POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) - ตอนที่ 144
บทที่ 144 ปะทะคารม
ผู้แปล loop
วันหยุดตรุษจีนได้สิ้นสุดลงไปแล้วและวันนี้เป็นวันแรกของการทำงานอย่างเป็นทางการ
“ อรุณสวัสดิ์ครับท่านหัวหน้า”
“ หัวหน้าซูบินสวัสดีปีใหม่”
“ หัวหน้าซูบินขอแสดงความยินดีกับการเลื่อนตำแหน่งของหัวหน้าด้วยนะครับ”
ทุกๆคนที่เห็นดงซูบินพวกเขาก็เข้ามาทักทายและยิ้มให้ ไม่ว่าดงซูบินจะรู้จักพวกเขาหรือไม่ก็ตาม ในอดีตยังมีบางคนที่สงสัยถึงความสามารถของหัวหน้าซูบิน พวกเขารู้สึกว่ามันไร้สาระที่จะอ้างว่าหัวหน้าซูบินสามารถแก้ปัญหาใด ๆ ได้ แต่หลังจากเหตุการณ์การประดิษฐ์ตัวอักษรและได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี่ไม่มีใครกล้าที่จะสงสัยเขา แม้แต่คนที่ไม่ชอบ ดงซูบินก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่า ดงซูบินนั้นมีความสามารถมาก!
ดงซูบินยิ้มและทักทายกับทุกคน เขารู้สึกว่าทัศนคติของทุกคนที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปหลังจากเขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองหัวหน้า
“ ซูบิน!” มีคนตะโกนจากด้านหลังของเขา
ตอนนี้ไม่มีใครในสาขาจะเรียกเขาว่าดงซูบินอีกแล้ว แม้แต่หัวหน้าสำนักงานกิจการทั่วไปหลี่ชิงก็เรียกเขาว่าหัวหน้าซูบิน ผู้ที่เรียกดงซูบินในด้วยคำว่าซูบินนั้นต้องเป็นรองหัวหน้าสำนักสาขาขึ้นไป ดังนั้นเมื่อดงซูบิน ได้ยินคนที่เรียกเขาว่า ซูบินเขาจะหันหลังทันที เขาคิดว่ามันเป็นหนึ่งในรองหัวหน้าสำนักงานสาขา แต่เมื่อเขาเห็นหนึ่งในนั้นเรียกเขาสีหน้าของดงซูบินก็เปลี่ยน ‘เวรเถอะ’ เขาเป็นเพียงเลขาของหัวหน้าเซง, หยานเหล่ย!
หยานแหล่ยเดินไปและพูดอย่างไร้อารมณ์:“ ซูบินมีการประชุมกันที่สาขา ไปเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม”
ดงซูบินไม่พออยู่ภายในใจของเขา ตอนนี้เขาอยู่ในระดับเดียวกับหยานเหล่ย ไม่ในแง่ของตำแหน่งเขามีอำนาจมากกว่าหยานเหล่ย ทำไมเขาถึงทำตัวเหมือนเขาเป็นหัวหน้าของดงซูบิน? แกกล้าที่จะสั่งให้ฉันไปรอบ ๆ ? นอกจากนี้ท่าทางของแก่คืออะไร!
“ วัสดุอะไร”
หยานเหล่ย ขมวดคิ้ว:“ ฉันไม่ได้ส่งเอกสารไปยังสำนักงานกิจการก่อนวันตรุษจีนหรือยังไง”
“จริงๆ?” ดงซูบินตอบกลับ “ เดียวขอตัวไปมองหาเอกสารก่อนล่ะกัน”
ใบหน้าของ หยานเหล่ยเปลี่ยนเป็นสีดำ “ เอกสารเป็นแผนของหัวหน้าเซงสำหรับปีนี้! หัวหน้าซูบิน! อย่าโทษฉันว่าฉันไม่ได้แจ้งให้คุณทราบ!”
ดงซูบิน รู้สึกไม่พอใจอีกครั้งในหัวใจของเขา เวรเอ๋ย! แกใช้ชื่อของหัวหน้าเซง เพียงเพื่อบังคับให้ผู้คนทำตามหน้าที่ ที่ควรจะเป็นของแก “ตกลง. ฉันรู้แล้ว.”
หยานเหล่ยโกรธมากกับท่าทางของดงซูบิน เพราะเขาเป็นเลขาของหัวหน้าเซงและทุกคนในสาขาพูดกับเขาอย่างสุภาพ แต่มีเพียงดงซูบินปฏิบัติกับเขาแตกต่างกัน ครั้งแรกที่พวกเขาพบกันดงซูบิน ไม่ได้ไว้หน้าเขาเลย ที่ร้านอาหารพร้อมกับหัวหน้าดงซูบินเองก็ทำให้เขาดูเป็นคนโง่หยานเหล่ยรู้ว่า ดงซูบิน ได้ทำสิ่งต่างๆมากมายสำหรับสาขา แต่ทุกคนรู้ว่าพวกเขารู้สึกเสียใจต่อกันและกัน ไม่มีเหตุผลที่หยานเหล่ยจะปฏิบัติต่อดงซูบินอย่างเคารพแน่นอน แม้ว่าดงซูบินจะสนิทสนมกับหัวหน้าสาขามากขึ้นเขาแต่เขาก็ไม่ได้สนิทสนมเทียบเท่ากับหยานเหล่ ด้วยการสนับสนุนของเซงอังเกา หยานเหล่ย, หยานเหล่ยรู้สึกว่าสำหรับตำแหน่งรองหัวหน้าส่วนนั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรสำหรับเขาเลย ถึงแม้ว่าเขาจะมีความสามารถก็ตาม ‘ฉันนั้นเป็นตัวแทนของหัวหน้าสำนักงานสาขา คุณต้องฟังฉัน!’
“ พี่ชายหยาน สวัสดีตอนเช้า”
หยานเหล่ยหันมายิ้มให้
ดงซูบินเองก็ไม่ได้สนใจเขาและกลับไปที่ฝ่ายธุรการ
หลังจากการเผชิญหน้ากัหบหยานเหล่ย มันทำให้ดงซูบินไม่สบอารมณ์สักเท่าไร เขาโกรธและเกลียดหบานเหล่ยมากขึ้น ‘ดูที่พี่ลุยอดีตเลขาธิการใหญ่ของหัวหน้าหยาน เขาปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเคารพและไม่ค่อยอ้างตำแหน่งของเขาเท่าไร’ อีกทั้งเขายังใกล้ชิดกับหัวหน้าของแผนกต่างๆ เลขานุการควรทำตัวเหมือนเขา แต่ดูที่หยานเหล่ยที่ตัวขี้ประติ๋วใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ออกอากาศตอนนี้แล้วดงซูบินสงสัยว่าทำไมเซงอังเกา เลือกหยานเหล่ย เป็นเลขานุการของเขา
“ หัวหน้าซูบิน หัวหน้ามาแล้ว”
“ อรุณสวัสดิ์ท่านหัวหน้า”
“ หัวหน้าซูบินเกิดอะไรขึ้น”
ต้าหลินเหม่ย, ฉางจ้วง, เกาแพนเหว่ย และ พี่หยาง ต้อนรับดงซูบิน และมีพนักงานใหม่ในสำนักงาน
ดงซูบินโบกมือและสั่งให้เตรียมวัสดุให้หยางเหล่ยก่อนเข้าห้อง เขาไม่ชอบหยางเหล่ย แต่เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อหัวหน้าเซง ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ดงซูบินจะไม่ปะทะกับคนอย่างอย่างเหล่ยในที่สาธารณะและจะยังคงทำสิ่งที่เขาควรจะทำอยู่
หลังจากงานทั้งหมดในตอนเช้าเสร็จสมบูรณ์ ต้าหลินเหม่ยก็เคาะประตูและเข้าสำนักงานของดงซูบิน
“ หัวหน้าซูบินขอบคุณที่ช่วยจ้วงจือมากเลยนะคะ” ต้าหลินเหม่ยใช้น้ำเสียงอย่างสุดซึ้ง
ดงซูบินโทรหาต้าหลินเหม่ยเมื่อคืนเพื่อขอโอนย้ายจ้วงจือ รองหัวหน้าสำนักสำนักเสี่ยวไม่ได้สัญญาอะไรกับเขา เธอบอกว่าเธอจะช่วยเขาถามเรื่องนี้ให้ แต่เช้านี้จ้วงจือถูกขอให้รายงานไปยังแผนกการเมืองเสี่ยวหยาน จัดการเรื่องให้กับดงซูบินได้ดีมาก อารมณ์ของดงซูบินดีขึ้นและหัวเราะ “ อย่าพูดถึงมันเลย โอ้มีข้าราชการใหม่ย้ายมาที่นี่ใช่ไหม”
ต้าหลิยเหม่ย ตอบว่า:“ ใช่ เธอถูกย้ายมาจากหมวดการเมืองที่นี่ เธอชื่อวังซิน เธอผ่านการสอบเข้าข้าราชการเมื่อปีที่แล้ว”
ดงซูบินพยักหน้า “ตกลง. อย่างงั้นเธอบอกให้ข้าราชการใหม่เข้ามาหาฉันหน่อย”
ต้าหลินเหม่ย มองซ้ายมองขวาและปิดประตูด้านหลังเธอ เธอเดินไปที่โต๊ะของวังซินอย่างร่าเริง “ หัวหน้าซูบินอยากพบเธอนะ”
วังซินเองมีน่าตาที่ธรรมดาและไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก เมื่อเธอได้ยินว่าหัวหน้าซูบินต้องการพบเธอเธอก็ตื่นตกใจ เพราะเธอพึงถูกย้ายมาที่สำนักงานกิจการทั่วไปเพราะเธอได้ทำผิดต่อรองหัวหน้าส่วนในส่วนการเมืองเนื่องจากความซุ่มซ่ามของเธอ เธอไม่สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ตรงเวลาและทำผิดพลาดบ่อยครั้ง ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้เธอจึงถูกดุโดยหัวหน้าของเธอบ่อยครั้งและมีความหวาดกลัวของเหล่าหัวหน้าอยู่เสมอ เธอเคยได้ยินเรื่องหัวหน้าซูบินมามากและตื่นตระหนก “ พี่สาว ต้าเอ่อ…… errr ……พี่พอจะรู้ไหมว่าทำไมหัวหน้าซูบินถึงอยากจะพบฉัน”
“ฉันไม่แน่ใจ.”
“ ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า? หัวหน้าซูบินเรียกฉันไปตำหนิหรือเปล่า”
ต้าหลินเหม่ย หัวเราะ “จะบ้าหรอ หัวหน้าซูบินนั้นเป็นคนดี ฉันไม่เคยเห็นเขาโกรธและดุพวกเราทุกคนเลย เฮ้เธอโชคดีที่ย้ายมาที่นี่ แม้ว่างานที่นี่จะยุ่ง แต่สภาพแวดล้อมการทำงานที่นี่ก็ดี ไม่มีหัวหน้าคนใดในสาขาที่ปฏิบัติต่อเราดีกว่าหัวหน้าซูบินแล้ว”
ฉางจ้วงซึ่งอยู่ข้างวังซินหัวเราะ “ น้องหลินเหม่ยพูดถูก น้องวัง เธอไปได้แล้วตอนนี้ อย่าปล่อยให้หัวหน้าซูบินรอ”
“ โอ้โอ้…โอเค” วังซินเดินไปที่สำนักงานของดงซูบินอย่างรวดเร็วและเคาะประตู
ดงซูบิน:“ เข้ามา”
วังซินถามเบา ๆ :“ หัวหน้าซูบินอยากพบดิฉันหรอค่ะ?”
ดงซูบินหัวเราะและพยักหน้า เขาชี้ไปที่โซฟา “นั่ง. นั่งลงก่อน”
วังซินไม่กล้านั่งลง แต่ดงซูบินพูดซ้ำตัวเองแล้วเธอก็นั่งลงอย่างระมัดระวัง เธอประหม่าเพราะกลัวว่าจะถูกดุอีกครั้ง
ดงซูบินถามอย่างใจเย็น:“ เธอคือวังซิน? ไม่ต้องกลัวเลย เช้านี้ใครที่นำทางเธอมาที่นี้”
วังซินตอบเบา ๆ :“ พี่สาวต้าค่ะ”
“โอเค. การทำงานของต้าหลินเหม่ยนั้นดี เธอควรเรียนรู้จากต้าหลินเยอะๆ ที่จริงแล้วงานในฝ่ายธุรการนั้นง่ายมาก เธอเพียงแค่ต้องพิถีพิถันและเธอจะอยู่สบาย” ดงซูบินพูดไม่ออกเมื่อเห็นเหงื่อของวังซินไหลลงมาที่หน้าผากของเธอ จะมีอะไรให้กังวล? “ ความเร็วในการพิมพ์งานของเธอเป็นอย่างไร? คุณรู้วิธีการเขียนสคริปต์สำหรับการกล่าวสุนทรพจน์หรือป่าว?”
วังซินตอบเบา ๆ :“ ความเร็วในการพิมพ์ของดิฉัน……ไม่เร็วมาก อีกทั้งดิฉันไม่เคยเขียนสคริปต์มาก่อนเลย……ดิฉันไม่รู้ว่า……”
ดงซูบินพยักหน้า “ทุกอย่างปกติดี. เธอสามารถเรียนรู้ได้. ไม่มีใครรู้ทุกอย่างหรอก ฮ่าฮ่าเธอสามารถถามต้าหลินเหม่ย ฉางจ้วงหรือที่คนที่เหลือถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ เธอสามารถมาถามฉันได้” ดงซูบินหยุดชั่วขณะหนึ่งแล้วดูที่วังซินที่กระวนกระวายใจ “โอเค. หากไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปทำงานไป ทำตัวสบายๆ ถ้าอยากได้ความช่วยเหลือก็บอกฉันได้”
วังซินรู้สึกโล่งใจ “ขอบคุณมากค่ะ สำหรับความกรุณาของหัวหน้า……ดิฉันจะกลับไปทำงานแล้วในตอนนี้”
“ได้ไปเถอะ”
หลังจากออกจากสำนักงานของดงซูบินวังซินจะรู้สึกถึงเหงื่อบนหลังของเธอ เธอเคยได้ยินว่าหัวหน้าซูบินนั้นเก่งแค่ไหน เธอไม่เคยคาดหวังว่าดงซูบินจะเป็นมิตรมากและไม่ได้ทำตัวเหมือนหัวหน้าเลย มันค่อนข้างน่าแปลกใจสำหรับวังซิน แต่เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถตัดสินเขาจากการพบปะครั้งนี้ได้ รองหัวหน้าแผนกการเมืองก็เป็นมิตรและเข้าถึงได้นั้นมีมากมาย แต่เมื่อเธอทำผิดเล็กน้อยเขาจะจ้องและดุเธอ หัวหน้าทุกคนเป็นแบบนี้
หยานเหล่ยเดินเข้ามาสำนักงานกิจการทั่วไป
หยานเหล่ยเห็นวังซินและมอบกระดาษ A4 สองสามชิ้นให้เธอ “ พิมพ์สิ่งเหล่านี้ลงในเอกสาร ฉันจะเอามันที่หลัง มันเป็นงานเร่งด่วน.”
วังซินตอบกลับอย่างรวดเร็ว:“ ได้ค่ะ เลขานุการหยาน”
ต้าหลินเหม่ย, ฉางจ้วง และคนอื่น ๆ แสร้งทำเป็นไม่เห็นหยานเหล่ยพวกเขารู้ว่าหัวหน้าซูบินไม่ค่าถูกกับเลขานุการหยาน
หลังจากหยานเหล่ยออกไปแล้ววังซินก็เริ่มพิมพ์อย่างระมัดระวัง เธอยังตรวจสอบคำเพื่อดูอักษรบางตัวให้แน่ใจ
หลังจากนั้นไม่นานหยานเหล่ยก็กลับมา เขาเดินไปที่วังซิน:“ เอกสารพร้อมหรือยัง ฉันขอตอนนี้”
วังซินตื่นตระหนก “ ……ยังไม่พร้อม ดิฉันจะทำให้เสร็จภายใน 10 นาที”
หยานเหล่ยได้ยินสิ่งนี้และขมวดคิ้ว “ ทำไมมันไม่พร้อม? มันนานแค่ไหนแล้ว? ฉันไม่ได้บอกเธอหรือเปล่าว่าฉันต้องการสิ่งนี้อย่างเร่งด่วน?”
วังซินเธอรู้ว่าเธอมีปัญหาและหวาดกลัว “ เลขานุการหยาน ดิฉันขอโทษ ดิฉัน……ดิฉันไม่ทราบว่าคุณต้องการมันอย่างเร่งด่วน ดิฉัน……” เธอรู้ว่าเลขานุการหยานเป็นใคร เขาเป็นเลขาธิการที่ไว้ใจของหัวหน้าเซง และเป็นคนที่เธอไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้
หยานเหล่ยจ้องไปที่เธอ “ ไม่ต้องมาหาข้อแก้ตัว! น่าหนวกหูจริง! ฉันบอกไปแล้วว่ามันเป็นงานเร่งด่วน? ฉันยังต้องบอกคุณหรือไม่ว่าฉันจะกลับมาเอาอีกครั้งเมื่อไหร่?” หยานเหล่ย กรธเมื่อเขามาที่สำนักงานกิจการก่อนหน้านี้ คราวนี้เขาจะระเบิด!
วังซินรู้สึกว่าถูกกล่าวหา ถ้าหยานเหล่ยบอกกับเธอว่าเขาจะรวบรวมเอกสารภายใน 5 นาทีเธอจะขอความช่วยเหลือจากต้าหลินแหม่ย ความเร็วในการพิมพ์ของเธอนั้นไม่เร็วมาก ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงกัดริมฝีปากของเธอและเริ่มสะอื้น เธอเข้ามาในสาขาเป็นเวลาหลายเดือนและดุเกือบทุกวัน เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป
ต้าหลินเหม่ยตกตะลึงและรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว “ เลขานุการหยาน ฉันจะช่วยพิมพ์เอกสารทันที”
หยานเหล่ย มองที่ วังซินและดุว่า“ เธอทำภารกิจง่ายๆไม่ได้! และร้องไห้?! นี่คือประสิทธิภาพของสำนักงานกิจการหรอ!”
วังซินพูดพร้อมปิดปากเธอร้องยิ่งดังขึ้น
ดงซูบินได้ยินความโกลาหลด้านนอกและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาโกรธมากเพราะหยานเหล่ยกล้าที่จะตะโกนในพื้นที่ดูแลของเขา? เขาไม่ให้ความเคารพต่อดงซูบินโดยสิ้นเชิง! ‘เขาพยายามทำอะไร ตบหน้าฉัน ลูบคมฉันทางอ้อม?’ ดงซูบินเปิดประตูและบุกเข้ามา “ ทำไมคุณถึงมาตะโกนที่นี่! เกิดอะไรขึ้นกับสำนักงานกิจการทั่วไป? อา? เกิดอะไรขึ้นกับประสิทธิภาพของเรา!”
ตอนนี้สถาณการณ์ตึงเครียดมาก ต้าหลินเหม่ย, ฉ้างจ้วง และคนอื่น ๆ กลั้นลมหายใจของพวกเขา
หยานเหล่ยมองไปที่ดงซูบินอย่างใจเย็น:“ คุณคิดอย่างไร? เอกสารที่ฉันต้องการยังเสร็จไม่ถึงครึ่งหลังจากผ่านไป 5 นาที! คุณจะต้องรับผิดชอบไหมถ้าหัวหน้าเจินถาม?”
‘เวร แก! นอกจากการใช้ชื่อของหัวหน้าเซงแล้วแกอย่างรู้อะไรอีกบ้าง’
ดงซูบินโกรธมาก หยานเหล่ยมาที่สำนักงานของเขาเพื่อสร้างปัญหาและนี่เป็นการมาตบหน้าดงซูบินต่อหน้าเขาและท้าทายอำนาจของเขา ดงซูบินจะไม่ยอมทนกับสิ่งนี้ ‘ฉันจะไม่ทน. ตั้งแต่แกพบกันนี้ฉันจะไม่ให้แกทำเช่นนี้อีกแล้ว!’ เขาชี้ไปที่หยานเหล่ย“ จากนั้นฉันจะถามคุณตอนนี้! ทำไมคุณไม่บอกเราตรงเวลาที่คุณต้องการเอกสารนี้! อา? คุณไม่ได้ทำให้ตัวเองชัดเจนและคุณยังทจะมาตำหนิวังซิน?อีก คุณมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาอย่างงั้นหรอ? นี่คือปัญหาของคุณไม่ใช่ของเรา!”
ใบหน้าของหยานเหล่ยเริ่มซีดลงจากความโกรธของเขา “ คุณควรรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อน! พวกคุณทุกคนควรไตร่ตรองถึงความสามารถของคุณ! ตอนนี้คุณยังกล้าที่จะอ้างว่าฉันอยู่ที่นี่เพื่อสร้างปัญหาอีกหรอ หัวหน้าซูบิน! คุณดูคำพูดของคุณดีกว่า!”
ดงซูบินจ้องที่หยานเหล่ย “ นี่คือวิธีที่ที่ฉันพูด! คุณไม่ควรมาโวยวายที่นี้! คุณไม่เห็นว่าคนที่เหลือทำงานได้หรือยังไง คุณรู้ไหมว่าสถานที่นี้คือที่ไหน? สำนักงานกิจการทั่วไป! เราให้การสนับสนุนแผนกต่างๆในสาขา! คุณกำลังส่งผลแต่แผนกที่เหลือตอนนี้ หากพวกเขาทำผิดพลาดคุณจะต้องรับผิดชอบหรือไม่!”
หยานเหล่ยโกรธมาก:“ นั้นเป็นคนของคุณนั่น…….”
ดงซูบินกระแทกโต๊ะ:“ ฉันรู้วิธีจัดการลูกน้องของฉัน! คุณไม่ต้อมพล่ามมากมาย!”
“เห้ย! เห้ย! ในที่สุดฉันก็เห็นท่าทีในการทำงานของสำนักงานกิจการทั่วไป!” หยานเหล่ยหันออกจากสำนักงาน
‘แม่งเอ๋ย** เคอร์! แกคิดว่าแกเป็นใคร!’ดงซูบิน ต้องการปกป้องลูกน้องของเขาเพราะเขาไม่สามารถปล่อยให้ลูกน้องรับปัญหาอยู่คนเดียวได้ตอนนี้ดงซูบินไม่ยอมกับพวกที่มาข่มเหง เขากล้าที่จะต่อต้านและพูดคุยกับโจวเกา อดีตหัวหน้าสำนักสาขา นี่คืออะไร ‘ถ้าแกเป็นหัวหน้าสำนักหัวหน้าสาขา แกคิดว่าแกสามารถทำอะไรก็ได้ที่คแกต้องการที่นี่? แกจะมาตัดสินคนของฉัน? มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแกที่จะสั่งสอนลูกน้องของฉัน! ในสำนักงานกิจการฉันเป็นหัวหน้า! แกเป็นมีตำแหน่งเทียบเท่ารองหัวหน้าส่วนรองเท่านั้น แกไม่ได้มีตำแหน่งใด ๆ หรือไม่มีแผนกใดเลย……แกยังจะมาสั่งคนอื่นอีกหรอ”
แน่นอนดงซูบินโกรธมากไม่ใช่เพราะตัวเขาเองเท่านั้น มีอีกเหตุผลหนึ่งคือดงซูบินเลือกที่จะปกป้องลูกน้องของเขาให้ดีที่สุด
ดงซูบินรู้สึกว่าผู้นำทั้ดูยิ่งใหญ่ได้เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา เมื่อพวกเขาอยู่ข้างนอกผู้ใต้บังคับบัญชาจะช่วยให้ผู้นำถือกระเป๋าเอกสารให้ ในที่ทำงานพวกเขาจะช่วยผู้นำในการเตรียมชาร้อน ในช่วงเทศกาลผู้ใต้บังคับบัญชาจะให้ของขวัญกับผู้นำ ในสำนักงานกิจการทั่วไปลูกน้องได้เชิดชูดงซูบินและ ในช่วงตรุษจีน ต้าหลินเหม่ย, เกาแพนเหว่ย และที่เหลือก็ได้ให้ของขวัญกับดงซูบินโดยไปที่บ้านของเขาเพื่อช่วยเขา แม่ของเขาดีใจมากเมื่อกับพบเธอ ดงซูบินเป็นคนที่จะปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่พวกเขาปฏิบัติต่อเขา นั่นเป็นเหตุผลที่ดงซูบิน ทำให้แน่ใจว่าเขาดูแลลูกน้องของเขาได้ดี เขาโกรธเมื่อเขาเห็นวังซินร้องไห้เพราะหยานเหล่ย
วังซินตกตะลึงด้วยคำพูดของ ดงซูบิน
ทุกคนรู้ว่าหยานเหล่ย คือใคร เขาเป็นเลขานุการที่เป็นคนสนิทของหัวหน้าสำนักสาขา! แต่หัวหน้าซูบินกระแทกโต๊ะใส่เขาเพราะมีข้าราชการใหม่เข้ามา นี้……. น้ำตาของวังซินเริ่มไหลอีกครั้ง “ ฉันเสียใจ…หัวหน้าซูน ดิฉัน……ทำให้เกิดปัญหากับหัวหน้า……ของโทษ…โปรดลงโทษดิฉัน!”
ดงซูบินมองเธอและปลอบเธอ “หยุดร้องไห้. ฮึ่ม! บางคนคิดว่าพวกเขาเป็นคนและใช้อำนาจในทางที่ผิด น้องวัง เธอไม่ใช่คนผิด เธอพิมพ์ข้อความช้าก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ เธอเพิ่งโอนย้ายมาและเธอยังไม่คุ้นเคยกับงานที่นี่ ไม่มีใครจะตำหนิเธอ เธอได้ยินฉันไหม? หยุดร้องไห้แล้วเช็ดน้ำตาของเธอ”
วังซินร้องไห้ยิ่งดังขึ้นหลังจากที่หัวหน้าซูบินปลอบโยนเธอ
ดงซูบินปล่อยให้เธอร้องหาย ‘ฮึ่ม‘ และพูดว่า:“ ต้าหลินฝากดูแลวังซินด้วย พี่จ้วงช่วยเธอพิมพ์เอกสาร เราต้องไม่ทำให้หัวหน้าเซงล่าช้า” หลังจากพูดทั้งหมดนี้ดงซูบิน กลับไปที่ห้องทำงานของเขา
ต้าหลินเหม่ยส่งทิชชูไปยังวังซิน “ เหมือนที่ฉันพูดอะไรก่อนหน้านี้ หัวหน้าซูบินปฏิบัติต่อเราเป็นอย่างดีใช่มั้ย เฮ้เธอรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์เอกสารการในประชุมจองหัวหน้าโจวยังอยู่หรือป่าว? ถึงแม้ว่าเราจะถูกล่าวหาทั้งพี่จ้วงและฉันต้องเป็นคนผู้รับผิดชอบในการเตรียมเอกสาร เมื่อหัวหน้าโจวต้องการติดตามเรื่องนี้หัวหน้าซูบินก็แสดงความรับผิดชอบทั้งหมดและอ้างว่าเป็นคนที่เตรียมเอกสารการประชุม พี่จ้วงกับฉันประทับใจมากและเราก็ร้องไห้”
วังซินเชื่อในสิ่งที่ต้าหลินเหม่ยพูดว่าเป็นความจริง เธอผงกศีรษะขณะเช็ดน้ำตา เธอไม่เคยพบผู้นำที่ดีเช่นนี้มาก่อน “ แต่…… แต่ฉันสร้างปัญหาให้หัวหน้าซูบิน เลขานุการยันจะ……”
ฉางจ้วงเดินไปพร้อมกับเอกสารของหยานเหล่ย และหัวเราะ “ นี่เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยสำหรับหัวหน้าซูบิน”
เกาแพนเหว่ยหัวเราะเช่นกัน “ถูกตัอง. เราจะรอดูว่าหยานเหล่ยจะมีปัญหาได้อย่างไร” ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่ามันจะไม่จบลงด้วยดีกับผู้ที่มีปัญหากับชายที่มีฉายาว่าเทพเจ้า ดงซูบิน”
เวลาเที่ยง
ข่าวการปะทะคารมกันระหว่างหัวหน้าซูบินและเลขานุการหยานแพร่กระจายไปทั่วสาขา
ในอีกด้านหนึ่งมันเป็นหัวหน้าซูบินที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งใหม่ ในทางตรงกันข้ามมันเป็นเด็กชายตาสีฟ้าเลขานุการหัวหน้าสำนักงานสาขา ทุกคนคิดว่าทั้งคู่ปะทะคารมกันเรื่องสำคัญ แต่เมื่อพวกเขาพบเหตุผลเบื้องหลังการโต้แย้งพวกเขาก็พูดไม่ออก
มีการถกเถียงในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ด้วยหรอ?
ภายใต้สถานการณ์ปกติมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่เลขานุการหยานจะมาตำหนิข้าราชการระดับต่ำ ท้ายที่สุดเขาทำงานให้หัวหน้าเซง หัวหน้าคนอื่น ๆ จะแสร้งทำเป็นไม่เห็นแม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจเลขานุการหยาน พวกเขาเกรงใจในหัวหน้าสาขาอีกทั้งพวกเขาไม่ค่อยอยากมีปัญหากับเลขาธิการหยานในเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้
แต่แน่นอน. นี่เป็นความคิดของหัวหน้าคนอื่น ๆ
ทุกคนในสำนักสาขาเขตตะวันตกรู้ว่าหัวหน้าซูบินไม่ใช่คนธรรมดา!