Perfect Superstar - ตอนที่ 852 ฤดูฝนปีนั้นเมื่อฉันอายุสิบเจ็ด
ตอนที่ 852 ฤดูฝนปีนั้นเมื่อฉันอายุสิบเจ็ด
วันที่ 20 ตุลาคม เมืองปักกิ่ง สนามกีฬาผู้ใช้แรงงาน
สนามกีฬาขนาดใหญ่แห่งนี้ที่สามารถรองรับผู้ชมได้ถึงเจ็ดหมื่นคนนั้นเต็มไปด้วยผู้คนจนไม่มีที่นั่งว่างเหลืออยู่แล้ว ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างโบกแท่งไฟและป้ายเชียร์ขึ้นสูงเพื่อเชียร์เหล่าไอดอลที่ตนเองชื่นชอบ
สถานที่แรกในการทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศของวงเสียวหู่ถวน ‘เสือผู้น่าเกรงขาม’ ได้จัดขึ้นที่สนามกีฬาผู้ใช้แรงงานนี่เอง
ในฐานะวงไอดอลรุ่นใหม่ในประเทศ วงเสียวหู่ถวนได้เปิดตัวในรายการแข่งขัน ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เมื่อปี 2016 และได้รับรางวัลวงน้องใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปีในงาน ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ ภายในเวลาเพียงสองปีพวกเขาได้กลายเป็นวงบอยแบนด์ที่โด่งดังที่สุดในประเทศ
สองอัลบั้มในสองปีนั้นขายดีอย่างเทน้ำเทท่า สมาชิกของวงเสียวหู่ถวน ได้แก่ เสือหล่อจางจวิ้นจื้อ เสือสายฟ้าหูอี้หราน และเสือเชื่อฟังเยวี่ยหยาง ในกลุ่มคนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี พวกเขาทั้งสามคนได้รับความนิยมสูงจนแซงหน้าวงเอ็มเอสเอ็นไปแล้ว และได้กลายเป็นไอดอลในใจของเด็กชายเด็กหญิงจำนวนนับไม่ถ้วน
ในตอนแรกที่ตั้งวงเสียวหู่ถวนขึ้นมานั้น ก็มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญมาคอยดูแลเพื่อที่จะสร้างให้เป็นแบรนด์บันเทิง ชื่อต่างๆ อย่างเช่น ‘วงเสียวหู่ถวน’ ‘เสือหล่อ’ ‘เสือสายฟ้า’ ‘เสือเชื่อฟัง’ ล้วนได้รับการจดทะเบียนทั้งหมดแล้ว และยังมีการจ้างบริษัทออกแบบมืออาชีพมาออกแบบโลโก้การ์ตูนให้อีกด้วย
ด้วยความที่วงเสียวหู่ถวนโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็วในประเทศจีน แบรนด์สินค้านั้นก็ได้รับลิขสิทธิ์ให้ปล่อยสินค้าออกมาอย่างไม่ขาดสาย ทั้งเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา เครื่องเขียน ของเล่น ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และอีกมากมาย เพียงแค่รายได้จากทางด้านนี้ก็ทำเงินได้เยอะจนทำให้ผู้คนที่อยู่ในแวดวงเดียวกันต่างอิจฉาจนน้ำตาไหลออกมาเป็นเลือดแล้ว
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีวงบอยแบนด์ที่ทำเลียนแบบตามกระแสอยู่มากมาย มีทั้งวง ‘มังกรน้อย’ ‘หมาป่าน้อย’ ผุดขึ้นมาเยอะแยะเป็นดอกเห็ด แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีวงไหนที่ได้รับความนิยมสูงได้สักครึ่งหนึ่งของวงเสียวหู่ถวนเลย ตรงกันข้าม พวกเขากลับถูกเยาะเย้ยว่าเป็นเพียงของเลียนแบบ และไม่ได้รับการยอมรับจากเหล่าแฟนคลับ
เหตุผลที่เป็นแบบนี้ทุกคนต่างก็รู้กันดี สิ่งแรกและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ มีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังวงเสียวหู่ถวน แน่นอนว่าเป็นเพราะการสนับสนุนของเขา ถึงทำให้วงเสียวหู่ถวนเป็นได้อย่างทุกวันนี้
ในยุคปัจจุบัน วงการบันเทิงได้พัฒนาขึ้นอย่างในทุกวันนี้ วิสัยทัศน์ของผู้คนก็เปิดกว้างขึ้นมาก ไม่ใช่เพียงแค่สุ่มรวมเอาเหล่าหนุ่มหล่อสาวสวยขึ้นมาร้องๆ เต้นๆ ตามใจชอบบนเวที แล้วค่อยไปโฆษณาอย่างยิ่งใหญ่ให้ดีเกินจริง ก็จะสามารถดึงดูดแฟนคลับจำนวนมากมาได้แล้ว
สิ่งที่ดึงดูดใจแฟนคลับได้จริงๆ นั้นขึ้นอยู่กับผลงานต่างหาก ไม่มีผลงานที่โดดเด่น ไม่มีเพลงดังที่ติดหูผู้คน แล้วใครจะไปจดจำวงที่เลียนแบบผู้อื่นอย่างหนักขนาดนี้ได้กันล่ะ
และสองอัลบั้มขายดีของวงเสียวหู่ถวนนั้น แน่นอนว่าเป็นต้นเหตุของการที่มีผู้ชมมากมายมาที่สนามกีฬาผู้ใช้แรงงานในค่ำคืนนี้เพื่อสนับสนุนพวกเขา แฟนคลับหลายคนล้วนรีบเดินทางจากนอกเมืองมายังปักกิ่งพร้อมกับผู้ปกครองเพื่อชมการแสดงนี้
“เจ้าผีเสื้อจงบินไป เหมือนกับเด็กวิ่งท่ามกลางสายลม สัมผัสสายรุ้งแห่งความเยาว์วัย ไกลยิ่งกว่าท้องทะเลสูงยิ่งกว่าท้องฟ้า”
“เจ้าผีเสื้อจงบินไป บินไปสู่ปราสาทแห่งอนาคต เปิดหน้าต่างแห่งความฝัน ปล่อยให้เติบโตรวดเร็วและสวยงามยิ่งขึ้น!”
“เจ้าผีเสื้อจงบินไป~”
หลังจากที่เพลง ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป’ ถูกขับร้องจนจบแล้ว ผู้ชมต่างก็ส่งเสียงกรี๊ดขึ้นมาราวกับสึนามิในทันที บรรยากาศได้มาถึงจุดไคลแม็กซ์ตั้งแต่เริ่มการแสดงเลย
เพลงนี้เรียกว่าเป็นตัวแทนของวงเสียวหู่ถวนเลยก็ว่าได้ เมื่อตอนที่ปล่อยเพลงออกมาก็ได้เอาชนะใจและเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าเด็กชายเด็กหญิงจำนวนนับไม่ถ้วน จนทุกวันนี้ก็มักจะได้ยินในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นอยู่บ่อยๆ
ในตอนที่วงเสียวหู่ถวนร้องเพลงนี้ในสนามกีฬาผู้ใช้แรงงานนั้น ผู้คนมากมายต่างก็ร้องประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง และคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่ได้ผ่านพ้นไปแล้วด้วยกัน
“ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกคนครับ!”
สมาชิกทั้งสามของวงเสียวหู่ถวนโค้งคำนับเพื่อแสดงความขอบคุณ พวกเขาต่างหอบหายใจด้วยความเหนื่อย หน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อสีใส แต่ภายในดวงตากลับแวววาวเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขและความหลงใหลอยู่ในนั้น
สำหรับงานคอนเสิร์ตในค่ำคืนนี้ พวกเขาใช้เวลาเตรียมตัวมาถึงครึ่งปี ในที่สุดก็ได้เวลาแสดงผลงานที่ตั้งใจบ่มซ้อมมาอย่างหนักแล้ว
หลังจากยืดตัวตรงและเช็ดเหงื่อออก จางจวิ้นจื้อก็เผชิญหน้ากับเหล่าแฟนคลับจำนวนนับไม่ถ้วนและพูดว่า “ต่อไป…”
ภายในสนามกีฬาเงียบลงอย่างรวดเร็ว มีแฟนคลับเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงตะโกนเรียกชื่อเขาออกมาอย่างไม่คิดชีวิต
ในบรรดาสมาชิกทั้งสามคนของวงเสียวหู่ถวน จางจวิ้นจื้อที่เป็นหัวหน้าวงนั้นได้รับความนิยมมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย บล็อกล่างฉาวของเขามีผู้ติดตามเทียบเท่ากับหูอี้หรานและเยวี่ยหยางรวมกันได้เลย
จางจวิ้นจื้อกล่าวต่อว่า “ต่อไป พวกเรามาต้อนรับแขกรับเชิญคนสำคัญในค่ำคืนนี้ด้วยกันนะครับ เขาเป็นอาจารย์ที่พวกเราสามคนรักและเคารพมากที่สุด เขาก็คือ…”
“ลู่เฉิน!”
โดยไม่ต้องรอให้จางจวิ้นจื้อไขปริศนานี้ ผู้ชมหลายหมื่นทั้งสนามกีฬาก็ได้ตะโกนให้คำตอบแทนเขาไปแล้ว
ไม่มีแฟนคลับคนไหนในที่นี้ที่ไม่รู้ ชื่อของผู้มีอิทธิพลที่ยืนอยู่เบื้องหลังของวงเสียวหู่ถวนคนนั้น ก็คือลู่เฉินนั่นเอง!
การรวมตัวของวงเสียวหู่ถวนนี้ก็มาจากความคิดของลู่เฉิน เขาเป็นคนตั้งชื่อวงเสียวหู่ถวน และยังแต่งเพลงหลักของอัลบั้มให้กับวงเสียวหู่ถวนเป็นการส่วนตัวอีกด้วย ผลงานหลายๆ เพลงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของวงเสียวหู่ถวนก็ล้วนมาจากฝีมือของเขาทั้งสิ้น
แม้แต่บริษัทที่วงเสียวหู่ถวนสังกัดอยู่ ก็ยังมีลู่เฉินเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย!
ไม่เกินจริงเลยหากจะพูดว่า ถ้าไม่มีลู่เฉิน ก็จะไม่มีวงเสียวหู่ถวนปรากฏออกมาให้เห็น และถึงแม้จะปรากฏออกมา ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับความนิยมและมีอิทธิพลได้อย่างทุกวันนี้
ในค่ำคืนนี้ ลู่เฉินมาที่คอนเสิร์ตของวงเสียวหู่ถวนในฐานะแขกรับเชิญลับ ทำให้ผู้คนเซอร์ไพรส์แต่ก็ไม่เกินความคาดคิด เพราะว่าไม่มีศิลปินดาราในวงการคนไหนที่จะเหมาะสมไปมากกว่าเขาอีกแล้ว
“ลู่เฉิน!” “ลู่เฉิน!” “ลู่เฉิน!”
ท่ามกลางเสียงตะโกนเชียร์ของผู้ชมทั้งสนาม ลู่เฉินที่สวมชุดลำลองก็ได้ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีใหญ่ ยืนอยู่ภายใต้แสงสปอตไลต์ร่วมกันกับสมาชิกทั้งสามของวงเสียวหู่ถวน
ช่วงเวลานี้ ดูเหมือนเขาจะได้กลายเป็นตัวเอกอย่างแท้จริง และสามวัยรุ่นคนดังก็ได้กลายเป็นตัวประกอบไปแล้ว แต่กลับไม่มีใครคิดหรือรู้สึกว่าสถานการณ์แบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเลยสักคน
“ขอบคุณครับ!”
ลู่เฉินหัวเราะ “ได้ยินเสียงของพวกคุณแล้ว ทำให้ผมรู้สึกเป็นหนุ่มขึ้นเยอะเลย!”
เสียงกรี๊ดดังยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!
ลู่เฉินยิ้มรับและรอให้คลื่นเสียงสงบลง จากนั้นเขาจึงพูดต่อ “ในค่ำคืนนี้ ผมจะใช้เพลงเพลงหนึ่ง เป็นเพลงใหม่ที่จะพาทุกคนข้ามผ่านช่วงเวลาที่พวกเราเคยได้อยู่ร่วมกันไปพร้อมกัน หวังว่าทุกคนจะชอบมันนะครับ”
“เพลงนี้มีชื่อว่า ‘ฤดูฝนปีนั้นเมื่อฉันอายุสิบเจ็ด’ ครับ…”
“และถ้าไม่มีเรื่องอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นละก็ เพลงนี้จะกลายเป็นเพลงหลักในอัลบั้มใหม่ของวงเสียวหู่ถวนครับ!”
ว้าว!
ภายในสนามกีฬาตอนนี้เหมือนกับพร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อไปแล้ว ช่างเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึงจริงๆ!
เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น สมาชิกทั้งสามของวงเสียวหู่ถวนก็ถอยกลับไปอยู่ในตำแหน่งของคอรัส สละเวทีอันรุ่งโรจน์ให้แก่ชายผู้เปลี่ยนชีวิตของพวกเขา
“เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก
หน้าประตูมีดอกมะลิอยู่มากมาย
ส่งกลิ่นหอมออกมาบางเบา
เมื่อตอนที่ฉันค่อยๆ เติบโตขึ้น
ดอกมะลิที่หน้าประตูเหล่านั้น
กลับเหี่ยวเฉาและไม่แตกหน่ออีกต่อไป
ความรู้สึกเป็นยังไง
อายุเท่าไร
ความสุขเป็นยังไง
ร้องไห้เป็นยังไง
……”
เสียงที่อึกทึกเหล่านั้น เสียงที่เอะอะเหล่านั้น เสียงที่วุ่นวายเหล่านั้น เสียงหัวเราะ เสียงเชียร์ เสียงปรบมือเหล่านั้นได้สลายหายไปราวกับฝุ่นผง มีเพียงเสียงร้องที่โปร่งใสและใสสะอาดของลู่เฉินเท่านั้น เสียงร้องเพลงแห่งความคิดถึงดังก้องกังวานอยู่ภายในสนามกีฬา สัมผัสไปถึงขั้วหัวใจของเหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาว เป็นเหตุที่ทำให้เกิดเสียงสะท้อนที่ไม่มีเสียงขึ้นมา!
…………………………………………
หมายเหตุ: เพลง ‘ฤดูฝนปีนั้นเมื่อฉันอายุสิบเจ็ด’ (十七岁那年的雨季) เนื้อร้อง/ทำนอง: พานฟางเลี่ย (潘芳烈)