POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) - ตอนที่ 72
บทที่ 72 เริ่มขึ้นแล้วการคัดเลือกรองหัวหน้าสำนักกิจการทั่วไป
ผู้แปล loop
มีเพียงเสียงของเครื่องถ่ายเอกสารในสำนักงานกิจการทั่วไปเท่านั้นที่กำลังดังอยู่ในตอนนี้ ไม่มีเสียงของการสนทนาดังขึ้นมาแม้แต่คำเดียว ต้าหลินเหม่ยเองก็คอยดูนาฬิกาอยู่และเธอก็หันไปหาดงซูบิน และ จวงจื้อ เธอยกข้อมือของเธอขึ้นมาตอนนี้คือ 10 โมงเช้า ต้าหลินเหม่ยจึงมองไปที่เกาแพนเหว่ย และ ฉางจี้ ตอนนี้หัวใจของดงซูบินเริ่มเต้นเร็วขึ้น
‘ต้องขอให้โชคชะตาตัดสินแล้ว!’
ณ ชั้น 5 ห้องประชุมหมายเลข 1 การประชุมคณะกรรมการเขตได้เริ่มขึ้นแล้ว
แสงยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างห้องประชุม
ตอนนี้มีคณะกรรมการทั้งหมด 10 คนอยู่ในห้องประชุม หัวหน้าสำนักเขตหยานเหลียงนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ส่วนที่เหลือคือคณะกรรมาการที่นั่งเรียงรายอยู่ข้างๆเขา ผู้ว่าการทางการเมืองโจวเกา รองผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองลี่หมิงหยู รองผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองเฉิงไห่เหม่ยรองหัวหน้าสำนักเขตและผู้อำนวยการฝ่ายกิจการทั่วไปเสี่ยวหยาน หัวหน้าฝ่ายการเมืองหัวหน้าถังปิงรองหัวหน้าสำนักงานสาขาโจวจี้จิง คณะกรรมการตรวจสอบวินัยซองโฉจือ รองหัวหน้าสำนักหลิวหัวและรองผู้อำนวยการสำนักหยางจินหงษ์ การจัดอันดับนี้เป็นไปตามความสำคัญของตำแหน่งของพวกเขา มันไม่ได้เป็นไปตามระบบอาวุโสแต่อย่างใด ตัวอย่างเช่น รองผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองลี่หมิงหยูและรองผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองเฉิงไห่เหม่ยอยู่ในอันดับสูงกว่าหัวหน้าฝ่ายการเมืองปางปินเนื่องจากประสบการณ์และระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ที่เยอะกว่า แต่ในแง่ของอำนาจหัวหน้าปางมีอิทธิพลมากกว่า
หลังจากที่คณะกรรมการทุกคนนั่งอยู่ในห้องจนครบ หยานเหลียงได้ไอขึ้นมา
เสี่ยวหลุผู้ดูแลการประชุมปิดประตูห้องประชุม และนั่งในมุมหนึ่งพร้อมปากกาและกระดาษเพื่อไว้จดการประชุมวันนี้
“ วันนี้มีการประชุมหลายวาระ ก่อนอื่น…….” หยานเหลียงนั้นไม่เหมือนกับหัวหน้าคนอื่นๆที่พวกเขาจะเริ่มพูดถึงว่าพรรคหรือนโยบายนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เขาไม่ใช่คนที่ชอบใช้เวลาโดยเสียเปล่า อีกทั้งเขาเป็นคนตรงไปตรงมา “ เมื่อไม่นานมานี้พื้นของอาคารยงอันเหม่ยนั้นเกิดทรุดตัวลง ทำให้หน้าอาคารนั้นเกิดความเสียหาย ข้อเสนอแนะจากฝ่ายปฏิบัติงานคือสำนักของเรานั้นมีผู้เข้าออกมาเกินไปและไม่เหมาะสำหรับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่จะประจำอยู่อาคารแห่งนี้ พวกคุณทุกคนคิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง?”
หยางจินหงษ์เป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา “ ถึงเวลาแล้วที่เราจะเปลี่ยนสถานที่ใหม่ อาคารเหล่านี้มีอายุหลายสิบปีแล้วนะครับหัวหน้าโปรดพิจารณาด้วย”
“เราจะย้ายสถานที่ได้ยังไงกัน?” รองผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองหลี่หมิงหยูถามขึ้น “ มันจะต้องใช้เวลานานกว่าที่เราจะหาสถานที่ที่เหมาะสมเช่นนี้ได้ การที่พื้นของอาคารทรุดตัวลงนั้นก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง มันไม่ง่ายเลยที่จะย้ายไปที่ใหม่ได้ง่ายขนาดนั้น คุณต้องดูปัญหาเรื่องความปลอดภัยด้วย ผมคิดว่าเราควรรายงานเรื่องนี้ต่อสำนักเมืองและดูว่าพวกเขาสามารถทำอะไรกับพื้นที่ด้านหน้าเขตของเราได้บ้าง มันจะดีที่สุดถ้าเราไม่ต้องย้ายไปสถานที่ไหนเลย”
คณะกรรมการคนอื่นๆเริ่มโต้เถียงเกี่ยวกับปัญหานี้
หยานเหลียงเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาฟังการสนทนาซักครู่ก่อนที่จะมองไปเสี่ยวหยาน “ หัวหน้าเสี่ยว! งานนี้อยู่ในเขตความรับผิดชอบของคุณ คุณคิดว่าอย่างไรบ้าง?”
เสี่ยวหยานยิ้มและเงยหน้าขึ้นมาอย่างมั่นใจ “ หัวหน้าหยางพูดถูกแล้ว อาคารเขตปัจจุบันของเรามันเก่าเกินไปและยังชำรุด อีกทั้งยังมีจุดที่จะต้องซ่อมแซมอยู่หลายจุดด้วยกัน หากเราสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อย้ายไปยังอาคารใหม่ได้ ดิฉันย่อมเห็นด้วยอย่างแน่นอน แต่ปัจจัยสำคัญคือเงินทุน งบประมาณของเขตของเรามันจะมีมากพอที่เราจะทำแบบนั้นได้ไหม? ……”
หยานเหลียงยกมือขึ้นเพื่อหยุดเสี่ยวหยานไว้ก่อน “ นี่เป็นปัญหาสำคัญ! เราจะหาวิธีในการระดมทุน คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เราควรเน้นว่าควรย้ายไปที่ที่ใหม่หรือไม่” หยานเหลียงหยุดไปชั่วคราวและพูดต่อไปว่า “ใครที่เห็นด้วยกับแนวคิดของดิฉันโปรดยกมือสนับสนุนด้วยค่ะ” หยานเหลียงยกมือขึ้นและคณะกรรมการคนอื่นๆก็ยกมือ ยกเว้นรองผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองหลี่หมิงหยูและคณะกรรมการตรวจสอบวินัยซอนโฉจือ พวกเขาคัดค้านข้อเสนอแนะนี้ หลิวหัวเองก็งดออกเสียงอีกตามเคย เขามองดูคนทั้งหมดในขณะนั้นและไม่พูดอะไรออกมา
ดังนั้นเรื่องนี้จึงได้รับการอนุมัติ
หยางเหลียงจึงพูดถึงวาระต่อไป:“ ต่อไป……”
ที่จริงคณะกรรมการพรรคควรมีสมาชิกอยู่เป็นจำนวนคี่ เพื่อป้องกันสถานการณ์ที่มีการลงคะแนนเสียงทั้งสองฝ่ายเท่ากัน แต่ในสำนักสาขาเขตตะวันตกมีรองหัวหน้าหลิวหัวอยู่ซึ่งเป็นผู้ที่งดออกเสียงในทุกๆเรื่อง……สมาชิกส่วนที่เหลือเคยชินกับเรื่องนี้ ทุกคนปฏิบัติต่อคณะกรรมการชุดนี้เหมือนมีสมาชิกทั้งหมด 9 คน และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลังจากที่หยางจินหงษ์ถูกย้ายขึ้นมาเป็นคณะกรรมการกับไม่มีรายงานไปยังเบื้องบนเพื่อแจ้งเพิ่มจำนวนสมาชิก
ปัญหาในหัวข้อต่อไปไม่จำเป็นต้องลงคะแนน หลังจากการอภิปรายบางส่วน คณะกรรมการเกือบทุกคนมีความคิดเห็นเหมือนกันทั้งหมด
ประเด็นต่อไปคือ 5 คะแนนเห็นด้วย 4 คะแนนคัดค้านและงดออกเสียง 1 ครั้ง
ประเด็นต่อไปคือ 9 คะแนนโหวตเห็นด้วยและ 1 คะแนนงดออกเสียง
ประเด็นต่อไปคือ 7 คะแนนโหวตเห็นด้วย 2 คัดค้านและ 1 คะแนนงดออกเสียง
ประธานของคณะกรรมการส่วนใหญ่จะไม่ต้องการให้มีโหวตในการตัดสินใจ มันจะทำให้ประธานดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถควบคุมคนของเขาได้ แต่สไตล์การเป็นประธานของหยานเหลียงนั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นคนที่ยุติธรรมและชอบที่ให้ความเป็นธรรมกับคนอื่นๆ นี่คือสาเหตุที่ตราบใดที่สมาชิกคนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับสมาชิกคนอื่นๆ เขาจะขอให้สมาชิกโหวตเพื่อตัดสินใจว่าควรจัดการกับปัญหาอย่างไร
“ ต่อไปคือปัญหาบุคลากร หัวหน้าปาง!” หยานเหลียงและคณะกรรมการคนอื่นๆพลิกไปที่หน้าสุดท้ายของเอกสารที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขา
ปางปิน ซึ่งเขาเป็นคนตัวเตี้ยและอ้วน เมื่อเขาได้ยินหัวหน้าหยานเรียกเขา เขาจึงรีบตอบรับทันที “ เมื่อหลาบเดือนก่อนรองหัวหน้าโจวฉางจูจากสำนักงานกิจการทั่วไปขอเกษียณก่อนกำหนดเนื่องจากสุขภาพของเขา และหลังจากการพิจารณาแล้วเราได้จัดอันดับรายชื่อข้าราชการ 3 คนเพื่อที่จะมาแทนที่เขา จากสำนักงานกิจการทั่วไป ซึ่งมีเกาแพนเหว่ยจากสำนักงานกิจการ ฉางจี้จากสำนักงานกิจการทั่วไป และดงซูบินจากสำนักงานกิจการทั่วไป
หยานเหลียงพยักหน้า “ ข้อมูลของผู้สมัครทั้ง 3 คนอยู่ตรงหน้าพวกคุณแล้ว เราจำเป็นต้องหารือเรื่องนี้กัน.”
การเลือกผู้ดำรงตำแหน่งนั้นเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมีหลายปัจจัยทางการเมืองในสำนักงานและข้อโต้แย้งส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะเรื่องนี้ คณะกรรมการทุกคนอ่านเอกสารประวัติอย่างตั้งใจ ที่จริงแล้วพวกเขาทั้งหมดอ่านเอกสารเหล่านี้มาก่อนการประชุมแล้ว
“ งั้นผมขอเริ่มก่อนนะครับ” ปางปินนั่งตัวตรงพร้อมหน้าท้องใหญ่ของเขาถูกกดลงที่ใต้โต๊ะประชุม “ รองหัวหน้าสำนักงานกิจการมีบทบาทสำคัญในการจัดทำเอกสารและเรื่องอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็ต้องผ่านสำนักนี้ก่อน ดังนั้นผมรู้สึกว่ารองหัวหน้าคนนี้ต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์ ซึ่งเกาแพนเหว่ยนั้นอยู่ในฝ่ายนี้มาเป็นเวลา 7 ถึง 8 ปี เขาอาวุโสกว่าฉางจี้ และดงซูบินอยู่มาก เขาเองเป็นคนขยันและมีประสบการณ์ ผมเชื่อว่าเขาสามารถเป็นผู้นำของสำนักงานกิจการทั่วไปคนต่อไปได้อย่างแน่นอน”
หยานหลียงได้แต่พยักหน้า แต่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ
หลังจากที่ปางปินพูดเสร็จ เขาก็หันหน้าไปที่รองผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองเฉิงไห่เหม่ย เธอเองรู้ว่าปางปินนั้นกำลังรอให้เธอพูดและสนับสนุนข้อเสนอแนะของเขา แต่เฉิงไห่เหม่ยแสร้งทำเป็นไม่เห็นและเธอก็จ้องมองไปที่โต๊ะด้านหน้าอย่างไม่สนใจใยดี
ปางปินเริ่มขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนนี้สัญญาว่าเธอจะให้การสนับสนุนเกาแพนเหว่ยเมื่อสองสามวันก่อน แต่สองสามวันนี้ท่าทางของเธอดูเปลี่ยนไป ปางปินรู้ว่าเฉิงไห่เหม่ยเปลี่ยนใจและถูกซื้อโดยรองผู้ว่าการการเมืองโจวไปแล้ว เธอเปลี่ยนไปสนับสนุนหลานชายของผู้ว่าการทางการเมืองโจวที่พึงโอนย้ายมาอย่างงั้นหรอ?’
ปางปินสามารถบอกได้ว่ารองผู้ว่าการการเมืองโจวตั้งใจแน่วแน่ที่จะให้คนของเขาได้ตำแหน่งนี้ไป
ดูเหมือนว่าแม้จะมีการสนับสนุนจากหัวหน้าหยาน คะแนนเสียงของเกาแพนเหว่ยก็จะไม่เพียงพอ!
โจวเกาที่นั่งอยู่ตรงนั่นก็มีท่าทีที่มั่นใจก่อนที่เขาจิบชาเล็กน้อย