Perfect Superstar - ตอนที่ 724 การจับการเคลื่อนไหว
ตอนที่ 724 การจับการเคลื่อนไหว
เทคนิคการจับภาพเคลื่อนไหว Motion Capture หรือเรียกชื่อย่อว่า Mocap หมายถึงการใช้เซ็นเซอร์ การจับสัญญาณ การส่งข้อมูล และอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลเพื่อวัด ติดตาม และบันทึกวิถีการเคลื่อนไหวของวัตถุในรูปแบบสามมิติ สุดท้ายสร้างข้อมูลรูปแบบสามมิติที่สอดคล้องกัน
เทคโนโลยีนี้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในยุค 70 เริ่มต้นจากการใช้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาพด้วยภาพถ่ายในการวิจัยทางชีวกลศาสตร์[1] เมื่อเทคโนโลยีเติบโตเต็มที่ จึงได้ขยายไปสู่การศึกษา การฝึกอบรม กีฬา คอมพิวเตอร์แอนิเมชัน โทรทัศน์ ภาพยนตร์ วิดีโอเกม และด้านอื่นๆ
ในปี 2009 แมคเคทผู้กำกับหนังไซไฟที่โด่งดังที่สุดในสหรัฐอเมริกาถ่ายทำภาพยนตร์ไซไฟฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘ตำนานดาวจรัสฟ้า’ ได้นำเทคนิคการจับการเคลื่อนไหวมาปรับใช้กับทุกขั้นตอนของการทำซีจีเพื่อความสมบูรณ์ การผสมผสานที่ลงตัวของเทคโนโลยีการจับการเคลื่อนไหวในภาพยนตร์ ทำให้ Mocap ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญของวงการภาพยนตร์เลยทีเดียว
ภาพยนตร์เรื่อง ‘ตำนานดาวจรัสฟ้า’ เข้าฉายอย่างเป็นทางการในปี 2011 รายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนต์ทั่วโลกมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คว้า 5 รางวัลออสการ์ และรางวัลออสการ์สาขาวิทยาการและเทคโนโลยีอีกหลายรายการ เรียกได้ว่าขาดเทคนิคการจับภาพเคลื่อนไหวไม่ได้เลยทีเดียว
นับตั้งแต่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์เรื่อง ‘ตำนานดาวจรัสฟ้า’ เทคนิคการจับการเคลื่อนไหวได้กลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก และมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามในเรื่องของเทคโนโลยีทันสมัย บริษัทผลิตสเปเชียลเอฟเฟกต์ของฮอลลีวูดนั้นโดดเด่นระดับโลกอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาประเทศจีนก็ได้นำเทคนิคการจับการเคลื่อนไหวแบบครบวงจรเข้ามาในประเทศ แต่ Mocap ของบริษัทสเปเชียลเอฟเฟกต์ในประเทศมักมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวที่แข็งทื่อไม่ราบรื่นและความละเอียดไม่มากพอมาโดยตลอด ต่างจากระดับของฮอลลีวูดอย่างมาก
ลู่เฉินมีความเข้าใจใน Mocap เป็นอย่างดี การมาสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ก็เพื่อศึกษาดูงานและมีความสนใจเนื้อหาในด้านนี้ด้วย เพราะโปรเจกต์ผลงานกำลังภายในที่เขาจะสร้างขึ้น มีความเกี่ยวข้องกับเทคนิคการจับการเคลื่อนไหวจำนวนมาก หมายรวมถึงผลงานภาพยนตร์ แอนิเมชัน เกม เป็นต้น
ดังนั้นข้อเสนอของเมียร์จึงถูกใจเขาอยู่มาก
Mocap ของบลูสกายสตูดิโอไม่ได้อยู่อันดับต้นๆ ในวงการอุตสาหกรรม แต่มีเทคโนโลยีและสิทธิบัตรเฉพาะของตนเอง
เมื่อเทียบกันระหว่างบริษัทสเปเชียลเอฟเฟกต์ในประเทศจีนกับสหรัฐอเมริกา นอกจากความล้าหลังในด้านเงินทุน เทคโนโลยี และบุคลากรแล้ว ในด้านการการวิจัยและพัฒนาและสิทธิบัตรเทคโนโลยียิ่งแตกต่างกันมาก แม้แต่อุตสาหกรรมขนาดเล็กอย่างเช่นบลูสกายสตูดิโอก็ยังทุ่มเงินทุนและกำลังคนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีจำนวนมากเพื่อสร้างสิทธิบัตรที่เป็นข้อได้เปรียบของตนเอง
สตูดิโอดิจิทัลของที่นี่มีพื้นที่เกือบ 200 ตารางเมตร และสูง 12 เมตร ปรับปรุงจากสวนส่วนกลางแบบเปิดโล่งของอาคารเดิม ด้านในมีอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์จำนวนมาก ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินหลักของสตูดิโอ
ภายในสตูดิโอแค่กล้องออปติคัลเพียงอย่างเดียวก็ติดตั้งไว้เป็นร้อยตัวแล้ว สามารถบันทึกการถ่ายทำของเป้าหมายทั้ง 360 องศาอย่างเต็มรูปแบบ ไม่มีจุดอับสายตา และมาพร้อมกับระบบแสกนโฮโลแกรม 3D
ตอนที่เมียร์แนะนำให้ลู่เฉินนั้น บ่งบอกถึงความภูมิใจที่ไม่อาจบรรยายได้ในน้ำเสียงของเขา “พวกเราดีที่สุดแล้ว!”
เขาให้พนักงานส่งเสื้อผ้าสีดำมาหนึ่งชุดแล้วพูดขึ้น “นี่เป็นชุด FGK ที่สตูดิโอของเราจดสิทธิบัตร มีเซ็นเซอร์ความแม่นยำสูง 277 ตัวในตัว สามารถจับการเคลื่อนไหวได้ละเอียดที่สุด…”
“คุณลู่ จะลองดูหน่อยไหมครับ”
ลู่เฉินพยักหน้า เขามีความสนใจมากจริงๆ
เมียร์ยิ้มขณะพูด “ดีเลยครับ ผมจะให้ทุกคนเตรียมพร้อม เชิญคุณลู่สวมมันไว้ก่อน”
สวมใส่ชุดติดเซ็นเซอร์นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ลู่เฉินได้รับความช่วยเหลือจากมืออาชีพสองคนในห้องเปลี่ยนชุด ใช้เวลาไป 20 นาที กว่าจะสวมใส่มันบนตัวได้เสร็จสมบูรณ์
ขนาดของชุดติดเซ็นเซอร์สามารถปรับได้ ดังนั้นหลังจากสวมเรียบร้อยจะพอดีตัวมาก ลู่เฉินทดลองอยู่ครู่หนึ่ง การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไว ไม่มีความรู้สึกติดขัด ให้ความรู้สึกคล้ายกับว่าสวมชุดรัดรูปชุดหนึ่งเท่านั้น
แต่ลักษณะภายนอกยังคงให้ความรู้สึกว่าเป็นเทคโนโลยีร้อยเปอร์เซ็นต์ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเซ็นเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงกือบ 300 ตัวเปิดทำงานก็มีแสงสีน้ำเงินจางๆ กะพริบออกมา เป็นเอฟเฟกต์ภาพที่ราวกับภาพลวงตาชนิดหนึ่ง
ภายใต้การแนะนำของพนักงาน ลู่เฉินมาถึงด้านหน้าของหน้าฉากสีเขียวขนาดใหญ่มหึมาจอหนึ่ง
กล้องดิจิทัลสามตัวเล็งมาที่เขาจากตำแหน่งต่างๆ
เมียร์ยืนอยู่ข้างกล้องตัวที่หันหน้าเข้าหาลู่เฉิน โดยมีหน้าจอคอมพิวเตอร์วางเรียงเป็นแถวด้านหน้าของเขา
ซีอีโอของบลูสกายสตูดิโอคนนี้พูดกับลู่เฉินเสียงดังว่า “คุณลู่สามารถแสดงออกได้อย่างอิสระ จะทำท่าอะไรก็ได้ จะเดินเล่น วิ่ง กระโดด…ได้ตามใจชอบเลยครับ!”
ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการจับภาพเคลื่อนไหวของลู่เฉินนั้นจำกัดอยู่ที่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น นับเป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสกับประสบการณ์มหัศจรรย์ของเทคโนโลยีนี้ด้วยตัวเอง
หลังจากที่คุ้นเคยกับชุดติดเซ็นเซอร์บนร่างชุดนี้แล้ว เขาก็เริ่มเคลื่อนไหว
ลู่เฉินไม่ได้ทำตามคำแนะนำของเมียร์ แต่กลับแสดงศิลปะการต่อสู้หมัดทลายภูเขา!
หมัดทลายภูเขามาจากความทรงจำของโม่หรานในโลกแห่งความฝัน วิชาหมัดชุดนี้ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิม แต่เป็นวิชามวยทหารที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ เทียบเท่ากับการชกมวยทหารในสมัยโบราณ ท่วงท่ารวดเร็วและดุดัน เน้นประสิทธิผลการสู้รบจริง
ในช่วงเริ่มต้น ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของลู่เฉินยังไม่เร็วนัก การเตะและปล่อยหมัดค่อยเป็นค่อยไป แข็งแกร่ง มั่นคงแข็งแรง แต่เมื่อกล้ามเนื้อและกระดูกทั้งร่างกายค่อยๆ เริ่มคลายออก เขาเร่งความเร็วในการเตะและปล่อยหมัดขึ้น ความแข็งแรงก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ความหมายตามชื่อของหมัดทลายภูเขานั้นคือกำปั้นที่ถล่มก้อนหินทำลายภูเขา แม้ว่าในความเป็นจริงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทลายภูเขา แต่หมัดชุดนี้เน้นความแข็งแรงซึ่งก็คือแก่นแท้ของมัน
และหมัดทลายภูเขาที่ลู่เฉินแสดงออกมานั้น ก็แสดงได้ถึงแก่นแท้ถึงอกถึงใจอย่างไม่ต้องสงสัย หมัดพุ่งไปข้างหน้า เสียงลมคำรามอย่างน่าเกรงขาม!
ในสตูดิโอแห่งนี้มีพนักงานของบลูสกายสตูดิโออยู่มากกว่า 20 คน ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจกับลู่เฉิน ในตอนแรกพวกเขาต่างก็งงและไม่เข้าใจว่าลู่เฉินกำลังทำอะไร
ท่ามวยของลู่เฉินก็ไม่เหมือนการชกมวย เหมือนยูโดก็ไม่ใช่ หรือว่าเป็นการแสดงกายกรรมแบบจีน?
แต่แล้วในไม่นาน ความสงสัยใคร่รู้หรือแม้แต่การเยาะเย้ยบนใบหน้าของพวกเขากลับกลายเป็นความตกใจ!
เมียร์ถึงกับตะลึงตาค้าง
แม้จะอยู่ห่างออกไปห้าหรือหกเมตร เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่อยู่ในท่าชกมวยของลู่เฉินอย่างชัดเจน และนอกจากความรู้สึกสดใหม่ที่ไม่คุ้นเคยแล้ว หมัดทลายภูเขาของลู่เฉินทำให้เขารู้ว่าความงามของความรุนแรงคืออะไร!
แม้ว่าจะไม่มีคู่ต่อสู้ที่เป็นเป้าหมาย แต่ ‘การโจมตี’ ของลู่เฉินราวกับพายุที่รุนแรง ทำให้ผู้ชมเกือบหายใจไม่ออกและถึงกับสั่นสะท้าน เพราะพวกเขาสามารถจินตนาการได้ว่าจะถูกโจมตีอย่างโหดร้ายแค่ไหนหากตนเองยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของลู่เฉิน
ความเคารพจากสัญชาตญาณที่มีต่อพลังอันทรงพลังนี้ทำให้ทุกคนกลั้นหายใจ สิ่งที่ได้ยินทั่วทั้งสตูดิโอคือเสียงหมัดของลู่เฉินที่เตะต่อยแหวกอากาศอย่างน่าเกรงขาม เสียงหมัดกระทบอากาศลอยเข้าหูอย่างไม่รู้จบ!
หลังจากนั้น ชาวอเมริกันเหล่านี้ก็มองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของลู่เฉินอย่างชัดเจน พวกเขาเห็นเพียงแสงที่ส่องจากเซ็นเซอร์ที่ติดอยู่กับชุดก่อตัวเป็นเงาแสงสีน้ำเงิน ลอยวนไปเวียนมาอยู่หน้าฉากสีเขียว
หลายๆ คนสาบานได้ว่า นี่เป็นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นมาในชีวิต!
……………………………………………………………………………
[1]ชีวกลศาสตร์ เป็นวิชาหนึ่งในวิทยาศาสตร์ประยุกต์สาขาชีวฟิสิกส์ ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของฟิสิกส์ ศึกษาแรงและผลของแรงในสิ่งมีชีวิตและรวมถึงมนุษย์ด้วย