POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) - ตอนที่ 50
ในตอนบ่าย.
เกาแพนเหว่ย, ฉางจี้, และ ดงซูบินกลับมาที่สำนักงานหลังการแข่งขันฟุตบอล การเกษียณอายุของโจวฉางจูได้รับการยืนยันจากหลี่ชิงเรียบร้อย ซึ่งดงซูบินที่ยังคงหวังว่าการเกษียณของโจวฉางจูเป็นเพียงข่าวลือนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ
‘หัวหน้าโจวคุณน่าจะเกษียณปีหน้านะผมจะได้มีโอกาสเข้ามาแทนที่คุณ’
วันที่ดีของดงซูบินกำลังจะสิ้นสุดลงไป
ดงซูบินกำกำปั้นของเขาแน่น เขากระซิบไปที่ต้าหลินเหม่ยขณะที่เขาเดินไปที่เครื่องถ่ายเอกสาร “ ไปเยี่ยมหัวหน้าโจวกันไมเย็นนี้?”
ต้าหลินเหม่ยมองเขาอย่างประหลาดใจ:“ ทำไมต้องไปอ่ะ?”
“ก็จะได้ไปดูว่าหัวหน้าโจวเป็นยังไงบ้าง และในเวลาเดียวกันก็ถามเขาว่าใครจะเข้ามาแทนที่เขาเผื่อมีใครย้ายจากสำนักงานอื่นมารับช่วงต่อของเขา” ตอนนี้ดงซูบินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
ต้าหลินเหม่ยหัวเราะ “ นายพูดจริงดิ? จะไปเยี่ยมหัวหน้าโจวนี้นะ?”
“ฮะ? เธอหมายถึงอะไร?” ดงเซวปิงไม่เข้าใจความหมายของต้าหลินเหม่ยที่พยายามจะบอก
ต้าหลินเหม่ยเริ่มสอนดงซูบิน:“ นายซื่อบื้อหรือยังไง? โจวฉางจูไม่ได้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักงานกิจการอีกต่อไปแล้ว มันไม่มีความหมายสำหรับนายที่จะให้เขาผลักดันนายอีก นายไม่รู้เรื่องนี้หรือยังไง การเกษียณอายุก่อนกำหนดของเขาถูกจัดการโดยหัวหน้าสำนักเพราะเขาอาจมีปัญหากับบาง รวมถึงเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต หากนายเข้าหาเขาตอนนี้เหมือนนายแกว่งเท้าห้าเสี้ยนเปล่าๆ”
“ แย่ล่ะ” ดงซูบินเริ่มตัวสั่น “ มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอแต่ถ้าหัวหน้าโจวป่วยจริง ๆ และแค่อยากจะเกษียณล่ะ?”
ต้าหลินเหม่ยตอบกลับไปว่า “ซูบินฟังฉัน แม้ว่ามันจะเป็นไปตามที่นายพูด แต่เขาก็ไม่มีอำนาจใดๆแล้วถึงแม้เขาจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการทุจริตจริง แต่เขาเกษียณแล้วและเขาอาจเกี่ยวข้องกับบางสิ่งที่เราไม่รู้ก็ได้ เราจะมีปัญหาถ้าเราเข้าหาเขาตอนนี้ สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดที่ต้องทำในตอนนี้คืออยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด นี่ไม่ใช่เวลาที่นายจะมาเห็นใจเขาในตอนนี้”
ดงซูบินเริ่มคิดอย่างหนักในสิ่งที่ต้าหลินเหม่ยพูด “ เธอก็พูดถูก” ดงซูบินต้องการที่ใกล้ชิดกับโจวฉางจูเพราะผลประโยชน์ ไม่มีมิตรภาพที่แท้จริงระหว่างพวกเขาทั้งสอง ตอนนี้โจวฉางจูเองก็มีปัญหาด้านการเงิน มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะพยายามแสดงความเมตตาต่อเขา เขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีบางอย่างก็เป็นได้
มันคงปลอดภัยกว่าถ้าอยู่ห่างจากโจวฉางจูไว้
‘เฮ้อ……ฉันเสียเวลาไปกับการช่วยเขาในการเล่นหุ้นตั้งนาน’
ต้าหลินเหม่ยยืนขึ้น:“ จ้วงจื่อเองก็ต้องรู้เรื่องพวกนี้ด้วย ฉันต้องเตือนเขาให้อยู่ห่างจากหัวหน้าโจวเมื่อเขากลับไปเก็บข้าวของของเขาเสร็จแล้ว” สถานที่แห่งนี้มันช่างน่ากลัวจริงๆ เมื่อมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นทุกคนจะพยายามหลีกเลี่ยงมันอย่างเห็นได้ชัด
ดงซูบินเริ่มเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความโหดร้ายของระบบราชการ
ณ ตอนนั้นประตูของสำนักงานกิจการก็เปิดออกทันที
“ตึกๆ ตึกๆ” มันเป็นเสียงฝีเท้าของรองเท้าหนัง ดงซูบินเงยหน้าขึ้นมามอง มันคือโจวฉางจู เขาออกจากโรงพยาบาลแล้วและเดินกะเผลกๆ เขาดูดีขึ้นเล็กแต่ยังมีปัญหาในการเดิน เขาอาจจะะกลับไปเก็บข้าวของหรือบางทีเขาอาจจะกลับมาเพื่อถูกสอบสวน
สำนักงานเงียบ
1 วินาที……
2 วินาที……
ไม่มีใครทักทายโจวฉางจู ดงซูบินรู้สึกว่านี้มันมากเกินไปแล้ว เขาทักทายด้วยเสียงดัง:“ หัวหน้าโจว”
จ้วงจื่อเองก็ลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วมองไปที่ต้าหลินเหม่ยก่อนทักทายเขา:“ หัวหน้าโจว”
“ หัวหน้าโจว” ฉางจ้วง, ฉางจี้ และคนอื่น ๆ ก็ทักทายเขาด้วยเช่นกัน แต่น้ำเสียงของพวกเขาแตกต่างจากในอดีตมาก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทักทายเขาเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น แม้แต่เกาแพนเหว่ยที่ซื่อสัตย์ของหัวหน้าโจวก็ทักทายเช่นเดียวกับคนอื่นเหมือนกัน เขาเองก็ไม่เลวร้ายที่สุด เขาขยับปากของเขาแต่ไม่ได้ส่งเสียงออกมา
ดูเหมือนว่าทุกคนรู้สึกว่าการเงินของโจวฉางจูนั้นมีปัญหาและต้องการตัดความสัมพันธ์กับเขาทั้งหมด
โจวฉางจูรู้สึกถึงความตั้งใจของพวกเขา เขาพูดอย่างไม่น่าเชื่อ:“ แพนเหว่ยเข้าห้องมากับฉันสักเดียวสิ”
เกาแพนแหว่ยแสดงความร้ายกาจของเขาออกมา เขาตอบทันที:“ ผมขอโทษด้วยครับหัวหน้าโจว ผมต้องส่งเอกสารด่วนวันนี้ “เกาแพนเหว่ยเป็นคนที่ มอบของขวัญมากมายให้แก่หัวหน้าโจวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและเขาก็สนิทกับโจวฉางจูมากที่สุดในสำนักงาน
หัวหน้าโจวขมวดคิ้วและมองดู ฉางจี้และคนอื่น ๆ
ฉางจี้และฉางจ้วงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรเลยและทำงานต่อไป
ดงซูบินรู้สึกประหลาดใจกับปฏิกิริยาของทุกคนที่มีต่อโจวฉางจูเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นเดือนที่แล้วเมื่อโจวฉางจูเข้ามาในสำนักงานเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรสักคำเลยและพวกเขาทั้งหมดจะเบียดเสียดมาอยู่รอบตัวโจวฉางจูเอง แต่ตอนนี้ไม่มีใครเต็มใจช่วยเขาขนสิ่งของเหล่านี้เลย ดงซูบินก็ก้มหัวลงไปและแสร้งทำเป็นงานยุ่งมากๆ
นี่คือระบบราชการ เมื่อคุณหมดอำนาจคุณก็เหลืออะไรเลย
ใบหน้าของโจวฉางจูเปลี่ยนไป เขาจ้องจ้องที่ดงซูบินและผู้ช่วยที่วางใจได้ในอดีตของเขาอย่างเกาแพนเหว่ย “ ดี……………ดี……”” เขาเดินกะโผลกกะเผลกไปที่ห้องโดยใช้กำแพงเพื่อช่วยพยุงตัวเข้าไป ไม่มีใครเข้าไปช่วยเขาเลย
เกาแพนเหว่ย, ฉางจ้วงและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน ทุกคนต่างรู้ใจกันในขณะนั้น
แตะแตะแตะแตะ……
ประตูห้องถูกเปิด ดูเหมือนว่าโจวฉางจูกำลังโทรศัพท์อยู่
“ สวัสดีหัวหน้าหยานอยู่รึเปล่า? ฉันคือโจวฉางจู” โจวฉางจูพูดด้วยความตั้งใจดงซูบิน และทุกคนข้างนอกสามารถได้ยินสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจน
เกาแพนเหว่ยและคนอื่น ๆ กำลังฟังอย่างตั้งใจ พวกเขาต้องการทราบว่าโจวฉางจูกำลังถูกสอบสวนอยู่รึเปล่าและมันอาจเกี่ยวข้องกับพวกเขา
แต่ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่หัวหน้าโจวพูด “ เมื่อวานนี้คุณขอให้ผมแนะนำใครบางคนให้เป็นรองหัวหน้าสำนักเพื่อการพิจารณา……. หลังจากการพิจารณาอย่างจริงจังผมคิดว่า……” เขาหยุดพูดไปสองวินาที “ ……ผมคิดว่าเสี่ยวเกาจากแผนกการเมืองเหมาะสมที่สุด เขาทำงานหนักและพิถีพิถันในการทำงานของเขา……. ใช่. ถูกตัอง…. ใช่……ฉันแนะนำเสี่ยวเกา เพื่อมาแทนที่ผม……. ส่วนคนที่มาจากสำนักของผมหรอ โอ้พวกเขายังต้องการประสบการณ์มากกว่านี้……ใช่แล้ว……”
ทุกคนในสำนักงานตกตะลึง
‘เกิดอะไรขึ้น? ทำไมโจวฉางจูแนะนำคนให้เข้ามารับตำแหน่งกันล่ะ?’
‘เวรล่ะ! หัวหน้าสำนักหยาน ไว้วางใจโจวฉางจูมาก? เขาต้องการให้โจวฉางจูจะแนะนำใครบางคนให้กับคณะกรรมการพรรคเพื่อหารือว่าบุคคลนั้นเหมาะสำหรับการเลื่อนตำแหน่งหรือไม่?’
โจวฉางจูไม่ได้ทำให้หัวหน้าระดับสูงไม่พอใจและเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการทุจริตใด ๆอีกด้วย ? โจวฉางจูเกษียณตัวเองจริงๆเพราะสุขภาพของเขาจริงๆหรอเนี่ย?
“ อ่า……” เกาแพนเหว่ยยืนขึ้นจากเก้าอี้ของเขา เขารู้สึกเสียใจ จากความสัมพันธ์ของเขากับโจวฉางจูในอดีตเขามีโอกาสสูงสุดที่จะได้รับการแนะนำ แม้แต่ดงซูบินก็ไม่สามารถเทียบกับเขาได้ ถ้าเพียงเขาเท่านั้นที่ไปช่วยโจวฉางจูตั้งแต่ตะกี้ โจวฉางจูคงจะแนะนำเขาอย่างแน่นอน โจวฉางจูได้เรียกเขาไปที่ห้องของเขาก่อนหน้านี้เพื่อหารือกับเขาเกี่ยวกับการแนะนำให้เลื่อนตำแหน่ง เขาเสียโอกาสนี้ไปแล้ว
“ ทำไมถึงอย่างงี้”ฉางจี้ก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน เขาคิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นคณะกรรมการพรรคของสำนักที่จะตัดสินใจว่าใครจะเข้ารับตำแหน่งนี้ โจวฉางจูและหลี่ชิงเองก็ไม่ได้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการจึงไม่น่ามีสิทธิในการให้คำแนะนำในครั้งนี้ แต่ใครจะรู้ว่าหัวหน้าหยานจะขอให้โจวฉางจูเสนอชื่อใครซักคนให้เขา หากเขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเขาก็จะไปช่วยโจวฉางจูและโจวฉางชุนอาจเลือกเขา มันจะมีโอกาสสูงที่จะทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่ง
เกาแพนเหว่ย และ ฉางจี้ทั้งสองดูหน้าตาหม่นหมองไปในทันที การแสดงออกของคนอื่น ๆ นั้นก็แตกต่างกันออกไป
บางคนเสียใจบางคนก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้
มีดงซูบินเท่านั้นที่คิดต่างจากคนอื่น เขาเสียใจเพียงเสี้ยววินาทีและรู้สึกตื่นเต้นทันที
‘โอกาสมาแล้ว’.
‘นี่เป็นโอกาสของฉัน!’
ดงซูบินสูดหายใจเข้าลึก ๆในทันที :“ ต้องรีบย้อนเวลา”
“ย้อนกลับ…..!”