POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) - ตอนที่ 179.1
บทที่ 179.1 โอนย้ายแม่ของดงซูบิน
ผู้แปล loop
ในเช้าวันรุ่งขึ้น.
ดงซูบินเดินทางเข้ามาในสำนักงานเขตด้วยอาการปวดหัว ตอนนี้เขาดูทุกข์ทรมานมากจากอาการเมาค้างหลังจากการดื่มเมื่อคืนที่ผ่านมาและสิ่งแรกที่เขาทำหลังจากไปถึงที่ทำงานของเขาก็คือการจิบชาสักสองสามคำ เขาคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำในวันแรกหลังจากได้รับมอบหมายหน้าที่ หลังจากจิบชาจนเสร็จแล้ว ดงซูบินตัดสินใจไปเยี่ยมสถานีตำรวจฮุ่ยเทียนเพื่อตรวจดูความเรียบร้อบ
ดงซูบินยกหูโทรศัพท์แล้วโทรไปที่สำนักงาน “ สวัสดีผมดงซูบินนะ”
ฮูซินเลียน ตอบ “ หัวหน้าซูบิน ต้องการอะไรหรือเปล่า”
“ มีรถยนต์กี่คันในสำนักงานตอนนี้?”
“ โอ้นอกเหนือจากทีมสืบสวนและตำรวจจราจรมีรถตำรวจ 4 คันสงวนสิทธ์ไว้สำหรับผู้นำ นอกจากนี้ยังมีรถยนต์พลเรือนอีก 2 คัน” สำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะหยานไท่มณฑลไม่ได้กำหนดยานพาหนะให้กับผู้นำแต่ละคน รถตำรวจ 3 คันถูกสงวนไว้สำหรับหัวหน้าสำนักผู้ตัดสินคดีทางการเมืองและรองหัวหน้าผู้บริหารและไม่มีใครสามารถใช้งานรถพวกนั้นได้ รถตำรวจและรถพลเรือนสองคันที่เหลือจะต้องแบ่งให้กับผู้นำคนอื่น ๆใช้ หรือในกรณีฉุกเฉิน ดูเหมือนว่าตอนนี้รถสำนักงานค่อนข้างจะคลาดแคลนสักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร ฉินหยงมีหน้าที่ดูแลแผนกการจราจรและทางแผนกจะจองรถให้ดงซูบินเอง ผู้ตัดสินทางการเมืองสามารถใช้รถของหน่วยงานของตนและเหมือนกันกับผู้บริหารสำนักงาน มีเพียงดงซูบิน และผู้นำคนอื่น ๆ เท่านั้นที่ไม่ได้รับประโยชน์นี้
ดงซูบิน กล่าว “ อย่างงั้นช่วยเตรียมรถให้ฉันด้วย ผมต้องไปที่หมู่บ้านฮุ่ยเทียน “
ฮูซินเลียน ตอบ “ตกลง. รถยนต์พลเรือน 2 คันยังอยู่แถวๆนี้ คันแรกคือ บูกลินเอ็มพีวี และอีกคันหนึ่คือ พลาสซอล หัวหน้าต้องการรถแบบไหน
“ ถ้าอย่างงั้นขอเป็นบูกลินเอ็มพีวี” นี่เป็นครั้งแรกที่ ดงซูบินไปที่หมู่บ้านเพื่อตรวจดู ด้วยรถเอ็มพีวี ขนาด 7 ที่นั่งจะทำให้เขาดูดีและน่าเคารพสำหรับคนในพื้ที่
“ อย่างงั้นจะให้ฉันจะจัดคนขับรถให้ไหม?”
ดงซูบินรู้ว่าระดับตำแหน่งของเขาจะมีคนขับรถให้ นอกเหนือจากสถานีตำรวจฮุ่ยเทียนแล้วเขาไม่ได้ควบคุมแผนกอื่นๆฮูซินเลียน น่าจะให้คนจากทีมลาดตระเวนหรือคนจากสำนักงานของเธอมาเป็นคนขับของเขา ดงซูบินจึงตอบกลับไปว่า “ไม่จำเป็น. ผมจะขับเอง ขอบคุณ ขอโทษที่ต้องรบกวนคุณด้วยนะ.”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งฮูซินเลียนก็ส่งกุญแจรถไปที่สำนักงานให้กับดงซูบิน และพาเขาไปที่จอดรถ ดงซูบินรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ ที่นี้ค่อนข้างมีท่าทีที่เป็นมิตรกับเขา
รถคือ บลูลิน จีแอลขนาด, 2.4 ลิตร ทางสำนักพึงจะซื้อรถคันนี้มาก่อนหน้าที่ดงซูบินจะเข้ามาไม่นาน
ดงซูบินลงไปนั่งในที่นั่งคนขับ อืม … มันกว้างขวางดีและสะดวกสบาย หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลาย ดงซูบินก็ได้ทำใบขับขี่ไว้แต่เขาก็ไม่ได้ขับรถมานานมากแล้ว หลังจากนั้น เขาใช้เวลา 5 นาทีทำความคุ้นเคยกับการควบคุมและขับรถออกจากสำนักอย่างช้าๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่ ดงซูบินขับรถบนถนนและเขารักความรู้สึกนี้ การขับรถของสำนักแตกต่างจากการขับรถที่เขาซื้อเอง ทุกคนสามารถซื้อรถยนต์ได้ตราบใดที่เขาได้รับเงิน แต่ยานพาหนะความปลอดภัยสาธารณะแตกต่างกัน นี่คือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงตำแหน่งหน้าที่การงานของเขา ต่อให้มีเงินมากพอก็ไม่สามารถขับรถคันนี้ได้
ณ สถานีตำรวจหมู่บ้านฮุ่ยเทียน
ดงซูบิน จอดรถไว้หน้าอาคาร 3 ชั้นของสถานี หัวหน้าสถานีหลิวหารได้รับข่าวว่าดงซูบินที่เป็นหัวหน้าของเขาจะมาที่นี้ เขาจึงเดินทางออกมาอย่างรวดเร็วจากสถานีพร้อมรองหัวหน้าสถานี เฉินฟา และ ลี่ซานเมียวหากดงซูบินไม่รับผิดชอบสถานีนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องต้อนรับเขาในลักษณะนี้ แต่ตอนนี้ดงซูบินเป็นหัวหน้าโดยตรงของพวกเขาและนี่เป็นสิ่งที่ต้องทำ การรักษาความปลอดภัยสาธารณะของทั้งมณฑลรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างดงซูบินและรองหัวหน้าบริหารหูอี้กิว เหตุการณ์นั้นสะท้อนให้เห็นว่าความสามารถและความกล้าหาญของดงซูบินเป็นอย่างไรหลิวหารและคนอื่น ๆ ก็กลัวว่าดงซูบินจะใช้อำนาจนี้กลั่นแกล้งพวกเขา
หลิวหาร กำลังบ่นอยู่ในใจ ทำไมหัวหน้าซูบินไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อนที่จะมานะ? มันจะดีกว่าสำหรับการเตรียมความพร้อมในการเยี่ยมชมของเขา
ดงซูบินเห็นเจ้าหน้าที่ทุกคนในสถานีออกมารับเขาและส่ายหัว “ ฉันไม่ชอบพิธีเหล่านี้ ให้หัวหน้าสถาณีตามฉันมา ส่วนคนอื่นกลับไปทำงาน” ดงซูฐินพูดอย่างเข็มขรึม แต่เขาเองก็ดีใจมากอยู่ภายในใจ
หลิวหารลังเลสักครู่และโบกมือให้เจ้าหน้าที่กลับไปทำงาน
“ ผมเป็นตัวแทนของสถานีทั้งหมดเพื่อต้อนรับหัวหน้าซูบินในการตรวจดูพื้นที่ในวันนี้” หลิวหารยื่นมือสองข้างจับมือของดงซูบิน เขาก้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยทำตัวเหมือนลูกน้องแม้ทุกคนจะแก่กว่าดงซูบินอยู่มากก็ตาม
ลี่ซานเมียวยิ้มและจับมือกับดงซูบินอย่างสุภาพตามด้วยรองหัวหน้าสถานีเฉินฟา
ระเบียบในเขตฯ ระบุว่าสถานีตำรวจที่มีเจ้าหน้าที่ต่ำกว่า 10 คนจะไม่มีรองหัวหน้าสถานี สถานีที่มีเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ 11 ถึง 20 จะมีรองหัวหน้าสถานี 1 คน ดังนั้นสถานีหมู่บ้านฮุ่ยเทียนจึงมีหัวหน้าสถานีรองหนึ่งคนเท่านั้น ชาย 3 คนนี้เป็นผู้นำอันดับต้น ๆ ของสถานี
ดงซูบินมาที่นี่เพื่อทำความคุ้นเคยกับพื้นดินและขอให้หลิวหาร พาเขาเดินไปดูรอบ สำนักงานของสถานี นอกจากนี้เขายังปฏิเสธหลิวหารเพื่อจัดการประชุมกับเจ้าหน้าที่ของสถานีทั้งหมดดงซูบินรับผิดชอบสถานีหมู่บ้านฮุ่ยเทียนแต่ในสถานี หลิวหาร เป็นหัวหน้าสถานี ดงซูบินรู้สึกว่าเขาไม่ควรเข้าไปยุ่งกับการทำงานของสถานีและแค่กำหนดทิศทางการทำงานทั่วไปสำหรับพวกเขาก็เพียงพอแล้ว
ในเวลาเที่ยง. หลิวหาร และคนอื่น ๆ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับ ดงซูบิน
ดงซูบินไม่ได้ปฏิเสธมื้อเที่ยงของพวกเขาแต่อย่างใดเพราะมันจะกลายเป็นหยาบคายที่จะจากไปโดยไม่ได้กินอาหารกับหัวหน้าสถานี หลังจากทานอาหาร ดงซูบินไปแล้วก็ขับรถไปรอบ ๆ หมู่บ้านเพื่อทำความคุ้นเคยกับถนนที่นั่น
เมื่อเวลาประมาณบ่ายสี่โมง ดงซูบินทำงานของเขาเสร็จและมีความเข้าใจพื้นที่
กลับเมืองเลยดีไหม? ตั้งแต่ฉันอยู่ที่นี่ฉันควรจะไปเยี่ยมแม่ของฉันก่อน!
โรงเรียนมัธยมหมู่บ้านฮุ่ยเทียน
ประตูโรงเรียนเป็นสนิมและอาคารเรียนสร้างขึ้นบนพื้นดินสีน้ำตาลอมเหลือง เมื่อลมพัดเมฆฝุ่นปกคลุมอาคารโรงเรียน ห่วงบาสเก็ตบอลและบอร์ดในสนามถูกทำลายและมีการวางลูกกรงแบบขนานที่มุมห้อง สภาพแวดล้อมของโรงเรียนดูยากจนและแม้แต่โรงเรียนที่แย่ที่สุดในปักกิ่งก็มีสภาพที่ดีกว่า ดงซูบินถอนหายใจเมื่อเขามองไปที่โรงเรียน นี่คือชนบบทและแม่ของเขาทำงานที่นี่มาหลายปี มันจะต้องเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเธอ ดงซูบินคิดว่าเขาควรช่วยแม่ของเขาให้ย้ายไปโรงเรียนมัธยมในเมืองดีไหม
ดงซูบินขับรถมายังบริเวณโรงเรียนโดยไม่มีใครหยุดเขาได้ ยามที่ป้อมปราการไม่แม้แต่จะมองเขา
ดงซูบินจอดรถและเดินเข้าไปในอาคารโรงเรียน เขาถามครูคนหนึ่งซึ่งถามหาครูสอบภาษา
ในห้องทำงานบนชั้นสอง ล้วนเสี่ยวปิงและหัวหน้าทีมคุณครูภาษาของเธอ โจมเหม่ย กำลังพูด
โจวเหม่ยเป็นหญิงวัยกลางคนวัย 40 ปี ถึงแม้จะอายุมากแล้วแต่เธอก็ยังดูสวยอนู่ เธอกำลังยิ้มขณะที่ผลักเห็ดแห้งและราต้นไม้ไปยังมือของล้วนนเสี่ยวปิง“ อาจารย์ล้วนไม่ต้องเกรงใจ สามีของฉันนำสิ่งนี้มาจากบ้านเกิดของเขาและเราเอามาฝากคุณนะ”
ล้วนเสี่ยวปิงพยายามปฏิเสธเธอ “ นี่มันมากเกินไป ฉันขอแค่ครึ่งเดียวก็พอ”
โจวเหม่ยหัวเราะ “ แค่รับไป นำทุกอย่างกลับมา”
ครูสอนภาษาคนอื่นเห็นว่าหัวหน้าทีมปฏิบัติต่อ ล้วนเสี่ยวปิงอย่างสุภาพ แต่ก็ไม่แปลกใจ ลูกชายของเธอได้กลายเป็นรองหัวหน้าสำนักความมั่นคงสาธารณะของเมือง และสถานะของเธอในโรงเรียนเปลี่ยนไป แม้แต่หัวหน้าแผนกและผู้นำโรงเรียนก็ปฏิบัติต่อ ล้วนเสี่ยวปิงด้วยความเคารพ
ล้วนเสี่ยวปิง รู้ว่าทุกคนปฏิบัติต่อเธออย่างสุภาพเพราะลูกชายของเธอและเธอก็ภูมิใจในตัวของดงซูบินมาก
ทันใดนั้นประตูสำนักงานก็เปิดออกและดงซูบินก็เดินเข้าไป
ล้วนเสี่ยวปิงรู้สึกประหลาดใจมาก “ ซูบิน? ทำไมลูกถึงอยู่ที่นี่?”
โจวเหม่ยมองไปที่ดงซูบิน และเดินไปอย่างรวดเร็วเพื่อจับมือกัน “ คุณเป็นหัวหน้าซูบินเหรอ? ยินดีที่ได้รู้จัก.”
ล้วนเสี่ยวปิง แนะนำ โจวเหม่ย “ นี่คือหัวหน้าทีมของเรา โจวเหม่ย ลูกน่าจะเรียกเธอว่าป้าโจวนะ” หลังจากพูดสิ่งนี้ ล้วนเสี่ยวปิงก็ รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ถูกต้อง
โจวเหม่ย โบกมืออย่างรวดเร็ว “ ไม่…เพียงเรียกฉันว่าป้าโจวก็ได้”
ดงซูบิน ยิ้มแล้วจับมือเธอ “ ป้าโจว ขอบคุณที่ดูแลแม่ผมมาหลายปี”
โจวเหม่ย รู้สึกยินดีเมื่อเธอได้ยิน ดงซูบินเรียกเธอว่าป้าโจว “ มันเป็นหน้าที่ของฉัน” หลังจากพูดคุยกันสักครู่ โจวเหม่ย พูดกับ ล้วนเสี่ยวปิงว่า “ อาจารย์ล้วนคุณไม่มีสอนแล้ว คุณควรกลับไปกับลูกชายของคุณนะ” เธอรู้ว่าดงซูบิน มาที่นี่เพื่อรับแม่ของเขา
ล้วนเสี่ยวปิง ตอบกลับ “ ผู้อำนวยการหยู จะจัดการประชุมครูหลังจากนี้ ฉัน…”
โจวเหม่ย กล่าว “ทุกอย่างปกติดี. กลับไปเถอะ เดียวฉันจะช่วยดูเอง”
ดงซูบินถามแม่ของเขาผู้อำนวยการหยูคือใตน
ล้วนเสี่ยวปิงตอบ “ เขาเป็นผู้อำนวยการกระทรวงศึกษาธิการของเมืองหยางไถ่ หยูเฉินซี มีการปะทะกันในโรงเรียนของแม่เมื่อสองวันก่อนและนักเรียน 4 ถึง 5 คนได้รับบาดเจ็บ ผู้ปกครองบางคนมีการร้องเรียนไปยังกระทรวงศึกษาธิการของมณฑลและผู้อำนวยการหยู มาที่นี่เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์นี้ ลูกไม่เห็นพวกเขาตอนลูกเข้ามาหรอ?”
ดงซูบินพยักหน้า “ ผมเห็นรถยนต์สองสามคันจอดอยู่ด้านนอก แต่ไม่เห็นใครเลย อืมมบุคลิกของ หยูเฉินซี เป็นอย่างไรบ้าง?”
ล้วนเสี่ยวปิงหยุดไปชั่วครู่หนึ่ง “ทำไมลูกถามเรื่องนี้?”
“ แม่ที่นี่มันแย่มากเลยและมีฝุ่นเยอะไปหมด มันไม่ดีต่อสุขภาพของแม่ หากแม่เห็นด้วยผมจะพูดคุยกับกระทรวงศึกษาธิการของมณฑลเพื่อช่วยให้แม่ได้รับการโอนไปโรงเรียนในเขตเมือง” ถ้าดงซูบินเป็นรองหัวหน้าสำนักของกระทรวงวัฒนธรรมจะไม่มีใครมารบกวนเขา แต่ความปลอดภัยสาธารณะนั้นแตกต่างกัน แม้ว่าดงซูบินไม่สามารถถามโดยตรงกระทรวงศึกษาธิการของมณฑลว่าจะดูแลแม่ของเขาได้อย่างไงบ้าง