Perfect Superstar - ตอนที่ 750 ขึ้นหน้าปก ‘นิตยสารไทม์’
ตอนที่ 750 ขึ้นหน้าปก ‘นิตยสารไทม์’
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเป็นกระแสนิยม แนสแด็กได้สร้างตำนานนับไม่ถ้วน ธุรกิจอินเทอร์เน็ตใหม่ๆ มากมายที่มีความคิดสร้างสรรค์ อาศัยแค่แนวคิดที่ถลุงเงินได้เพียงอย่างเดียว ก็สามารถสร้างมูลค่าตลาดมากกว่าร้อยล้านไปจนถึงพันล้านหรือหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐได้อย่างง่ายดาย
บรรดาธุรกิจร่วมลงทุนที่ร่ำรวยพากันโบกเช็คในมือเข้าไปทำให้ตลาดร้อนระอุขึ้น หลังผลักดันบริษัทที่ลงทุนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ก็ทำเงินได้มหาศาลเลยทีเดียว และหลังจากที่พวกเขาเร่ขายหุ้นราคาสูงให้กับนักลงทุนหุ้นทั่วไปแล้ว พวกเขาก็ใช้นิ้วลูบริมฝีปากอย่างมีชัยและจากไป
ตอนที่คลื่นลมสงบแล้วเท่านั้นแหละ ถึงจะรู้ว่าใครแก้ผ้าอยู่ใต้น้ำ ผลกระทบของตลาดหุ้นที่ตกหนักถึงสองครั้งสอนบทเรียนให้กับนักลงทุนรายย่อยและขนาดกลางอย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว กลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลชัดเจนในสมัยก่อนนั้น ในปัจจุบันกลับไม่ได้ผลบนแนสแด็กมาตั้งนานแล้ว
ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้ในปัจจุบันสถิติของบริษัทอินเทอร์เน็ตใหม่ๆ ในจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกาลดน้อยลงเรื่อยๆ ทำได้เพียงย้ายไปตลาดรองในฮ่องกงหรือไม่ก็ในประเทศแทนเพื่อให้กินอิ่มนอนอุ่น
ภายใต้สถานการณ์ความเป็นจริงเช่นนี้ การที่เว็บไซต์ระดมทุนเสนอขายหุ้น IPO บนแนสแด็กเรียบร้อย และภายในวันแรกราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้นเกือบ 100% จึงนับว่าเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ ในสายตาของหลายๆ คนในวงการนี้!
ในฐานะดาราศิลปินผู้ถือหุ้นและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ระดมทุน ลู่เฉินได้รับความสนใจมากเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย มากเสียจนหลายคนมองข้ามฮีโร่หลักผู้ผลักดันเว็บไซต์ระดมทุนเข้าสู่แนสแด็กตัวจริง
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ราคาหุ้นของเว็บไซต์ระดมทุนยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทะลุ 50 ดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าตลาดของหุ้นที่ลู่เฉินถือครองอยู่นั้นเกิน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าจริงๆ และพุ่งทะยานไปที่ 500 ล้าน!
ข่าวจากอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรถูกส่งกลับมายังประเทศจีน พร้อมกับความคิดเห็นของประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
‘หนังสือพิมพ์การเงินหวาเซี่ย’ ที่เรียกได้ว่าเป็นระดับชั้นเรือธงในวงการการเงินและเศรษฐกิจภายในประเทศ พาดหัวข่าวในหน้าแรกเป็นการวิเคราะห์การประสบความสำเร็จของเว็บไซต์ระดมทุน เชื่อว่าการสร้างนวัตกรรมอินเทอร์เน็ตรูปแบบใหม่ๆ ยังคงมีศักยภาพสูงตามเดิม แม้ว่าตลาดหลักจะถูกบริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่หลายแห่งแบ่งก้อนเค้กไปแล้ว แต่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังคงมีโอกาสที่จะแหวกวงล้อมออกมา
เมื่อเทียบกับสื่อที่ไม่ค่อยมีความเป็นมืออาชีพ ‘หนังสือพิมพ์การเงินหวาเซี่ย’ ให้ความสนใจในตัวหลี่มู่ซือ ผู้บริหารใหญ่ของเว็บไซต์ระดมทุนมากกว่าลู่เฉินอย่างไม่ต้องสงสัย และแสดงความยินดีกับซีอีโออายุน้อยคนนี้
แต่ในขณะเดียวกัน ‘หนังสือพิมพ์การเงินหวาเซี่ย’ ก็ยอมรับความอัจฉริยะของลู่เฉินเช่นกัน
ขณะที่สื่อทั่วไปและชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างจ้องไปที่ลู่เฉิน ทั้งชื่นชมและอิจฉาในคราวเดียวกัน ซึ่งต่างจากสื่อมืออาชีพ นอกจากนี้บนบล็อกก็ปรากฏคำวิพากษ์วิจารณ์ที่แตกต่างกัน
บางคนบอกว่าลู่เฉินทำเงินได้สองสามพันล้านอย่างง่ายดาย ควรจะใช้เงินทำความดีหรือเปล่า?
เป็นผลให้เขาถูกต่อว่าราวกับถูกหมากัดเลือดสาดทันที!
ถ้าให้พูดถึงจำนวนการบริจาคเพื่อการกุศล คนดังในวงการบันเทิงจีนมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะลู่เฉินได้
‘มูลนิธิกองทุนการกุศลเฉินเฟย’ ที่ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นผู้ก่อตั้งจนถึงตอนนี้ได้ก่อตั้งขึ้นมาเกือบ 2 ปีแล้ว ทรัพย์สินของกองทุนเพิ่มขึ้นจากหลายสิบล้านเป็น 300 ล้านในปัจจุบัน โดยที่ 70% ในนั้นมาจากการบริจาคส่วนตัวของลู่เฉิน ส่วนเฉินเฟยเอ๋อร์บริจาคไป 20% และส่วนที่เหลืออีก 10% มาจากเพื่อนในวงการที่ร่วมกันบริจาคเข้ามา
กล่าวคือ แม้ว่า ‘มูลนิธิกองทุนการกุศลเฉินเฟย’ จะเป็นกองทุนการกุศลสาธารณะ แต่ไม่เคยระดมเงินบริจาคจากสาธารณะ และเงินส่วนใหญ่มาจากกระเป๋าของลู่เฉินทั้งสิ้น!
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ลู่เฉินเพิ่งเดบิวต์ได้เพียงสามปี เขาเอาเงินที่หามาได้จากการทำงานหนักออกมามากมายขนาดนั้น ถ้าให้พูดถึงทัศนคติต่อการทำการกุศล ใครจะสามารถเทียบได้?
ตอนนี้บางคนกลับคิดว่าลู่เฉินควรออกเงินให้มากกว่านี้ มันไร้สาระเกินไปจริงๆ!
ในโลกนี้มีคนที่ ‘เกลียดคนรวย’ มากมาย แต่จริงๆ แล้วคนที่ ‘เกลียดคนรวย’ ส่วนใหญ่เกลียดคือคนที่ใจดำชอบปอกลอกคนอื่นเพื่อความร่ำรวยเหล่านั้น ไม่ใช่คนที่ร่ำรวยมาจากความสามารถและการทำงานหนัก
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการปั่นและการยั่วยุที่มีแรงจูงใจซ่อนเร้น ไม่มีตลาดใดๆ บนอินเทอร์เน็ต แม้ว่าจะมีหน้าม้าทางโซเชียลบางคนออกมากระโดดเหยงๆ แต่ไม่นานก็ถูกแฟนๆ ของลู่เฉินด่ากระเจิงและหนีหายไป
ยังมีคนอื่นๆ แสดงความเสียดายออกมา เนื่องจากเว็บไซต์ระดมทุนที่ลู่เฉินก่อตั้งในตอนนี้ได้รับการจดทะเบียนในแนสแด็กแล้ว แต่เขาถือหุ้นเพียง 10% ให้ความรู้สึกเหมือนทำชุดแต่งงานให้คนอื่นไปฟรีๆ
การโต้เถียงเช่นนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่ชาวเน็ตที่ติดตามเรื่องนี้ รวมทั้งแฟนๆ ของลู่เฉินด้วย ลองคิดดูถ้าลู่เฉินไม่ได้ขายหุ้นจำนวนมากและตอนนี้ถือหุ้น 50% นั่นคือมูลค่าสุทธิกว่าหมื่นล้าน!
เสียเปรียบ เขาเสียเปรียบมากเกินไป!
แต่คนที่รู้ขั้นตอนการสร้าง การพัฒนา และจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ของเว็บไซต์ระดมทุนอย่างแท้จริงๆ ตลอดจนคนในวงการนี้จำนวนมากต่างก็หัวเราะเยาะเย้ยการเรียกร้องของพวกมือสมัครเล่นเหล่านี้
ในกระบวนการพัฒนาขยายอินเทอร์เน็ต เป็นเรื่องปกติที่หุ้นที่ผู้ก่อตั้งถือครองอยู่จะถูกทำให้เจือจางลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นกระบวนการที่ขาดไม่ได้ในการเข้าสู่เส้นทางการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ หากลู่เฉินถือหุ้นในเว็บไซต์ระดมทุน 50% หรือมากกว่านั้น นั่นเป็นไปไม่ได้ที่เว็บไซต์ระดมทุนจะประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้น IPO
สิ่งสำคัญที่สุดคือ อาชีพหลักของลู่เฉินอยู่ในวงการบันเทิงมาโดยตลอด เมื่อเขาก่อตั้งเว็บไซต์ระดมทุนในตอนแรก มันเป็นลักษณะการลงทุนแบบไม่จริงจังเสียมากกว่า สามารถถือหุ้น 10% ได้จนถึงตอนนี้นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากแล้ว
ดังนั้นลู่เฉินไม่ได้เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย ควรจะเรียกว่าการลงทุนครั้งแรกของเขาได้รับผลตอบแทนเป็นร้อยเท่ามากกว่า!
คลื่นเสียงวิพากษ์วิจารณ์กระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นดราม่าสุดร้อนแรงสำหรับลู่เฉินอีกครั้ง
ลู่เฉินยังคงนิ่งเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่แม้แต่จะอัปเดตบล็อกของตัวเองด้วยซ้ำ เขาปฏิเสธการสัมภาษณ์ของสื่อใหญ่ๆ มากมาย และทุ่มเวลาทั้งหมดไปกับการทำงาน
การถ่ายทำ ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ เสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ งานตัดต่อหลังการถ่ายทำ การใส่เสียงและดนตรีประกอบ และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เขายุ่งจนแทบจะหายใจไม่ทันอยู่แล้ว ยังจะมีเวลาไปสนใจความถูกผิดของโลกภายนอกอีกได้อย่างไรเล่า
ทิศทางลมแรงเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก รอให้สงบลงกว่านี้เสียก่อนเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ ในเวลานี้สื่ออเมริกันก็กระโดดเข้ามาร่วมสนุกกับเขาด้วย
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ‘นิตยสารไทม์’ ฉบับล่าสุดในอเมริกาวางแผงแล้ว และคนที่ขึ้นปกนิตยสารก็คือลู่เฉิน!
สร้างความฮือฮากันทั้งประเทศอีกครั้ง!
เป็นครั้งแรกที่นิตยสารชื่อดังซึ่งมีอิทธิพลอย่างกว้างขวางไปทั่วโลกได้ขึ้นรูปดาราจีนบนปกนิตยสาร
ในอดีตประเทศจีนรวมทั้งฮ่องกงและไต้หวัน เคยมีศิลปินสี่คนปรากฏตัวใน ‘นิตยสารไทม์’ ตามลำดับ แต่ทั้งหมดนั้นขึ้นหน้าปกของฉบับเอเชียไม่มีคนใดเป็นข้อยกเว้น
ดังนั้นลู่เฉินจึงเป็นคนแรกที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้!
ในบทความแนะนำบุคคลที่ขึ้นหน้าปก ‘นิตยสารไทม์’ นิตยสารชื่อดังระดับโลก ได้ยกย่องความสามารถและความสำเร็จของลู่เฉินในวงการเพลงป็อป ภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ของจีน ยังย้อนกลับไปยังเหตุการณ์บนเที่ยวบิน UD725 ที่น่าตื่นเต้นในอเมริกา แม้กระทั่งกล่าวถึงเพลง ‘Let her go’ ของลู่เฉิน จากนั้นบรรยายความสัมพันธ์ของลู่เฉินกับเว็บไซต์ระดมทุนที่เพิ่งจดทะเบียนเข้าแนสแด็ก และกล่าวถึงการมีส่วนร่วมเกี่ยวกับการกุศลของลู่เฉินด้วย
ในตอนท้ายของบทความ บรรณาธิการของ ‘นิตยสารไทม์’ เรียกลู่เฉินว่า ‘ตัวแทนที่โดดเด่นของคนรุ่นใหม่ในเอเชีย’ และ ‘ผู้นำรุ่นใหม่ในวงการบันเทิงจีน’!
………………………………………………………………..