Perfect Superstar - ตอนที่ 844 ไม่มีใครสามารถประสบความสำเร็จได้ตลอดไป
ตอนที่ 844 ไม่มีใครสามารถประสบความสำเร็จได้ตลอดไป
เมืองปักกิ่ง สโมสรฉางเฉิง
ในเมืองปักกิ่งที่เป็นแหล่งรวบรวมกลุ่มอิทธิพลส่วนใหญ่ของวงการบันเทิงภายในประเทศเอาไว้นั้น การมีอยู่ของสโมสรฉางเฉิงค่อนข้างมีความพิเศษ
สโมสรแห่งนี้ถือว่าเป็นสโมสรเอกชนที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศจีน แต่ปกติแล้วไม่ได้เปิดกว้างให้บุคคลทั่วไปเข้า เนื่องจากที่นี่ใช้ระบบเชิญสมาชิก มีเฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เป็นสมาชิกของที่นี่ และคนส่วนใหญ่ที่ได้รับเชิญก็มักจะเป็นบุคคลดังระดับสูงในวงการบันเทิง สื่อ และศิลปะวรรณกรรม รวมไปถึงเหล่าดาราดัง
ในฐานะคนที่มีหน้ามีตาในวงการบันเทิงของปักกิ่ง การเป็นสมาชิกของสโมสรฉางเฉิงถือเป็นเครื่องพิสูจน์การมีตัวตนอย่างหนึ่ง นอกจากนี้สโมสรฉางเฉิงยังเป็นสถานที่ที่แสนยอดเยี่ยมในการเข้าสังคมสำหรับพวกเขาอีกด้วย
และหัวข้อที่คนเหล่านี้หยิบยกมาพูดคุยกันนั้น ก็ไม่ได้ห่างไกลจากเรื่องราวในวงการบันเทิง ภาพยนตร์และโทรทัศน์ในปัจจุบันเลย
“49.2 ล้าน…”
ภายในห้องส่วนตัวของสโมสรฉางเฉิง คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งดื่มชาและพูดคุยกัน อยู่ดีๆ ก็มีคนพูดถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ภาคแรกที่เพิ่งเข้าโรงเมื่อวานนี้ขึ้นมา และยอดจำหน่ายตั๋วของภาพยนตร์ในวันแรกนั้นก็กระตุ้นความสนใจของทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คนกลุ่มนี้มีทั้งผู้บริหารของบริษัทภาพยนตร์ มีกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเอเจนซี่บันเทิง มีดาราภาพยนตร์ชื่อดัง ยังมีนักเขียนอิสระที่มีชื่อเสียง มีแม้กระทั่งผู้บริหารระดับสูงของวงการไอที
หนึ่งในนั้นมีหลู่เซิ่งต๋าที่เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวอยู่ด้วย เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงรายได้จากการจำหน่ายตั๋ววันแรกของภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ คิ้วหนาทึบของเขาก็กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เกิดความคิดไม่ดีพาดผ่านขึ้นมาในแววตา
ในฐานะที่เป็นคนวงใน ทั้งยังเป็นผู้บริหารระดับสูง หลู่เซิ่งต๋ารู้อย่างแน่นอนว่า ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เข้าฉายอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ แต่เขาไม่อยากจะให้ความสนใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้มากนัก
เพราะว่าภาพยนตร์กำลังภายในเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ทำให้เขานึกถึงความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่ของตนเองที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้
ภาพยนตร์เรื่อง ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ที่หลู่เซิ่งต๋าลงทุนผลักดันอย่างเต็มที่ เป็นภาพยนตร์กำลังภายในเรื่องแรกในประเทศ ต้นทุนการผลิตบวกกับการลงทุนด้านการประชาสัมพันธ์รวมแล้วมากถึงเกือบสามร้อยล้านหยวน สุดท้ายรายได้จากการจำหน่ายตั๋วของภาพยนตร์แทบจะไม่เกินสี่ร้อยล้าน หมดหวังที่จะได้ทุนคืนอย่างสิ้นเชิง ทำให้เขาเสียหน้าเป็นอย่างมากในวงการนี้
ถึงแม้จะบอกว่าเพียงแค่พึ่งพาเครือโรงภาพยนตร์ของวั่นหาว ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ต่อให้ขาดทุนก็ขาดทุนไม่มากสักเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ประเภทเดียวกันอีกสองเรื่องที่ออกฉายในภายหลังอย่างเรื่อง ‘เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม’ และ ‘จอมเสเพลแห่งยุทธภพ’ ถือได้ว่ามีสถานการณ์ที่ดีกว่ากันมาก แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงทำให้หลู่เซิ่งต๋าผู้มีความทะเยอทะยานหน้าชาได้อยู่ดี
ความล้มเหลวของภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้อำนาจของเขาในบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวลดลงเป็นอย่างมาก จนถึงตอนนี้เขายังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างเต็มที่ ยังคงเป็นรอยแผลเป็นที่ไม่อาจแตะต้องได้ในใจของเขา
ถึงแม้ว่าหลู่เซิ่งต๋าจะไม่เต็มใจมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหยุดการสนทนาของคนอื่นได้ ท้ายที่สุดแล้วเมื่อพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ในปัจจุบัน อย่างไรก็หนีไม่พ้นเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ อยู่ดี ไม่รู้เลยว่ามีคนในวงการนี้จับจ้องอยู่มากขนาดไหน
“ไม่ถึง 50 ล้านเหรอ”
ชายหนุ่มที่นั่งข้างหลู่เซิ่งต๋าพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “เฉินเฟยมีเดียกู้ทุนคืนได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ถ้าฉันเป็นลู่เฉินละก็ ฉันจะหยุดการถ่ายทำสองภาคสุดท้ายนั่นเสีย ไม่อย่างนั้นยิ่งถ่ายทำเยอะก็จะยิ่งขาดทุนไปกันใหญ่!”
ชายหนุ่มคนนี้เป็นซีอีโอของบริษัทมีเดียแห่งใหม่ ทั้งยังมีมิตรภาพที่ดีกับหลู่เซิ่งต๋ามาอย่างยาวนาน ระหว่างสองฝ่ายนั้นมีความสัมพันธ์ที่ให้ความร่วมมือกันอย่างลึกซึ้ง เขาจึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเวลานี้หลู่เซิ่งต๋ากำลังคิดอะไรอยู่
สำหรับภาพยนตร์ในประเทศเรื่องหนึ่งนั้น รายได้เกือบห้าสิบล้านจากการจำหน่ายตั๋วในวันแรกนับว่าทำได้ดีมาก แต่ว่า ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ นั้นลงทุนไปมากกว่าร้อยล้าน การประชาสัมพันธ์ก็ทุ่มไปหลายสิบล้าน บวกกับลู่เฉินและความน่าดึงดูดของดาราดังอีกมากมาย จะพูดว่าผลลัพธ์ที่ได้นี้เป็นความล้มเหลวก็ไม่ได้เกินจริงเลย
‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ทำรายได้จากการจำหน่ายตั๋วทะลุกว่าร้อยล้านเลยนะในวันแรก แต่ผลที่ได้หลังจากนั้นคือยอดจำหน่ายตั๋วทิ้งดิ่งลงมาราวกับหน้าผา ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ นั้นไม่ได้แม้แต่ครึ่งหนึ่งของ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ เสียด้วยซ้ำ ถ้าสามารถประสบความสำเร็จได้ก็เป็นเรื่องปาฏิหาริย์แล้ว!
หลู่เซิ่งต๋ารู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย เขาเชื่อว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก ทั้งสองเรื่องล้วนเป็นภาพยนตร์กำลังภายในทั้งนั้น มี ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ เป็นตัวอย่างแล้ว ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะสามารถพลิกสถานการณ์ในตลาดได้อย่างไรกัน
รายได้จากการจำหน่ายตั๋วในวันแรก 49.2 ล้าน ก็ถือเป็นบทพิสูจน์ที่ดีที่สุดแล้ว!
ในตอนนั้นมีคนคล้อยตามด้วยทันที “ใช่แล้ว คู่แข่งของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ คือหนังแอกชันของซูเปอร์สตาร์พิคเจอร์สเชียวนะ ฉันว่าคราวนี้ลู่เฉินต้องเผชิญศึกใหญ่แล้วละ ได้ยินมาว่าเขามีงบประมาณในการถ่ายทำ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ทั้งสามภาคห้าร้อยล้านหยวน แถมเงินทุนส่วนใหญ่ยังมาจากเฉินเฟยมีเดียอีกด้วย”
คนส่วนใหญ่ที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนวงใน และมีข้อมูลพร้อมกับความรอบรู้ที่ดีอยู่แล้ว พวกเขาค่อนข้างเข้าใจสถานการณ์ของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เป็นอย่างดี จึงเป็นธรรมดาที่จะพูดคุยออกมาได้อย่างมีเหตุมีผล
หลู่เซิ่งต๋าถอนหายใจ “แนวกำลังภายในนี่ไม่ไหวเลยจริงๆ แม้แต่ฉันก็ยังถูกหลอกเข้าให้แล้ว พอตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว เมื่อก่อนฉันก็หุนหันพลันแล่นมากเกินไปจริงๆ คิดว่าจะสามารถสร้างภาพยนตร์รูปแบบใหม่ในประเทศได้ แนวคิดใหม่ๆ จะไปทำได้ง่ายขนาดนั้นได้ยังไง…”
เขากำลังเปิดเผยข้อบกพร่องของตัวเองต่อหน้าคนอื่นอย่างกล้าหาญ แต่ถึงอย่างไรก็มี ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มารับหน้าแทนให้อยู่ดี ทำให้เขาเย้ยหยันตัวเองได้อย่างไม่กดดันสักเท่าไร กระทั่งรู้สึกดีใจเล็กน้อย…อย่างน้อย ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ก็ไม่ได้ล้มเหลวมากเกินไปนัก
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว…”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย หากพูดถึงภาพยนตร์ในประเทศในปัจจุบัน ก็จะมีอยู่สามประเภทหลักที่เป็นที่นิยม ได้แก่ ภาพยนตร์รักวัยรุ่น ภาพยนตร์ตลก และภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายลิขสิทธิ์ชื่อดัง
ภาพยนตร์กำลังภายในก็สามารถจำแนกอยู่ในหมวดหมู่ของภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายลิขสิทธิ์ชื่อดังได้เช่นกัน ภาพยนตร์ที่ฉายออกไปหลายๆ เรื่องล้วนสร้างมาจากนิยายกำลังภายในยอดนิยม แต่แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นภาพยนตร์แนวใหม่ ทำให้มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างมาก
เส้นทางสู่แนวคิดใหม่ๆ นั้นไม่เคยเรียบง่าย แม้แต่ฮอลลีวูดเองก็ยังไม่ง่ายที่จะลองสร้างภาพยนตร์รูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่มีการลงทุนสูง
เช่นเดียวกันกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘กำเนิดโคตรพยัคฆ์ราชัน’ ที่เพิ่งเข้าโรงไป ก็เป็นผลงานภาพยนตร์ในสายการผลิตของวงการบันเทิงฮอลลีวูดอย่างเต็มรูปแบบ เพียงแค่ภาพยนตร์ที่ดูฆ่าเวลาทั่วๆ ไป ก็สามารถบดขยี้รายได้จากการจำหน่ายตั๋วของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้อย่างง่ายดาย
‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ นั้นเลือกที่จะฉายในวันชาติจีนที่มีการแข่งขันค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังคงหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาพยนตร์ฮอลลีวูดไม่ได้อยู่ดี แทบจะคาดเดาถึงความล้มเหลวได้เลย
“ไม่มีใครสามารถประสบความสำเร็จได้ตลอดไป…”
ซีอีโอหนุ่มของบริษัทมีเดียแห่งใหม่คนนั้นกล่าวว่า “ตำนานไร้พ่ายของลู่เฉินก็คงจะถูกทำลายลงแน่ๆ ได้แต่หวังว่าครั้งนี้เขาจะไม่สูญเสียจนสิ้นหวังมากเกินไป ถึงยังไงพรสวรรค์ของเขาก็ยังโดดเด่นมากอยู่ดี”
ไม่ว่าใครก็สามารถสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นของเขา และคนวงในต่างก็รู้กันดีว่า บริษัทมีเดียแห่งใหม่นี้ครั้งหนึ่งเคยต้องการร่วมมือกับเฉินเฟยมีเดียมาก่อน แต่ผลสุดท้ายกลับถูกฝ่ายนั้นปฏิเสธ ดังนั้น…ทุกคนจึงเข้าใจดี
แต่สิ่งที่เขาพูดออกมาก็ตรงกับความคิดภายในใจของใครอีกหลายคน และมีหลายคนที่ยิ้มออกมาอย่างรู้ใจกัน
ใช่แล้ว ไม่มีใครสามารถประสบความสำเร็จได้ตลอดไป แม้แต่ลู่เฉินก็ไม่มีข้อยกเว้น!
ในขณะนี้เองมีคนถามขึ้นว่า “พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ที่นั่งกันอยู่ตรงนี้มีใครเคยดูหนังเรื่องนี้มาแล้วบ้างไหม”
ภายในห้องส่วนตัวเงียบลงทันควัน ทุกคนต่างหันไปมองหน้ากันและกัน
มีแวดวงธุรกิจย่อยๆ อยู่มากมายในวงการบันเทิง และแวดวงของพวกเขาก็แตกต่างจากแวดวงของเฉินเฟยมีเดีย ดังนั้นจึงไม่มีใครเคยเข้าร่วมชมรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ และเมื่อวานก็ไม่ได้ไปดูที่โรงภาพยนตร์อีกด้วย
เรื่องนี้ค่อนข้างจะสร้างความกระอักกระอ่วนให้ไม่น้อย แต่ไม่นานก็มีคนเปิดหัวข้อพูดคุยเรื่องใหม่ขึ้นมา จึงทำให้บรรยากาศกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
อันที่จริงจะเคยดูหรือไม่มันสำคัญตรงไหนกันล่ะ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะโด่งดังจนสะเทือนแผ่นดินได้อย่างนั้นหรือ
หลู่เซิ่งต๋าไม่เชื่อ และทุกคนก็ไม่เชื่อเช่นกัน
…………………………………………………………………………