Perfect Superstar - ตอนที่ 83 เพียงแค่คุณเซ็นมัน
ตอนที่ 83 เพียงแค่คุณเซ็นมัน
“คุณลู่เฉิน ขอถามว่าพรุ่งนี้สิบโมงเช้าคุณพอจะมีเวลาไหมคะ”
น้ำเสียงที่ส่งมาทางโทรศัพท์เอ่ยถามแบบมีพิธีรีตองน่าฟัง นำมาซึ่งความรู้สึกเพ้อฝันแก่ผู้ฟัง
ลู่เฉินไม่ได้คิดอะไรมาก เขานึกถึงแต่อัลบั้มแรกของตัวเองที่กำลังดำเนินการจัดทำ จึงตอบไปในทันที “มีเวลาครับ คุณหนี ขอถามหน่อยว่าเป็นเรื่องอะไรครับ”
ลู่เฉินคิดไม่ถึงว่าตัวแทนค่ายเพลงเทียนไล่คนนี้จะเป็นฝ่ายติดต่อเขามาก่อน หลายวันมานี้เขาคิดใคร่ครวญปัญหาเรื่องการทำอัลบั้ม แน่นอนว่าค่ายเพลงเทียนไล่เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของเขา แต่ไม่ได้เป็นตัวเลือกเดียว
ฝ่ายนั้นโทรศัพท์มานัดหมาย น่าจะมีข่าวดีหรือเปล่า
ลู่เฉินไม่อาจมั่นใจได้ เพราะเขายังเป็นคนหน้าใหม่ของวงการนี้ หากคิดฝันไปไกลความผิดหวังก็จะยิ่งสูง
คุณหนีหัวเราะเบาๆ “เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ค่ะ ผู้บริหารค่ายเพลงเทียนไล่ท่านหนึ่งอยากพูดคุยกับคุณด้วยตัวเอง จะต้องเป็นเวลาพรุ่งนี้เช้าสิบโมงเท่านั้น พบกันที่ร้านกาแฟชั้นสองของตึกเต๋อหลง คุณมาถึงแล้วแจ้งชื่อของฉันได้เลย ได้ไหมคะ”
ลู่เฉินตอบ “ได้ครับ ไม่มีปัญหา!”
เซอร์ไพรส์? จะเป็นเรื่องดีขนาดไหนกัน
ผู้บริหารของค่ายเพลงเทียนไล่ ฟังดูน่าจะมีที่มา!
ลู่เฉินไม่อยากคาดหวังสูงเกินไปจึงตอบตกลง รอถึงพรุ่งนี้ก็รู้เอง
เขานอนหลับสนิททั้งคืนไม่ฝันเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น เขาลุกขึ้นมาออกกำลังกายเหมือนเคย รับประทานอาหารเช้าแล้วกลับมาบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เวลาเช้า 9.50 น. ลู่เฉินมาถึงตึกเต๋อหลงก่อนเวลา
ตึกเต๋อหลงเป็นอาคารพาณิชย์มาตรฐาน ชั้นสองเป็นร้านกาแฟและร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ เขารีบมาถึงแล้วบอกชื่อของคุณหนี จากนั้นจึงถูกนำมาที่ห้องอาหารส่วนตัวขนาดเล็กที่อยู่ริมหน้าต่าง
คุณหนีมาถึงก่อนแล้ว
นอกจากเธอ ในห้องอาหารยังมีอีกสองคน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มหัวแบนสวมสูทเรียบกริบ อีกคนเป็นชายวัยกลางคนอายุ 50 ปี ใบหน้าทรงเหลี่ยม แต่งกายด้วยชุดสบายๆ แต่ล้วนเป็นเสื้อผ้ารสนิยมสูง
ลู่เฉินดูออกว่านาฬิกาข้อมือของชายคนหลังมีราคาสูงลิ่ว ต้องเป็นนาฬิกายี่ห้อวาเชอรอน คอนสแตนติน เป็นยี่ห้อที่เหล่านักธุรกิจระดับสูงชื่นชอบที่สุด ในใจจึงรู้สึกถึงความต่ำต้อยกว่า
เมื่อเห็นลู่เฉินเดินเข้ามา คุณหนีและชายหนุ่มคนนั้นยืนขึ้นพร้อมกัน
ลู่เฉินขอโทษ “ขอโทษจริงๆ ครับ ทำให้ทุกท่านรอนาน”
คุณหนียิ้ม “พวกเรามาเร็วไปต่างหากค่ะ คุณไม่ได้มาสาย ฉันขอแนะนำ”
“ท่านนี้คือผู้บริหารของค่ายเพลงเทียนไล่ แล้วก็เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิง คุณจินหงเหว่ย!”
บริษัทจวี่ซิง? จินหงเหว่ย?
ลู่เฉินตื่นตระหนก รีบยื่นมือออกไป “ประธานจิน สวัสดีครับ ผมเคยได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว!”
สิ่งที่ลู่เฉินพูดไม่ได้เยินยอเกินจริง เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของประธานจินมาจริงๆ
บริษัทจวี่ซิงเป็นบริษัทตัวแทนศิลปินแห่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงมาก จินหงเหว่ยคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทจวี่ซิง แต่ยังเป็นผู้บริหารที่มีความสามารถ ปั้นศิลปินชายหญิงชื่อดังออกมาแล้วหลายคน
อยากเช่นถานหงที่ลู่เฉินทั้งคุ้นเคยและชื่นชอบ ก็ได้จินหงเหว่ยปั้นขึ้นมากับมือ
อีกตัวอย่างคือราชินีเพลงเฉินเฟยเอ๋อร์ ก็เคยได้เซ็นสัญญากับบริษัทจวี่ซิงในช่วงแรก
ลู่เฉินรู้จักจินหงเหว่ยจากข่าวซุบซิบวงการบันเทิงในอินเทอร์เน็ต มีทั้งข่าวลือที่ดีและเสียหาย แต่ธุรกิจเอเจนซี่ศิลปิน จินหงเหว่ยถือว่าเป็นบุคลากรชั้นสูงสุด
เขาไม่คิดว่าวันนี้จะเป็นจินหงเหว่ยที่นัดพบเขา แล้วคนคนนี้ยังเป็นผู้บริหารคนหนึ่งของค่ายเพลงเทียนไล่ด้วย
เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึงจริงๆ!
ลู่เฉินรู้สึกตกใจที่ได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษ
สายตาของจินหงเหว่ยเฉียบคม เขาชอบค้นหาศิลปินมีความสามารถหน้าใหม่ได้อย่างเก่งกาจ การถูกเขาจับตามองเป็นความฝันของศิลปินหน้าใหม่ที่อยากเข้าร่วมวงการบันเทิง!
เมื่อลู่เฉินยื่นมือออกไป จินหงเหว่ยถึงยืนขึ้นอย่างสำรวม จับมือกับเขาแล้วพูดว่า “อืม! ลู่เฉิน เมื่อครึ่งเดือนก่อนผมก็ได้ยินชื่อของคุณ เป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถจริงๆ!”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ย “ขอบคุณประธานจินที่ชมครับ”
“ไม่ได้ชม เป็นความจริง!”
จินหงเหว่ยคลายมือออก กล่าวต่อว่า “คุณเขียนเพลงสามเพลงให้วงเฮสิเทชั่น ผมได้ฟังหมดแล้ว เขียนได้ดีมากเลย ด้วยพรสวรรค์และความสามารถของคุณ คุณไม่น่าจะเป็นแบบทุกวันนี้ คุณควรได้ยืนอยู่บนเวทีอย่างเต็มภาคภูมิ…”
“กลายเป็นดาวที่ส่องแสงเจิดจรัสบนท้องฟ้า ผมเชื่อว่าคุณมีความสามารถแบบนี้!”
คำพูดของเขาพูดด้วยถ้อยคำที่หนักแน่นมั่นคง แต่ในความหนักแน่นนั้นเต็มไปด้วยการล่อลวง
ลู่เฉินทำได้เพียงยิ้มน้อยๆ
การประเมินของจินหงเหว่ยสูงส่งเกินไป ทำให้เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
“ผมชื่นชมคุณเป็นอย่างมากเลย…”
จินหงเหว่ยแสดงท่าทีให้ลู่เฉินนั่งลง คุณหนีรินน้ำให้เขา
หลังจากคุยเล่นกันไม่กี่ประโยคแล้ว จินหงเหว่ยก็แบมือไปทางชายหนุ่มข้างๆ
ชายหนุ่มเป็นผู้ช่วยของจินหงเหว่ย เขารีบหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าเอกสารที่นำมาด้วย
จินหงเหว่ยยื่นมือออกไปรับ เอ่ยด้วยถ้อยคำที่แฝงความนัย “ลู่เฉิน ผมรู้ว่าช่วงนี้คุณกำลังหาทางออกอัลบั้มอยู่ มีปัญหาด้านการเงินอะไรหรือเปล่า”
“เรื่องนี้ง่ายมาก บริษัทของผมจะช่วยแก้ปัญหาให้คุณ เสนอแพคเกจทำเพลงที่มาตรฐานสูงที่สุดให้ นอกจากนี้…”
เขาเว้นจังหวะแล้วพูดต่อว่า “อีกไม่กี่วัน รายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ ซีซั่นสองของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานจะเริ่มรับสมัครผู้เข้าประกวด บริษัทของเรามีส่วนร่วมด้วย ผมขอแนะนำให้คุณเข้าร่วมด้วยเป็นยังไง อย่างน้อยจะรับประกันให้คุณติดหนึ่งในสาม!”
ผู้บริหารธุรกิจใหญ่วางเอกสารสัญญาลงตรงหน้าลู่เฉิน บอกว่า “เพียงแค่คุณเซ็นมัน”
จินหงเหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เขาไม่คิดว่าลู่เฉินจะปฏิเสธ
คุณหนียิ้มบอกว่า “ยินดีด้วยนะคะคุณลู่!”
ทำอัลบั้มด้วยมาตรฐานการทำเพลงสูงสุด ติดอันดับหนึ่งในสามของรายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทจวี่ซิง…
แน่นอนว่ายังมีผู้บริหารวงการเพลงที่ตัวเองชื่นชอบ!
สำหรับศิลปินหน้าใหม่คนหนึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นราวกับความฝัน!
ลู่เฉินมองดูเอกสารสัญญาที่วางอยู่ตรงหน้า ชื่อเสียงและผลประโยชน์ที่เขาวาดหวังเหมือนลอยอยู่ตรงหน้ารอให้เขาเอื้อมมือไปไขว่คว้า
เพียงแต่ยังรู้สึกว่าทุกอย่างเร็วเกินไป!
เขายังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย
ตอนนี้ลู่เฉินยังไม่ถูกเกลี้ยกล่อมจนคล้อยตาม เขาสงบจิตใจลง
โชคที่จู่ๆ หล่นลงมาจากท้องฟ้า บริษัทจวี่ซิงและจินหงเหว่ยไม่ใช่ฮั่วเหลยเฟิงที่ชอบช่วยเหลือผู้คน พวกเขาลงทุนไปมากเท่าไร ยิ่งต้องการได้คืนมากกว่าหลายเท่า สัญญาฉบับนี้เขาอยากเซ็นจริงหรือ
ลู่เฉินนึกถึงเหตุการณ์ข่าวในอินเทอร์เน็ต จินหงเหว่ยปั้นถานหงกับเฉินเฟยเอ๋อร์ขึ้นมา สุดท้ายก็แตกหักกัน ข่าวฟ้องร้องขึ้นศาลโด่งดังใหญ่โต ทั้งสองเคยฟ้องร้องว่าบริษัทจวี่ซิงกดขี่ข่มเหง และสัญญาก็เอาเปรียบเกินไป
แม้ข่าวในอินเทอร์เน็ตอาจไม่เป็นความจริง การวิพากษ์วิจารณ์ย่อมต้องกล่าวกันเรื่องศีลธรรมก่อน แต่ข่าวโคมลอยย่อมมีที่มา ชื่อเสียงของจินหงเหว่ยไม่ได้ขาวสะอาดอยู่แล้ว
เอกสารสัญญาที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งทำให้ลู่เฉินนึกกลับไปถึงเรื่องราวที่ไม่ชอบใจในอดีต
เขาที่เพิ่งเริ่มโอนอ่อนคล้อยตามรวบรวมความหนักแน่นขึ้นมาใหม่!
“ประธานจิน ขอบคุณมากครับที่คุณเอ็นดูผม…”
ลู่เฉินไม่ได้พลิกสัญญาเปิดดู แต่เงยหน้าขึ้นพูดกับจินหงเหว่ยว่า “แต่ผมไม่คิดจะทำสัญญากับบริษัทใดเลย ฉะนั้นขอให้คุณได้โปรดเห็นใจด้วยครับ”
ลู่เฉินไม่ได้มั่นใจในตัวเองเท่ากับถานหงและเฉินเฟยเอ๋อร์ จินหงเหว่ยปฏิบัติต่อเขาถึงขนาดนี้แล้ว สัญญานี่จะต้องเป็นเงื่อนไขที่บีบคั้นเอาเปรียบอย่างที่สุด ราวกับเป็นสัญญาขายตัวก็ไม่ปาน!
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้อื่นคิดว่าเขาเย่อหยิ่ง ยังไม่ทันโด่งดังก็เล่นตัวเสียแล้ว ดังนั้นลู่เฉินจึงปฏิเสธอย่างนุ่มนวล แสดงจุดยืนและความคิดของตัวเองอย่างชัดเจน
แต่สำหรับจินหงเหว่ยแล้ว การปฏิเสธของลู่เฉินอยู่เหนือความคาดหมาย
ทำไมถึงปฏิเสธ ปฏิเสธไปได้อย่างไร ทำไมถึงกล้าปฏิเสธ!
จินหงเหว่ยแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที คนที่เจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างเขายังต้องเสียกริยา
จินหงเหว่ยอยู่ในวงการมา 30 ปี จากผู้ช่วยเอเจนซี่เล็กๆ คนหนึ่งเริ่มก้าวหน้าขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งที่ทำให้เขาภาคภูมิใจที่สุดคือคนที่เขาอยากจะเซ็นสัญญาด้วยไม่มีใครไม่ยอมเซ็น ไม่เคยพ่ายแพ้ให้ใครมาก่อน!
ตอนนั้นถานหงว่ายากแล้ว เขายังจัดการจนอยู่หมัด
เฉินเฟยเอ๋อร์ผู้หยิ่งผยอง ยังยอมเซ็นชื่อลงในสัญญาของเขา?
ลู่เฉินเป็นคนหน้าใหม่ที่ยังไม่ได้เข้าวงการเต็มตัวด้วยซ้ำ กลับกล้ามองข้ามเงื่อนไขดีงามที่เขาหยิบยื่นให้ แม้แต่ตัวสัญญายังไม่ยอมเปิดอ่าน เท่ากับว่าตบหน้าเขาฉาดใหญ่!
ผู้ช่วยของเขาและคุณหนีต่างตะลึงอ้าปากค้าง มองดูลู่เฉินอย่างไม่อยากเชื่อ
เส้นทางที่โปรยไปด้วยทองคำปูอยู่แทบเท้าแล้ว ลู่เฉินยังไม่ยอมเหยียบลงไป บ้าหรือโง่กันแน่
จินหงเหว่ยไม่ใช่คนธรรมดา สีหน้าตกตะลึงปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่ แล้วเปลี่ยนเป็นราบเรียบอย่างรวดเร็ว
เขาถามต่อ “ลู่เฉิน คุณมีข้อข้องใจอะไรหรือเปล่า บอกให้ผมฟังได้ไหม?”
ลู่เฉินไม่รู้ความคิดของฝ่ายตรงข้าม เขารู้สึกเก้อเขิน อธิบายว่า “ประธานจิน ขออภัยจริงๆ ครับ ผมไม่ชอบถูกบีบบังคับ ตอนแรกผมตั้งใจจะเปิดออฟฟิศของตัวเอง ดังนั้น…”
“เข้าใจแล้ว”
จินหงเหว่ยพยักหน้า พูดต่อว่า “เรื่องนั้นผมพอเข้าใจ และรู้สึกเสียดายมาก หวังว่าต่อไปเราจะได้ร่วมงานกัน”
ลู่เฉินตอบอย่างยินดี “ขอบคุณครับ!”
ในเมื่อปฏิเสธไปแล้ว เขาก็ไม่ควรนั่งอยู่ตรงนั้นอีก จึงลุกขึ้นขอตัวจากมา
จินหงเหว่ยไม่เหนี่ยวรั้งไว้ เพียงกล่าวตบท้ายว่า “ลู่เฉิน ความสามารถของคุณไม่ควรถูกปกปิดเอาไว้ ไปเข้าร่วมรายการนักร้องนักแต่งสุดสตรองเถอะ ผมมองคุณไว้สูงมาก!”
ลู่เฉินจากไปแล้ว สีหน้าของนักธุรกิจใหญ่ผู้นี้เย็นชาลงทันใด
อุณหภูมิในห้องอาหารลดฮวบลงหลายองศา!
……………………………………………………………………………………..