Perfect Superstar - ตอนที่ 849 ไอเดียใหม่
ตอนที่ 849 ไอเดียใหม่
ตอนนั้นเมื่อหลี่มู่ซือได้พบกับลู่เฉินครั้งแรก ก็ไม่ได้รู้สึกถูกชะตาอะไรมาก
เธอมีความรู้โดดเด่นและลำพองใจแต่กำเนิด ผู้ชายคนเดียวที่เธอชื่นชมคือพ่อของเธอ แม้แต่พี่ชายของเธอหลี่มู่หรงก็ไร้ค่าในสายตาเธอ สำหรับหลี่มู่ไป๋น้องชายของเธอ เธอมองว่าเขาเป็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอยู่เลย
ลู่เฉินที่ถูกหลี่มู่ไป๋มองว่าเป็นเพื่อน ตอนแรกเธอมองว่าเป็นเพียงคนที่เข้ามาประจบคนมีอำนาจเท่านั้น ลูกหลานตระกูลหลี่พบเจอคนแบบนี้มาเยอะมากตั้งแต่เล็ก
แต่หลังจากได้สัมผัสคลุกคลีกันมาช่วงหนึ่ง ท่าทีของหลี่มู่ซือที่มีต่อลู่เฉินก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดสร้างสรรค์ที่เหมือนอัจฉริยะอย่างรูปแบบการระดมทุนออนไลน์ แม้ว่าปากจะไม่เคยเอ่ยว่ายอมรับก็ตาม แต่ในใจเธอแสดงความนับถือไปแล้ว
เธอสามารถบริหารบริษัทหนึ่งให้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็กได้ และกลายมาเป็นหนึ่งในบุคคลที่โดดเด่นที่สุดของคนรุ่นใหม่ในแวดวงปักกิ่ง ก็อยู่บนพื้นฐานที่ลู่เฉินสร้างไว้นั่นเอง
หากเป็นเพียงแค่เว็บไซต์ระดมทุนเท่านั้น หลี่มู่ซือคงไม่ยอมลงให้ลู่เฉินขนาดนี้ หากมองข้ามพรสวรรค์ในวงการเพลงและการแสดงของลู่เฉินไป บริษัทแฮปปี้เอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่เขาสร้างขึ้นก็รุ่งเรืองในประเทศเอามากๆ ก่อนอื่นเริ่มต้นด้วยการสร้างเกม ‘แฮบปี้ฟาร์ม’ ที่ทำให้กระแสการขโมยผักเป็นที่นิยมขึ้นมา หลังจากนั้นก็ขายให้บริษัทเกมเฟยซวิ่นด้วยราคาสูงลิ่ว
ตอนนี้บริษัทแฮปปี้เอ็นเตอร์เทนเมนต์ยังเปิดตัวเกม ‘พืชปะทะซอมบี้’ เกม ‘แอ็งกรีเบิดส์’ เกม ‘ฟรุตนินจา’ และเกมโทรศัพท์มือถืออื่นๆ ทุกเกมขายดีมาก แน่นอนว่าได้กลายเป็นบริษัทเกมใหม่ที่ได้รับการจับตามองจากคนในแวดวงที่สุด
ว่ากันว่าบริษัทแฮปปี้เอ็นเตอร์เทนเมนต์จะเข้าสู่ตลาดเกมออนไลน์ที่มีกำไรมหาศาลอย่างเต็มกำลัง และตอนนี้กำลังพัฒนาเกมที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ด้วย
จากที่หลี่มู่ซือทราบมา ความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นของเกมเหล่านี้ล้วนมาจากมือของลู่เฉิน และลู่เฉินยังถือหุ้นของบริษัทแฮปปี้เอ็นเตอร์เทนเมนต์เอาไว้อย่างน้อย 80% ด้วย ไม่รับการสนับสนุนและการลงทุนจากภายนอกแม้แต่หยวนเดียว
แม้ว่าบริษัทแฮปปี้เอ็นเตอร์เทนเมนต์จะไม่ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่จากการประเมินมูลค่าธุรกิจมันมีมูลค่าอย่างน้อยห้าพันล้าน หากเกมออนไลน์ใหม่อย่าง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ประสบความสำเร็จ ก็จะทะลุหมื่นล้านได้อย่างง่ายดาย
ทรัพย์สินของลู่เฉินมากแค่ไหนคิดเอาก็คงรู้ได้!
หลี่มู่ซือยังเสียใจที่ตอนนั้นไม่ได้ร่วมลงทุนในบริษัทแฮปปี้เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ในตอนนั้นหากเธอแสดงเจตนาว่าอยากเป็นหุ้นส่วน เชื่อว่าลู่เฉินต้องไม่ปฏิเสธแน่ มาถึงตอนนี้คงได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนหลายสิบหรือหลายร้อยเท่าแล้ว!
เรื่องที่ผ่านไปแล้วหลี่มู่ซือไม่เสียเวลาคิดมาก ที่เธอคิดก็คือให้ความสำคัญกับปัจจุบัน ดังนั้นถือโอกาสนี้ลองเชิงลู่เฉินเสียหน่อย ดูว่าจะเคาะไอเดียล้ำค่าเหมือนอย่างเว็บไซต์ระดมทุน เกมแฮปปี้ฟาร์ม หรืออะไรทำนองนี้ออกมาจากลู่เฉินได้หรือไม่
เคาะไม่ออกก็ไม่เป็นไร แต่หากเคาะอะไรออกมาได้อย่างนั้นก็กำไรแล้ว
แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่ได้จริงจัง มีเจตนาล้อเล่นอยู่ในนั้น ถือว่ากึ่งเล่นกึ่งจริง ถูกลู่เฉินปฏิเสธก็ไม่เป็นไร
แต่เมื่อเห็นลู่เฉินทำหน้าครุ่นคิด ในใจของหลี่มู่ซือจู่ๆ ก็เกิดความคิดบ้าๆ นับไม่ถ้วน ดวงตาสองข้างของเธอปล่อยลำแสงจดจ้องไปที่ลู่เฉินเขม็ง แก้มแดงขึ้นมาทันทีเพราะความตื่นเต้น
“รีบพูดๆ ฉันรู้ว่านายมีอะไรดีๆ!”
หลี่มู่ซือแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ดึงเฉินเฟยเอ๋อร์ไว้ก่อนจะพูดว่า “ฉันไม่ให้นายเสียเปรียบหรอก เงินลงทุนทั้งหมดฉันออกเอง ฉันขอหุ้นแค่หกสิบเปอร์เซ็นต์พอ ให้ลู่ซียี่สิบเปอร์เซ็นต์ แล้วให้ท่านผู้นี้ของบ้านนายยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เป็นไง?”
ตอนนี้เธอไม่ขาดเงิน ขาดก็เพียงแนวคิดทางธุรกิจที่สามารถยกระดับอาชีพของเธอไปอีกระดับต่างหาก
แล้วผมล่ะ หุ้นหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ไม่มีเลยหรือ
ลู่เฉินยิ้มไม่ได้หัวเราะไม่ออก แต่ที่หลี่มู่ซือยกเงื่อนไขอย่างนี้ออกมาก็ถือว่าใจกว้างมาก เพียงเสนอความคิดสร้างสรรค์ก็ได้หุ้นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ในยุคสมัยที่การลงทุนถือเป็นราชาอย่างนี้เห็นได้น้อยมาก กระทั่งพูดได้เลยว่าผิดหลักการพื้นฐานของการทำธุรกิจ
แต่เมื่อย้อนกลับมาดูอีกที ลู่เฉินก็ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินเช่นกัน เขามีทุนรอนที่จะทำให้ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองกลายเป็นความจริง เอาหุ้นทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์กุมไว้ในมือคนเดียวได้ เงื่อนไขอย่างนี้ถือว่าธรรมดามาก
เพียงแต่สำหรับลู่เฉินในตอนนี้ เงินเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น มากน้อยไม่ใช่ปัญหาเลย และความสนใจของเขาก็ไม่ได้อยู่ในด้านธุรกิจ เห็นได้ชัดว่าหลี่มู่ซือมาถูกทางแล้ว ดังนั้นถึงได้เสนอเงื่อนไขสุดพิเศษเช่นนี้
ลู่ซียี่สิบเปอร์เซ็นต์ เฉินเฟยเอ๋อร์ยี่สิบเปอร์เซ็นต์…เธอก็คิดได้นะ!
เฉินเฟยเอ๋อร์ตกใจมาก “ฉันไม่เอานะ…”
“เธอโง่เหรอ!”
หลี่มู่ซือกลอกตามองบนใส่เธอไปหนึ่งที แล้วเอ่ยว่า “ผู้หญิงอย่างพวกเราต้องพึ่งพาตัวเองสิ พึ่งพาพวกผู้ชายน่ะไม่ได้หรอก บริษัทใหม่ที่จะตั้งนี้พวกเราจะสนุกด้วยกัน หาเงินได้ก็เป็นเงินพวกเรา มีเขาหรือไม่มีเขาก็ไม่สำคัญเลย!”
ลู่ซีปรบมือ เธอหัวเราะก่อนจะตอบว่า “พูดได้ถูกต้องเลย!”
หลี่มู่ซือได้ใจ เธอพูดกับลู่เฉินว่า “นายมีอะไรจะพูดไหม”
เมื่อเจอกับผู้หญิงเถื่อนคนนี้ ลู่เฉินทำได้เพียงยอมแพ้ “เอาเถอะๆ พี่ว่าอย่างไรก็อย่างนั้นแหละ”
หลี่มู่ซือทำท่าชนะให้ลู่ซี
ลู่ซีไม่ได้สนใจเธอ เธอถามลู่เฉินด้วยความสงสัยว่า “อย่างงั้นนายมีไอเดียอะไร”
คนเป็นพี่สาวยิ่งนานวันยิ่งไม่เข้าใจในตัวน้องชายเข้าไปทุกที ตั้งแต่เล็กแล้วก็ไม่เห็นว่าลู่เฉินจะฉลาดเท่าไร ทำไมตอนนี้ความคิดสร้างสรรค์ในสมองเขาถึงได้พรั่งพรูออกมาไม่หยุดนะ
ลู่เฉินไม่ได้ตอบออกมาตรงๆ แต่ถามหลี่มู่ซือว่า “พี่รู้จักจักรยานสาธารณะหรือเปล่า”
“จักรยานสาธารณะเหรอ”
หลี่มู่ซือพยักหน้าอย่างสงสัย “รู้สิ จักรยานที่ใช้บัตรพลเมืองยืมเพื่อขับขี่ไง ต่างประเทศก็มี”
ลู่เฉินยังถามต่ออีกว่า “อย่างงั้นพี่รู้ไหมว่าข้อเสียของจักรยานสาธารณะคืออะไร”
“หืม?”
ครั้งนี้หลี่มู่ซือจนปัญญาแล้ว เธอเองก็ไม่เคยขี่มาก่อนเลย
ลู่ซีกะพริบตาถี่ ก่อนจะพูดว่า “หากจะพูดถึงข้อเสียละก็ เรื่องการยืมและการคืนรถจักรยานไม่ค่อยสะดวกนัก สถานีรถจักรยานก็มีจำกัด อีกอย่างค่ามัดจำก็มีราคาสูงมาก”
จักรยานสาธารณะไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรมาก หลายปีก่อนเมื่อเธอต้องทำงานพิเศษก็ขี่จักรยานสาธารณะอยู่บ่อยๆ
“ใช่แล้ว…”
ลู่เฉินยกยิ้มก่อนจะพูดว่า “ความคิดของผมก็เจาะจงไปที่จักรยานสาธารณะนี่แหละ ผมจะเรียกมันว่าจักรยานแชร์ริ่ง”
“ไม่ต้องใช้สถานีรถจักรยาน จักรยานแชร์ริ่งจะยืมหรือคืนที่ไหนก็ได้ ไม่จำกัดเขตหรือสถานที่ ล็อกพิเศษมีระบบระบุตำแหน่งดาวเทียมในตัวและแบตเตอรี่พลังงานจลน์แบบชาร์จไฟได้ ปลดล็อกและชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน ใช้กติกาคิดเงินตามเวลาที่ยืม”
“ในส่วนของการวางเงินมัดจำและการชำระเงิน เราจะทำความร่วมมือกับระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของบุคคลที่สาม อาศัยระบบให้คะแนนเครดิตของพวกเขา หลังจากลงทะเบียนแล้วก็จะเชื่อมกับคะแนนเครดิต ขอเพียงคะแนนถึงเกณฑ์ อย่างนั้นไม่ต้องวางเงินมัดจำก็สามารถขี่ได้เลย”
“ถึงตอนนั้นพวกเราจะสั่งทำจักรยานจำนวนมากในครั้งเดียว แล้ววางไว้ในเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นทั่วประเทศ พวกเราจะยึดครองตลาดอย่างรวดเร็ว นอกจากในประเทศแล้ว ตลาดต่างประเทศก็เป็นไปได้สูงมาก!”
“แน่นอนว่า พวกเราต้องจดทะเบียนลิขสิทธิ์ความคิดทางการค้าก่อน…”
ลู่เฉินพูดอย่างฉะฉาน หลี่มู่ชือยิ่งได้ฟังตาของเธอก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นเท่านั้น
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องจักรยานสาธารณะมากนัก แต่เธอก็รู้ว่ารูปแบบการเดินทางในเมืองสีเขียวประเภทนี้มีผู้ใช้จำนวนมากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอีกด้วย
อย่างไรก็ตามจักรยานแชร์ริ่งที่ลู่เฉินเสนอนั้น กลับเป็นธุรกิจที่สร้างขึ้นมาจากพื้นฐานของจักรยานสาธารณะทั่วไป ซึ่งชดเชยความไม่สมบูรณ์ของจักรยานสาธารณะได้ เป็นการบุกเบิกตลาดที่ผู้ลงทุนอื่นๆ ยังก้าวเข้ามาไม่ถึง!
ศักยภาพของตลาดนี้…
ลางสังหรณ์บอกหลี่มู่ชือว่า เธออาจขุดเจอเหมืองทองอีกครั้งเข้าให้แล้ว!
…………………………………………………………………………