Perfect Superstar - ตอนที่ 649 ลู่เฉินแฟนคลับ
ตอนที่ 649 ลู่เฉินแฟนคลับ
ผู้ชมอยู่ในความโกลาหล ส่งผลกระทบต่อเว่ยซิ่นหรานที่กำลังร้องเพลงอย่างจริงจังอยู่บนเวทีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่เขาอยู่ในวงการมาหลายปีแล้ว คลื่นลมแบบไหนที่ไม่เคยเห็นกัน แน่นอน ฉากดังกล่าวไม่ได้ทำให้เขาตื่นตระหนกและตกใจ เขาเพียงหยุดหายใจไปชั่วขณะโดยไม่ขัดจังหวะการร้องเพลงของเขาเลย
เนื่องจากตำแหน่งยืนของเขา เว่ยซิ่นหรานไม่ได้ค้นพบสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที แต่เขาสวมชุดหูฟังไร้สายและเจ้าหน้าที่ของเขาได้กระซิบเตือนเขาทันเวลา
เมื่อได้รับสัญญาณ เว่ยซิ่นหรานแน่นอนว่าต้องเอียงตัวไปมองจอขนาดใหญ่ด้านหนัง จากนั้นเขาก็เข้าใจได้ทันที
รุ่นพี่อาวุโสในวงการเพลงท่านนี้จำเฉินเฟยเอ๋อร์ได้ก่อน แม้ว่าเขาจะไม่สนิทสนมกับเฉินเฟยเอ๋อร์มาก แต่ราชินีเพลงหวานที่เคยพบหน้ากันมาหลายครั้ง ยังคงทิ้งความประทับใจไว้ให้เขาอย่างลึกล้ำ
ยิ่งหลายปีมานี้ที่เฉินเฟยเอ๋อร์โด่งดังกว่าเดิมอีก ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในด้านการร้องเพลง ยังประสบความสำเร็จในด้านละครและภาพยนตร์อีกด้วย ละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ และ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ที่ทยอยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไต้หวัน ก็สร้างสถิติเรตติ้งทั้งนั้น ยังมีแฟนคลับไม่น้อยเลยที่ไต้หวัน
เมื่อเห็นเฉินเฟยเอ๋อร์ เว่ยซิ่นหรานแน่นอนว่าไม่อาจมองข้ามลู่เฉินที่อยู่ข้างกายเธอไปได้
เว่ยซิ่นหรานไม่ได้รู้สึกแปลกหน้ากับลู่เฉิน ชายหนุ่มที่เติบโตอย่างรวดเร็วในวงการดนตรีจีนคนนี้ เคยทำให้เพื่อนเก่าของเขาหลายคนในวงการคร่ำครวญว่าคลื่นด้านหลังแม่น้ำแยงซีกำลังผลักคลื่นลูกเก่าไปข้างหน้าแล้ว คนรุ่นใหม่เข้ามาแทนที่คลื่นลูกเก่าจนได้
แต่ที่ทำให้เว่ยซิ่นหรานงุนงงก็คือ คู่รักดุจเพชรแห่งวงการบันเทิงคู่นี้ ทำไมมาปรากฏตัวในคอนเสิร์ตของเขาได้
ไม่ว่าจะเป็นลู่เฉินหรือว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ ล้วนมีคุณสมบัติที่จะเป็นแขกวีไอพีได้เลย เพียงแค่ยกหูสายเดียวก็จะได้รับการรับรองที่ดีที่สุด รับรองบริษัทที่เขาเซ็นสัญญาด้วยต้องดีใจจนหาทิศเหนือไม่เจอแน่
ไม่ว่าจะเป็นเว่ยซิ่นหรานหรือว่าบริษัทเอเจนซี่ของเขา ล้วนไม่ทราบมาก่อนเลยว่าทั้งสองคนจะมาปรากฏตัวที่นี่
รู้สึกเหมือนว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่รับมือไม่ไหวเลย
ในขณะเดียวกับที่เซอร์ไพรส์มาถึง สีหน้าของเว่ยซิ่นหรานก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา เพราะว่าตอนนี้เป็นกิจกรรม Kiss Cam ประกอบการร้องเพลง ‘เมามายเพราะคุณ’ เรื่องคาดไม่ถึงนี้ต้องเป็นหัวข้อหน้าหนึ่งข่าวบันเทิงวันพรุ่งนี้แน่
แม้ว่าเขาใกล้จะบอกลาวงการเพลงแล้ว และไม่ได้สนใจในชื่อเสียงเงินทองตั้งนานแล้ว แต่เมื่อมีเรื่องน่าสนใจนี้ปรากฏขึ้นในคอนเสิร์ตอำลาของตน ก็เป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ดังนั้นเว่ยซิ่นหรานจึงไม่ได้ถูกขัดจังหวะไปเพราะสิ่งนี้ เขาหันกลับมาอย่างเป็นธรรมชาติ และขับร้องต่อไป
“ฉันเมามายเพราะคุณ ฉันเคลิบเคลิ้มเพื่อคุณ…”
เสียงร้องอันไพเราะก้องกังวานในห้องโถงใหญ่ของศูนย์วัฒนธรรมหย่วนฟาง ผู้ชมกว่าหนึ่งหมื่นเจ็ดพันคนต่างโห่ร้องและปรบมือ ทำให้ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ซึ่งเดิมก็เป็นผู้ชมกลายเป็นจุดสนใจของผู้ชมทันที
เมื่อบนจอปรากฏภาพของตนและเฉินเฟยเอ๋อร์ ลู่เฉินก็รู้ได้ทันทีว่าถูกเปิดเผยแล้ว
สายตาของช่างกล้องในฮอลล์ช่างแหลมคมนัก กล้องผ่านไปแล้วยังย้อนกลับมาอีก
แน่นอนว่าลู่เฉินรู้จัก Kiss Cam อยู่แล้ว ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ การปฏิเสธหรือว่าหลบเลี่ยงต้องทำลายบรรยากาศที่กำลังสนุกสนานแน่ ทางเลือกที่แย่ที่สุดก็คือการทำลายภาพลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะโบกมือไปยังกล้องที่โฟกัสมาที่ตนอย่างสงบนิ่ง
จากนั้นท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้ชม ลู่เฉินก็หันกลับมากอดเฉินเฟยเอ๋อร์ที่ใบหน้าแดงระเรื่อเอาไว้ ก่อนจะก้มศีรษะลงจูบริมฝีปากของเธอเป็นเวลาสามวินาทีเต็มๆ
ที่จริงนี่ล้วนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ในละครเรื่อง ‘ฟูลเฮ้าส์’ เองก็มีฉากจูบไม่น้อย คนทั้งประเทศก็เห็นแล้ว ไม่ต้องอิจฉาคนในฮอลล์ตอนนี้หรอก
ทุกคนมีความสุขถึงจะเรียกว่ามีความสุขอย่างแท้จริง
แน่นอนว่าการแสดงออกอย่างใจกว้างของเขาทำให้ผู้ชมที่ใจร้ายพอใจมาก ทุกคนใช้เสียงปรบมือที่ดังกึกก้องแสดงออกถึงการสนับสนุนและชื่นชอบของตน
และผู้ชมเหล่านั้นที่อยู่รอบด้านของทั้งคู่ก็เหมือนถูกหวยอย่างนั้นเลย ต่างก็ปรบมืออย่างสุดพลัง
เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาแทบจะไม่ได้สังเกตเลย
ลู่เฉินที่จุมพิตเฉินเฟยเอ๋อร์แล้วก็นั่งให้ดี เมื่อเห็นว่ากล้องยังจับมาที่ตนเอง ดังนั้นจึงยิ้มพลางพนมมือไหว้ เพื่อแสดงความขอบคุณทุกคน
ในขณะเดียวกันก็เพื่อเตือนทุกคนว่า คืนนี้เป็นการแสดงคอนเสิร์ตของเว่ยซิ่นหราน เขาและเฉินเฟยเอ๋อร์จะมาแย่งซีนไม่ได้
ช่างกล้องเองก็มีประสบการณ์ เมื่อได้ช็อตเด็ดแล้วก็หันกล้องไปทันที เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เสีย
แต่ที่ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์นำมานั้น คือจุดพีกของคอนเสิร์ตนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเพลง ‘เมามายเพราะเธอ‘ จบลง ทั้งคอนเสิร์ตก็ปรบมือกึกก้อง
ความสามารถที่แท้จริงของเว่ยซิ่นหรานนั้นไม่ต้องสงสัยเลย ต่อให้เป็นช่วงเกม Kiss Cam เขาก็ยังคงร้องเพลงได้อย่างจริงจัง ความสามารถที่สั่งสมมาหลายสิบปีได้มาถึงจุดที่สมบูรณ์สุดๆ แล้ว
เมื่อร้องเพลงจบ เขาค้อมตัวเพื่อแสดงความขอบคุณต่อผู้ชม หลังจากนั้นก็พูดใส่ไมโครโฟนว่า “วันนี้ผมมีความสุขมาก ดีใจที่มีผองเพื่อนมากมายมาที่นี่เพื่อให้การสนุบสนุนผม ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกประหลาดใจ…”
หยุดไปชั่วครู่ เว่ยซิ่นหรานก็เอ่ยต่อว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าท่ามกลางพวกคุณ มีเพื่อนร่วมอาชีพสองคนที่เก่งกาจมากๆ มาที่นี่เพื่อสนับสนุนผมเช่นกัน ผมซาบซึ้งมาก และก็ตื้นตันมากจริงๆ!”
และกล้องก็กลับไปโฟกัสที่ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์อีกครั้ง
ผู้ชมหลายคนล้วนรู้สึกประหลาดใจ เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่เห็นลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์นึกว่าเป็นการเตี๊ยมกันมาก่อนของคอนเสิร์ตนี้ นึกว่าเป็นแขกวีไอพีของเว่ยซิ่นหราน ใครจะคิดเล่าว่าไม่ใช่อย่างนั้นเลย
คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์จะมาดูคอนเสิร์ตจริงๆ ไม่ได้มาปรากฏตัวที่นี่ในฐานะเพื่อน
หรือจะพูดได้ว่า ทั้งสองคนก็เป็นแฟนเพลงของเว่ยซิ่นหรานด้วยเช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกภาคภูมิใจ ดังนั้นเสียงปรบมือจึงดังขึ้นอีกครั้งราวกับกระแสน้ำไหล และเสียงนั้นก็ไม่เบาไปกว่าตอนแรกเลย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์จึงต้องยืนขึ้นด้วยกัน และหันกลับมาขอบคุณผู้ชมอีกครั้ง นี่เป็นมารยาทที่ควรจะมี
เว่ยซิ่นหรานยิ้มพลางพูดว่า “ในเมื่อมาแล้ว อย่างนั้นผมก็จะไม่ปล่อยไปแล้วนะ ขอเชิญทั้งสองท่านส่งตัวแทนหนึ่งคนมาบนเวที ทุกคนว่าดีไหมครับ”
คำพูดล้อเล่นเล็กๆ ของเขา นำมาซึ่งเสียงหัวเราะครืน และคำถามต่อมาก็ได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์
“ดี!”
น้ำใจดีงามไม่อาจปฏิเสธได้ ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์จึงปรึกษากัน สุดท้ายตัวเขาไปเองจะดีกว่า
ภายใต้การนำพาของเจ้าหน้าที่ในงาน เขาเดินไปยังเวทีหลัก
เว่ยซิ่นหรานโอบกอดลู่เฉินเต็มแรงอย่างอารี นักร้องอาวุโสตบไหล่ลู่เฉินก่อนจะพูดว่า “ฉันรู้จักนาย นายชื่อลู่เฉิน!”
ไหวพริบและอารมณ์ขันของเว่ยซิ่นหราน ทำให้ผู้ชมหัวเราะออกมาเสียงดังอีกครั้ง
ลู่เฉินยิ้มและพูดว่า “สวัสดีครับ พี่เว่ย ผมเป็นแฟนคลับของพี่ครับ ผมชื่อลู่เฉิน”
ทั้งสองไม่เคยพบกัน แต่รู้จักกันดีในระดับหนึ่งและเคยได้ยินเพลงของกันและกัน
สำหรับรุ่นพี่อาวุโสในวงการเพลงคนนี้ แน่นอนว่าลู่เฉินให้ความเคารพอย่างมาก
และเว่ยซิ่นหรานก็ควรค่าที่จะเคารพจริงๆ
เว่ยซิ่นหรานจับแขนของลู่เฉิน และหันไปหาผู้ชมก่อนจะพูดว่า “เชื่อผมเถอะ ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณลู่เฉินและคุณเฉินเฟยเอ๋อร์จะมาที่คอนเสิร์ตของผม ว่าก็ว่าเถอะ นี่เป็นครั้งแรกที่เราพบกัน แต่ผมชอบงานของเขามาก และชื่นชมความสามารถและบุคลิกของเขาด้วย”
ด้านล่างเวที ทุกคนล้วนกำลังตั้งใจฟัง
…………………………