมภาษณ์ ให้ปฏิเสธทั้งหมด ไม่มีอะไรต้องบอก!”
……………………………………