POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) - ตอนที่ 52
ในช่วงบ่ายเวลา 14:08 น.
หลังจากที่โจวฉางจูเดินออกไปแล้ว ต้าหลินเหม่ยก็ดึงดงซูบินมาหาเธอทันที “ ซูบิน, นายไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดหรือยังไง? ทำไมนายถึงยังทำตัวสนิทสนมกับหัวหน้าโจวอยู่! ถ้าข่าวลือเป็นเรื่องจริง? นายจะมีปัญหา! หัวหน้าโจวอยู่ที่นี้มานานแล้ว แม้ว่าจะมีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับเงินของเขาทางสำนักก็จะยังคงดูแลเขาและปล่อยให้เขาเกษียณโดยเอาอาการป่วยของเขามาอ้าง! แต่นายแตกต่าง!ออกไป ใครจะมาสนใจเด็กใหม่อย่างนายกัน”
ดงซูบินเริ่มหัวเราะ “ ที่จริงแล้วหัวหน้าโจวไม่ได้มีปัญหากับเรื่องเงินเลย พวกเธอทุกคนคิดมากกันไปเอง”
จ้วงจื่อยังกล่าวอีกว่า:“ ฉัน……ฉันคิดว่าสิ่งที่ซูบินทำถูกต้อง”
“ ตามใจพวกนายเลย!” ต้าหลินเหม่ยจ้องไปที่ทั้งคู่ “ไม่เป็นไร. ทำในสิ่งที่นายต้องการเลย ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งกับนายอีก”
ฉางจี้ และ ฉางจ้วงที่พึงกลับมาจากการไปส่งเอกสาร
“ หลินเหม่ยเธอไม่พอใจเขาหรือยังไง?”ฉางจี้พูดเหมือนหัวหน้าเมื่อเขาเห็นต้าหลินเหม่ยกำลังพูดด้วยความโมโหไปที่ดงซูบิน
ต้าหลินเหม่ยเองก็ไม่พอใจฉางจี้ เธอตอบอย่างสุภาพ “ฉันสบายดี.”
ฉางจี้พยักหน้าและเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานขณะที่เขาไขว้มือไว้ด้านหลัง เขามองไปที่ห้องขนาดเล็กอย่างมีนัยมันทำให้เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะนั่งในห้องนั้นแล้ว เกาแพนเหว่ยเองก็มองดูเขาและพูดพึมพำบางอย่าง เขาคว้าเอกสารและดูเหมือนว่าเขากำลังจะมุ่งหน้านำ“ รายงานความก้าวหน้าในการทำงานของเขา” ไปให้หัวหน้าบางคนที่เขารู้จัก
ฉางจี้มองไปที่เกาแพนเหว่ย “ พี่แพนทำไมพี่ถึงไปส่งเอกสารให้หัวหน้าอีกแล้วล่ะ”
“ น้องจี้เองก็พึงกลับมาจากห้องทำงานของผู้บังคับการเมืองไม่ใช่หรือยังไง” เกาแพนเหว่ยตอบกลับด้วยคำพูดประชดประชันไปยังฉางจี้
ฉางจี้จึงอุทานออกมาเบาๆว่า:“ หืมม!”
ตอนนี้สำนักงานกิจการทั่วไปคือสนามรบของฉางจี้และเกาแพนเหว่ยทั้งคู่เผชิญหน้ากันและมันทำให้สภาพแวดล้อมข้างๆเริ่มตึงเครียดขึ้นมา นี้เป็นเหมือนการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาและพวกเขาเองก็ไม่ทราบว่าดงซูบินเองก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนี้เช่นกัน ซึ่งดงซูบินยังไม่ต้องการบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ โอกาสของเขาจะสูงขึ้นหากเขาเก็บเป็นความลับ หากสิ่งนี้ถูกเปิดเผยในตอนนี้คนอื่นๆจะกลายเป็นศัตรูกับเขาในทันที่
หลังจากนั้นไม่นาน ดงซูบินก็ไปที่ห้องทำงานแห่งใหม่ของหลี่ชิง
หลี่ชิงกำลังเช็ดกรอบรูปของลูกสาวด้วยผ้าเช็ดพื้น “ ซูบินนั่งลงก่อนสิ”
“ ขอบคุณครับผู้อำนวยการ แต่ผมยืนได้” ดงซูบินไม่ได้นั่งลงแต่อย่างใดและพูดว่า:“ ผู้อำนวยการหลี่สุขภาพของลูกสาวดีขึ้นไหมครับ?”
หลี่ชิงถอนหายใจและวางกรอบรูปลงบนไว้ที่โต๊ะทำงานของเขา “ ลูกสาวฉันนะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวซึ่งมันก็ไม่ได้รักษากันง่ายๆ ตอนนี้เธอผอมมากแต่ก็โอเคขึ้นมากแล้ว เลิกพูดเรื่องนี้เถอะเอาล่ะซูบิน ชื่อของนายถูกส่งไปยังหัวหน้าหยานแล้ว นายต้องทำงานให้หนักขึ้นและทำงานให้ดีขึ้นด้วย อย่าปล่อยให้พี่โจวกับฉันผิดหวังล่ะ”
ดงซูบินตอบรับอย่างสุภาพ:“ ครับผม! ผมจะไม่ทำให้ผู้อำนวยการและหัวหน้าโจวผิดหวังเป็นอันขาด ผมจะคว้าโอกาสนี้มาให้ได้ครับ…….”
“ ฮ่าฮ่า……ฉันไม่ได้ขอให้นายรับตำแหน่งรองหัวหน้า นายยังอายุน้อยเกินไปและไม่ได้มีโอกาสมากมายขนาดนั้น ฉันต้องการให้นายใช้โอกาสนี้เพื่อให้นายได้รู้จักกับพวกระดับสูงไว้ตั้งหาก ครั้งต่อไปหากมีโอกาสเข้าไปที่พรรคบางที่โอกาสที่นายได้เลื่อนขั้นนั้นจะสูงขึ้น นายเข้าใจฉันหรือไม่” แม้ว่าหลี่ชิงจะชอบชายหนุ่มคนนี้มาก แต่เขารู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าในครั้งนี้เลย
ดงซูบินรู้สึกขมคอขึ้นเนื่องจากฟังเรื่องที่หลี่ชิงพูดมาแต่เขาแสร้งทำเป็นตัดบทสนทนาในทันใด:“ รับทราบครับ ขอบคุณผู้อำนวยการหลี่ที่ให้โอกาส!”
หลี่ชิงพยักหน้าและหยิบเอกสารออกมาจากโต๊ะทำงานของเขา “ การประชุมคณะกรรมการสำนักงานจะจัดขึ้นในอีกสองสามวัน นายควรพยายามติดต่อกับผู้บริหารเหล่านี้ให้มากที่สุดเอกสารเหล่านี้เป็นสิ่งที่หัวหน้าเสี่ยวต้องการ เอาไปส่งไปให้เธอ”
“ครับท่าน!!.”
หลังจากเดินออกจากห้องทำงานของหลี่ชิงดงซูบินก็คิดถึงโอกาสที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง การประชุมคณะกรรมการสำนักงานในไม่กี่วันและเขามีโอกาสที่จะเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดและเขาจะเอาชนะเกาแพนเหว่ยและฉางจี้ได้หรือไม่? เขาควรทำอย่างไร อะไรคือสิ่งที่เขาทำต่อไป? เป็นไปไม่ได้! มีวิธีเดียวนั้นคือใช้วิธีเดียวกันกับสิ่งที่เกาแพนเหว่ย และ ฉางจี้กำลังทำอยู่ คือรับขอช่วยเหลือจากพวกผู้บริหารระดับสูง! เขาต้องการให้สมาชิกหนึ่งในคณะกรรมการช่วยพูดสนับสนุนเขา! ด้วยวิธีนี้โอกาสของเขาจะสูงขึ้น!ในการได้เลื่อนตำแหน่ง
เขาควรมองหาใคร
‘โจวเกา,ผู้ตัดสินทางการเมืองโจว? ไม่สิเขาเป็นผู้สนับสนุนของฉางจี้อยู่’
‘หัวหน้าสำนักปิงอย่างงั้นหรอ? ไม่สิเขาเองก็สนิทสนมกับเกาแพนเหว่ยมาก’
ดงซูบินคิดเกี่ยวกับสมาชิกของคณะกรรมการสำนักที่เขาเคยพบหรือเคยได้ยิน ในท้ายที่สุดเขาพบคนที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเกาแพนเหว่ย และฉางจี้ ซึ่งบุคคลนี้มีความเป็นไปได้สูงสุดในการที่เขาคนนั้นจะพูดสนับสนุนเขาและมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินให้ใครได้รับตำแหน่งรองหัวหน้า นั้นคือรองหัวหน้าสำนัก เสี่ยวหยาน!
ก๊อกก๊อก. ดงซูบินเคาะประตูห้องทำงานของรองหัวหน้าเสี่ยวยาน
“เข้ามา!”
“ หัวหน้าเสี่ยวครับ ผู้อำนวยการหลี่ ขอให้ผมมาส่งเอกสารนี้ให้หัวหน้าครับ”
หญิงวัยกลางคนที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ที่โต๊ะทำงานมองกระดาษแผ่นหนึ่ง เธอพูดด้วยน้ำเสียงลุมลึกว่า “ตกลง. วางเอกสารไว้ตรงนั้นแหละ!” เธอคือเสี่ยวหยาน ตอนนี้เธออายุเกือบ 50 ปีและมีข่าวลือว่าเธอพึงหย่าร้างกับสามีของเธอไป เธอดัดขนตาของเธอให้ดูโฉบเฉี่ยว รูปร่างของเธอเหมือนหญิงสาวทั่วไปและเธอยังมีรัศมีที่แสดงถึงความเป็นผู้ทรงอำนาจ เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการของสำนักงานเขตสาขาและรองหัวหน้าสำนัก ในเวลาเดียวกันเธอเป็นผู้อำนวยการฝ่ายกิจการทั่วไปอีกด้วย เธอถือได้ว่าเป็นหัวหน้าที่ดีที่สุดของดงซูบินในตอนนี้ เพราะเธอเป็นคนที่ดูแลฝ่ายกิจการทั่วไปเธอจึงมีอิทธิมากกว่ารองหัวหน้าสำนักคนอื่น ๆ และมีอำนาจตัดสินใจว่าใครจะทำหน้าที่ในตำแหน่งรองหัวหน้าฝ่ายธุรการ!
หากดงซูบินสามารถส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอและให้เสี่ยวหยานสนับสนุนเขาในการประชุมครั้งนี้ โอกาสที่ดงซูบินจะได้เลื่อนตำแหน่งนั้นจะสูงขึ้นมาก!
ดงซูบินวางซองจดหมายสีน้ำตาลไว้บนโต๊ะอย่างระมัดระวัง เขาหยุดชั่วครู่หนึ่ง เขาต้องการพูดคุยกับเสี่ยวหยานและทิ้งความประทับใจไว้ให้กับเธอ เขาสงสัยว่าเธอเคยได้ยินวีรกรรมที่เกิดขึ้นจากเขา ที่เขาได้วิ่งเข้าไปในห้องเพลิงเพื่อนำเอกสารสำคัญออกมาหรือไม่ ถ้าเธอรู้เกี่ยวกับวีรกรรมนี้มันจะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นอย่างมาก“ หัวหน้าเสี่ยวครับ ผม……” ดงซูบินยังไม่รู้วิธีการเริ่มบทสนทนากับพวกตำแหน่งสูง เขาเคยเห็นเสี่ยวหยานในระหว่างการประชุมมาก่อนแต่ไม่เคยพูดกับเธอ
เสี่ยวหยานโบกมือของเธอผ่านกระดาษ A4 และถามว่า:“ มีอะไรอีกไหม?”
“ฮะ? ไม่มีแล้วครับ……ขอตัวก่อนนะครับ”
ในที่สุดเสี่ยวหยานก็เงยหน้าของเธอขึ้นมาและมองไปที่ดงซูบิน “นายมาจาก? ……ฝ่ายกิจการทั่วไป ฉันเป็นคนคุมการแข่งขันฟุตบอล แต่ทำไมฉันไม่เห็นนายบนสนาม>” เสี่ยวหยาน เป็นผู้ดูแลทีมฟุตบอลสำนักงานเขตตะวันตกและพวกเขาก็มีส่วนร่วมในการแข่งขันฟุตบอลตัวแทนของเมือง อีกทั้งเธอยังเป็นโค้ชของทีมด้วย
ดงซูบินรู้สึกผิดหวังเมื่อเขารู้ว่าเสี่ยวหยานไม่รู้จักเขา และดงซูบินก็สัมผัสได้ว่าเสี่ยวหยารนั้นกำลังโมโหอยู่เขารีบอธิบายอย่างรวดเร็ว:“ ผมเข้าโรงพยาบาลก่อนวันหยุดวันชาติและเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อสองวันก่อนครับ”
เสี่ยวหยานเพิ่งตอบว่า“ โอ้……” แล้วโบกมือให้เขา
ดงซูบินเองก็รู้สึกโล่งอกและรีบเดินออกจากห้องทำงานของเธอพร้อมกับปิดประตูเบา ๆ ข้างหลังเขา
เฮ้อ……ดูเหมือนว่าบุคคลิกของเสี่ยวหยานจะคล้ายกับหัวหน้าของหยานเหลียงทั้งคู่ไม่ได้เข้าถึงง่ายๆ ‘ฉันจะสร้างความประทับใจให้กับเธอได้อย่างไรกัน?’