Perfect Superstar - ตอนที่ 641 อารมณ์เสีย!!!!!!!!
ตอนที่ 641 อารมณ์เสีย!!!!!!!!
ถึงแม้ลู่เฉินจะไม่ได้สนิทสนมกับหลี่มู่ซือมากนัก แต่เขากลับเข้าใจบุคลิกของหลี่มู่ซือเป็นอย่างดี
ลูกสาวคนโตของตระกูลหลี่มีนิสัยดื้อรั้น อยากได้อะไรก็ต้องได้ ในเมื่อวันนี้จ้องเขาเขม็งอย่างนี้แล้ว คาดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากสโมสรป๋อรุ่ยหากไม่สู้สักตั้ง
ดังนั้นไม่ว่าวิธีการชักชวนของเธอจะแย่มากแค่ไหน ลู่เฉินก็ต้องยอมตกลงอยู่ดี
“พี่เป็นคนบังคับให้ผมทำแบบนี้เองนะ…”
หลังจากลู่เฉินไปที่ห้องล็อกเกอร์เพื่อสวมชุดต่อสู้เรียบร้อยแล้ว เขาพลิกตัวกระโดดขึ้นสู่เวที ขยับมือและเท้าเพื่อวอร์มร่างกาย พร้อมพูดกับหลี่มู่ซือว่า “แพ้แล้วอย่าร้องไห้ล่ะ!”
“ไร้สาระ!”
หลี่มู่ซือยิ้มเยาะและพูดอย่างดูถูกว่า “ใครกันแน่ที่จะร้องไห้!”
ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ความจริงแล้วเธอไม่เคยกล้าประมาทลู่เฉินเลยสักนิด แม้ว่าหลายเดือนที่ผ่านมานี้จะฝึกฝนตนเองจนแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน แต่เมื่อได้มาเผชิญหน้ากับลู่เฉิน เธอกลับไม่มั่นใจเลยว่าจะเอาชนะเขาได้
หลี่มู่ซือได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะตั้งแต่เล็กจนโต เธอมีพรสวรรค์ที่แสนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นงานวิชาการหรืองานอดิเรก เธอเหยียบย่ำเหล่าลูกผู้ชายที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถมาหลายคนแล้ว
แต่เมื่อได้พบกับลู่เฉิน ชื่อเสียงของเธอในฐานะอัจฉริยะก็ถูกท้าทายอย่างรุนแรง พรสวรรค์ด้านดนตรีของลู่เฉินนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง ที่แย่ไปกว่านั้นคือความคิดสร้างสรรค์ทางด้านธุรกิจของเขาก็ไม่ธรรมดาเสียอีก
อย่างเช่นแนวคิดเรื่องการระดมทุนออนไลน์ แม้แต่บิดาที่เธอเคารพนับถือที่สุดยังยกย่องเขา หลังจากซื้อหุ้นส่วนใหญ่มาจากลู่เฉิน ใช้เวลาเพียงปีสองปีก็ขยายใหญ่จนมีคุณสมบัติพอที่จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็กแล้ว
และลู่เฉินที่ขายเว็บระดมทุนไปก็ไม่ได้โฟกัสไปที่วงการบันเทิงเพียงอย่างเดียว เขาลงทุนก่อตั้งแฮปปี้เอนเตอร์เทนเมนต์ ปล่อยตัวมินิเกม ‘แฮปปี้ฟาร์ม’ ที่ได้รับความนิยมทั่วประเทศ และขายให้บริษัทเกมเฟยซวิ่นในราคาสูงเสียดฟ้า
กำไรจากการลงทุนสิ่งนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นักลงทุนในประเทศอับอายขายขี้หน้า
ลู่เฉินยังเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในสตาร์แฟคตอรีมีเดียอีก ในการเปิดตัวครั้งแรกของรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ก็ดังเป็นพลุแตกแล้ว แถมยังเป็นแหล่งทำเงินที่สร้างกำไรได้ในระยะยาว!
หลี่มู่ซือกลับมาจากต่างประเทศเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ ด้วยความสามารถของเธอบวกกับปูมหลังของตระกูลหลี่ เมื่อเทียบกับลู่เฉินที่นับว่าเป็นเพียงนักธุรกิจมือสมัครเล่นเท่านั้น เธอกลับด้อยกว่ามาก แล้วจะให้เธอสบายใจได้อย่างไร
เธออยากจะอัดลู่เฉินนัก ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเธอได้ฝึกต่อสู้ไม่น้อยเลย
“ประธานหลี่ต้องชนะแน่ครับ!”
เมื่อหลี่มู่ซือและลู่เฉินสวมอุปกรณ์ป้องกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเผชิญหน้ากันในสังเวียน เหล่าลิ่วล้อชายฉกรรจ์ส่งเสียงเชียร์หลี่มู่ซือท่ามกลางฝูงชน
หลังจากนั้นเหล่าผู้ชมก็โห่ร้องเชียร์กันให้ระงม ฝั่งหนึ่งสนับสนุนหลี่มู่ซือ หวังว่าเธอจะเอาชนะลู่เฉินได้ภายในสามหมัดและลูกเตะอีกสองที
แต่หลี่มู่ซือกลับไม่พอใจ “หนวกหูจะตายแล้ว พวกนายทั้งหมดจะไปไหนก็ไป!”
ครั้งนี้ถือว่าประจบผิดที่ไปหน่อย คราวนี้เหล่าพวกขี้ประจบทั้งหลายต่างพากันหนีออกไปให้พ้นทาง ขนาดวั่นหย่งยังไม่กล้าอยู่ดูต่อเลย ห้องขนาดใหญ่นี้เหลือเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น
ผัวะ! ผัวะ!
หลี่มู่ซือชกหมัดทั้งสองของตัวเองเข้าด้วยกันจนเกิดเสียงทุ้มต่ำขึ้น เธอจ้องมองไปที่ลู่เฉินราวกับเสือดาวตัวเมียที่กำลังล่าเหยื่อ พูดอย่างแข็งกระด้างว่า “ในที่สุดก็เงียบสักที คอยดูเถอะ!”
หลี่มู่ซือเริ่มโจมตีทันทีที่พูดจบ เธอพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วแสงและปล่อยหมัดเข้าไปที่ใบหน้าด้านซ้ายของลู่เฉินด้วยความเร็วปานสายฟ้า หมัดแทงทะลุอากาศจนเกิดเสียงดังราวกับงูที่กำลังพ่นพิษออกมา
ลูกสาวคนโตของตระกูลหลี่คนนี้งดงามมาก รูปร่างรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบโดยเฉพาะขาเรียวยาวคู่นั้น หากอยากจะเป็นนางแบบก็คงเป็นได้อย่างง่ายดาย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักอ่อนหวาน ในทางกลับกัน เธอมีทักษะการต่อสู้ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง มีเพียงไม่กี่คนในสโมสรแห่งนี้ที่เก่งพอจะเป็นคู่แข่งของเธอได้
เมื่อเธอเอาจริงขึ้นมาละก็ นั่นไม่ใช่เรื่องตลกแล้ว ถ้าลู่เฉินโดนหมัดนี้เข้าไป เขาจะต้องเห็นดาวลอยอยู่บนหัวเป็นแน่
ปัง!
จังหวะที่นวมสีแดงเพลิงพุ่งเข้ามาเกือบจะโดนหน้าลู่เฉิน กลับถูกเขายกแขนซ้ายขึ้นมาขวางไว้ได้ทันเวลา
แต่หมัดนี้ไม่ใช่สิ่งที่หลี่มู่ซือตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก เธอบิดขาของตัวเองอย่างกะทันหันในขณะที่กำปั้นถูกบล็อกอยู่ เตะขาซ้ายเล็งขึ้นไปที่ซี่โครงขวาของลู่เฉิน เคล็ดลับของการต่อสู้ระยะประชิด คือ โหดเหี้ยม แม่นยำ และรวดเร็ว!
หากเป็นคู่ต่อสู้ทั่วๆ ไป เพียงแค่ถูกโจมตีด้วยวิธีการอันรวดเร็วของหลี่มู่ซือ ก็ต้องยอมแพ้อย่างราบคาบไปแล้ว แต่ลู่เฉินกลับมีปฏิกิริยาตอบโต้รวดเร็วยิ่งกว่าการโจมตีของหลี่มู่ซือ
ดูเหมือนเขาจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามจะออกกระบวนท่าอะไรต่อมา ทันทีที่หลี่มู่ซือยกขาขึ้น เขาก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างแรง ก่อนจะชนหน้าอกอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วง
โครม!
เกิดเสียงดังสนั่น หลี่มู่ซือไม่แข็งแกร่งพอที่จะล้มลู่เฉินได้ กลับกันเธอโดนผลักห่างออกไปหลายก้าว ก่อนจะล้มหงายหลังลงบนสังเวียนอย่างรุนแรง
แต่เธอก็กระโดดขึ้นมาอย่างรวดเร็วโดยอาศัยแรงเฉื่อยจากการหกล้ม สายตาที่จ้องมองลู่เฉินนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
สองสามเดือนที่ไม่ได้สู้กัน ลู่เฉินกลับแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม!
นี่เป็นสิ่งที่หลี่มู่ซือรู้สึกหดหู่เป็นที่สุด คนอย่างลู่เฉินที่อยู่ในวงการบันเทิง ปกติมักจะมีตารางงานที่แน่นมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถหาเวลามาฝึกซ้อมได้
แล้วเขารักษาสภาพร่างกายแบบนี้ไว้ได้อย่างไร แถมยังพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้อีกด้วย
กำปั้นต้องฝึกด้วยมือ บทเพลงต้องฝึกด้วยปาก ศาสตร์การต่อสู้แบบกังฟูได้มาจากการฝึกฝนอย่างหนักในแต่ละวัน และค่อยๆ สะสมความแข็งแกร่งไปทีละน้อย ความสามารถของลู่เฉินจะเหมือนกับปีศาจเกินไปแล้ว
หลี่มู่ซือกัดฟันอย่างไม่เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้และพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ลู่เฉินเลือกที่จะเป็นฝ่ายป้องกันมากขึ้น ปัดป้องการโจมตีอย่างรุนแรงของหลี่มู่ซือจากทั้งซ้ายขวาที่พุ่งเข้ามาราวกับพายุเฮอริเคน เขายังควบคุมลมหายใจและฝีเท้าได้เป็นอย่างดี
แต่เขาก็ไม่ได้ป้องกันเพียงอย่างเดียว เมื่อถูกหลี่มู่ซือบังคับให้ไปที่ขอบสังเวียนเขาก็โต้กลับทันที และสามารถขัดขวางจังหวะการรุกโจมตีของหลี่มู่ซือได้สำเร็จ
หลี่มู่ซือรู้สึกหดหู่มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง ความสามารถทางด้านร่างกายแน่นอนว่าเสียเปรียบโดยธรรมชาติ ด้านหน้าถูกจู่โจมอย่างรุนแรง ด้านหลังก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ต่อสู้กันไปมามากกว่าสิบรอบจนเกิดเสียงหอบหายใจและหยาดเหงื่อหยดออกมาเป็นสาย
“ไม่สู้แล้ว ไม่สู้แล้ว!”
ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่ามันเป็นความอัปยศของเธอเองหากยังสู้ต่อไปแบบนี้ เธอถอดนวมออกแล้วโยนใส่ลู่เฉินอย่างหงุดหงิด
“คนอย่างนายนี่ ไม่สมควรมีความสุขอย่างแท้จริง!”
ลู่เฉินหัวเราะอย่างขำขัน “พี่มู่ซือ มีเหตุผลหน่อยดีไหม”
หลี่มู่ซือจ้องมองที่เขาอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็พูดขึ้นเสียงเบาๆ ว่า “มานี่สิ ฉันมีอะไรจะบอก…”
ลู่เฉินหวาดระแวงอยู่ในใจแต่ก็เดินเข้าไปหา “อะไรเหรอ”
ทันใดนั้นหลี่มู่ซือก็คว้ามือของลู่เฉินเข้าปากแล้วกัดเต็มแรงอย่างโหดเหี้ยม!
“โอ๊ย!”
ลู่เฉินที่ไม่ทันระวังตัวนั้นได้แต่เขย่าแขนไปมาและชิมรสชาติของความเจ็บปวด “พี่เกิดปีสุนัขหรือไง!”
หลี่มู่ซือปล่อยมือของเขาออก รอยยิ้มกลับมาบนใบหน้าเธออีกครั้ง “นายพูดผิดแล้ว ฉันเกิดปีเสือต่างหาก…”
ลู่เฉินมองไปยังมือซ้ายที่ถูกกัดของตัวเองอย่างพูดไม่ออก หลังมือเริ่มมีอาการบวม มองเห็นรอยฟันลึกสองแถวได้อย่างชัดเจน ผิวหนังฉีกขาดและมีเลือดไหลซึมออกมา…เธอกัดแรงมากจริงๆ
ลู่เฉินไม่ใช่คนที่ชอบความเจ็บปวด แต่เขาเห็นว่าวันนี้หลี่มู่ซือกำลังอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ เขาถาม “มีอะไรเกิดขึ้นกับพี่งั้นเหรอ บอกผมทีได้ไหม”
หลี่มู่ซือชะงักไปชั่วครู่ ผ่านไปสักพักจึงตอบออกไปว่า “ฉันชอบผู้หญิง”
ลู่เฉินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
…………………………