Rebuild World - ตอนที่ 7 ผีหลอก
บทที่ 7 ผีหลอก
เมื่อเห็นอากิระเดินเข้าไปในอาคารหลังหนึ่งตัวคาฮิโมะนั้นรู้สึกแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ และเมื่อเขารู้เรื่องที่ว่ามีใครบางคนที่เขามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า กำลังติดตามอากิระ มันก็ทำให้เขาระมัดระวังมากขึ้น
“ไอ้เด็กนั่นเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว แล้วผู้หญิงที่ว่าละเฮย์ยะ? เธอกำลังนำทางเขาไปที่นั่นงั้นเรอะ?”
“ใช่ ผู้หญิงคนนั้นชี้ไปที่อาคารและพาไอ้เด็กนั่นเข้าไป พวกมันเข้าไปในอาคารพร้อมกัน วัตถุโบราณอาจอยู่ข้างในอาคารนั่น… แล้วจะทำไงต่อ? เราควรเข้าไปด้วยมะ?”
“…ไม่ เรารอข้างนอกนี่สักพักดีกว่า”
“แน่ใจ? เราอาจคลาดสายตาจากไอ้เด็กนั่นได้นะ”
“เรารู้หน้าตาของไอ้เด็กนั่นแล้วนี่ ต่อให้คลาดสายตาตอนนี้ แต่เรายังสามารถหามันได้อีกถ้ามันกลับไปที่สลัม ดังนั้นไม่มีปัญหาหรอก นอกจากนั้น เราต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้พวกมันเห็น และถ้าไอ้เด็กนั่นออกมาจากอาคารได้ตามปกติ ก็หมายความว่าอาคารนั้นปลอดภัย”
“เฮ้ยๆ ระวังตัวเกินไปหน่อยไหมเนี่ย”
เนื่องจากมีเพียงเฮย์ยะเท่านั้นที่มองเห็นอัลฟ่าได้ เขาจึงสามารถสังเกตุทั้งคู่ได้อย่างใกล้ชิด เขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้จริงๆ ดังนั้นเขาจึงอยากให้คาฮิโมะติดตามพวกนั้นไป แต่เมื่อคาฮิโมะตอบกลับราวกับไม่สนใจ เขาก็เริ่มแสดงความไม่พอใจออกมา
แต่คาฮิโมะก็ยื่นคำขาด
“ถ้าแกไม่อยากรอ ก็ช่างเถอะ ไปคนเดียวก่อนก็ได้ ยังไงแกก็เป็นคนเดียวที่มองเห็นวิญญาณได้ และถ้าเรื่องผีหลอกเป็นเรื่องจริง แกไม่รอดแน่”
“อย่าพูดอย่างนั้นเซ่… เอาเถอะ ฉันเข้าใจว่าฉันรีบเกินไป”
เฮย์ยะเหงื่อออกเล็กน้อยขณะที่เขาเข้าใจคำเตือนนั้น
คาฮิโมะและเฮย์ยะยืนรออยู่พักหนึ่งในขณะที่สังเกตรอบๆอาคารไปด้วย หากเป็นการค้นหาอย่างรวดเร็ว อากิระควรจะออกมาจากอาคารได้ทุกเมื่อ …แต่แม้จะรออยู่นานพอสมควร พวกเขาก็ยังไม่เห็นอากิระออกมาจากอาคาร คาฮิโมะจึงเริ่มรำคาญ
“ทำไมยังไม่ออกมาอีก? ไอ้เด็กนั่นมันตายแล้วรึไง? หรือมันค้นหาวัตถุโบราณจนลืมเวลา?”
สำหรับเฮย์ยะที่สะสมความไม่พอใจไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว
“ฉันบอกแล้วไง เลิกซ่อนตัวแล้วไปค้นหาข้างในอาคารกันเถอะ ถ้าไอ้เด็กนั่นตาย การที่เรารออยู่ตรงนี้มีแต่เสียเวลานะเว้ย”
“…ก็ใช่ แต่มันยังมีสัตว์ประหลาดที่อันตรายอยู่รอบๆบริเวณนี้ ต่อให้จะเจอวัตถุโบราณราคาแพงอยู่ตรงหน้าก็อย่าประมาทละ เข้าใจไหม?”
“ฉันรู้ …ฉันรู้น่า”
เห็นเฮย์ยะที่ทำท่าทางตื่นเต้น คาฮิโมะก็ทำหน้าบูดบึ้ง แม้ว่าเขาจะเตือนทุกอย่างแล้ว แต่เฮย์ยะก็ดูไม่ระวังตัวอะไร
คาฮิโมะหยุดอยู่หน้าทางเข้าอาคารร้าง
“เฮย์ยะ ฉันจะอยู่ที่นี่เพื่อที่แกจะได้ไม่เข้าใจผิดว่าฉันเป็นเด็ก แกไปข้างหน้าและค้นหาในอาคาร หากพบเด็กหรือผู้หญิง หรือมีอะไรเกิดขึ้น ติดต่อฉันทันที นอกจากนี้ กลับมาที่นี่หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เข้าใจไหม?”
“รับทราบ ฉันต้องทำยังไงหากเจอไอ้เด็กนั่น ฉันควรจะลากเขามาที่นี่ไหม?”
“ทำได้หากสถานการณ์มันเอื้ออำนวยแล้วกัน ถ้าไอ้เด็กนั่นสู้กลับหรือทำตัวผิดปกติ ก็ฆ่ามันซะ อย่าปล่อยให้มันหลอกเอาได้ ฆ่ามันเมื่อมีโอกาส”
เฮย์ยะดูประหลาดใจกับคำสั่ง “ฆ่า” ของคาฮิโมะ
“ฆ่า? แน่ใจนะ ว่าเราไม่จำเป็นต้องสอบปากคำไอ้เด็กนั่นก่อน?”
“เราไม่สามารถแน่ใจได้ ว่ามันจะยอมแพ้โดยไม่มีการต่อสู้ ดังนั้นเราจะสามารถสอบปากคำได้หลังจากยิงขาหรือแขนของมันเป็นอย่างน้อยเท่านั้น และระวังอย่าถูกผู้หญิงล่อลวง ตอนนี้มันอาจจะซุ่มโจมตีเราอยู่ก็ได้”
“ทำไมถึงระมัดระวังกับไอ้เด็กนั่นขนาดนั้น มันเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆเองนี่”
เฮย์ยะรู้สึกค่อนข้างแปลกที่เห็นคาฮิโมะระมัดระวังกับเด็กคนนี้จริงๆ ดังนั้นเขาจึงพยายามคลายความตึงเครียดด้วยการหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะของเขาก็เงียบลงเมื่อคาฮิโมะจ้องมองเขาด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“เราพูดถึงผีหลอกเมื่อสักครู่นี้ใช่ไหม? มีโอกาสที่ไอ้เด็กนั่นจะถูกหลอกและล่อมาที่นี่และโดนผู้หญิงคนนั้นฆ่าเหมือนในเรื่องผี ฉันระวังขนาดนี้เพราะหวังดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะไปบังคับอะไรนี่ จะทำอะไรก็เรื่องของแก”
“เฮ้ย เดี๋ยวนะ ถ้าเป็นแบบนั้น แกจะปล่อยให้ฉันเข้าไปคนเดียวจริง ๆอ่ะ?”
“แกเป็นคนเดียวที่มองเห็นผู้หญิงคนนั้น ดังนั้นนอกจากแกแล้วจะเป็นใคร? ไปซะ หากคิดว่าตกอยู่ในอันตราย ให้กลับมาที่นี่โดยเร็วที่สุด ฉันจะรอที่นี่ วิญญาณตัวนั้นอาจจะล่อเรามาที่นี่จริงหรือไม่ก็ได้ ดังนั้นฉันต้องรักษาความปลอดภัยทางเข้า ไม่งั้นจะแย่ เข้าใจไหม?”
“อ่า… เข้าใจแล้ว”
เฮย์ยะเข้าไปในอาคารอย่างประหม่า คาฮิโมะมองเขาแล้วคิด
[โทษทีละกัน แม้แต่ตอนนี้ฉันก็ยังสงสัยว่าทั้งหมดนี่เป็นส่วนหนึ่งของกับดักของไอ้เด็กนั่น และไม่ต้องพูดถึงว่าแกอาจหักหลังฉันหากมันมีวัตถุโบราณมากมายที่นั่น อีกอย่าง… หากเรื่องผีหลอกมีจริงแล้วล่ะก็ ข้างในมันจะต้องอันตรายอย่างแน่นอน ทำหน้าที่ของแกให้ดีที่สุดล่ะ สำหรับฉัน… ฉันจะเริ่มต้นด้วยการดูสถานการณ์ปัจจุบันก่อนที่จะเข้าไป แต่ฉันหวังว่ามันจะเป็นแค่ความกลัวเกินกว่าเหตุเท่านั้น]
คาฮิโมะหัวเราะเยาะในขณะที่เขาส่ง เฮย์ยะ ออกไป
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
อากิระรออยู่ข้างในเพื่อเตรียมต้อนรับคาฮิโมะและเฮย์ยะ เขากำลังทำหน้าจริงจัง แต่ความประหม่าบนใบหน้าก็ยังสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เขาพยายามสงบสติอารมณ์ด้วยการหายใจเข้าลึกๆ
อัลฟ่าบอกแผนเขาไปแล้ว เธอยืนยันเขาด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจว่าเขาต้องทำตามแผนของเธอเท่านั้นจึงจะสามารถชนะได้
อากิระก็เชื่อเช่นนั้นและไม่ใช่ความเชื่อมั่นที่ไม่มีเหตุผล เพราะในอดีต มันทำให้เขาสามารถเอาชนะสุนัขสงครามด้วยปืนพกเพียงกระบอกเดียวเพียงแค่ทำตามคำสั่งของอัลฟ่า ตอนนี้เขากำลังทำตามคำพูดของตัวเองโดยการเชื่อในตัวอัลฟ่าและการสร้างความไว้วางใจระหว่างพวกเขา
“อากิระ พวกมันเข้ามาในอาคารแล้ว หนึ่งในนั้นยืนอยู่ใกล้ทางเข้าและอีกคนหนึ่งกำลังค้นหาในอาคาร ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้วางแผนที่จะสอบสวนคุณเกี่ยวกับสถานที่เก็บวัตถุโบราณ พวกเขากำลังวางแผนที่จะฆ่าคุณ นั่นเป็นเหตุผลที่เราจะไม่ยั้งมือเช่นกัน”
“…อืม”
แม้ว่าเขาจะสนใจว่าอัลฟ่าได้ข้อมูลนั้นมาได้อย่างไร แต่เขาก็เลิกสนใจอย่างรวดเร็ว ถ้าเขานึกถึงสิ่งที่ไม่จำเป็น เขาก็จะทำสิ่งผิดพลาดและมันจะทำให้เขาไม่สามารถทำตามคำสั่งของอัลฟ่าได้อย่างถูกต้อง มันจะเพิ่มโอกาสตายของเขา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปฏิบัติตามคำสั่งของอัลฟ่าและวางแผนอย่างรวดเร็วและแม่นยำที่สุด นั่นคือสิ่งเดียวที่เขาควรจะคิด ดังนั้นเขาจึงตั้งใจและตั้งสมาธิใหม่อีกครั้ง
“เรามาเริ่มกันเลย นายพร้อมหรือยัง”
“พร้อม”
อากิระพยักหน้าอย่างหนักแน่น ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความสงสัยหรือความกลัวบนใบหน้าของเขา ความกลัวและความสงสัยทั้งหมดของเขาถูกผลักออกไปโดยความตั้งใจของเขาเอง
อัลฟ่ายิ้มอย่างพอใจเมื่อมองสิ่งนั้น จากนั้นในวินาทีต่อมา เธอก็หายตัวไปจากสายตาของอากิระ เหมือนที่พวกเขาวางแผนไว้ หลังจากนั้น อากิระก็หายใจเข้าลึก ๆ สีหน้าของเขาจริงจัง และเริ่มวิ่งไปยังสถานที่ที่อัลฟ่าบอกไว้ในแผน
—
ขณะที่เฮย์ยะ กำลังสำรวจในตัวอาคารอย่างระมัดระวัง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาเห็นหญิงสาวในชุดขาวที่โถงทางเดิน นั่นคืออัลฟ่า… หญิงสาวคนนั้นค่อยๆ หายไปในโถงทางเดิน และเขาก็ไม่ได้คิดซ้ำสองเมื่อเขาเริ่มวิ่งไปทางเธอ แต่เขาจำคำเตือนของคาฮิโมะได้ เขาจึงหยุดตัวเองและเริ่มติดต่อคาฮิโมะทันที
“คาฮิโมะ ฉันเห็นผู้หญิงคนนั้นเมื่อกี้”
“เธออยู่กับเด็กหรือเปล่า?”
“ไม่ เธออยู่คนเดียว เธออยู่ลึกเข้าไปในโถงทางเดิน ฉันจะตามเธอไป”
“เด็กคนนั้นอาจจะอยู่ใกล้ๆ ระวังตัวด้วย”
“รับทราบ”
เฮย์ยะเริ่มไล่ตามอัลฟ่า แต่เพราะเขาเคลื่อนที่ช้าโดยระวังอากิระ เขาจึงตามเธอไม่ทัน แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ปล่อยให้อัลฟ่าคลาดสายตา
เขาเคลื่อนไหวช้าๆ ยืนยันความปลอดภัยของสภาพแวดล้อม จากนั้นจึงเคลื่อนไหวอีกครั้ง ขณะที่เขาทำเช่นนั้นซ้ำๆ สีหน้าของเขาก็เริ่มคลายลง และในจังหวะนั้นความระมัดระวังของเขาก็คลายลงเช่นกัน ทุกครั้งที่เขามองไปที่อัลฟ่า เขาใช้เวลาชื่นชมรูปร่างที่สวยงามของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงใช้เวลาน้อยลงในการเฝ้าดูสิ่งรอบตัว
เขาสามารถเห็นผิวขาวเนียนของอัลฟ่าได้จากช่องว่างด้านหลังชุดสีขาวงดงามนั้น ผมยาวสลวยของเธอเกือบจะแตะพื้น ทุกครั้งที่เธอหันกลับมาเฮย์ยะมองเห็นหน้าอกที่สมบูรณ์แบบและใบหน้าที่สวยงามของเธอ การผสมผสานระหว่างความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอกับชุดที่งดงามทำให้ เฮย์ยะตกหลุมรักเธอทันที เขาอยากจะเห็นหน้าเธอใกล้ๆ และสัมผัสผิวอันอ่อนนุ่มของเธอจริงๆ
แผ่นหลังที่เย้ายวนใจของอัลฟ่าอยู่ตรงหน้าเขา เขาไม่สามารถหยุดความปรารถนาของเขาได้ เขาลดการป้องกันลงและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เมื่อใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวกลายเป็นใบหน้าของคนวิปริต เขาก็โยนคำว่าระมัดระวังออกไปนอกหน้าต่าง
หลังจากติดตามเธอมาระยะหนึ่ง ในที่สุดเฮย์ยะก็ไล่ตามอัลฟ่าทันจนได้ เขายิ้มให้อัลฟ่าที่ยืนอยู่สุดทางเดิน เขาเห็นอัลฟ่าอ้าปากราวกับว่าเธอกำลังพูดอะไรกับเขา
เฮย์ยะพยายามฟังสิ่งที่อัลฟ่าพูด แต่เขาก็ไม่ได้ยินอะไรเลย เขางงเล็กน้อยกับเรื่องนั้น แต่อัลฟ่ายังคงขยับริมฝีปากของเธอในขณะที่ยิ้ม
จู่ๆ อัลฟ่าก็มองไปด้านข้างของเธอราวกับว่าเธอเพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เฮย์ยะถูกหลอกให้ทำตาม แต่เขาไม่เห็นอะไรผิดปกติผ่านหน้าต่างที่ไม่มีกระจกนั่น สีหน้างุนงงของเขาปรากฏขึ้น ทันใดนั้น เสียงปืนก็ดังก้องมาจากด้านหลังของเขา
เขาได้ยินเสียงปืน 3 นัด กระสุนนัดแรกผ่านรักแร้ของเขา กระสุนนัดที่สองตกลงบนพื้นที่เขายืนอยู่ ขณะที่กระสุนนัดที่ 3 เฉือนเอาเนื้อบางส่วนออกจากหูขวาของเขา
คนที่ยิงเขาคืออากิระ ซึ่งยิงเขาจากโถงทางเดินทิศตรงข้ามกับทิศที่เขาหันหน้าหลังจากที่เขาถูกอัลฟ่าล่อลวง
เฮย์ยะตกตะลึงไปสองสามวินาทีจากสิ่งที่เกิดขึ้น แต่แล้วเขาก็กลับมามีสติเพราะความเจ็บปวดที่มาจากหูของเขาและเริ่มยิงกลับ เสียงปืนดังก้องในอาคารขณะที่เขายังคงยิงอย่างต่อเนื่อง กระสุนนับไม่ถ้วนทะลวงพื้น เพดานและผนัง แต่อากิระนั้นซ่อนตัวทันทีในช่วงที่เฮย์ยะกำลังตกตะลึง ดังนั้นการยิงสวนกลับของเขาจึงเป็นเพียงการเสียกระสุนไปเปล่าๆ
เสียงของคาฮิโมะดังออกมาจากอุปกรณ์สื่อสาร
“เฮย์ยะ!! เกิดอะไรขึ้น?!!”
เฮย์ยะหายใจแรงขณะที่เขาตะโกน
“บ้าเอ้ย ไอ้เด็กเหี้ยนั่น!! ไอ้เด็กนั่นมันยิงฉัน!! ไอ้เด็กเวรนั่น!! ฉันเกือบจะเสร็จมันแล้ว!!”
“มันเกือบจัดการแกได้เรอะ? แกถูกยิงจากระยะใกล้ทั้ง ๆ ที่ระวังตัวแล้วเนี่ยนะ? รายงานสถานการณ์มา!! และระวังรอบตัวไว้ด้วย!!”
เฮย์ยะพยายามสงบสติอารมณ์และเริ่มอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อได้ยินคำอธิบายของเขา คาฮิโมะก็หงุดหงิดและเริ่มดุเขา
“แกกำลังบอกว่าเกือบจะถูกฆ่าเพราะไล่ตามผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ? ไอ้โง่เอ้ย ฉันเตือนแกซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังเธอไม่ใช่เรอะ?”
“มันช่วยไม่ได้นี่หว่า ผู้หญิงคนนั้นสวยจริงๆ รู้ไหม!”
“เหอะ นี่แกกำลังบอกว่าเธอสวยจนแกยอมตายงั้นสิ? ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเรื่องผีหลอกมันถึงเกิดขึ้นได้”
ข้อแก้ตัวของเฮย์ยะมันไม่เพียงพอที่จะทำให้อารมณ์ของคาฮิโมะใจเย็นลง คาฮิโมะรู้ดีว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะเริ่มพูดเรื่องไม่สำคัญแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงพูดตัดบทและเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ไหม?”
“ใช่ เธอยืนอยู่ตรงนี้ ดูเหมือนเธอจะพูดอะไรซักอย่างแต่ฉันไม่ได้ยินเธอเลย”
“อย่างที่คิด ข้อมูลเดียวที่ดวงตาของแกได้รับจากเครือข่ายคือภาพเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย ตรวจดูว่าแกสามารถสัมผัสเธอได้หรือเปล่า ใครจะไปรู้ เธออาจจะมีตัวตนจริงๆแต่ฉันอาจจะมองไม่เห็นก็ได้
เธออาจเป็นตุ๊กตาที่มีความสามารถในการพรางตัวด้วยแสงซึ่งสายตาปกติมองไม่เห็น แต่ดวงตาของแกควรจะมองเห็นพวกมันเพราะงั้นลองสัมผัสเธอดู”
เฮย์ยะยื่นมือไปที่หน้าอกของอัลฟ่า แต่มือของเขาไม่สามารถสัมผัสหน้าอกอันสวยงามนั้นได้ มือของเขาผ่านหน้าอกของอัลฟ่าและเข้าไปข้างในร่างกายของอัลฟ่า เฮย์ยะรู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันสัมผัสเธอไม่ได้ มันเป็นเพียงแค่ภาพเสมือน แค่คิดว่าฉันไม่สามารถรู้สึกถึงหน้าอกอันน่าทึ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ มันเป็นการทรมานกันชัดๆ… เดี๋ยวนะ สาวสวยคนนี้เป็นเพียงแค่ภาพฉายก็จริง
แต่แค่นี้ก็อาจทำเงินให้ฉันได้มากนะเนี่ย… ในเมื่อฉันเห็นเธอ ฉันน่าจะลองหาที่มาของภาพนี้แล้วออกไปขาย…”
“นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องแบบนั้นนะเว้ย!! รีบตรวจสอบให้เสร็จซะ!!”
คาฮิโมะตะคอกตัดบทเฮย์ยะ
“ต่อไป ลองบอกให้เธอยกมือขวาขึ้น”
เฮย์ยะบอกให้อัลฟ่ายกมือขึ้น อัลฟ่าหยุดขยับปากแล้วยกมือขวาขึ้น
“โอ้! เธอยกมือขวาขึ้นเหมือนที่ฉันบอกเธอด้วยแฮะ”
“เอาล่ะ บอกให้เธอชี้ไปที่บุคคลอื่นนอกจากแกที่อยู่ที่นี่ และทิศทางของเด็กที่อยู่ใกล้ที่สุด”
“คำสั่งบ้าอะไรเนี่ย?”
“แค่ทำมัน!”
“โอเค”
เฮย์ยะบอกตามคำที่คาฮิโมะบอก หลังจากนั้นอัลฟ่าก็ชี้ไปที่จุดๆหนึ่ง
“เฮย์ยะ เป็นยังไงบ้าง? ผู้หญิงคนนั้นชี้มาที่ฉันรึเปล่า?”
“รอสักครู่… ตาม AutoMap ของฉัน ฉันอยู่ตรงนี้และแกอยู่ตรงนั้น ดังนั้น… เฮ้ย!! เธอกำลังชี้ไปที่แกจริงๆด้วยว่ะ !! ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวอะไรกันแน่!!”
เฮย์ยะรู้สึกประหลาดใจ แต่คาฮิโมะตอบกลับด้วยเสียงสถบดังลั่น
“เหี้ยเอ้ย!!”
“มีอะไร?”
“นี่มันเป็นกับดัก! ไอ้เด็กนั่นรู้ตำแหน่งของเราแล้ว! มันอาจจะขอให้ผู้หญิงคนนั้นชี้ระบุเป้าหมายรอบตัว หรือก็คือมันค้นพบเราแล้ว! ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่เหยื่อล่อ!!
ไอ้เด็กนั่นคงบอกให้เธอเดินไปรอบๆ อาคารแล้วหลอกล่อแกไปยังที่ที่มันจู่โจมได้ง่าย! อย่างตอนนี้ที่มันหลอกล่อแกให้อยู่ที่นั่น!!”
เฮย์ยะตะโกนออกมาอย่างโกรธเคืองทันที
“ไอ้เด็กเวรนั่น!!! กล้าดียังไงมาดูถูกฉัน!! ฉันจะฆ่ามันให้สาสม!!”
“ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นไกด์หรืออะไรสักอย่างของซากปรักหักพัง เนื่องจากมันเชื่อฟังคำสั่งของแก ฉันสันนิษฐานว่ามันคงปฏิบัติตามคำสั่งของใครก็ได้
ทีนี้แกออกคำสั่งให้ผู้หญิงคนนั้นนำทางไปยังที่ที่ไอ้เด็กนั่นซ่อนอยู่และฆ่ามันซะ …ต้องการความช่วยเหลือไหมล่ะ?”
“ไม่เป็นไร! ตราบใดที่มันไม่ทันตั้งตัว ฉันสามารถจัดการเด็กตัวเล็กๆ อย่างมันคนเดียวได้! ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นแค่มือสมัครเล่นที่มีปืนในมือเท่านั้น!”
“ระวังไว้ก็แล้วกัน! ถ้ามันเป็นผู้เชี่ยวชาญ ตอนนี้แกคงตายจากการซุ่มโจมตีไปแล้ว”
“เออน่า ตรวจสอบทางหนีทีไล่ไว้ด้วย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไอ้เด็กนั่นจะไม่หนีไปไหน”
เฮย์ยะตะโกนใส่อัลฟ่า
“แสดงให้ฉันเห็นว่าเด็กอยู่ที่ไหน !!”
เฮย์ยะเดินตามหลังอัลฟ่าอีกครั้ง แต่คราวนี้ แทนที่จะรู้สึกหลงใหลในรูปร่างที่สวยงามนั้น เขากลับเต็มไปด้วยความโกรธ เขาโกรธเสียจนรูปร่างที่เย้ายวนใจของอัลฟ่าไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเขาเลย
—
อากิระกำลังวิ่งอย่างเร่งรีบไปยังจุดถัดไปในแผนที่วางไว้ เขาได้ยินเสียงของอัลฟ่าพูดขึ้น
“น่าเสียดาย ที่แผนแรกล้มเหลว อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่”
เขามองไม่เห็นอัลฟ่า แต่เขาได้ยินเสียงของเธอ เหมือนกับตอนที่เขาซุ่มโจมตีเฮย์ยะ เขาฟังแค่เสียงสัญญาณจากอัลฟ่าเพื่อเริ่มโจมตีไปที่เฮย์ยะ
มุมอับที่เขาซ่อนตัว จังหวะจู่โจม จำนวนนัดที่เขายิงก่อนจะถอนตัว ทั้งหมดนี้ทำตามคำสั่งของอัลฟ่า อากิระพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปฏิบัติตามทุกคำสั่งของอัลฟ่าให้ถูกต้องที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถจัดการศัตรูได้ สีหน้าของอากิระเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในขณะที่เขาแสดงความเสียใจเล็กน้อย
“…มันเป็นความผิดพลาด ฉันน่าจะเล็งให้ดีกว่านี้…”
เขาพึมพำคำพูดเหล่านั้นในขณะที่เขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเพียงแต่เขาเข้าไปใกล้กว่านี้หรือเล็งให้แม่นกว่านี้ ศัตรูของเขาก็จะตาย อากิระไม่สงสัยในคำสั่งของอัลฟ่าเลยแม้แต่น้อย เพราะคำสั่งนั้นทำให้เขาสามารถยิงด้านหลังที่ไม่มีการป้องกันของศัตรูได้ด้วยซ้ำ …มันเป็นการโจมตีทีเผลอที่สมบูรณ์แบบ แต่ถึงจะอย่างนั้น เขาก็ไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ ถ้าจะถามว่าใครพลาดในแผนการณ์นี้ ก็ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน
แต่แล้วอัลฟ่าก็ตอบกลับมาด้วยเสียงดุ
“ไม่ นายไม่ควรทำแบบนั้น หากนายเข้าไปใกล้มากกว่านี้หรือหยุดแม้เพียงชั่วครู่เพื่อที่จะเล็งได้ดีขึ้น โอกาสที่นายจะถูกฆ่าจากการโจมตีสวนกลับก็จะเพิ่มสูงขึ้น สิ่งที่นายทำคือแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดแล้ว”
สำหรับแผนการณ์การจู่โจมเฮย์ยะของอากิระ อัลฟ่าได้พิจารณาถึง อุปกรณ์ ทักษะ และนิสัยของพวกเขาตามลำดับ ดังนั้น หากอากิระกระทำการนอกเหนือไปจากที่เขาได้รับคำสั่ง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการซุ่มโจมตีของเขาก็จะลดลง ดังนั้นเธอจึงเตือนอากิระอย่างจริงจัง
“…ฉันรู้… อย่างที่คิด ฉันนี่มันอ่อนแอจริงๆ”
แม้ว่าเขาจะทำสุดความสามารถแล้วแต่มันก็ยังไม่เพียงพอ เขาได้รับการตอกย้ำอีกครั้งว่าเขาอ่อนแอเพียงใดเขาก็รู้สึกขมขื่น เมื่อรู้เช่นนั้น อัลฟ่าก็พูดกับอากิระด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่นุ่มนวล
“ทุกคนเริ่มจากคนคนอ่อนแอกันทั้งนั้นแหละอากิระ นายทำสุดความสามารถและนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด นายเพิ่งโจมตีอย่างกะทันหันใส่คนที่แข็งแกร่งกว่าและสามารถล่าถอยได้อย่างปลอดภัย ฉันคิดว่ามันน่าทึ่งทีเดียว สำหรับเด็กคนเดียวที่ขาดทักษะ นายสามารถฝึกฝนให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อพัฒนาในภายหลัง ฉันจะฝึกฝนนายอย่างต่อเนื่องแม้ว่านายจะบอกว่าให้พอแล้วก็ตาม ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เมื่อได้ยินอัลฟ่าพูดถึงเรื่องอนาคตต่อจากนี้ราวกับว่าเธอมั่นใจว่าเขาจะรอดชีวิตจากการเผชิญหน้าครั้งนี้ได้ อากิระก็พยุงตัวเองขึ้นและยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ
“…ก็แบบนั้นแหละ …ฉันเชื่อใจเธอ”
“แค่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉัน และจากการโจมตีทีเผลอเมื่อครู่นี้ ฉันสามารถยืนยันอุปกรณ์และวิธีคิดของศัตรูได้ ฉันได้วิเคราะห์นิสัยหลายอย่างแล้ว ครั้งต่อไปนายจะจัดการมันได้แน่นอน”
“จริงอ่ะ? เธอทำอะไรแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?”
“ฉันเคยบอกนายก่อนหน้านี้แล้ว ว่าฉันมีความสามารถระดับสูงในด้านนี้ใช่ไหม? สำหรับตอนนี้ เพื่อจะจัดการศัตรูให้ได้ นายจะต้องเข้าใกล้อีกฝ่ายมากๆ ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเรื่องนั้นด้วย”
“เข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันพร้อมแล้ว”
เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาควรทำคือทำให้ดีที่สุดสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปเช่นกัน เขาพุ่งไปยังตำแหน่งต่อไปของเขา ความมุ่งมั่นของเขาสามารถเห็นได้บนใบหน้าของเขา
—
ตั้งแต่เขาโกรธ เฮย์ยะก็ไม่ได้สนใจในเรือนร่างของอัลฟ่าเหมือนก่อนหน้านี้ เขาเดินลึกเข้าไปในอาคารในขณะที่ระแวดระวังอากิระ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความระมัดระวังของเขาก็เริ่มคลายลงอีกครั้ง เนื่องจากไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น เขาจึงเริ่มสงบสติอารมณ์และผ่อนคลาย ยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่อัลฟ่ากำลังชี้นำเขา เขาต้องมองไปที่หลังของอัลฟ่า เขาจึงถูกล่อลวงโดยแผ่นหลังที่สวยงามนั้นอีกครั้ง และแม้ว่าเขาจะพยายามเบือนหน้าหนี มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกรำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ กับมุมมองที่น่าหลงใหลนั้น เป็นผลให้เขาเลิกระแวดระวังสิ่งรอบข้าง …ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อที่จะไม่มองอัลฟ่ามากเกินไป เขาจึงไม่สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา
แม้แต่ตัวเขาเองก็เริ่มคิดว่า นี่เริ่มจะแย่แล้ว ความสนใจของเขาถูกแบ่งออกระหว่างความฟุ้งซ่านที่อยู่ตรงหน้าและการตรวจสอบสิ่งรอบข้าง เขาไม่มีเวลาว่างที่จะแบ่งความสนใจไปที่สิ่งอื่นนอกเหนือจากสองสิ่งนี้ คราวนี้ เมื่อเขาหันกลับมามองอัลฟ่าหลังจากตรวจดูรอบๆ แล้ว เธอก็ยืนอยู่ใกล้ทางแยกข้างหน้าเขาแล้วพร้อมกับชี้ไปที่จุดจุดหนึ่ง
[…ไอ้เด็กนั่นอยู่ตรงนั้นสินะ!]
เฮย์ยะคิดว่าอัลฟ่าชี้ไปที่อากิระซ่อนตัวอยู่ เขาวิ่งและหยุดก่อนจะถึงทางแยก เพราะเขาคิดว่าะยะทางเท่านี้ปลอดภัยกว่า เมื่อเขาโผล่ออกไปเพียงครึ่งตัว เขาเหนี่ยวไกที่นิ้วของเขาและยิงลากไปในตำแหน่งที่น่าจะเป็นจุดที่อากิระอยู่
เสียงปืนดังกึกก้องไปทั่วโถงทางเดิน กระสุนความเร็วสูงส่วนใหญ่ตกลงบนพื้น ผนัง และเพดาน เศษกระสุนจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะลุโถงทางเดินและครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดในระยะ
เมื่อเฮย์ยะกำลังจะเปลี่ยนตลับปืนซึ่งตอนนี้หมดไปแล้ว อัลฟ่าก็ลดมือลง เฮย์ยะสังเกตเห็น เลยตีความว่าเป็นสัญญาณว่าเป้าหมายของเขาถูกกำจัดแล้ว
“เห… มันตายแล้วงั้นเหรอ!?”
เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายตายแล้ว เฮย์ยะก็รู้สึกโล่งใจและก้าวเข้าไปในโถงทางเดินโดยไม่เปลี่ยนตลับปืน และพยายามยืนยันว่าเขาได้ฆ่าอากิระเรียบร้อยแล้ว แต่เขาเห็นเพียงโถงทางเดินที่ถูกทำลายไร้ร่องรอยอื่นใดนอกจากกระสุน สีหน้าโล่งใจของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที
“เฮ้ย ไอ้เด็กนั่นไม่อยู่ตรงนี้แล้วนี่หว่า!!”
เฮย์ยะเดินกลับไปหาอัลฟ่า เขาตะโกนอย่างหัวเสียใส่เธอ แต่อัลฟ่าเพียงแค่ยิ้มและขยับริมฝีปากของเธอ เฮย์ยะไม่ได้ยินเสียงของเธอ ดังนั้นเขาจึงตะโกนใส่เธอด้วยความโกรธอีกครั้ง
“อีนังบ้า!! ชี้ไปทิศทางของได้เด็กเวรนั่นซะ!!”
ครั้งนี้ อัลฟ่าชี้ไปทางด้านหลังของเฮย์ยะและเขาก็หันกลับไปในทันที …แต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
พริบตานั้น เสียงปืนหนึ่งนัดก็ดังขึ้น เฮย์ยะรู้ ว่าตัวเขาโดนยิงจากความเจ็บปวดที่แล่นมาจากช่องท้อง เขาตกตะลึงและชะงักนิ่ง สิ่งนี้ทำให้ผู้โจมตีสบโอกาสรัวยิงกระสุนอีกหลายนัดใส่เขา แม้ว่าตัวเฮย์ยะเองจะสวมเพียงชุดเกราะราคาถูก แต่ก็เพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้เขาได้รับบาดแผลร้ายแรงใดๆ เนื่องจากกระสุนไม่สามารถเจาะทะลุได้ แต่เนื่องจากกระสุนหลายนัดเกินไปมันทำให้เขาล้มลงบนพื้นพร้อมกับกรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยว
เฮย์ยะพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะที่เขานอนดิ้นทุรนทุรายบนพื้นด้วยความเจ็บปวด
[เชี่ย…ฉันโดนยิง?! จากที่ไหน? ไม่เห็นมีใครเลย!! มีแต่ผู้หญิงคนนั้น… เดี๋ยวนะ ผู้หญิงคนนั้นยิงฉัน!? เป็นไปไม่ได้!! เธอเป็นแค่ภาพ!! ไม่มีทางที่เธอจะสามารถยิงฉันได้…]
เฮย์ยะ รู้สึกสับสนกับสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ที่เขาเผชิญอยู่ แต่ความสับสนของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อ อากิระก้าวออกมาจากร่างของอัลฟ่า
[มันอยู่ข้างในตัวเธอ ฉันเลยไม่เห็น!?]
อากิระเดินเข้ามาใกล้เฮย์ยะ เขายกปืนขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างและเล็งไปที่หัวของเฮย์ยะ
เฮย์ยะกัดฟันเพื่อทนต่อความเจ็บปวดที่เข้ามาในขณะที่เล็งปืนไปที่ อากิระแล้วเหนี่ยวไกปืน …แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาพึ่งนึกได้ว่ากระสุนในปืนของเขาว่างเปล่า
ต่อหน้าความตายที่ใกล้เข้ามา เฮย์ยะดึงพลังสมองทั้งหมดของเขาซึ่งปกติเขาไม่ได้ใช้ เพื่อคิดหาทางรอดชีวิต พริบตาก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
[…มันก็เป็นกับดักตั้งแต่แรกใช่มั้ย?]
อัลฟ่าทำให้เขาเบือนหน้าไปอีกทางเมื่ออากิระทำการซุ่มโจมตีทีเผลอเพื่อดึงความสนใจของเขาไปที่อื่น ครั้งนี้เธอหยุดอยู่ในตำแหน่งแปลก ๆ แล้วชี้นิ้วให้เขาใช้กระสุนจนหมด และหยุดชี้นิ้วเพื่อให้เขาหยุดการกระหน่ำยิงอีกรอบหรือแม้แต่เปลี่ยนตลับกระสุน และอย่างสุดท้ายเธอหันมายิ้มให้เขาเพื่อลดการป้องกันของเขาลง
เมื่อเขาตระหนักได้ว่า ร่างกายของเธอ ชุดของเธอ โถงทางเดินที่เธอล่อให้เขาเข้าไป ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเธอเมื่อเธอนำทางเขา และสิ่งเล็กน้อยอื่นๆ ทั้งหมดล้วนมีไว้เพื่อฆ่าเขา! เขาคิดถึงสิ่งไร้ประโยชน์เหล่านี้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาเพิ่งเสียเวลาอันมีค่าและกำลังสมองไปกับสิ่งไร้ความหมายเหล่านี้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
เฮย์ยะพึมพำในขณะที่ยิ้มแบบบิดเบี้ยวด้วยความกลัว
“… ผะ…ผีหลอก…”
หลังจากนั้นกระสุนของอากิระก็เจาะทะลุศีรษะของเขาและจบชีวิตลง สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือรอยยิ้มเหี้ยมโหดของอัลฟ่าขณะที่เธอเข้าไปกอดอากิระ
เสียงของคาฮิโมะดังออกมาจากอุปกรณ์สื่อสารของเฮย์ยะ
“เฮย์ยะ เกิดอะไรขึ้น? แกจัดการไอ้เด็กนั่นได้หรือยัง”
แต่แล้วอัลฟ่าก็เตือนอากิระ
“อย่าไปตอบโต้กับอีกฝ่าย ถ้านายทำแบบนั้นเขาจะรู้สถานการณ์ฝั่งนี้”
อากิระรีบห้ามตัวเองไม่ให้ส่งเสียงและพยักหน้า
“รีบถอดอุปกรณ์ของมันออกมาก ทีนี้เราจะมีอาวุธมากขึ้นแล้ว”
อากิระปล้นเอาอุปกรณ์ของเฮย์ยะแทบทั้งหมดออกมา แม้ว่าขนาดมันจะไม่เหมาะกับเขา แต่อย่างน้อยเขาก็มีอุปกรณ์ที่ดีขึ้นกว่าก่อนที่มีเพียงปืนเพียงกระบอกเดียว
“ต่อไปก็ โยนศพของเขาออกไปทางหน้าต่างบานนั้น”
อากิระค่อนข้างประหลาดใจกับคำสั่งที่คาดไม่ถึง แต่อัลฟ่าก็ยิ้มให้เขาเหมือนเคย
—
คาฮิโมะซึ่งอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอาคารนั้นเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มากก็น้อย และใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
[นั่นมันเสียงปืนแน่ๆ พอเสียงจบลงเฮย์ยะก็ไม่ตอบกลับ หมายความว่าอย่างน้อยที่สุดก็อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถตอบกลับได้ เลวร้ายที่สุดคือตายไปแล้ว ไอ้นั่นมันทำอะไรโง่ ๆ และถูกเล่นงานอีกครั้งงั้นเหรอ? ไม่สิ ฟังจากเสียงแล้ว อย่างน้อยก็มีการยิงปะทะกันสินะ?]
คาฮิโมะลังเลว่าเขาควรจะไปตรวจสอบสถานการณ์หรือว่าจะรอดูท่าทีไปก่อน
[ถ้าฉันไปตรวจสอบพวกมัน ฉันอาจจะโชคดีรวบวัตถุโบราณไว้คนเดียวได้ ฉันยังสามารถขายอุปกรณ์ของเฮย์ยะเพื่อเงินได้ด้วย แต่ก็มีโอกาสที่จะเป็นการล่อให้เข้าไปเหมือนกัน …ปัญหาคือ ถ้านี่เป็นกับดัก แล้วเราโดนหลอกล่อตั้งแต่ตอนไหน? จะเป็นยังไงถ้าไอ้เด็กนั่นกำลังล่อนักล่าที่มองเห็นผู้หญิงคนนั้นเพื่อฆ่าพวกเขา แล้วเอาอุปกรณ์ของพวกเขาไป?
ถ้าตึกนี้เป็นพื้นที่ล่าเหยื่อของมันล่ะ? ถ้าเป็นงั้นจริง การที่คิดว่าเด็กนั่นเป็นมือใหม่ก็อันตรายมาก… แม่งเอ้ย นี่ฉันคิดมากไปรึเปล่า?]
วัตถุโบราณและเพื่อนที่ตายไป ปัจจัยทั้งสองนี้ทำให้คาฮิโมะลังเล ใจของเขากำลังบอกให้เขาหนีไป เขาหันสายตาไปทางทางออกของอาคารโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทันใดนั้น เขาเห็นศพของเฮย์ยะที่ถูกถอดอุปกรณ์ออกจนหมดร่วงลงมาที่พื้น ตกลงมากระทบพื้นเสียงดัง คาฮิโมะประหลาดใจและจะเข้าไปดูศพของเฮย์ยะ แต่เขาหยุดตัวเองก่อนที่จะก้าวออกไปนอกอาคาร
[ไอ้เด็กนั่นเอาอุปกรณ์ของเฮย์ยะไป มันยังมีชีวิตอยู่และจงใจโยนศพของออกมาข้างนอก นี่มันรู้ตำแหน่งของฉัน…?]
คาฮิโมะเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ เขาเห็นเด็กชายที่ฆ่าเฮย์ยะกำลังวิ่งอยู่บนอาคาร
“…ไอ้เด็กเวรนั่น!”
คู่ต่อสู้ของเขาเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ ความระแวดระวังหายไปจากหัวของคาฮิโมะ เขาเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อฆ่าอากิระ เมื่อเขาดึงแท็บเล็ตออกมาและใช้มันตรวจหาตำแหน่งของเฮย์ยะ เขาสามารถเห็นเครื่องหมายของเฮย์ยะเคลื่อนไหว แสดงว่าอากิระใช้อุปกรณ์ของเฮย์ยะ
[ฉันรู้ตำแหน่งของมันแล้ว ถ้ามันคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่รู้ตำแหน่งคนอื่น มันคิดผิดแล้ว ฉันจัดการมันได้แน่]
คาฮิโมะหัวเราะเบาๆ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในอาคาร
—
อากิระได้รับคำแนะนำอีกครั้งจากอัลฟ่าสำหรับสถานที่ต่อไปสำหรับการจู่โจม
“อากิระ เอามีดที่นายไม่ได้ขายตอนนั้นออกมา”
“อันนี้เหรอ?”
มีดที่เขาหยิบออกมานั้นเป็นมีดของโลกยุคเก่าที่เขาพบครั้งแรกในซากปรักหักพังของเมืองคุคุซึฮาระ ใบมีดของมันดูทื่อและดูเหมือนว่าจะไม่สามารถตัดอะไรได้
“ใช่ อันนั้นแหละ มีกลไกยื่นออกมาที่ด้านล่างของมีดใช่ไหม? ใช้ปืนของนายยิงมันซะ”
อากิระวางมีดลงบนพื้นและเตรียมปืนของเขาให้พร้อม ขณะที่เขาจ่อปืนเข้าไปใกล้มีด เขาถามอัลฟ่า
“…ขอโทษที่ถามแบบนี้นะ แต่ถ้าฉันยิงมันจะหักใช่ไหม?”
“ใช่… มันจะพัง”
“นี่มันโคตรน่าเสียดายเลย นี่เป็นของจากโลกเก่าใช่ไหมล่ะ? ฉันน่าจะได้เงินค่อนข้างมากจากการขายสิ่งนี้…”
“คิดว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแล้วกัน หรือจะให้ฉันแนะนำวิธีอื่นซึ่งอันตรายกว่าวิธีนี้ 3 เท่า นายจะเลือกทางไหนล่ะ?”
เมื่อเห็นว่าอัลฟ่ายิ้มอย่างมั่นใจ อากิระก็ปิดปากแล้วเหนี่ยวไกปืน
—
คาฮิโมะตรวจสอบแท็บเล็ตของเขาอีกครั้งเพื่อหาตำแหน่งของเฮย์ยะ ลูกศรตำแหน่งเฮย์ยะ นิ่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลา 10 นาทีแล้ว อีกฝ่ายอาจกำลังรอที่จะกระโจนเข้าใส่เขาจากจุดนั้น หรืออาจเป็นกับดักบางอย่างก็ได้
คาฮิโมะคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างขณะที่เขาเดินเข้าไปในอาคารอย่างระมัดระวัง
คาฮิโมะพบแท็บเล็ตข้อมูลของเฮย์ยะถูกทิ้งไว้กลางโถงทางเดิน จากนั้นเขาก็หยิบมันขึ้นมาพลางแสดงความรำคาญ
“…ไอ้เด็กนั่นทิ้งแท็บเล็ตไว้ที่นี่เพราะมันรู้ว่าฉันสามารถติดตามตำแหน่งมันได้ด้วยสิ่งนี้งั้นเรอะ?”
พอคิดว่าอีกฝ่ายรู้ตัวเรื่องเครื่องติดตามสัญญาณ คาฮิโมะก็รู้ตัวว่าพลาดแล้ว การที่มันอยู่ตรงนี้เป็นไปได้สองอย่าง คือทิ้งมันไว้แล้วหนีไป ล่อให้เขาเข้ามาตรวจสอบตรงนี้แล้วตัวเองก็แอบหนีออกจากอาคาร หรืออีกอย่างก็คือ…นี่เป็นกับดักที่ล่อเขามาที่นี่!
คาฮิโมะมีสีหน้าเคร่งขรึม เขารู้ว่าสถานที่เขาอยู่นี้ไม่มีที่ให้หลบหรือซุ่มโจมตี หากมีการซุ่มโจมตีแล้วล่ะก็เขาจะต้องรู้ตัวก่อนแน่นอน… แต่ถึงกระนั้น คาฮิโมะก็ไม่อาจสลายความรู้สึกแย่ๆที่กำลังรู้สึกตอนนี้ได้ อีกทั้งความรู้สึกนั้นยิ่งทวีคูณเข้าไปอีก
มาแน่! อีกฝ่าจะโจมตีเข้ามาแน่ แต่ทางไหนล่ะ? สัญชาตญาณของเขามักจะถูกต้องเสมอ และเขาก็เชื่อมัน…แต่ยังไงล่ะ?
ซึ่ง…สัญชาตญาณของเขาก็ถูกต้องจริงๆ
ชั่วพริบตาถัดมา ร่างของคาฮิโมะก็ถูกแยกออกเป็นสองส่วน ชุดเกราะของเขาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ขณะที่ท่อนบนและท่อนล่างของเขาล้มลงและกลิ้งลงไปกับพื้น เขาสามารถเห็นเลือดและอวัยวะของเขาไหลทะลักออกมา
คาฮิโมะตกใจกับความเจ็บปวด ในช่วงสั้น ๆ ที่เขายังมีสติอยู่ เขาสังเกตเห็นว่ามีรอยขนาดใหญ่เกิดขึ้นที่ผนังข้าง ๆ ตัวเขา เขาเข้าใจได้ทันทีว่ามีบางอย่างผ่าครึ่งเขาผ่านกำแพง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้คิดว่ามันคืออะไร ลมหายใจของเขาก็สิ้นสุดลง
—
อีกด้านหนึ่งของกำแพงที่ถูกตัด อากิระตัวแข็งค้าง หลังจากที่เขาเหวี่ยงมีดไปด้านข้าง
ตามที่อัลฟ่าสั่ง เขาเหวี่ยงมีดไปด้านข้างทันทีหลังจากที่เขาทำลายส่วนล่างของมีดด้วยปืนของเขา และเมื่อเขาทำเช่นนั้น แสงสีฟ้าก็พุ่งออกมาตัดร่างของคาฮิโมะและกำแพงที่อยู่ตรงหน้าเขา แต่เดิม ตัวมีดนั้นยาวไม่ถึงกำแพงตรงหน้าเขาด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ทิ้งรอยกรีดยาว 5 เมตรไว้บนกำแพงตรงหน้า รอยกรีดหนา 1 เซนติเมตรทำให้เขาเห็นฝั่งตรงข้ามได้รำไร มีควันออกมาจากรอยตัดและกลิ่นไหม้ลอยคละคลุ้ง หลังจากนั้นมีดก็สั่นสะเทือนและสลายเป็นฝุ่น
อากิระตกใจและยืนนิ่งในขณะที่ถือด้ามมีดที่เหลืออยู่ อัลฟ่าที่อยู่ข้างๆก็ยิ้มและพยักหน้า
“เอาล่ะ อีกฝ่ายตายสนิท ตอนนี้เราปลอดภัยแล้ว”
“…เอ่อ อ่า ใช่…นั่นสินะ”
อัลฟ่าทำราวกับว่า พวกเขาเพิ่งทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้สำเร็จ จิตใจของอากิระไม่สามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างงุนงง จากนั้นเขาก็มองกลับไปที่มีดที่เหลือแต่ด้าม ที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้น
“อัลฟ่า มีดเล่มนี้คืออะไรกันแน่?”
“ถึงนายจะถามฉัน สิ่งที่ฉันรู้ก็คือมันเป็นมีดของโลกเก่า มันมีการใช้โดยคนทั่วไปและขายอย่างเสรี”
“คนธรรมดาในโลกเก่าต้องการพกมีดที่สามารถตัดกำแพงได้ด้วยเหรอ?”
“เป้าหมายของมันไม่ได้เอาไว้ใช้ตัดกำแพงซะหน่อย มันเป็นเพราะพวกเขาอยากให้มันคมขึ้นใช้งานได้นานขึ้น จนถึงจุดที่มันตัดกำแพงได้เท่านั้นเอง แต่ถ้านายไม่ทำลายอุปกรณ์นิรภัยนายก็ทำอะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก
เพราะนายทำลายอุปกรณ์นิรภัยออกไป มันจึงสามารถรวบรวมพลังการตัดสูงสุดไว้ในครั้งเดียว เมื่อทำแบบนั้น มันจะปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดโดยไม่กักเก็บไว้ แล้วทะลายขีดจำกัดจนสามารถตัดคนพร้อมกำแพงได้ในทีเดียว”
“…แค่นั้นมันก็น่ากลัวอยู่ดีไม่ใช่เรอะ?”
“เป็นเครื่องมือที่ปลอดภัยตราบเท่าที่มันถูกใช้อย่างเหมาะสมล่ะนะ แต่เนื่องจากเราใช้มันผิดจุดประสงค์ นายเลยคิดว่ามันอันตราย…แต่มันก็ออกมาดีใช่ไหมล่ะ”
“นั่นสินะ เธอพูดถูก”
แม้ว่าเขาจะคิดว่าสิ่งที่อัลฟ่าพูดนั้นฟังขึ้น แต่เขาก็ยังอดคิดไม่ได้ว่ามีดแบบนี้นี่มันโคตรอันตราย และเมื่อคิดว่าของแบบนั้นถูกใช้อย่างเสรีในโลกเก่า มันทำให้เขารู้สึกทึ่งกับโลกเก่ามากขึ้นกว่าเดิม
อัลฟ่าหัวเราะคิกคักราวกับว่าเธอกำลังแกล้งอากิระ
“ตอนนี้นายพอใจกับการช่วยเหลือของฉันรึเปล่า? แม้ว่าจะต้องทำลายโบราณวัตถุจากโลกเก่า แต่เราก็สามารถเอาชนะนักล่า 2 คนได้ นายรู้สึกขอบคุณที่มีฉันอยู่รึยังล่ะ”
ตรงกันข้ามกับอัลฟ่าที่พูดราวกับเธอล้อเล่น อากิระพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใช่ ต้องขอบคุณเธอที่ทำให้ฉันรอดจากสถานการณ์นี้ได้ ขอบคุณ ฉันขอโทษที่ไม่เชื่อใจเธออย่างเต็มที่จนถึงตอนนี้”
อัลฟ่ากลับมาเป็นปกติและยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันดีใจที่นายเชื่อใจฉัน …ถ้าอย่างนั้นตอนนี้นายอยากทำอะไรต่อล่ะ? จะกลับไปหาวัตถุโบราณเหมือนที่เราวางแผนไว้แต่แรก? หรือกลับบ้าน?…นายเหนื่อรึยัง? มันจะไม่มีประสิทธิภาพที่จะก้าวต่อไปถ้านายเหนื่อยนะ ไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองมากเกินไป”
อากิระทำหน้าลำบากใจ
“…ถ้าจะให้พูดตรงๆ ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก ฉันอยากกลับบ้าน แต่เรายังไม่ได้อะไรเลย ถ้าฉันต้องการรับเงินที่เหลือจากจุดแลกเปลี่ยน ฉันควรเอาอะไรบางอย่างกลับไป…”
“ถ้าอย่างนั้นเราจะค้นหบริเวณแถวนี้ก็แล้วกัน ถ้ามีฉันช่วย อย่างน้อยเราน่าจะหาสมบัติบางอย่างที่ฮันเตอร์คนอื่นพลาดไปได้บ้างล่ะนะ”
อากิระตัดสินใจทำตามคำแนะนำของอัลฟ่าที่ให้ไปดูรอบๆ ก่อนกลับบ้าน เขาสามารถหาผ้าเช็ดหน้าได้เพียงผืนเดียวเท่านั้น และมันก็มีสภาพที่แย่จนนักล่าทั่วไปไม่สนใจ แม้แต่อากิระ ถ้าไม่ใช่เพราะอัลฟ่าบอกเขาว่าพวกมันเป็นวัตถุโบราณของโลกเก่า เขาก็คงไม่สนใจพวกมันเช่นกัน
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ตัดสินใจที่จะกลับเมืองและสรุปการค้นหา จากนั้นเขาก็เลือกที่จะขนของจากศพของคาฮิโมะและเฮย์ยะ ให้ได้มากที่สุดก่อนจะกลับเข้าไปในเมือง
ตึกที่ว่างเปล่ามีศพของคาฮิโมะและเฮย์ยะเพิ่มขึ้นมา นักล่าต่อสู้กันเองและเสียชีวิตเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนี้
—————–
คอมเสียเลยหายไปซะยาว แต่สามารถตามได้ที่เพจเฟชบุ๊ค Avolenn นะครับ
สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ
กสิกร 475-2-65694-8 นายเมือง บ.