POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) - ตอนที่ 63
บทที่ 63 วอทนัท 46 มม.!!
ผู้แปล loop
ในตอนเย็น
ดงซูบินยกกระเป๋าเครื่องสำอางใบใหญ่ออกมาจากห้างแกรนแปซิฟิกและขึ้นรถบัสไปยังหมู่บ้านจัดสรรในเขตตะวันตกดงซูบิน รู้ว่าถ้าเขาเดินทางไปโดยไม่มีอะไรติดตัวไปมันคงจะไม่ดีแน่ๆ นี่คือเหตุผลที่ดงซูบินต้องหาซื้อของบางอย่างติดไม้ติดมือไป เนื่องจากหลิวหัวเขานั้นไม่รับของกำนัลที่เป็นบุหรี่รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นดงซูบินจึงคิดว่าเขาน่าจะซื้อเครื่องสำอางมาให้ภรรยาของหลิวหัวแทนและเขาก็หวังว่าเขาจะไม่ถูกปฏิเสธสิ่งของเหล่านี้ที่เตรียมมาเหมือนข้าราชการคนก่อนๆที่มาเยี่ยมหลิวหัว
ในอพาร์ทเม้นท์จัดสรรที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่มากและมีอพาร์ทเม้นท์ประมาณ 7 ถึง 8 ตึกเรียงรายกันอยู่
พื้นที่ๆดงซูบินกำลังจะเข้าไปนั้นไม่ได้เป็นพื้นที่ที่รัฐจัดสรรให้กับข้าราชการฝ่ายความมั่นคงแต่อย่างใด ดงซูบินจึงไม่จำเป็นต้องแลกบัตรก่อนเข้าไป เพราะพื้นที่นี้มีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ข้างนอกรอเก็บค่าจอดรถเพียงเท่านั้น
ดงซูบินใช้มือของเขาจัดผมให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและกำลังจะเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ แต่เมื่อเขากำลังจะก้าวเข้าไป ดงซูบินเห็นร่างที่คุ้นเคยที่มาจากหางตาของเขา นั้นคือฉางจี้ เขากำลังเดินออกมาจากอพาร์ทเม้นท์แห่งนั้นพร้อมถุงแอปเปิ้ลหนึ่งถุงและเขาดูมีสีหน้าที่หดหู่เป็นอย่างมาก จริงๆแล้วดงซูบินก็รู้ดีว่าการที่ฉางจี้มาที่นี้ก็เพื่อมาทำคะแนนกับหลิวหัวเช่นกันเหมือนกับเขา
ซึ่งดงซูบินก็รีบเดินออกจากประตูอย่างรวดเร็วและแอบหลบอยู่หลังต้นไม้เพื่อไม่ให้ฉางจี้เจอเขา
ฉางจี้ตอนนี้เขาเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก เขาคงโดนหลิวหัวปฏิเสธจะรับของกำนัลจากเขาอีกทั้งหลิวหัวแทบจะไม่แตะแอปเปิ้ลพวกนั้นเลยด้วยซ้ำและเชิญให้ฉางจี้ออกไปจากบ้านของเขาอย่างไม่ใยดีใดๆ ‘ฮะ? เป็นไปได้ไหมที่หลิวหัวเห็นซองจดหมายที่มีเงิน 10,000 หยวนภายใต้แอปเปิ้ลที่ฉันเตรียมไว้ให้’?
ตอนนี้ฉางจี้ดูโมโห แต่เมื่อผ่านไปซักพักฉางจี้ก็คิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าหลิวหัวไม่รับของกำนัลจากเขาจริงๆล่ะก็ หลิวหัวเองก็น่าจะไม่รับของกำนัลจากเกาแพนเหว่ยเช่นกัน ซึ่งก็แสดงว่าตราบใดที่หลิวหัวนั้นยังคง ‘งดออกเสียง’ ในที่ประชุมคณะกรรมการต่อไปแล้วเกาแพนเหว่ยเองก็จะไม่สามารถชนะเขาได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามฉางจี้ก็จะได้เป็นรองหัวหน้าคนต่อไปของสำนักงานกิจการทั่วไปอยู่ดี!
ดงซูบินค่อยๆเดินออกจากหลังต้นไม้เนื่องจากตอนนี้ฉางจี้เดินลับสายตาไปไกลพอสมควรแล้ว ดงซูบินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ยังคงเดินเข้าไปในที่อพาร์ทเม้นท์อยู่ดี
อาคาร 1 ชั้น 5
ดงซูบินเริ่มสูดหายใจเข้าลึก ๆ และกดออดของห้อง 501
ติ้งต๊อง, ติ้งต๊อง ประตูเปิดออกและหลิวหัวก็ถามว่า:“ ต้องการพบใครกัน”
ดงซูบินรู้สึกประหม่าขึ้นมาและพูดไปทันทีว่า:“ หัวหน้าหลิว หัวหน้าอาจไม่รู้จักผม ผมขอแนะนำตัวนะครับ ผมดงซูบินจากสำนักกิจการทั่วไป จริงๆแล้วผมควรได้พบกับหัวหน้าก่อนหน้านี้ แต่มันตรงกับวันหยุดตอนเดือนตุลาคม และสำนักงานของผู้อำนวยการหลี่ก็เกิดไฟไหม้ ผมเองก็ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนั้นและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จึงไม่ได้พบกับหัวหน้าหลิวเลยสักครั้ง” ดงซูบินกล่าวเหตุการณ์สำคัญเพื่อให้เขาดูหน้าเชื่อถือ ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่เขาลุยกองเพลิงเข้าไปเอาเอกสารสำคัญ เพราะดงซูบินต้องการรู้ว่าหลิวหัวนั้นจะรู้จักเขาหรือไม่
หลิวหัวมองไปที่ดงซูบินอย่างสงบและพยักหน้าของเขา
เมื่อเห็นหลิวหัวไม่ได้พูดอะไร ดงซูบินก็ยิ้มอย่างเขินอายและยกกระเป๋าช็อปปิ้งที่เขาถืออยู่ขึ้นมา “ นี่คือผมของฝากเล็กๆน้อยๆให้กับคุณนาย…. จริงแล้วมันก็ไม่ได้มีมูลค้าอะไรมากนัก หัวหลิวช่วยรับมันไว้ด้วยนะครับ” ดงซูบินเปิดกระเป๋าช็อปปิ้งเพื่อแสดงให้เขาเห็นข้างในว่าไม่มีอะไรอยู่ในนั้น แม้ว่าหลิวหัวจะดูมีอายุแต่ภรรยาของเขาน่าจะแก่กว่าดงซูบินประมาณ 10 ปีได้ และหลิวหัวนั้นเป็นหัวหน้าของดงซูบิน จึงทำให้ดงซูบินใช้สรรพนามแทนภรรยาของหลิวหัว ว่าคุณนายเพื่อเป็นการให้เกียรติ
หลิวหัวเขาเริ่มขมวดคิ้วและตอบกลับไปว่า “ ขอบคุณสำหรับของฝากนะ แต่โปรดเอามันกลับไปเถอะ”
ดงซูบินเองก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “ หัวหน้าหลิวผม……”
“ เอาคืนไป” หลิวหัวผลักมือของดงซูบินออกไปอย่างใจร้อน
ในตอนนั้นดงซูบินได้แต่ถอนหายใจอยู่ในใจของเขา ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดึงหลิวหัวให้มาเป็นพวก ‘เฮ้อ!……ฉันยังไร้เดียงสาเกินไปที่จะคิดว่าการให้ของฝากกับภรรยาหัวหลิว จะทำให้ฉันใกล้ชิดกับเขามากขึ้น แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะรู้ว่าหัวหน้าหลิวนั้นต้องการอะไรกันแน่ อีกทั้งเขายังไม่ได้ให้ฉันเข้าไปในบ้านของเขาอีก โอ้ย!!….’
‘เฮ้อ!……ตอนนี้ฉันควรทำยังไงต่อดี?’
ดงซูบินรู้ว่าดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่หลิวหัวจะไม่อยากได้อะไรเลย ทุกคนจะต้องการมีบางสิ่งที่พวกเขาต้องการ ถ้าเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าหลิวหัวต้องการอะไรล่ะก็……
ตัวอย่างเช่นหยางจินหงษ์ เขาต้องการคำพูดเรียบง่ายและไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าเขาไม่รู้จักตัวอักษรจีนมากมาย นี่คือเหตุผลที่ดงซูบินสามารถเขียนคำพูดของเขาและปล่อยให้หยางจินหงษ์นั้นประทับใจในตัวของดงซูบินโดยไม่รู้เลยว่าเขานั้นถูกล้วงรู้ความลับเสียแล้ว
อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ โจวฉางจู เขาชอบเล่นหุ้นและต้องการได้รับการเคารพจากลูกน้องของเขา เมื่อดงซูบินช่วยให้เขาเล่นหุ้นและให้ความเคารพหลังจากเขาเกษียณ เขาก็เสนอชื่อดงซูบินเพื่อเข้าชิงตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักกิจการทั่วไป นั้นรวมไปถึงหลี่ชิงอีกเช่นกันที่ต้องการหลบหนีความรับผิดชอบของเหตุการณ์ไฟไหม้สำนักงานของเขา นี่คือเหตุผลที่เขามีความรู้สึกประทับใจอย่างมากในตัวของดงซูบิน เมื่อดงซูบินพยายามผ่ากองเพลิงเพื่อช่วยให้เขาได้เอกสารสำคัญคืนมา คนสุดท้ายก็คือเสี่ยวหยาน เธอต้องการเอาชนะคู่แข่งของเธอ ดังนั้นเมื่อดงซูบินช่วยให้เธอชนะการแข่งขันฟุตบอลเธอก็เปลี่ยนมาเชื่อใจในตัวดงซูบินอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ
แต่……สิ่งสำคัญตอนนี้คือหลิวหัวนั้นต้องการอะไรกันแน่
‘ฉันควรทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าสิ่งที่หัวหลิวต้องการคืออะไร?’
แหวน, แหวน, แหวน โทรศัพท์ในกระเป๋าของหลิวหัวดังขึ้นมาพอดี
หลิวหัวมองไปที่เบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นโชว์นั้นและตอบว่า: “สวัสดี? พี่เขย? โอ้……ผมอยู่ที่บ้าน…จริงเหรอ? พ่อเป็นคนที่พูดเรื่องนี้หรือว่าเป็นแม่? ตกลง……วันไหน? ไม่เป็นไร…ตกลง…ได้…” เขาถือโทรศัพท์ด้วยมือเดียวและหยิบสมุดบันทึกขนาดเล็กออกจากมือของเขา เขาเขียนอะไรบางอย่างในสมุดบันทึกของเขาและพูดว่า:“ โอเค ได้เขย่าขวดนั้นเลย ผมยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำตอนนี้ บาย.”
ดงซูบินเองก็จ้องที่สมุดโน๊ตนั้นอย่างงุนงง
ผู้คนส่วนใหญ่จะลืมสิ่งต่าง ๆ เมื่อพวกเขากำลังยุ่งเช่นเดียวกับหัวหน้าหลายคนที่มีนิสัยชอบจดบันทึกเพื่อป้องกันการลืมงานของพวกเขา สมุดบันทึกเหล่านี้มีความสำคัญต่อพวกเขามาก มันเหมือนไดอารี่ส่วนตัวของพวกเขาและโดยทั่วไปแล้วจะไม่ยอมให้คนอื่นเห็นเนื้อหาในสมุดบันทึกนั้นเด็ดขาด
แน่นอนว่าหลิวหัวเองก็น่าจะบันทึกสิ่งที่เขาต้องการจริงๆในสมุดบันทึกเล่มนั้นหรือป่าว?
แต่ที่เป็นไปได้ หากหลิวหัวชอบเล่นหุ้นเขาก็จะบันทึกราคาและรหัสในสมุดบันทึกนั้นอย่างแน่นอน หากหลิวหัวมีบางอย่างที่ทำให้เขาหนักใจมันอาจไม่ถูกบันทึกลงในสมุดบันทึกเล่มนั้น แต่ฟังจากน้ำเสียงของเขาและสิ่งต่าง ๆ ที่เขาบันทึกไว้ใครจะเดาได้ ถ้าดงซูบินสามารถรู้ว่าหลิวหัวต้องการอะไร เขาก็จะรู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป
หลังจากวางหูโทรศัพท์หลิวหัวก็หันกลับมามองดงซูบินอีกครั้ง“ มีอะไรอีกไหม”
แทบเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นจะรู้เรื่องส่วนตัวของหัวหน้าของเขา
แต่สำหรับดงซูบินนี่ไม่ใช่ปัญหา
ดงซูบินรีบคว้าสมุดบันทึกเล่มนั้นจากมือหลิวหัว!
มันทำให้หลิวหัวตกใจและตะโกนออกมาว่า:“ เห้ย นั้นนายทำอะไร!”
ดงซูบินเองก็ไม่สนใจเขาและเริ่มพลิกสมุดบันทึกเล่มนั้นอย่างรวดเร็ว
“ สำนักงานกิจการทั่วไปมีคนอย่างงี้ด้วยหรอ แย่ล่ะ! ฉันจะไม่ลืมนายแน่นอน!” หลิวหัวไม่ได้พยายามที่จะนำสมุดบันทึกของเขากลับมาและเริ่มโทรศัพท์ “ สวัสดีหัวหน้าเสี่ยวหรือป่าว คุณรู้จักคนที่ชื่อดงซูบินที่มาจากแผนกของคุณไหม? คุณควรเห็นสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้! เขาคว้าสมุดบันทึกของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต……”
ดงซูบินปิดสมุดบันทึกในทันทีก่อนที่หลิวหัวจะได้พูดอะไรต่อไปแล้วตะโกนว่า“ย้อนกลับ!”
……
ฉากเริ่มเปลี่ยนไป!
“โอเค ได้เขย่าขวดนั้นเลย ผมยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำตอนนี้ บาย.”
หลิวหัวเก็บโทรศัพท์ไว้และถามว่า:“ มีอะไรอีกไหม”
ดงซูบินตอบอย่างสุภาพ:“ ขอโทษที่รบกวนหัวหน้าในวันนี้นะครับ”
หลังจากออกจากเดินออกมาจากอพาทเม้นท์ดงซูบินก็นึกถึงสิ่งที่เขียนไว้ในสมุดบันทึกเล่มนั้นได้แม่นยำ
ไม่มีอะไรสำคัญที่เขียนในหน้าสุดท้าย แต่หลิวหัวเขียนเฉพาะมื้ออาหารเย็นในวันที่ 15 ที่ร้านอาหารว่างฟู เขาต้องซื้อถั่วสดและผักขมหลังเลิกงาน และมีการประชุมเวลา 14.00 น. เป็นต้น ดงซูบินจดจำคำสำคัญในหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึก ‘กำไรหัวสิงโต!’
15 หน้าจากหน้าสุดท้าย: ‘ไม่กี่ปีที่ผ่านมาฉันปล่อยให้ เทียนเทียนทรมานมามากพอแล้ว ฉันต้องปฏิบัติต่อเธอให้ดีขึ้นในอนาคต’
10 หน้าจากหน้าสุดท้าย: เทียนเทียนกำลังค้นหาทั่วปักกิ่งแต่ไม่มีใครเต็มใจขายให้ เธอต้องการหัวสิงโตจริงๆต้องการหัวสิงโตประมาณ 4 แตก
8 หน้าจากหน้าสุดท้าย: ซื้อ หัวสิงโตให้เทียนเทียน
7 หน้าจากหน้าสุดท้าย: ซื้อกำไรหัวสิงโตสำหรับวันครบรอบแต่งงานของเดือนถัดไป
5 หน้าจากหน้าสุดท้าย: เหลือเพียง 10 วัน ต้องได้รับ 46 หัวสิงโต!
บรรทัดที่สองของหน้า 3 หน้าจากหน้าสุดท้าย: วันนี้ฉันต้องไปที่นั่นอีกครั้ง! ฉันไม่เชื่อว่าฉันหามันไม่เจอ!
บรรทัดแรกของหน้า 2 หน้าจากครั้งสุดท้าย: ไม่มีเวลาอีกต่อไป สิ่งแรกหลังเลิกงานคือหัวสิงโต!
เทียนเทียนน่าจะเป็นภรรยาของหลิวหัวและหลิวหัวกำลังหาของขวัญวันครบรอบแต่งงานให้ภรรยาของเขา แต่ดงซูบินกำลังสับสน หัวสิงโต นั่นมันคืออะไรกันแน่? ‘หัวสิงโตไม่ใช่ชื่อของอาหารใช่ไหม?’ ฉูหยวนเคยปรุงอาหารจานนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มันเป็นเพียงเนื้อสับเป็นลูกชิ้นและปรุงด้วยกะหล่ำปลี การทำหัวสิงโตนั้นไม่ได้ยากมากขนาดดงซูบินยังรู้วิธีทำอาหารจานนี้ ‘แล้ว46 คืออะไร 4 แตก เวรล่ะ! มันไม่น่าจะหมายถึงจำนวนคน 46 คนนะ ใครจะให้อาหารกับภรรยาของพวกเขาในวันครบรอบแต่งงานกัน?
‘มันไม่น่าจะใช้อาหารแล้วล่ะ นั่น!’
ดงซูบินนั้นเริ่มมีความคิดลึกซึ้งมากขึ้น เขากำลังคิดว่าหัวสิงโตนั้นมันหมายความว่าอะไรกันแน่
ทันใดนั้นดงซูบินหยุดเดินแล้วตบหน้าผาก!
‘เจ้าโง่ซูบินเอ่ย ……นายทำงานพาสธามที่ตลาดโบราณมาตั้งหลายปีแล้ว! นายหูหนวกหรือยัง? นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหัวสิงโตคืออะไรอย่างงั้นหรอ?
และในที่สุดดงซูบินก็คิดออกว่าหลิวหัวต้องการอะไร!
คนปักกิ่งชอบสะสมวอลนัทและหัวสิงโตเป็นวอลนัทที่แพงที่สุด 4 ซิกที่เขียนในสมุดบันทึกไม่ได้แปลว่าสี่สิบหกหรือ 6666 มันเป็นศัพท์แสลงในท้องถิ่นหมายถึงนักสะสมวอลนัทที่มีความยาว 4.6 ซม.
นั่นหมายความว่าหลิวหัวต้องการหาหัววอลนัทขนาด 4.6 ซม. เป็นของขวัญให้ภรรยาของเขาในวันครบรอบแต่งงานของเขา!
จริงๆแล้วดงซูบิน น่าจะมีความสุขที่ได้รู้เรื่องนี้ แต่เขากับทำหน้าบึ้งและดูเหมือนจะมีปัญหา
เพราะหัวสิงโตเป็นรายการของสะสมอันดับต้น ๆ ในคอลเลกชันวอลนัท มันอยู่ในหมวดหมู่เดียวกันกับหัวเสือ และ สกอลาร์แฮต แต่มันมีค่ามากกว่า หัวสิงโตขนาด 40 มม. และหายากมาก ส่วนหัวสิงโตขนาด 44 มม. และ 45 มม. หายากยิ่งกว่าและราคากว่าเกือบ 10,000 หยวนต่อคู่!
หลิวหัวต้องการหัวสิงโตขนาด 46มม.!
อีกทั้งขนาด46 และ 45 นั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง คุณอาจไม่พบวอลนัทขนาด 46 มม. ซึ่งหนึ่งต้นในสองต้นวอลนัทที่หายาก มันยากเกินไปสำหรับดงซูบินที่จะหาพวกมันได้!
แม้ว่าใครบางคนเป็นเจ้าของหัวสิงโตขนาด 46 จริงๆพวกเขาก็คงจะไม่ขายมันอย่างแน่นอน!
‘เวรเอ๋ย! ฉันจะหาหัวสิงโตขนาด 46 มม. ได้ที่ไหนกัน’
หมายเหตุผู้แปล
วอลนัท ถั่วชนิดหนึ่ง ภาพ
เมล็ดวอลนัทนั้นถือเป็นเครื่องประดับที่หายาก เพราะ จะมีความแตกต่างของขนาดหลังจากปอกเปลือกออกมา ซึ่งมูลค้าของมันจะแตกต่างกันไปในแตะล่ะพันธุ์ของวอลนัท และ ขนาดของเมล็ดซึ่งนักเก็บของเก่าหรือนักเก็บสะสมมักจะเก็บพวกมันไว้ทำราคาหรือเก็บไว้โชว์