POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) - ตอนที่ 136
บทที่ 136 กลับสาขา วีรกรรมของหัวหน้าซูบิน
ผู้แปล loop
ณ ทางเข้าร้านอาหารคังเดอ
เนื่องจากทางสำนักความมั่นคงของรัฐนั้นมีระเบียบไม่ให้มีการดื่มสังสรรค์กันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การรับประทานอาหารจบลงค่อนข้างเร็ว
ดงซูบินนั้นเปิดประตูรถยนต์ให้หัวหน้าเจียง และหลานชายของเขา หัวหน้าเจียงยิ้มและให้กำลังใจดงซูบินด้สนคำพูดบางคำให้ในการให้กำลังใจก่อนออกเดินทางดงซูบิน, เซงอังเกา, เสี่ยวหยาน และที่เหลือยืนอยู่ตรงนั้นมองดูหัวหน้าเจียงจากไป ดงซูบิน ต้องการที่จะขอภาพเขียนตัวอักษรของหัวหน้าเจียง แต่ดงซูบินก็รู้ดีว่าภายในองค์กรเดียวกันผู้บริหารระดับสูงไม่สามารถให้ของสำคัญเช่นนี้กับใครก็ได้ ถ้าครั้งนี้หัวหน้าเจียงให้รูปการประดิษฐอักษรให้กับดงซูบินจริงๆ มันจะกลายเป็นเครื่องรางกันภัยให้กับดงซูบินอย่างแน่นอน แต่จากที่สังเกตดูหัวหน้าเจียงอาจยังไม่ได้ชอบดงซูบินขนาดนั้น
หลังจากหัวหน้าเจียงออกไปดงซูบินเริ่มอธิบายกับหัวหน้าของเขา
เขาหันไปหาหัวหน้าของเขาทั้งหมดและพูดว่า: “หัวหน้าเซงหัวหน้าหัวหน้าเสี่ยวและหัวหน้าทุกท่าน ผมขอโทษสำหรับการกระทำที่ได้ทำลงไป ถ้าหัวหน้าเห็นควรว่าไม่ได้ช่วยลงโทษผมตามสมควรด้วยครับ”
เซงอังเกามองไปที่ดงซูบิน:“ ทำไมพวกเราต้องลงโทษคุณ”
ดงซูบินตอบ:“ ผมได้พูดคุยกับหัวหน้าเจียง และเกือบทำให้เขาโมโหขึ้นมาอีกครั้งครับ”
เซงอังเกาหัวเราะและชี้ไปที่เขา:“ คุณไม่ต้องมาขอโทษพวกเรา ฮ่าฮ่าฮ่าฉันคิดว่าคุณควรจะขอรางวัลเสียมากกว่า” นี่เป็นครั้งแรกที่เซงอังเกาเห็นด้วยตาของเขาเองในการสร้างปาฏิหาริย์ของดงซูบิน มันมหัศจรรย์มากกว่าที่เสี่ยวหยานพรรณาออกมาเสียอีก เซงอังเกาสงสัยว่าทำไมมีคนที่มีความสามารถอยู่ในสำนักงานเล็กๆเช่นนั้น
เสี่ยวหยานรีบเดินเข้าไปหาดงซูบิน:“ นายทำให้พวกเราทุกคนตกใจตอนที่นายชื่นชมถึงภาพตัวอักษรนั้น” แม้ว่าเสี่ยวหยานกำลังวิจารณ์ดงซูบินแต่เธอก็ดีใจมากอยู่ภายในใจของเธอเพราะดงซูบินเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอและเป็นคนที่เธอให้ความสำคัญมาก เขาช่วยทั้งสาขาตัดสินปัญหาที่ยากลำบากและเธอรู้สึกภาคภูมิใจ “ อืมนายรู้ได้อย่างไรว่าการเขียนตัวอักษรเขียนโดยหัวหน้าเจียง”
“ ผมเดาครับ” ดงซูบินยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่อง“ มันมีอะไรผิดปกติ บนใบหน้าของหัวหน้าเจียง “ จริง ๆ แล้วเมื่อหัวหน้าเจียงขอให้เอาภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรนั้นออกไป ผมก็มีความรู้สึกว่ามันอาจถูกเขียนโดยหัวหน้าเซง แต่หัวหน้าเซงกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเราและผมไม่มีโอกาสที่จะบอกกับใครได้ เพียงพริบตาเดียวที่ผมก็รู้ได้ว่า ….ผมจึงให้สัญญาณกับทุกคนไป สิ่งที่ผมทำนั้นไม่ได้รับอนุญาตและผม…เออผิดไปแล้ว… .. ผมขอประทานอภัยด้วย”
หยานเหล่ยได้ยินสิ่งดงซูบินพูดมันทำให้เขาโมโหมาก ‘แล้วทำไมนายไม่ให้สัญญาณกับฉัน’
เซงอังเกาหัวเราะและโบกมือ:“ คุณพูดถูก คุณไม่มีโอกาสอธิบายในสถานการณ์ดังกล่าว”
หากดงซูบินไม่ได้แอบกระพริบตาพวกเขาเซงอังเกาและผู้นำคนอื่น ๆ จะไม่รู้สึกสบายใจ ‘โอ้คุณรู้มากก่อนรึเปล่าว่าการเขียนตัวอักษรถูกเขียนขึ้นโดยหัวหน้าเจียง และพยายามเก็บความลับพวกนี้ไว้จากเรา’ แต่ด้วยเวลาน้อยนิดขนาดนั้นสิ่งต่าง ๆที่ดงซูบินบอกใบ้ให้พวกเขาและไม่มีโอกาสอธิบาย มันเป็นความผิดของพวกเขาที่พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงมัน ‘สุดยอด. ใครจะคิดว่าการเขียนภาพตัวอักษานั้นจะเขียนโดยหัวหน้าเจียง? ไม่มีเบาะแสอะไรเลย’
หัวหน้าซูบินคนนี้ช่างเป็นพิเศษ
หลังจากแก้ไขปัญหานี้แล้วหัวหน้าเซงก็อารมณ์ดีเช่นกัน “ กลับไปที่สาขากันเถอะ”
เสี่ยวหยาน ตบหลังของดงซูบิน “ทำได้ดีมาก.”
หลังจากที่หัวหน้าทั้งหมดขึ้นรถของพวกเขารองผู้อำนวยการจากสำนักที่หกก็ขึ้นไปหาที่รถดงซูบินและจับมือเขา “ หัวหน้าซูบินโปรดยกโทษให้ผม ในตอนแรกผมยังคิดว่าคุณเป็น……นั่นคือสาเหตุที่ผมด่าคุณไปเช่นนั้น โปรดอย่ารังเกียจผมเลย เฮ้อ……หากในอนาคตมีปัญหาใดๆแจ้งให้ผมทราบผมยินดีช่วยคุณอย่างสุดความสามารถ ” เนื่องผู้อำนวยการจากสำนักงานที่หกนั่งด้วยกันกับหัวหน้าเซง และ เสี่ยวหยานที่โต๊ะและเห็นดงซูบิน ส่งสัญญาณให้พวกเขา แต่เขาไม่รู้ความหมายของดงซูบินเขาจึงได้ด่าดงซูบินไป
หยานเหล่ยเริ่มรู้สึกหงุดหงิด เขาเขินอายก่อนหน้านี้เมื่อเขาดุดงซูบินไปว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการประดิษฐ์ตัวอักษร แต่ในท้ายที่สุดหยานเหล่ยก็ทำตัวโง่ออกมาด้วยการกระทของเขาเอง
ดงซูบินรู้สึกว่าเหมือนเขากำลังเดินบนเมฆ เขารู้ว่าเขาสามารถแก้ปัญหานี้ได้ดี แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเวลาก่อนที่เขาจะใช้พลังพิเศษ เขาโพล่งออกมาด้วยเหงื่อเย็น ‘ทุกคนเห็นฉันแก้ไขปัญหานี้ได้ แต่ก่อนหน้านั้นของฉันเกือบจะกลายเป็นหมาหัวเน่าโดยพวกคุณทุกคน’ ดงซูบิน วิจารณ์ว่าการประดิษฐ์ตัวอักษรชิ้นนั้นอย่างรุนแรงและถ้าเขาไม่ได้ใช้พลังพิเศษเขาจะต้องประสบปัญหาอันใหญ่หลวงอย่างแน่นอน
ณ สำนักงานสาขาอำเภอตะวันตก
ต้าหลินเหม่ย, จ้วงจือ และ พี่หยางยังคงอยู่ในออฟฟิศเมื่อดงซูบิน, เกาแพนเหว่ย และ ฉางจ้วง กลับมา เมื่อดงซูบินกลับมาแม้แต่ พี่หยางที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องงานก็อยากรู้เรื่องราวของดงซูบิน เขายังสงสัยเกี่ยวกับผลลัพธ์จริงแล้วดงซูบิน ต้องการที่จะคุยโวเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำ แต่เพราะเขาเป็นหัวหน้าของสำนักงานนี้ เขาต้องถ่อมตัวและไม่สามารถพูดอะไรได้ด้วยตนเองดงซูบิน เพิ่งกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อเก็บกระเป๋า ฉางจ้วง และ เกาแพนเหว่ยใช้โอกาสนี้เล่าสิ่งที่เกิดอะไรขึ้นที่ร้านอาหารที่เหลือ
หัวใจของ ต้าหลินเหม่ยเหมือนจะทะลุออกมาจากอกเมื่อเธอเห็นว่าดงซูบินกลับมาที่ออฟฟิศ โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ “ พี่จ้วง และ พี่เหว่ยเป็นอย่างไงบ้างจัดการได้แล้วหรอ”
จ้วงจือถามว่า“ หัวหน้าเจียงยังโกรธอยู่เหรอ? และใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้”
เกาแพนเหว่ยกลอกตาและพูดเสียงดัง:“ เป็นไปได้อย่างไร? นายไม่เห็นหรือยังไงว่าเราไปกับใคร? หัวหน้าซูบินของเรามีอะไรบ้างที่ไม่สามารถแก้ไขได้?” เกาแพนเหว่ยพูดดังมากจนแม้แต่ดงซูบินก็ยังได้ยินเขาขณะที่เขาอยู่ในห้อง
พี่หยางพูดอย่างตื่นเต้น:“ เร็วเขาสิ บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ต้าหลินเหม่ยยังกล่าวเพิ่มเติมว่า:“ พี่จ้วง, บอกพวกเราเร็วๆหน่อย พวกเราอยากรู้แล้ว”
ฉางจ้วงหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนพูดว่า:“ ฉันประทับใจหัวหน้าซูบิน ทุกคนไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันเหมือน……เยี่ยมยอดมาก……”
เกาแพนเหว่ยพูดเพิ่มเติม:“ มันตื่นเต้นเหมือนเราเห็นผี”
ฉางจ้วงหัวเราะ:“ ถูกต้อง มันเหมือนกับว่าเราได้เห็นผีแล้ว มันช่างเหลือเชื่อเหลือเกิน” ต้าหลินเหม่ย, จ้วงจือและคนอื่น ๆ กำลังจ้องมองมาที่เธออยู่และเธอก็พูดต่อ “ ฉันจะเล่าให้ฟังทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น หัวหน้าเจียงโกรธมากและกระแทกโต๊ะในร้านอาหาร เขาบอกว่าเขาต้องการที่จะหาคนในสาขาของเรารับผิดชอบเหตุการณ์นี้ ในขณะนี้หัวหน้าเจียงสังเกตเห็นรูปภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรแขวนอยู่ในห้องส่วนตัวและสั่งให้พนักงานเสิร์ฟถอดออกไป แต่พนักงานเสิร์ฟไม่กล้าที่จถะถอดมัน หัวหน้าเจียงโกรธและยืนยันว่าอยากจะเอาภาพตัวอักษรออกจากห้องไป ฮ่าฮ่า……ทุกคนรู้เหตุผลไหม”
ต้าหลินเหม่ยตอบกลับอย่างรวดเร็ว:“ หัวหน้าเจียงชอบการประดิษฐ์ตัวอักษรและต้องคิดว่าชิ้นงานนั้นน่าเกลียดและจะส่งผลต่อความอยากอาหารของเขา”
จ้วงจือก็พยักหน้า
เกาแพนเหว่ยยิ้ม “ เราทุกคนต่างก็คิดแบบเดียวกันในเวลานั้น แต่เดาสิว่าหัวหน้าซูบินเราทำเช่นไร?”
พี่หยางถามว่า:“ เขาทำอะไร?”
“ ไม่มีใครเดาได้เลยว่าหัวหน้าซูบินจะพูดอะไร แม้แต่พวกหัวหน้าทั้งหมดก็ตกใจ ” ฉางจ้วงพูดต่อ “ หัวหน้าซูบินต่อต้านคำสั่งของหัวหน้าเจียงอย่างเปิดเผยและกล่าวว่าการคัดลายมือไม่สามารถนำออกไปไหนได้”
จวงจือถึงกับตกตะลึง “จริงๆ? ทำไมหัวหน้าซูบินพูดอย่างนั้น?”
พี่หยางเองก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาได้ยินและหัวเราะ “ หัวหน้าซูบินยังอยู่ในห้องของเขา ทั้งสองระวังคำพูดไว้ด้วยนะ” ทุกคนรู้ว่าหัวหน้าซูบินไม่ค่อยเก่งเรื่องการเมือง แต่ไม่มีใครรู้สึกว่าเขาเป็นคนงี่เง่า ขัดคำสั่งชายอันดับ 1 ของสำนักเมืองหรือไม่ มันเป็นเรื่องที่แย่มาก
ฉางจ้วง และเกาแพนเหว่ยมองหน้ากันและยิ้ม “ อย่าสงสัยเรา เราไม่ได้ล้อเล่น หัวหน้าซูบินพูดอย่างนั้นจริงๆ” ฉางจ้วง หัวเราะเมื่อเธอเห็นคนที่เหลือจ้องมองเธอที่กำลังพูดอยู่ “ถูกต้อง. ทุกคนในห้องมีสีหน้าเหมือนคุณทุกคนในตอนนี้ เราทุกคนตกตะลึง ใครจะคาดหวังว่าหัวหน้าซูบินจะพูดเช่นนี้? สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปก็น่าตกใจกว่า หัวหน้าซูบินเพิกเฉยต่อการแสดงออกที่โกรธของหัวหน้าเจียงและเริ่มชื่นชมการประดิษฐ์ตัวอักษรนั้น เขายังอ้างว่าการประดิษฐ์ตัวอักษรนี้เขียนโดยปรมาจารย์เทียนด้วยซ้ำ และในฐานะคนรักการประดิษฐ์ตัวอักษรหัวหน้าซูบิน จะไม่อนุญาตให้ใครดูหมิ่นผลงานชิ้นเอกนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่อนุญาตให้หัวหน้าเจียงนำมันออกไป”
“ หัวหน้าซูบินนี้นะเป็นคนรักการประดิษฐ์ตัวอักษร?” ต้าหลินเหม่ยและคนอื่น ๆ เกือบตกจากเก้าอี้
พวกเขาทั้งหมดเห็นลายมือของหัวหน้าซูบินมาหมดแล้ว คนรักการประดิษฐ์ตัวอักษร? โกหก!
พี่หยางถามว่า:“ หัวหน้าเจียงโกรธมากหรอ? นี่ไม่ได้แก้ปัญหาเลย มันตรงกันข้ามทั้งหมด”
ฉางจ้วงตอบ “ พวกเราทุกคนมีสีหน้าเหมือนกันทุกคนในตอนนี้ เราคิดว่าหัวหน้าเจียงจะระเบิดอารมณ์ของเขาออกมา แต่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย หัวหน้าเจียงกับไม่เสียอารมณ์ เขาหัวเราะเสียงดังแทน” ฉางจ้วงหยุดอยู่พักหนึ่งแล้วก็เล่าเรื่องต่อไป “ หัวหน้าเจียงกล่าวว่าเขาเป็นคนเขียนตัวอักษรนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อน เขามอบมันให้เจ้าของร้านอาหารแล้ว ใช่. นั่นคืองานเขียนของหัวหน้าเจียง”
“อา?!!!”
“จริงๆหรอ?สิ่งที่พี่จ้วงเล่าเป็นความจริง?” ตาของต้าหลินเหม่ยและจ้วงจือเกือบจะถลนออกมา “ นี่เป็นเรื่องบังเอิญเหรอ?”
ฉางจ้วงยิ้ม:“ แม้ว่าฉันจะคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ภัตตาคารตอนี้ตัวฉันก็ยังสั่นอยู่เลย ฉันสามารถบอกคุณได้ทั้งหมดว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หัวหน้าซูบินรู้ว่าการเขียนตัวอักษรเขียนโดยหัวหน้าเจียงก่อนที่เขาจะพูดสิ่งเหล่านั้น อย่าถามฉันว่าเขารู้ได้อย่างไร แต่สิ่งที่หัวหน้าซูบินพูดก็ทำให้หัวหน้าเจียงและหัวหน้าซูบินใช้โอกาสนั้นเพื่อขอการให้อภัยจากหัวหน้าเจียงและหัวหน้าเจียงกล่าวว่าเขาจะไม่เอาเรื่องใดๆกับสาขาตะวันตก”
ต้าหลินเหม่ย, จ้วงจือ และ พี่หยางถึงกับตกตะลึง
เกาแพนเหว่ยถอนหายใจ “ หัวหน้าซูบินของเรามีความสามารถมาก ดูเหมือนว่าเขาสามารถจัดการกับปัญหาทุกประเภทได้อย่างง่ายดาย” เกาแพน้หว่ยไม่ได้พูดแบบจอมปลอม นี่คือความรู้สึกที่แท้จริงของเขา
“ถูกต้อง. มันช่างเหลือเชื่อเหลือเกิน”
ดงซูบินเดินออกจากห้องทำงานและล้างคอ เขารอให้ฉางจ้วงและเกาแพนเหว่ยบอกเล่าเรื่องราวให้คนที่เหลือฟังอย่างตั้งใจ “ เกือบจะเป็นปีใหม่แล้วและมีงานเยอะมาก พวกคุณทุกคนต้องทำงานหนักเอายกเอกสารนี้ขึ้นไปส่งด้วย” ดงซูบินดีใจมากที่ได้เห็นผู้คนมากมายชื่นชมเขา
ต้าหลินเหม่ยมองที่ดงซูบิน:“ หัวหน้าซูบินหากมีเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคตหัวหน้าต้องพาฉันไปด้วยนะ”
ดงซูบินจ้องที่เธอ:“ เพียงแค่สนใจงานของเธอและหยุดคิดถึงสิ่งเหล่านี้ก็พอแล้ว” ดงซูบินพูดในใจของเขา ‘เธอพยายามจะสาปแช่งฉันหรอ เหตุการณ์ดังกล่าวในอนาคตหรือไม่ ฉันไม่ต้องการเจอเรื่องพวกนี้แล้ว อนาคตของฉันเกือบจะจบสิ้นแล้ว’ “ โอ้อย่าแพร่กระจายเกี่ยวกับเรื่องภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรไปล่ะรู้เพียงเท่านี้พอ” ดงซูบินไม่ต้องการให้หัวหน้าเตจียงรู้เรื่องนี้
ณ ในเวลาเดียวกัน.
เนื่องจากเหตุการณ์นี้พนักงานส่วนใหญ่ในสาขาเขตตะวันตกจึงยังอยู่ในที่ทำงาน ทุกคนมีความกังวลว่าหัวหน้าเจียงจะให้ทางสาขารับผิดชอบเช่นไรและเหล่าผู้บริหารจะถูกย้ายหรือไม่ จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญหากสิ่งนี้เกิดขึ้น จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป หัวหน้าเจียงจะตำหนิใคร? รองผู้อำนวยการสำนักที่หก? ผู้อำนวยการเจียงหรือคนที่สูงกว่าเขา?
ทันใดนั้นทุกคนได้รับข่าวที่พวกเขารออยู่
นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่สองคนที่ทำร้ายหลานชายของหัวหน้าเจียงไม่มีใครถูกลงโทษเลย เหตุการณ์นี้จบลงแล้ว
สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร
หัวหน้าเจียงควรโกรธกับเหตุการณ์นี้
ข่าวต่อไปนี้ที่พวกเขาได้รับทำให้ทุกคนพูดไม่ออก อะไรนะ! เป็นหัวหน้าซูบินอีกแล้วหรอ!
ข่าวที่คนเหล่านั้นได้รับไม่มีรายละเอียดใดๆ พวกเขารู้เพียงว่าเมื่อผู้นำทุกคนไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร หัวหน้าซูบินก็ถูกเรียกตัวไปเพื่อดับไฟความโกรธของหัวหน้าเจียง ในตอนที่หัวหน้าซูบินมาถึงร้านอาหารแล้วชมการประดิษฐ์ตัวอักษรที่นั่น การประดิษฐ์ตัวอักษรนี้พบในภายหลังว่ามันถูกเขียนโดยหัวหน้าเจียงและความโกรธของหัวหน้าเจียงก็สงบ หัวหน้าซูบินแก้ไขปัญหานี้ภายใน 10 นาที
ทุกคนตะลึง
พวกเขาจะสามารถพูดอะไรอีก นี่คือความสามารถของหัวหน้าซูบิน
ขณะที่ทุกคนกำลังกลับไปพวกเขายังคงคุยกันเรื่องนี้
“ ดูสิฉันพูดอะไรเมื่อบ่ายนี้ ฉันบอกว่าเหตุการณ์นี้สามารถจัดการได้โดยหัวหน้าซูบิน ไม่มีใครเชื่อฉันเลย”
“ นายคิดว่ามันไม่แปลกเหรอ? ทำไมหัวหน้าซูบินจึงสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย”
“ นั่นเป็นเพราะเขาเป็นหัวหน้าซูบิน”
“ ฮ่าฮ่าฮ่าเซียวหลิวเธอดูเหมือนว่าเธอกำลังจะบูชาเขาอยู่เลยนะ”
ในสาขาบุคคลที่น่าประหลาดใจที่สุดคือเลขานุการของหยาน หยานเหล่ยรู้สึกว่าสิ่งที่ดงซูฐิน ทำนั้นไม่น่าเชื่อเลย ทุกคนในสาขาต้องตกใจ สิ่งที่น่าเหลือเชื่อกว่าคือทัศนคติของคนที่เหลือในสาขา พวกเขาแปลกใจเพียงชั่วครู่หนึ่งจากนั้นก็ทำงานต่อไป ดูเหมือนว่าดงซูบินจะทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องทั่วไป ไปเสียแล้วเหมือนกับเขาไปตลาด……จากนั้นได้รับกะหล่ำปลี100 กิโลกรัม ผู้คนต่างก็ประหลาดใจ แต่ก็ไม่ตกใจ
หยานเหล่ยเริ่มถามเกี่ยวกับ ดงซูบินและค้นพบเกี่ยวกับการกระทำที่น่าอัศจรรย์ของ ดงซูบิน
หยานเหล่ยเกือบจะอาเจียนเลือดออกมาเมื่อเขาได้ยินสิ่งเหล่านั้น
เก็บเอกสารสำคัญในกองเพลิง……. การเตะลูกโทษ……ทำประตูในวินาทีสุดท้าย……นำยาแก้หอบหืดมาให้รัฐมนตรีในยามคับขัน……คดีทุจริตของโจวเกา……
ในที่สุดยัหยานเหล่ยก็เข้าใจว่าทำไมทุกคนไม่ตกใจเมื่อรู้ว่าดงซูบินจัดการเรื่องนี้สำเร็จ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดผู้นำในสาขาจึงไว้วางใจดงซูบินเป็นอย่างมาก
เพราะดงซูบินสามารถดับไฟทุกอย่างได้