Perfect Superstar - ตอนที่ 859 ปรมาจารย์
ตอนที่ 859 ปรมาจารย์
ท่ามกลางเสียงคลื่นที่ดังมาจากที่ไกลๆ ลู่เฉินตื่นขึ้นมาแล้ว
เมื่อเขาลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเพดานที่ตกแต่งด้วยบอร์ดยิปซัม ลวดลายคลาสสิคสไตล์ยุโรปถูกผสมผสานกันอย่างลงตัว มีความวิจิตรงดงามอย่างมาก
หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่เชื่อมระหว่างห้องนอนกับระเบียงเปิดอยู่ ลมทะเลพัดผ่านประตูและหน้าต่าง พัดเอากลิ่นและเสียงลมทะเลเข้ามา รวมถึงแสงแดดที่อบอุ่นและสดใสอีกด้วย
ลู่เฉินใช้เวลาหลายวินาทีก่อนจะได้สติขึ้นว่าตนมาพักผ่อนกับเฉินเฟยเอ๋อร์อยู่ที่เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มัลดีฟส์
เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปคลำ แต่กลับพบว่าอีกด้านของเตียงว่างเปล่า
“นายตื่นแล้วเหรอ”
ตอนนี้เอง เฉินเฟยเอ๋อร์ถือจานอาหารสีเงินเข้ามาในห้องนอน พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มื้อเช้าพอดี ลองฝีมือของฉันหน่อย”
บนถาดอาหารมีนม ไข่ดาว ชีส เบคอนและอื่นๆ วางอยู่ ทุกอย่างร้อนๆ ส่งกลิ่นยั่วยวน
ลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะขยับนิ้วชี้ แล้วลุกขึ้นนั่งทันที
เขาไม่ได้รีบร้อนไปล้างหน้าแปรงฟัน เขากินอาหารเช้าที่เฉินเฟยเอ๋อร์ทำด้วยตัวเองเสียจนหมดเกลี้ยง
พึงพอใจอย่างมาก
เพิ่งจะกินเสร็จ เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ยื่นผ้าขนหนูร้อนสะอาดให้อย่างเอาใจ ลู่เฉินรับมาเช็ดปาก ก่อนจะรั้งเธอเอาไว้ในอ้อมกอดตัวเอง
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะอย่างมีเสน่ห์ “อย่าเล่น นายต้องไปออกกำลังกายอีกนะ…”
ลู่เฉินโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด เขาถอนหายใจยาวก่อนจะพูดออกมาในคราวเดียว “ผมไม่อยากขยับเลย”
หลายวันที่พักยังเกาะนางฟ้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตเขา โยนงานทั้งหมดทิ้งไป ไม่ต้องไปสนใจความวุ่นวายจากโลกภายนอก ใช้เวลาร่วมกันอย่างเงียบๆ สองคนกับคนที่รักบนเกาะที่ห่างไกลจากความเร่งรีบและความวุ่นวายของโลกนี้
นอนจนกว่าจะตื่นขึ้นเองตามธรรมชาติในตอนเช้า หรือไม่ก็ทำกิจกรรมคู่สุดร้อนแรงยามเช้า รับประทานอาหารเช้าก่อนออกกำลังกายสักหน่อย นั่งบนระเบียงและอ่านหนังสือสักสองสามหน้า หรือไปตกปลาที่ท่าเรือเล็กๆ เท่านี้เวลาช่วงเช้าก็หมดลงแล้ว
งีบตอนเที่ยงสักเล็กน้อย ก่อนจะตื่นไปที่ชายหาดเพื่ออาบแดดหรือว่ายน้ำ เดินเล่นบนเกาะหลังอาหารเย็น หรือจุดไฟร้องเพลงเต้นรำ และบางครั้งเพลิดเพลินกับทางช้างเผือกที่สดใสบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนด้วยกัน…
ช่างน่าเสียดายยิ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีมากเท่าไรยิ่งเห็นได้ชัดว่ามันสั้น อีกเพียงหนึ่งวันก็ต้องกลับไปแล้ว ถึงแม้ว่าทั้งสองมีสิทธิ์ที่จะเอาแต่ใจอยู่บ้างสักหน่อย แต่สุดท้ายก็ไม่เอาแต่ใจถึงขั้นนั้น
รอครั้งหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน
วันที่ 29 ตุลาคม ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์เดินทางออกจากเกาะนางฟ้า บินจากมัลดีฟส์สู่ปักกิ่ง
และในตอนนี้เอง ภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ภาคแรก ‘กระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ ก็ได้ออกจากโรงภาพยนตร์ทุกแห่งอย่างเป็นทางการแล้ว สรุปยอดจำหน่ายตั๋วอยู่ที่หนึ่งพันเจ็ดร้อยห้าสิบสองล้านหยวน ได้กลายเป็นแชมป์ยอดจำหน่ายตั๋วของภาพยนตร์ในประเทศในปีนี้ไปเลย!
แม้ว่าจะมีเวลาอีกหนึ่งเดือน แต่ทั้งวงการก็พากันคาดเดาว่า ภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้ล็อกตำแหน่งแชมป์เอาไว้แล้ว เพราะว่าภาพยนตร์ในประเทศที่เข้าฉายในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมไม่น่าจะทำลายสถิตินี้ได้
อีกอย่างสินค้าที่ระลึกที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ก็มียอดขายถึงสองร้อยหกสิบห้าล้านหยวน เมื่อรวมสองอย่างเข้าด้วยกันก็มีมูลค่าถึงสองพันล้านหยวนเลย นี่ยังไม่รวมการจำหน่ายลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่ รวมถึงการอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์แบรนด์สินค้าสู่ภายนอกด้วย
ผลกำไรสูง จนทำให้คนไม่รู้เท่าไรอิจฉา
ผลกำไรของภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ นั้นสามารถคาดเดาได้ ยอดจำหน่ายตั๋วที่หนึ่งพันเจ็ดร้อยห้าสิบสองล้านหยวนก็มีกำไรราวๆ แปดร้อยล้านหยวนโดยประมาณ หักต้นทุนไปสามร้อยล้านก็มีกำไรสุทธิที่ห้าร้อยล้าน ยอดขายสินค้าที่ระลึกที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์สองร้อยหกสิบห้าล้านสามารถหากำไรได้เกือบสองร้อยล้าน การขายลิขสิทธิ์ได้มาหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน การอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์แบรนด์สินค้าทำเงินได้อีกเกือบหนึ่งร้อยล้าน…
สำหรับหนังเรื่องนี้ ตอนนี้กำไรที่เฉินเฟยมีเดียสามารถคำนวณออกมาได้นั้นสูงถึงหนึ่งพันล้านหยวน กำไรมากกว่าที่ลงทุนไปถึงสามเท่า!
เพราะผลประโยชน์สูงมาก ดังนั้นเมื่อภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ออกจากโรง ในวงการจึงเกิดกระแสร้อนแรงของภาพยนตร์กำลังภายในขึ้นมาอีกครั้ง บริษัทผลิตภาพยนตร์หลายแห่งเดิมทีเพราะความล้มเหลวของภาพยนตร์กำลังภายในในช่วงฤดูร้อนจึงระงับการสร้างผลงานในหลายๆ โครงการออกไป ตอนนี้กลับนำพวกมันเข้ามาอยู่ในโครงการสร้างอีกครั้ง
นิยายกำลังภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิยายกำลังภายในที่ได้รับความนิยมมูลค่าพุ่งสูงขึ้นพรวดพราด การขึ้นๆ ลงๆ นี้ทำให้คนต้องถอนหายใจกับการเปลี่ยนทิศทางลมไปมาอย่างรวดเร็ว
แต่สำหรับนอกวงการแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ กลับนำมาซึ่งกระแสความนิยมใหม่ด้านศิลปะการต่อสู้
กระแสความนิยมเรื่องศิลปะการต่อสู้นี้ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ตอนที่นิยายเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ขายดีมาก ก็เริ่มมีเค้าลางแล้ว ต่อมาก็ถูกภาพยนตร์เรื่อง ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ เกาะกระแสอีก แต่เพราะยอดจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์เรื่อง ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ล้มเหลวเลยเงียบไป
ตอนนี้ภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้รับความสำเร็จอย่างมาก แฟนภาพยนตร์หลายคนโดยเฉพาะแฟนภาพยนตร์คนหนุ่มสาว ต่างก็หลงใหลและใฝ่ฝันต่อศิลปะการต่อสู้ไปแล้ว
ประสาทรับรู้ทางการตลาดนั้นไวมาก โรงเรียนฝึกศิลปะการต่อสู้ไม่น้อยอาศัยโอกาสนี้ทำการโฆษณาเสียเลย จากที่ไม่เคยมีก็ทยอยเพิ่มเติมเนื้อหาปลีกย่อยเกี่ยวกับกังฟูและมวยสานต่าเข้าไป อาศัยกระแสร้อนแรงของภาพยนตร์กำลังภายในนี้รับสมัครผู้เรียนเพิ่มอีก
ยิ่งไปกว่านั้น มีคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ปรมาจารยยุทธ์โบราณ’ ‘ปรมาจารย์ยุทธ์แห่งชาติ’ ทยอยปรากฏตัวขึ้นมา
เพิ่งเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน วิดีโอยอดนิยมหลายรายการเริ่มเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตในจีน ในจำนวนนี้วิดีโอที่มียอดกดเข้าชมและส่งต่อมากที่สุดคือวิดีโอของ ‘ปรมาจารย์ไทเก๊ก’ ท่านหนึ่ง
ในวิดีโอนั้น ปรมาจารย์ท่านนี้ที่อายุห้าหกสิบปีกำลังแสดงกำลังภายในอยู่ ภายใต้การล้อมวงของนักเรียนตัวล่ำสิบกว่าคน ซึ่งต่างยกมือเตะขาเพื่อโจมตีเขา ลูกศิษย์เหล่านั้นต่อให้สัมผัสเขาจุดใดในร่างกายเขา ก็ไม่มีคนไหนเลยที่ไม่ถูกตอบโต้จนกระเด็น หรือกระทั่งล้มลงกับพื้นจนแทบดูไม่ได้เลย
ท่ามกลางกระแสศิลปะการต่อสู้ วิดีโอนี้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงจากชาวเน็ตนับไม่ถ้วน
“โอ้โห นี่คือกำลังภายในในตำนานเหรอ”
“มีกำลังภายในที่อัศจรรย์อย่างนี้จริงๆ เหรอ ปู่ฉันก็ฝึกไทเก๊ก แต่ก็เพื่อออกกำลังกายเท่านั้น”
“ปลอมจริงๆ! หลายคนนั้นน่ะฝึกทักษะการแสดงมากขึ้นอีกหน่อยได้ไหม”
“จะบอกว่าปลอมคงไม่ได้มั้ง ไม่แน่เขาอาจจะมีความสามารถจริงๆ ก็ได้”
“มหัศจรรย์…”
นอกจากวิดีโอของปรมาจารย์ท่านนี้แล้ว เนื้อหาวิดีโออื่นๆ อีกหลายอันก็ไม่ต่างกันมาก ยังมีการแสดงทุบก้อนหินที่หน้าอก เจาะหัวด้วยสว่านไฟฟ้า ทุบอิฐมือเปล่า รถทับตัว ทำให้คนต่างก็รู้สึกลึกลับมาก
ดังนั้นจึงมีแฟนคลับส่งวิดีโอนี้เข้ามา ทั้งยัง @ลู่เฉิน บนบล็อกและถามว่าวิดีโอนี้จริงแท้แค่ไหน
ลู่เฉินเป็นผู้สร้างกังฟู ทั้งยังถ่ายทำภาพยนตร์กำลังภายในอย่างภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ อีกด้วย สำหรับแฟนคลับแล้วเขามีชื่อเสียงอย่างมากในด้านนี้
ปลายเดือนก่อนลู่เฉินกลับมาที่ปักกิ่ง อยู่ที่ปักกิ่งหนึ่งวันเพื่อร่วมงานพรีเซ็นเตอร์ก่อนจะบินกลับไปที่หนิงซาน เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ อีกสองภาค
แต่ลู่เฉินก็สังเกตเห็นวิดีโอเหล่านี้ที่ปรากฏอยู่บนอินเทอร์เน็ตในช่วงนี้ สำหรับคำถามของเหล่าแฟนคลับ เขาได้ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “กำลังภายนอกนั้นฝึกได้ แต่กำลังภายในจริงๆ เป็นเรื่องในนิยายเท่านั้น ส่วนที่ว่าเป็นการแสดงกำลังภายในที่แท้จริงอะไรนั่น ล้วนเป็นพวกหลอกลวง!”
ทีนี้ก็บันเทิงล่ะ เพราะอิทธิพลจากลู่เฉิน สื่อทุกแห่งต่างก็ทยอยนำเสนอพาดหัวข่าวที่ว่า ‘ลู่เฉินคิดว่าปรมาจารย์ไทเก๊กเป็นพวกหลอกลวง’ ไม่นานก็เกิดความขัดแย้งมากมายบนอินเทอร์เน็ต
และเหล่าคนที่ได้รับสมญานามว่า ‘ปรมาจารย์’ ต่างก็โกรธเคืองมาก ต่างก็ตอบโต้ลู่เฉินผ่านช่องทางของตัวเอง คิดว่าลู่เฉินนั้นปิดบังความเป็นจริง ไม่เคารพผู้อาวุโส หรือบางคนกระทั่งกล่าวว่าจะสั่งสอนลู่เฉินให้ได้!
…………………………………………………………………………