Perfect Superstar - ตอนที่ 755 กลายเป็นตำนาน
ตอนที่ 755 กลายเป็นตำนาน
วันที่ 18 ธันวาคม ‘ความฝันแรก’ ทำยอดขายในเฟยซวิ่นมิวสิคได้ 77,958 แผ่น ถึงวันที่ 19 ยอดขายดิจิทัลรายวันเพิ่งสูงถึง 94,560 แผ่น ในขณะที่ยังไม่ได้นับรวมยอดขายแผ่นซีดีนั้น ยอดขายอัลบั้มออนไลน์มากถึง 220,000 แผ่น!
ยอดขายอัลบั้มออนไลน์มีกฎที่เรียกว่า 72 ชั่วโมงอยู่ นั่นก็คือยอดขายเจ็ดวันจะครองสัดส่วน 40-50% ของยอดขายทั้งหมดเป็นอย่างน้อย และสามวันแรกก็คือกุญแจที่สำคัญที่สุด
อัลบั้มหนึ่งชุดจะขายเป็นเช่นไร จะแย่ จะผ่าน หรือว่าขายดี โดยพื้นฐานแล้วก็จะรู้ภายใน 72 ชั่วโมง
ในฐานะนักร้องหน้าใหม่ของวงการเพลงป็อปคนหนึ่ง อัลบั้มชุดแรกของถงซินเหยาขายได้มากกว่าสองแสนชุดในสามวัน รางวัลเกียรติยศ ‘แพลทินัมดิสก์อวอร์ดส์’ ถึงมืออย่างแน่นอนแล้ว กำลังพุ่งเข้าสู่ดับเบิลแพลทินัม และ ‘ไดมอนด์ดิสก์อวอร์ดส์’ ก็ไม่ใช่ความฝัน
ผลลัพธ์เช่นนี้ มากพอที่จะเทียบได้กับนักร้องแถวหน้าอีกหลายคน!
พร้อมกันกับที่ทำยอดขายถล่มทลาย ชื่อเสียงในตลาดของ ‘ความฝันแรก’ ก็เพิ่มขึ้นไม่หยุด เพลงหลักที่มีชื่อเหมือนอัลบั้มได้ทะยานขึ้นติดชาร์ตเพลงป็อปต่างๆ คาดว่าคงติดชาร์ตอันดับเพลงจีนที่จะประกาศในช่วงสุดสัปดาห์ในตำแหน่งที่สูงมาก
ไม่เพียงแต่เพลงหลักเท่านั้น ลู่เฉินยังลงมือทำผลงานเพลงอีกสองเพลงสำหรับอัลบั้มชุดนี้อีกด้วย ‘พวกเราล้วนเป็นเด็กดี’ กับ ‘ความอาลัยอาวรณ์หมื่นอย่าง’ ล้วนได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในช่วงอายุสิบห้าปีถึงยี่สิบห้าปี แฟนเพลงที่ชื่นชอบถงซินเหยาได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้ออกอัลบั้มใหม่เลย และมุ่งความสนใจไปที่ด้านภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ อัลบั้มชุดนี้ของถงซินเหยาถือว่าชดเชยความต้องการของพวกแฟนเพลงได้เป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะแฟนๆ ของลู่เฉิน เพราะว่า ‘ความฝันแรก’ มีผลงานเพลงสามบทเพลงของลู่เฉิน ดังนั้นจึงสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไข มอบยอดขายให้ในสัดส่วนที่เยอะมาก
รูปลักษณ์ภายนอกที่อ่อนหวานและสดใส สไตล์การร้องเพลงที่น่าประทับใจ ท่วงทำนองเพลงที่เหมาะสมกับคนหนุ่มสาว ทำให้สาวน้อยคนงามที่มาจาก ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ คนนี้ กลายเป็นดาราดังอย่างแท้จริงในชั่วข้ามคืน
แฟนคลับในบล็อกล่างฉาวของเธอทะลุหลักล้าน เพิ่มสูงขึ้นจนต้องอ้าปากค้าง ในขณะเดียวกันคำเชิญไปถ่ายโฆษณาและการโชว์ตัวต่างๆ ได้ส่งมายังเฉินเฟยมีเดียราวกับเกล็ดหิมะ!
ด้วยสาเหตุนานาประการเหล่านี้ ทำให้คนวงในต้องถอนหายใจด้วยความนับถืออีกครั้ง
แน่นอนว่าคนที่ทำให้พวกเขาถอนหายใจด้วยความนับถือนั้นไม่ใช่ถงซินเหยา แต่เป็นยักษ์ใหญ่ที่อยู่ข้างหลังถงซินเหยาต่างหาก…ลู่เฉิน!
ลู่เฉินแสดงพลังเวทมนต์ของ ‘นักปั้นมือทองแห่งวงการเพลง’ และ ‘เครื่องปั้นดาว’ อีกครั้ง เมื่ออยู่ในมือของเขา การสนับสนุนเด็กใหม่ในวงการสักคนช่างง่ายดายนัก ไม่จำเป็นต้องอาศัยการสร้างกระแสใหญ่โตให้ลำบากลำบน โบกมือแป๊บเดียวก็ปลูกต้นไม้เขย่าเงินได้แล้ว
ความสามารถของเขา กลายเป็นตำนานไปแล้ว!
และในตลาดทุกวันนี้ ดารานักร้องที่มีภาพลักษณ์ภายนอกและบุคลิกดีเหมือนถงซินเหยาหากถูกปั้นให้ดัง จะกลายเป็นที่มาของบ่อเงินบ่อทอง ทำเงินให้บริษัทได้มากมาย โดยเฉพาะงานโชว์ตัวและโฆษณาสองชิ้นใหญ่ พูดได้ว่าเงินเข้ากระเป๋าทุกวันก็ไม่มากเกินไป
แต่เฉินเฟยมีเดียกลับไม่ได้มองถงซินเหยาเป็นตัวทำเงิน ทางบริษัทได้ปฏิเสธงานโชว์ตัวและพรีเซ็นเตอร์โฆษณาส่วนใหญ่ให้เธอ ตรงกันข้ามกลับทุ่มเงินทุนอีกจำนวนมาก จัดกิจกรรมโปรโมตทั่วประเทศให้ถงซินเหยา
นี่เป็นการอธิบายว่าเฉินเฟยมีเดียไม่ได้ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้า แต่ได้วางแผนพัฒนาระยะยาวให้กับถงซินเหยาแล้ว สร้างพื้นฐานให้ดีก่อน ไม่สนใจว่าตอนนี้จะได้กำไรหรือไม่ได้กำไร
นี่ทำให้ข่าวลือในแวดวงเหล่านั้นถูกตีพ่ายไปเอง ที่พูดว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ตั้งใจกดเด็กหน้าใหม่ ไม่ยอมให้ถงซินเหยาได้หน้าเกินไป ล้วนเป็นเรื่องตลกสิ้นดี
ในวงการทุกวันนี้ ยากมากจริงๆ ที่จะหาบริษัทที่ไม่กระหายในความสำเร็จและผลประโยชน์เฉพาะหน้าเหมือนอย่างเฉินเฟยมีเดีย เป็นบริษัทที่ยินดีพิจารณาเพื่อศิลปินที่เซ็นสัญญาอย่างแท้จริง!
“เธอรู้ไหม ตอนนี้ในวงการมีคนอิจฉาเธอตั้งเท่าไร”
หมิ่นลี่แอบพูดกระซิบกับถงซินเหยา “ดังนั้นช่วงนี้เธอต้องระวังกิริยาและคำพูดหน่อย ทำตามการจัดการของบริษัท ตั้งใจโปรโมตอัลบั้ม เรื่องไร้สาระอย่างอื่นไม่ต้องสนใจ”
“โดยเฉพาะบล็อก มีคนดีไม่ดีเยอะแยะ เธอจะโพสต์อะไรต้องให้ฉันดูก่อน”
ความกังวลของหมิ่นลี่มีเหตุผลมาก เมื่อก่อนมีเด็กหน้าใหม่ไม่น้อยเพิ่งจะดังก็อวดเก่งแล้ว ผลสุดท้ายไม่ระวังถูกจับช่องโหว่ได้ เพราะฉะนั้นเส้นทางแห่งดวงดาวจึงมืดหม่นลงไม่น้อย
คนดังมีสิ่งดีและไม่ดีมากมาย เจอเรื่องแย่เรื่องน่าเกลียดต่างๆ ในวงการมาก็เยอะ หมิ่นลี่ไม่อยากให้ถงซินเหยาทำพลาด
“พี่ลี่ ฉันรู้ค่ะ…”
ถงซินเหยาแลบลิ้นเล็กน้อย เอ่ยว่า “ฉันจะเชื่อฟังพี่ค่ะ”
หมิ่นลี่ยิ้ม “รู้ก็ดีแล้ว พูดจริงๆ นะ ฉันอยู่ในวงการมานานแล้ว ยังไม่เคยเจอเถ้าแก่ที่ดีกว่าลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์เลย เธอต้องทะนุถนอมและขอบคุณให้มากๆ อย่าเป็นเหมือนอันซิน…”
เธอส่ายหน้า และไม่ได้พูดอีก
เมื่อเทียบกับหน้าตาของถงซินเหยาในตอนนี้ อันซินที่เป็นแชมป์ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ในตอนแรกด้อยกว่ามาก ถึงแม้คนหลังจะเซ็นสัญญากับบริษัทเพลงแห่งหนึ่งไปแล้ว แต่นอกจากงานโชว์ตัวและออกรายการ ก็ไม่มีผลงานดีๆ อะไรสักอย่าง และแทบจะหายไปจากหน้าสื่อ
เพราะสาเหตุจากถงซินเหยา หมิ่นลี่ในฐานะผู้จัดการส่วนตัวและผู้ช่วยงานจึงได้หน้าได้ตาในวงการอย่างทุกวันนี้มีคนยินดีที่จะผูกมิตรกับเธอ ดังนั้นข่าวจึงไวมากกว่าแต่ก่อน
ถงซินเหยาครุ่นคิด แล้วเอ่ยว่า “พี่ลี่ พี่คิดว่าฉันควรจะเลี้ยงข้าวอาจารย์ลู่กับอาจารย์เฉินเพื่อขอบคุณอาจารย์ทั้งสองท่านอย่างจริงใจไหม วันพรุ่งนี้ฉันจะต้องไปโปรโมตที่ฮู่ไห่แล้วค่ะ”
หมิ่นลี่ชื่นชม “เธอมีความคิดแบบนี้ก็ดีมากแล้ว งั้นเธอก็ลองไปถามเอง ผู้อำนวยการลู่อยู่ในออฟฟิศมั้ง”
ลู่เฉินเป็นตัวแทนทางกฎหมาย ควบตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ (ภาพยนตร์โทรทัศน์และดนตรี) ดังนั้นพนักงานในบริษัทบ้างก็เรียกเขาด้วยความเคารพว่า ‘อาจารย์ลู่’ หรือเรียกว่า ‘ผู้อำนวยการลู่’ โดยตรง
หมิ่นลี่ชื่นชมตรงที่สาวน้อยคนนี้ที่ตัวเองดูแลอยู่เป็นเด็กรู้ความ ถึงแม้ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์จะไม่สนใจเรื่องกินข้าวแค่หนึ่งมื้อก็ตาม แต่ที่สำคัญคือถงซินเหยารู้และเข้าใจหลักการขอบคุณที่มนุษย์พึงควรทำ เช่นนั้นก็จะไม่สะบัดหางด้วยความหยิ่งยโสแน่นอน
เมื่อก่อนเธอเคยดูแลดาราหน้าใหม่ที่หยิ่งผยองโอหังคนหนึ่ง นั่นคือความกังวลและตกต่ำอย่างแท้จริง
“ค่ะ!”
ถงซินเหยาพยักหน้า “อาจารย์ลู่เหมือนกำลังให้สัมภาษณ์อยู่ ฉันจะลองไปถามดูค่ะ…”
ลู่เฉินกำลังให้สัมภาษณ์อยู่ และคนที่มาสัมภาษณ์ก็ใหญ่ไม่เบา เป็นนักข่าวที่มาจาก ‘พีเพิลส์มิวสิค’!
‘พีเพิลส์มิวสิค’ ก่อตั้งขึ้นตอนสถาปนาประเทศในตอนต้น นำโดยสมาคมนักดนตรีจีน ในช่วงแรกๆ ที่ตีพิมพ์มีเนื้อหาสองอย่างแบ่งเป็นบทวิจารณ์และผลงานเพลง ต่อมาหลังจากนั้นได้เน้นวิจารณ์ดนตรีเป็นหลัก เป็นวารสารที่มีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางทฤษฎี การทำงานเพลงเพื่อมวลชน การแนะนำดนตรีต่างประเทศ ความรู้เรื่องดนตรี และกิจกรรมทางดนตรี รายงานต่างๆ เป็นต้น
ในฐานะนิตยสารดนตรีที่เป็นกระแสหลักอย่างเป็นทางการ ‘พีเพิลส์มิวสิค’ มีตำแหน่งที่สูงมากในวงการเพลง เป็นผู้นำการศึกษาวิจัยและวิจารณ์ดนตรีพื้นเมือง ดนตรีแบบดั้งเดิม ดนตรีคลาสสิค และดนตรีเพื่อการฟังอย่างจริงจัง น้อยมากที่จะเกี่ยวข้องกับเพลงป็อป ดังนั้นผู้ที่ถูกสัมภาษณ์ส่วนใหญ่มักจะเป็นนักดนตรี นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญการศึกษาวิจัยทางด้านดนตรี เป็นต้น
ดังนั้นตอนที่ได้รับแจ้งว่าการสัมภาษณ์มาจาก ‘พีเพิลส์มิวสิค’ ตัวลู่เฉินเองก็ประหลาดใจมาก
…………………………………………………………………………