POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) - ตอนที่ 234
EP 234 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล
By loop
โรงพยาบาลประชาชนของมณฑล
ศัลยกรรมกระดูกหอผู้ป่วยเดี่ยว.
เมื่อดงซูบินฟื้นคืนสติเขารู้ตัวอีกที่เขาก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เขาพยายามนั่งตัวตรง แต่เมื่อเอามือดันเตียงเขาก็รู้สึกเจ็บที่แขนและมือของเขาในทันที เขารู้ได้เลยว่าเขาไม่สามารถขยับแขนทั้งสองข้างออกจากไหล่ได้และมันถูกพันไว้อย่างแน่นหนา ดูเหมือนว่าเขากำลังอยู่ในกระบวนการรักษา
“ เอ๊ะหัวหน้าซูบิน คุณตื่นแล้วเหรอ” ตอนนี้คนที่อยู่คนเดียวในวอร์ดคือนางพยาบาล
ดงซูบินเองก็มองไปที่พยาบาล “ แขนของผมเป็นอะไรไป? ทำไมผมถึงขยับมันไม่ได้เลย”
พยาบาลเองก็หัวเราะออก “ หมอบอกว่ามันไม่เป็นไร คุณอาจใช้กล้ามเนื้อมากจนเกินไปแต่ไม่มีกระดูกหักนะ คุณสบายใจได้ และหลังจากพักผ่อนไม่กี่วันมันจะกลับมาเป็นปกติเอง”
ดงซูบินเองก็รู้สึกโล่งอก “ขอบคุณ.”
พยาบาลได้เดินจากไปและมีผู้คนก็เริ่มเข้ามาเยี่ยมเขา หัวหน้าหน่วยดับเพลิงนักสืบจากสำนักงาน ฉินหย่งรองหัวหน้าทีมเฟิง ฯลฯ ทั้งหมดมาเยี่ยมดงซูบินพร้อมกับหัวเราะออกมา “ ขอบคุณทุกคนมากๆ โอ้เกิดอะไรขึ้นกับคนงานคนนั้น” รองหัวหน้าทีมเฟิงตอบ “ คุณช่วยชีวิตเขาไว้แล้วและเขาก็สบายดี เขาบาดเจ็บแค่กระดูกเชิงกรานและขาเท่านั้น ขาขวาของเขาหักและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล” สี่หน้าของดงซูบินเปลี่ยนไปในทันที “ หลังจากหายแล้วให้ขังเขาไว้ 15 วันก่อน!”
ในขณะนี้เหลียงเฉิงเผิงมาถึงและเห็นดงซูบิน “ หัวหน้าซูบินคุณมันบ้าบิ่นเกินไปจริงๆ คุณโชคดีที่ดึงเขาออกมาได้ทันเวลา…เฮ้อ…” เหลียงเฉิงเผิงมองเขา “ แต่ต้องขอบคุณคุณจริงๆ ที่คนงานคนนั้นรอดมาได้และเรื่องนี้ไม่บานปลายไปกว่านี้ก็เพราะคุณ ทำได้ดีมาก หนังสือพิมพ์ประจำเมืองได้รายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ลองดูนี้สิ.”
หัวหน้าเหลียงหยิบหนังสือพิมพ์ออกมาจากกระเป๋าของเขา
หัวขอของของบทความเขียนว่า: รองหัวหน้าสำนักงานความมั่นคงสาธารณะช่วยชายคนหนึ่งที่กระโดดลงมาจากตึกด้วยมือเปล่า!
ดงซูบินยิ้มแปลๆออกมาทันที “ ผมเกือบคว้าแขนเขาไว้ไม่ทัน ทั้งหมดที่ผมทำคือไม่ให้เขาทำสิ่งที่เขาต้องสำเร็จ”
เหลียงเฉิงเผิงชี้ไปที่ดงซูบินด้วยความโกรธ “ คุณ…คุณยังกล้าจะหัวเราะอีกเหรอ? คุณรู้ไหมว่าพวกเรากังวลแค่ไหนที่สำนักเมื่อเราได้ยินว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ? ฉันไปถามหมอมาก่อนหน้านี้แล้ว อาการบาดเจ็บของคุณต้องพักผ่อนอย่างน้อยสองสัปดาห์ พักผ่อนให้ดีและฉันได้รายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้แล้ว รัฐบาลเมืองตกลงที่จะมอบความดีความชอบชั้นสามใบรับรองความกล้าหาญและเหรียญรางวัลให้กับคุณ หลังจากที่คุณกับมาเป็นปกติเลวแล้วจะออกให้คุณ”
ดงซูบินยิ้ม “ ขอบคุณหัวหน้าเหลียง”
เหลียงเฉิงเผิงตอบ “ คุณนั้นกล้าหาญและเหมาะสมที่ได้รับสิ่งเหล่านี้มา ไม่ต้องขอบคุณฉัน”
เหลียงเฉินเผิง, ฉินหยงและรองหัวหน้าทีมเฟิง อยากรู้ว่าทำไมดงซูบินถึงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคนงานคนนั้น? ชายคนนั้นเป็นเพียงคนงานธรรมดาและเขายังพยายามคุกคามรัฐบาลมณฑลด้วยชีวิตของเขา คุ้มไหมที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตคนอย่างคนงานนั้น? แต่เนื่องจากผลงานที่โดดเด่นของหัวหน้าซูบินรัฐบาลมณฑลจึงควบคุมเหตุการณ์นี้ได้และสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะของเทศมณฑลหยานไท่ก็มีชื่อเสียงในมณฑล
หลังจากหัวหน้าเหลียงหัวหน้าฉินและคนอื่น ๆ ออกจากวอร์ดและดงซูบินก็หลับตาลงเพื่อพักผ่อน
ความดีความชอบระดับสาม…นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าประทับใจในประวัติการทำงานของ ดงซูบินและเขาก็ใกล้จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงเลื่อนขั้นแล้ว!
หวีดร้อง…ประตูของวอร์ดเปิดขึ้นอย่างกะทันหันและเสียงฝีเท้าของรองเท้าส้นสูงก็ดังเข้ามา
ดงซูบินลืมตาขึ้นและประหลาดใจชั่ววินาที เขายิ้ม. “ นายกเทศมนตรีเสี่ยว”
เสี่ยวหลานกลับมาจากการตรวจสอบในชนบทและฮูซินเยียนเลขานุการของเธอยืนอยู่ข้างหลังเธอ เมื่อเสี่ยวหลาน ได้ยินว่าดงซูบินได้รับบาดเจ็บเธอก็ไม่ได้กลับไปที่สำนักงานเมือง เธอขอให้คนขับรถตรงไปที่โรงพยาบาลประชาชนของมณฑลทันที เสี่ยวหลาน ยืนอยู่ที่ประตูวอร์ดและส่งสัญญาณให้ฮูซินเยียนรออยู่ข้างนอก หลังจากที่เธอปิดประตูเธอก็เดินไปที่ดงซูบินและจ้องเขาด้วยดวงตาที่หรี่ลง
“ พี่สาวเสี่ยว?”
“ ……”
ดงซูบินพึมพำเบา ๆ “ ผมไม่ได้พยายามเป็นฮีโร่ในครั้งนี้ ผมทำเพราะผมรู้ว่าผมสามารถช่วยเขาไว้ได้”
เสี่ยวหลานยังคงจ้องมองเขา “เพราะฉันอย่างงั้นหรอ?”
ดงซูบินยอมทุ่มสุดตัวเพราะเสี่ยวหลานแต่เมื่อเสี่ยวหลานถามคำถามนี้เขาก็อายเกินกว่าที่จะยอมรับ เขากระแอมในลำคอและแสร้งทำเป็น “ ไม่…คุณเคยบอกว่าผมต้องสะสมผลงานให้มากกว่านี้ก่อนที่ผมจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าส่วน ผมรู้ว่าผมจะได้รับรางวัลจากเคสนี้ นั้นคือเหตุผลที่ผมช่วยชายคนนั้น ฮ่าฮ่า…หัวหน้าเหลียงบอกผมว่ารัฐบาลเมืองอนุมัติแล้วและผมจะได้รับรางวัลเมื่อผมออกจากโรงพยาบาล”
เสี่ยวหลานมองไปที่ดงซูบิน“ คุณคิดว่าฉันจะเชื่อเหตุผลนี้เหรอ”
ดงซูบินตอบ “ พี่สาวเสี่ยวนี่เป็นอุบัติเหตุ ผมสัญญาว่าผมจะไม่เสี่ยงอีกเมื่อมีอันตรายในอนาคต” เขาสัญญากับเสี่ยวหลาน ว่าจะไม่ประมาท แต่อีกสองวันต่อมาเขาเสี่ยงชีวิตอีกครั้งและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
เสี่ยวหลานถอนหายใจและลูบผมของดงซูบินเบา ๆ “ขอบคุณ.”
ดงซูบินพึมพำ “ ผมบอกว่าผมไม่ได้ทำเพื่อคุณ คุณไม่ต้องขอบคุณผม”
เสี่ยวหลานตอบอย่างช้าๆขณะที่เธอหวีผมของดงซูบินด้วยนิ้วของเธอ “ ฉันไม่ได้ตาบอดและโง่นะ เลขาธิการหวางได้บอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้นในที่เกิดเหตุและฉันรู้ว่าคุณทำอะไรไป”
ดงซูบินหัวเราะ “ไม่เป็นไร.”
เสี่ยวหลานจับมือที่พันผ้าพันแผลของดงซูบินไว้เงียบ ๆ
ดงซูบินกล่าว “ คุณควรกลับไปที่รัฐบาลมณฑล คุณยังมีงานอีกมากและผมก็สบายดี”
“ ฉันขออยู่กับคุณสักพัก”
ดงซูบินรู้สึกอบอุ่นและพยักหน้า
หนึ่งนาที…
ห้านาที…
สิบนาที…
ดงซูบินและ เสี่ยวหลานจับมือกันโดยไม่พูดอะไรสักคำ
หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวหลานก็เหน็บขอบข้างหูของเธอแล้วพูด “ คุณทำเพื่อฉันมากมาย แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลย เมื่อฉันคิดย้อนกลับไปฉัน…”
ดงซูบินพูดขัดจังหวะขึ้นมาทันทีเสี่ยวหลาน “ หยุดพูดถึงสิ่งเหล่านี้ ผมสามารถย้ายไปที่เมืองหยางไท่ ได้เพราะความช่วยเหลือของคุณ นอกจากนี้เรากำลังคบกันนี้มันก็มากเกินพอแล้ว”
เสี่ยวหลานพยักหน้า “ ฮิฮิ…ฉันจะปฏิบัติกับคุณให้ดีกว่านี้ในอนาคต”
หัวใจของดงซูบินเต้นผิดจังหวะ “ ดีกว่าแค่ไหนกัน”
เสี่ยวหลานหรี่ตาและมองไปที่เขา “คุณคิดอย่างไร?”
“ เอ่อ…ถ้าจะเปลี่ยนวิธีเรียกผมล่ะ? ซูบิน ซูบิน…มันฟังดูอึดอัดมาก”
“จริงๆ? ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องใกล้ตัวที่จะเรียกคุณว่าซูบิน”เสี่ยวหลานคิดอยู่พักหนึ่ง “ เมื่อไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ฉันจะเรียกคุณว่า เสี่ยวบิน?”
ดงซูบิน พยักหน้า แต่การเคลื่อนไหวของเขาดึงกล้ามเนื้อไหล่ของเขา เขากัดฟันด้วยความเจ็บปวดและพูด “ เสี่ยวบิน จะทำ เมื่อมีผู้คนอยู่รอบตัวคุณคุณสามารถเรียกผมว่าซูบิน นี่เป็นเพียงชื่อเท่านั้นและคุณสามารถเรียกผมได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ” ดงซูบินต้องการขอให้ เสี่ยวหลานเรียกเขาว่า ‘ที่รัก‘ หรือ ‘คุณแฟน‘ แต่เขาไม่กล้าพูดกับเสี่ยวหลาน
“ ซูบิน?”
“ฮะ? เกิดอะไรขึ้น”
“ เหอ…ไม่มีอะไรหรอก”
“ ถึงเวลาที่คุณต้องไปแล้ว? กลับไปและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผม อีกสองวันผมก็กลับไปทำงานได้แล้ว คุณเองก็ต้องทำงานเช่นกัน”
“ตกลง. ฉันจะมาเยี่ยมคุณช่วงเย็นล่ะกันนะ”
“ ไม่เป็นไร…คุณเป็นนายกเทศมนตรีและผู้คนอาจซุบซิบนินทาได้ คนเหล่านั้นเห็นว่าคุณมาเยี่ยมผมถึงสองครั้ง”
เสี่ยวหลานก้มศีรษะลงและมองไปที่ดงซูบินด้วยรอยยิ้ม เธอปัดผมบนหน้าผากของดงซูบินและจูบเขา เธอค่อยๆเคลื่อนริมฝีปากเซ็กซี่ของเธอลงมาเพื่อจูบจมูกแก้มและสุดท้ายที่ริมฝีปากของเขา ลิ้นของเธอเล่นกับริมฝีปากของเขาและดงซูบินก็แทบจะคลุ้มคลั่ง เพราะนั้นเป็นเวลาเกือบสองนาที หลังจากนั้นเสี่ยวหลานก็หัวเราะคิกคักและพูดว่า “ เอาล่ะ. ฉันไปแล้วนะ.”
ดงซูบินยังตกอยู่ในความงุนงง “ ตกลง…”
เสี่ยวหลานหัวเราะและตบดงซูบิน ที่ขาของเขา
ทันใดนั้นดงซูบิน และเสี่ยวหลานก็ได้ยินเสียงวุ่นวายอยู่ด้านนอกของวอร์ด
“ เสี่ยวปิงอยู่ในวอร์ดนี้หรือ”
“ พี่ของหนูเป็นยังไงบ้าง”
“ หัวหน้าซูบินไม่ได้เป็นอะไร และตอนนี้นายกเทศมนตรีเสี่ยวก็ยังอยู่ข้างใน ได้โปรดรอก่อน…”
ดงซูบินมองไปที่เสี่ยวหลาน “ นั้นคือแม่ของผมและก็ลูกพี่ลูกน้องของผมเอง”
เสี่ยวหลานหันไปทางประตู “ พี่ฮูให้ครอบครัวของซูบินเข้ามา”
ประตูเปิดออกและลวนเสี่ยวปิงที่เป็นห่วงก็เข้ามา ข้างหลังเธอมีถังจินป้าคนที่สองลุงและภรรยาของเขา เมื่อพวกเขาเห็นนายกเทศมนตรีคุณลุงของดงซูบินและภรรยาของเขาก็ทำการทักทายเธออย่างสุภาพ ถังจินรู้ว่าผู้หญิงสวยที่อยู่ตรงหน้าเธอคือนายกเทศมนตรีและรู้สึกประหม่าและสงวนท่าที มีเพียงลวนเสี่ยวปิงเท่านั้นที่ไม่สนใจ เสี่ยวหลานและรีบวิ่งไปที่เตียงเพื่อดูลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ น้ำตาของเธอกำลังไหลเมื่อเธอเห็นผ้าพันแผลที่ผันไว้รอบแขนของดงซูบิน
ดงซูบินเริ่มหัวเราะออกมา “ แม่ผมไม่อะไรแล้ว ทำไมแม่ถึงร้องไห้กันล่ะ?”
หลวนเสี่ยวปิงสะอื้น “ แม่บอกคุณกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำตัวเป็นฮีโร่ ทำไมลูกไม่ฟังแม่เลยล่ะ!”
ดงซูบินก็ตอบกลับทันที “ ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ และผมไม่ได้พยายามเป็นฮีโร่ด้วย”
“ ลูกอยากทำให้แม่อกแตกตายหรือยังไงกัน!” หลวนเสี่ยวปิงแทบอยากจะทุบตีลูกชายของเธอเพราะความโกรธของเธอ แต่เธอไม่ได้ทำเช่นนั้นออกมาจริงๆ
เสี่ยวหลานเดินไปและยื่นมือไปหาลวนเสี่ยวปิง “ คุณน้าเป็นแม่ของซูบินเหรอ? หนูเป็นตัวแทนของรัฐบาลมณฑลเพื่อมาขอบคุณหัวหน้าซูบินสำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้ของเขา ระหว่างคดีตัวประกันที่โรงเรียนอนุบาลหนานริว ดงซูบินได้ช่วยนักเรียนและครูเหล่านั้น เขาเป็นฮีโร่ของสำนักงานเราและเป็นบุคคลต้นแบบของเมืองหยางไท่อีกด้วย”
ลวนเสี่ยวปิงไม่เคยพบกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้มาก่อนในชีวิตของเธอและจับมือเสี่ยวหลานอย่างระมัดระวัง “ นายกเทศมนตรีเสี่ยว คุณ…คุณกำลังชื่นชมลูกของฉันอยู่หรอค่ะ”
เมื่อเสี่ยวหลานยืนอยู่ตรงลวนเสี่ยวปิง, ถัวจิน และคนอื่น ๆ พวกเขาก็กังวลและกลัวว่าจะพูดอะไรผิดไป
เสี่ยวหลานสังเกตเห็นว่าพวกเขาไม่สบายใจและยิ้มให้ดงซูบิน“ หัวหน้าซูบินฉันจะกลับก่อนล่ะกัน ดูแลตัวเองให้หายเร็ว ๆ นะคะ”
ดงซูบินตอบอย่างเคารพ “ ขอบคุณนายกเทศมนตรีเสี่ยว ฉันจะฟื้นตัวและกลับมาทำงานอย่างหนักเพื่อพรรค”
เสี่ยวหลานหัวเราะ “ การกลับสู่พรรคหมายความว่าอย่างไร? คุณเป็นส่วนหนึ่งของพรรคเสมอ”
ดงซูบิน ยิ้ม
เสี่ยวหลานหันไปหาลวนเสี่ยวปิงและตบมือเธอเบา ๆ “ คุณน้าไม่ต้องกังวล อาการบาดเจ็บของซูบินไม่ร้ายแรงและจะหายเป็นปกติภายในสิบวัน หลังจากหายป่วยเขาไม่จำเป็นต้องกลับไปทำงานทันที ฉันจะให้เขาหยุดอีกสองสามวันเพื่อใช้เวลาร่วมกับคุณทุกคน”
หลวนเสี่ยวปิงตอบอย่างประหม่า “ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะ”
เสี่ยวหลานคุยกับลวนเสี่ยวปิงอีกสักพักก่อนจะออกไป
ฮูซินเยียนต้องการไปเยี่ยมดงซูบินแต่เสี่ยวไม่ยอมให้เธอเข้าไปในห้อง และตอนนี้เสี่ยวหลานกำลังจะกลับแล้วและฮูซินเยียนเองก็จะต้องกลับด้วยเช่นกัน เธอมองไปที่ดงซูบินอย่างรู้สึกผิดและเห็นดงซูบินยิ้มและพยักหน้าให้เธอ
ภายในหอผู้ป่วย.
ถังจินรู้สึกโล่งใจและตบหน้าอกของเธอ “ นั่นคือนายกเทศมนตรีของเรา? หนูไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังต่อหน้าเธอเลย”
ป้าคนที่สองของดงซูบินและลุงของภรรยารู้สึกเช่นเดียวกับถังจิน พวกเขารู้สึกกดดันเมื่อยืนอยู่ใกล้เสี่ยวหลาน
หลวนเสี่ยวปิงถาม “ นายกเทศมนตรีเสี่ยว นั้นสวยและมีความสามารถมาก เธอไม่เหมาะกับซูบินหรอก เธอน่าจะอายุห่างจากซูบินประมาณ 5-6 ปีใช่มั้ย? อายุน้อยขนาดนี้สามารถขึ้นมาเป็นนายกเทศมนตรีมณฑลได้แล้ว”
ลุงของ ดงซูบินเองนั้นก็ตอบอย่างนุ่มนวล “ ฉันได้ยินมาว่านายกเทศมนตรีเสี่ยวนั้นค่อนข้างมีเส้นสายที่เรียกว่า เส้นใหญ่ยังต้องยอมแพ้เลย”
ดงซูบินมองไปรอบ ๆ และถามแม่ของเขา “ แม่คิดว่าใครสวยกว่ากัน? นายกเทศมนตรีเสี่ยว หรือฉูหยวน?”
ลวนเสี่ยวปิงกล่าว “ ทั้งคู่สวยมาก”
ดงซูบินมองไปที่ลวนเสี่ยวปิง “ คุณคิดว่าใครดีกว่ากัน”
หลวนเสี่ยวปิงจ้องมองลูกชายของเธอ “ ลูกถามทำไม? พวกเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลูกอยู่แล้ว”
“ อ่า…มันเป็นแค่คำถามธรรมดา ๆ ”ดงซูบินยังคงไม่ต้องการให้แม่ของเขารู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขา “ แม่ช่วยปอกแอปเปิ้ลให้ผมหน่อยได้ไหม ผมอยากกินผลไม้บ้าง”
ลวนเสี่ยวปิงยังคงโมโหลูกชายของเธอมาก “ ปลอกเองสิ!”
ดงซูบินประท้วงขึ้นมาทันที “ ผมขยับแขนทั้งสองข้างไม่ได้ ฉันจะปลอกได้ยังไง?”
ลวนเสี่ยวปิงพูดคุยกับดงซูบิน “ ใครขอให้ลูกป็นฮีโร่?! ลูกรู้หรือป่าวว่าแรงที่เกิดจากคนตกตึกเจ็ดชั้นมันเยอะขนาดไหน? ยังกล้าจับเขาด้วยมือเปล่าอีกเหรอ! ลูกอยากจะฆ่าตัวตายหรือยังไง?ซูบินทำไมลูกไม่หยุดทำงานให้กับรัฐบาล? แม่เป็นห่วงลูกทุกวันและนอนไม่หลับ แม่กลัวว่าลูกอาจ…” ลวนเสี่ยวปิงพูดและน้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาของเธออีกครั้ง
ดงซูบินรู้สึกผิดและกล่าวว่า “ผมขอโทษ. หยุดร้องไห้ได้แล้ว. ผมสัญญาว่าผมจะระวังความปลอดภัยของผมในอนาคต”
ลวนเสี่ยวปิงนั่งลงบนเตียงและเริ่มปอกเปลือกแอปเปิ้ล
ดงซูบินร้องเรียกญาติที่เหลือ “ ถังจินลุงรอง ป้ารองนั่งก่อน…”
ถังจินมองไปที่แขนพี่ชายของเธอ “ พี่ค่ะโรงงานของเราสองสามวันนี้ไม่มีงานเลย หนูจะลางานสักสองสามวันเพื่อดูแลพี่ได้ไหม? พี่ไม่สามารถขยับแขนได้และจะไม่สะดวกหากไม่มีใครดูแลพี่เลย”
ป้ารองของดงซูบินกล่าว “ ลูกยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้เลยและลูกจะมาดูแลซูบินได้อย่างงั้น? ซูบินป้าจะอยู่โรงพยาบาลเพื่อดูแลหลานเอง”
ภรรยาของลุงของดงซูบินกล่าวเสริมอย่างรวดเร็ว “ ให้ฉันดูแลหลานซูบิน”
ดงซูบินส่ายหัว “ ไม่ต้องก็ได้ครับ…ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ผมสบายดี.”
“ อย่ามาทำตัวเก่ง!” ลวนเสี่ยวผิงมองลูกชายของเธออย่างไม่พอใจและใช้ไม้จิ้มฟันป้อนแอปเปิ้ลให้เขา “ ลูกได้รับบาดเจ็บสาหัสและลูกไม่สามารถแม้แต่จะทำอะไรด้วยเองได้ ถ้าไม่มีใครดูแลลูกจะกินจะดื่มยังไง? ตอนนี้ปิดเทอมแล้วและแม่สามารถอยู่ที่นี่เพื่อดูแลลูกได้”
ป้าของดงซูบินถาม “ น้องลวน น้องมีความดันโลหิตสูงในช่วงสองสามวันนี้”
ลวนเสี่ยวปิงโบกมือ “ ผมจะกลับมาปกติหลังจากกินยา”
ประมาณ 20 นาทีต่อมาหลวนเสี่ยวปิงขอให้ถังจินและคนที่เหลือกลับไป
นอกเหนือจากการไปตรวจร่างงกายแล้วดงซูบิน ยังใช้เวลาที่เหลือตลอดทั้งวันในการพูดคุยกับผู้มาเยี่ยมเขา เจ้าหน้าที่จากสถานีและสำนักของดงซูบินผู้นำเช่นหวางลี่, เฉาซูเผิง ฯลฯ ได้มาเยี่ยมเขา
กลางคืน.
ลวนเสี่ยวปิงกำลังให้อาหารเย็นกับลูกชายของเธอ “ ทำไมลูกถึงมีคนมาเยี่ยมเยอะขนาดนี้? ลูกไม่ได้พักผ่อนเลย”
ดงซูบินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะที่เขาตอบ “ ผมไล่พวกเขาไปไม่ได้เมื่อพวกเขามาเยี่ยมผมใช่ไหม? พรุ่งนี้อาจจะดีกว่านี้ก็ได้”
“ เฮ้อ…พรุ่งนี้ล่ะ…” ขณะที่ลวนเสี่ยวปิงกำลังพูดจู่ๆเธอก็กุมหัวและร่างของเธอก็แกว่งไปมา ดงซูบินเองก็ตื่นตระหนกและถามว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ลวนเสี่ยวปิงหยิบยาออกมาจากกระเป๋าของเธอและกินมัน “ เป็นความดันโลหิตสูง”
ดงซูบินรู้สึกกังวล “ ไม่…แม่ต้องกลับไปพักผ่อนเดี๋ยวนี้ ถ้าแม่จะดูแลผมอาการของแม่จะแย่ลง”
ลวนเสี่ยวปิงปฏิเสธหัวชนฝา “ผมสบายดี!”
“ รีบกลับไป!”
“ จะเกิดอะไรขึ้นกับลูกถ้าแม่ไม่อยู่”
“ ผม…” ดงซูบินคิดอยู่พักหนึ่ง “ ผมจะจ้างผู้ดูแลมาดูแล แม่ไม่ต้องกังวล”
หลวนเสี่ยวปิงถอนหายใจ “ พวกเขาจะดูแลลูกไม่ดีเท่าแม่หรอก ลูกต้องการให้แม่โทรหาป้ารองดูก่อนไหม?”
“ไม่ต้องกังวลอะไรนะแม่กลับไปพักผ่อนเดี๋ยวนี้ อย่าลืมโทรหาแม่ล่ะถ้าลูกขาดเหลืออะไร”
ในท้ายที่สุดลวนเสี่ยวผิงก็สวมกอดลูกชายของเธอก่อนจากไป สองสามวันนี้เธอไม่สบายและหลังจากได้รับการชักชวนเธอก็ออกจากวอร์ด
หลังจากลวนเสี่ยวปิงจากไปดงซูบินก็มีสีหน้าเจ็บปวด เขาอั้นฉี่มาตั้งแต่บ่าย เขาอายเกินไปที่จะขอให้แม่ถอดกางเกงให้เขา แม้ว่าเพื่อนร่วมงานหลายคนที่มาเยี่ยมเขาในช่วงบ่ายจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้สนิทกันต่อให้พวกเขาจะสนิทกัน แต่ดงซูบิน ก็อายที่จะขอความช่วยเหลือจากพวกเขา เขาเรียกพยาบาลและถามว่ามีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่หรือไม่
แต่พยาบาลบอกเขาว่ามีคนดูแลแค่สองคน แต่เป็นผู้หญิงทั้งคู่
ดงซูบินเองก็รู้สึกหนักใจเอามากๆ เวรล่ะ! ฉันไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้แล้ว!
ฉันควรทำอย่างไรดี? ฉันไม่สามารถขอให้พยาบาลช่วยฉันได้หรือฉันควรจ้างพนักงานดูแลหญิงมาช่วยฉัน
ดงซูบินเป็นวีรบุรุษคนดัง แต่การที่จะให้นางพยาบาลผู้หญิงมาช่วยถอดกางเกงมันจะดูน่าอายเกินไปและให้พยาบาลช่วยสวมเสื้อผ้าและรองเท้าและออกจากโรงพยาบาล
เขาเองตัดสินใจเรียกรถแท๊กซี่ก่อนที่จะเดินลงจากรถเมื่อถึงจุดหมายที่ต้องการ
ดงซูบินคิดอยู่พักหนึ่งและตัดสินใจที่จะอยู่กับหยูเหมยเซียว และ หยูเซียวเซียวหลังจากนี้ เขาเองมีคนแวะเข้ามาเยี่ยมมากมายและเพื่อซ่อนตัวจากพวกนั้นนี้ถือเป็นเรื่องดี อีกทั้วพี่สาวหยูเคยอาบน้ำให้เขามาก่อนและไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะขอความช่วยเหลือจากเธอในเวลานี้