Perfect Superstar - ตอนที่ 646 ใจใหญ่เหลือเกิน
ตอนที่ 646 ใจใหญ่เหลือเกิน
ในแง่ของการผลิตสเปเชียลเอฟเฟกต์สำหรับภาพยนตร์และโทรทัศน์ ฮอลลีวูดในสหรัฐอเมริกาสามารถสอนให้โลกรู้ถึงวิธีการเป็นมนุษย์ได้ ทักษะที่สั่งสมมาตลอดร้อยปีที่ผ่านมานั้นลึกซึ้งอย่างยิ่ง ระบบที่สมบูรณ์และทรงพลังได้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว ได้ผลิตผู้มีความสามารถระดับมืออาชีพระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง
ในเรื่องนี้จีนมีหลักสูตรที่จำเป็นต้องเรียนเสริมมากมาย แม้ว่าพวกเขาจะพยายามไล่ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ช่องว่างนั้นก็ใหญ่มาก
ดังนั้น หากเฉินเฟยมีเดียต้องการสร้างทีมสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่ใช้งานได้ อย่างนั้นสายตาก็ไม่สามารถจดจ้องอยู่แต่ตัวเองได้ จะต้องออกไปเรียนรู้ประสบการณ์ขั้นสูงสุด
“หากเป็นไปได้ละก็ ผมอยากไปซื้อบริษัทผลิตสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่อเมริกา…”
ลู่เฉินพูดต่อ “ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงต้องให้พี่มู่ซือช่วยด้วย ผมไม่ค่อยรู้เรื่องที่นั่นเท่าไร”
เรื่องธุรกิจก็ต้องคุยกับนักธุรกิจ หลี่มู่ซือถือเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง การไปสหรัฐอเมริกาเพื่อซื้อบริษัท ขอความช่วยเหลือจากเธอถือเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ครั้งก่อนที่บริษัทแฮปปี้เอนเตอร์เทนเมนตได้เจรจากับบริษัทเกมเฟยซวิ่น หากไม่มีทีมสนับสนุนจากหลี่มู่ซือ ราคาซื้อขายในขั้นสุดท้ายคงไม่สูงขนาดนั้น
หลี่มู่ซือประหลาดใจ “ซื้่อบริษัทอเมริกาเหรอ นายนี่ใจใหญ่มากนะ อย่างนั้นต้องใช้เงินเยอะมากเลย”
แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นคนในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ แต่ก็ทราบดีว่าสเปเชียลเอฟเฟกต์สำหรับภาพยนตร์และโทรทัศน์นั้นราคาค่อนข้างสูงต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก หลักการเดียวกัน มูลค่าของบริษัทผลิตสเปเชียลเอฟเฟกต์บริษัทหนึ่งก็คงไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นธุรกิจในอเมริกาเลย
นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการบริษัทต่างชาติยังมีปัญหามากมาย เช่น คนเก่งมีความสามารถที่สำคัญที่สุด คนอเมริกันส่วนใหญ่อาจไม่เต็มใจไปทำงานที่ประเทศจีน หากบริษัทไม่สามารถย้ายไปประเทศจีนได้ก็ทำได้เพียงรักษาสภาพที่เป็นอยู่ ต้นทุนการดำเนินงานย่อมไม่ต่ำอย่างแน่นอน ทั้งเปลืองใจและเปลืองเงินอย่างแท้จริง
เธอมองจากมุมมองของคนนอก จึงเริ่มสงสัยในความคิดของลู่เฉิน
“ใช้เงินเท่าไร ก็หากลับมาได้…”
ลู่เฉินหัวเราะเจื่อนๆ “ที่ผมคิดเอาไว้คือ ทีมในจีนหนึ่งทีม ส่วนที่อเมริกาเป็นสตูดิโอที่เป็นเอกเทศน์ แล้วค่อยเอาที่นั่นเป็นที่ฝึกฝนเพื่อหากินในระยะยาว”
การส่งคนไปเรียนที่สถาบันเฉพาะทางเพื่อฝึกอบรมเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรก็มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างสิ่งที่ได้เรียนรู้จากโรงเรียนกับการทำงานจริง ลำพังแค่ด้านประสิทธิภาพเพียงอย่างเดียวก็ห่างชั้นกันมากแล้ว
ลู่เฉินมองไกลไปถึงอนาคต เขาไม่ต้องรีบเร่งเพื่อความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การเข้าซื้อกิจการบริษัทผลิตสเปเชียลเอฟเฟกต์จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะมาก นอกจากใช้เป็นที่ฝึกฝนคนมีความสามารถแล้ว ยังสามารถตอบสนองความต้องการในการผลิตสเปเชียลเอฟเฟกต์ของเขาได้อีกด้วย เช่น การผลิตสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่ยากก็ให้ทางสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ผลิต ส่วนที่ง่ายก็ผลิตเองในประเทศ
ในทางกลับกัน ทีมงานจากสหรัฐอเมริกายังสามารถรับงานจากในประเทศจีนได้ ด้วยเครือข่ายผู้คนและสถานะปัจจุบันของเขาในวงการ หากคิดจะดึงงานมาเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ไม่ได้มีแต่รายจ่ายเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถทำเงินได้ด้วย
จริงๆ แล้วปัญหาใหญ่ก็คือ การลงทุนในระยะแรก ลู่เฉินต้องไม่ถูกใจสตูดิโอเล็กๆ ระดับล่างเหล่านั้นแน่นอน การซื้อทีมที่มีความสามารถต้องทุ่มเทเงินเยอะแน่อยู่แล้ว
เงินหลายสิบล้านดอลลาร์เป็นเงินก้อนเล็กไปเลย หนึ่งหรือสองร้อยล้านดอลลาร์นั้นก็ไม่ถือว่ากระไร มูลค่าหุ้นของบริษัทสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่มีชื่อเสียงในวงการเหล่านั้นมักมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้าน หากต้องการซื้อจริงๆ ก็ต้องจ่ายมากกว่ามูลค่าหุ้นอีก!
ดังนั้นหากลู่เฉินอยากทำให้ได้ตามเป้าหมายของตน นอกจากต้องเตรียมเงินให้เพียงพอแล้ว ยังต้องดูท่าทีของวงการและมองโอกาสให้แม่น หาเป้าหมายที่คุ้มค่ากับการลงทุน
“ดังนั้นนายเลยเล็งฉันเหรอ จะให้ฉันจัดการให้สินะ”
หลี่มู่ซือเข้าใจแล้ว เธอเหลือบตามองลู่เฉิน ก่อนจะเอ่ยอย่างโกรธว่า “หลังจากนั้นเงินที่ซื้อก็คงไม่พ้นต้องขายหุ้นของเว็บระดมทุนมาซื้อสินะ”
ลู่เฉินยิ้ม “ปิดบังพี่ไม่ได้จริงๆ”
ในเมื่อเชิญให้อีกฝ่ายช่วยเหลือ อย่างนั้นลู่เฉินก็ไม่ต้องปิดบังความคิดต่อหลี่มู่ซือ อย่างมากเขาก็แค่ไปสำรวจลู่ทางที่สหรัฐอเมริกา เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่นานเพื่อหาโอกาส… ไม่อย่างนั้นมันจะเรียกว่าไม่ทำงานหลักไม่รู้จักลำดับความสำคัญ
อีกอย่าง เมื่อเว็บระดมทุนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก เขาคิดจะลดหุ้นของตนเหลือเพียงห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขายหุ้นไปเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินก็จะเหมาะเจาะกับการทำการซื้อขายพอดี
หลี่มู่ซือถลึงตาก่อนจะพูดว่า “คิดดีเชียวนะพ่อคุณ จะให้ฉันช่วยทำงานเหรอ”
ลู่เฉินส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “พี่มู่ซือ พวกเราสัญญากันไว้แล้ว หากว่าผมจะขายหุ้น ต้องขายให้พี่ก่อน พี่ลืมแล้วเหรอ”
หลี่มู่ซือพูดไม่ออกทันที
เว็บระดมทุนหากอยากเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็กจริง ต้องแบ่งหุ้นใหม่ ต้องโอนกำไรส่วนใหญ่ให้เป็นทุนของทางฝั่งอเมริกา อัตราส่วนของหุ้นที่เธอถืออยู่ต้องลดลงแน่
นี่เป็นกติกาของบ้านคนอื่น หากอยากจะไปหาเงินในแผ่นดินเขาไม่เคารพกฏก็คงต้องออกนอกเวทีกัน
ดังนั้นหากเว็บระดมทุนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์สำเร็จ หุ้นสิบเปอร์เซนต์ที่ลู่เฉินแทบจะไม่สนใจนี้ก็คงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแน่ หากว่าลู่เฉินมองเห็นอนาคตที่ดีของเว็บระดมทุน กุมไว้ในมือนั่นเท่ากับกุมของล้ำค่าเอาไว้เลยนะ
ตอนนี้เขายินดีขายหุ้นนี้แก่หลี่มู่ซือ ที่จริงแล้วก็คือการสนับสนุนหลี่มู่ซือนั่นแหละ ว่ากันอย่างจริงจังแล้วก็คือเอาผลประโยชน์ระยะยาวที่ตนจะเสียไปมาแลกนั่นเอง
แน่นอน หากว่าในอนาคตมูลค่าหุ้นของเว็บระดมทุนลดลงอย่างรุนแรง ลู่เฉินก็เหมือนถอนตัวล่วงหน้าได้ทันเวลาพอดี
แต่หลี่มูซือมีความมั่นใจในตัวเอง และยิ่งกว่านั้นคือมีความมั่นใจในเว็บระดมทุนนี้ รูปแบบการระดมเงินบนเว็บไซต์ที่แปลกใหม่นี้ เดิมทีก็มีตลาดกว้างขึ้นเรื่อยๆ นอกเสียจากการบริหารจะเกิดปัญหา ไม่อย่างนั้นมูลค่าหุ้นก็คงยิ่งนับวันยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แน่
แล้วลู่เฉินยอมเสียไป เพื่อให้เธอช่วยซื้อบริษัทหนึ่งมันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหนกันเชียว
ต่อให้รู้ว่าตนเองนั้นไม่มีทางขาดทุนมีแต่จะได้ แต่เมื่อเห็นท่าทีที่มั่นใจของลู่เฉินอย่างนี้ เหมือนทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม หลี่มู่ซือก็รู้สึกเหมือนพ่ายแพ้ รู้สึกคันฟันหมั่นไส้ขึ้นมาทันที
ลู่เฉินระมัดระวังตัวมาก เมื่อเห็นว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่มองตนหัวจรดเท้า ก็รีบหดมือกลับทันที ก่อนจะกระแอมไอเพื่อเตือนอีกฝ่าย…อย่าให้เกินไปนะ
หลี่มู่ซือถอนสายตากลับมา แล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้ ฉันจะช่วยนายหาบริษัทที่อเมริกา แต่เรื่องนี้ต้องให้รุ่นน้องฉันที่วอร์ตันมาช่วย พรสวรรค์ของเธอในด้านธุรกิจนั้นยอดเยี่ยมกว่าฉัน ถึงตอนนั้นนายค่อยไปคุยกับเธอแล้วกัน”
ลู่เฉินรู้หลบเป็นปีก “อย่างนั้นก็ต้องขอบคุณพี่มู่ซือแล้ว ผมไปก่อนนะ”
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ารุ่นน้องวิทยาลัยวอร์ตันคนนั้นจะเก่งระดับเทพแค่ไหน แต่ในเมื่อขนาดคุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ยังนับถือ เชื่อว่าต้องเป็นคนเก่งแน่ อย่างนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อเห็นลู่เฉินลุกขึ้น หลี่มู่ซือก็ขมวดคิ้ว “รีบร้อนทำไม ในเมื่อมาแล้ว ตอนเย็นฉันจะเลี้ยวข้าวนายเอง เรียกมู่ไป๋มาด้วยเลย”
ลู่เฉินคำนับ “พี่มู่ซือ ขอโทษจริงๆ คืนนี้ผมมีนัดกับเฟยเอ๋อร์แล้ว”
หลี่มู่ซือเยาะเย้ย “ยังไม่ได้แต่งงาน แต่ถูกภรรยาคุมเข้มเลยนะ นายนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ”
ลู่เฉินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
หลี่มู่ซือไม่อยากเห็นหน้าของเขาแล้ว เธอโบกมือแล้วพูดว่า “ไปเถอะ”
………………………………..