Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi - ตอนที่ 132
การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) – ตอนที่ 132
“งานหรอคะ?”
“ใช่ เรื่องนี้ข้าขอร้องได้แค่เจ้าหน่ะ วันนี้ช่วยไปด้วยกันหน่อยได้ไหม?”
“ถ้าองค์ชายพูดถึงขนาดนั้นข้าก็จะทำค่ะ แต่ว่าข้าต้องไปแจ้งองค์ชายลีโอนาร์ดก่อน”
“ข้าบอกเขาให้แล้ว ข้ารอแค่คำตอบจากเจ้าคนเดียว มันเป็นงานที่ยุ่งยากนิดหน่อยเพราะฉะนั้นข้าจะมอบรางวัลพิเศษให้ด้วย ว่ายังไงหล่ะ?”
“ถ้าแบบนั้นข้าก็ขอยอมรับค่ะ ขอให้ข้าติดตามท่านไปด้วยนะคะ”
ลินเฟียตอบกลับอย่างจริงจังเหมือนปกติโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลย
ตอนนี้อุปสรรคแรกเรียบร้อยแล้ว
“เอาหล่ะ ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”
“ไปที่ไหนหรอคะ? แล้ววันนี้ท่านวางแผนจะทำอะไรคะองค์ชาย?”
“ไปกิลด์นักผจญภัย ฉันคิดว่าจะทำงานนักผจญภัยนิดหน่อยหน่ะ”
“องค์ชายทำงานของนักผจญภัยหรอคะ? ทำไมหล่ะคะ?”
“ท่านพ่อบอกให้ข้ารักษาภาพลักษณ์ใช่ไหมหล่ะ ข้าก็เลยวางแผนที่จะเพิ่มชื่อเสียงของข้าอีกซักหน่อย แล้วกิลด์นักผจญภัยก็มีงานอื่นนอกจากการล่ามอนส์เตอร์ถูกไหม? ข้ากำลังคิดว่าจะหางานพวกนั้นทำ”
“ข้าคิดว่ามันยอดเยี่ยมไปเลยนะคะแต่ว่า….ข้าไม่คิดว่างานแบบนั้นจะเหมาะกับท่านหรอกค่ะองค์ชาย”
ลินเฟียพูดออกมาตามตรง
ในขณะที่กำลังยิ้มเจื่อนๆ ฉันก็บอกเธอว่าฉันรู้อยู่แล้วและออกจากห้องไป
…
“พวกเรากำลังรอท่านอยู่เลยค่ะ องค์ชายอาร์โนลด์ ข้าได้ยินมาว่าวันนี้องค์ชายอยากสัมผัสประสบการณ์ของนักผจญภัยถูกต้องไหมคะ?”
พนักงานต้อนรับที่คุ้นเคยให้การต้อนรับฉัน
ปราสาทน่าจะติดต่อพวกเขามาก่อนแล้ว การตองสนองของเธอค่อนข้างสุภาพแต่พวกนักผจญภัยที่อยู่รอบตัวฉันนั้นดูประหลาดใจเล็กน้อย
“เห้ย นั่นมันเจ้าชายไร้ค่าไม่ใช่หรอ?”
“สัมผัสประสบการณ์ของนักผจญภัย? ลมอะไรหอบมาหล่ะเนี่ย?”
พวกเขามีข้อกังขากับการกระทำของฉันแต่ฉันก็ไม่ได้คิดที่จะตอบพวกเขา
โดยที่ไม่สนใจพวกเขา ฉันก็พยักหน้าให้พนักงานต้อนรับเล็กน้อย เมื่อเห็นเช่นนี้ เธอก็พาฉันไปที่กระดานภารกิจ
“กระบวนการตามปกติก็คือเลือกคำขอที่ท่านอยากรับจากกระดานตรงนี้แล้วคลี่คลายมันค่ะองค์ชาย”
“อะไรก็ได้หรอ?”
“ค่ะ มันมีระดับความยากอยู่ด้วยและกิลด์ก็จะหยุดใครก็ตามที่พยายามรับงานที่เกินความสามารถของพวกเขาค่ะ”
“เข้าใจหล่ะ แล้วอันไหนคือภารกิจที่ง่ายที่สุดหล่ะ?”
“มีหมวดที่เรียกว่าภารกิจระดับง่ายอยู่ค่ะแต่ว่า….พวกมันเป็นคำขอพื้นฐานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกำจัดมอนส์เตอร์เลย”
พนักงานต้อนรับหยิบพวกมันบางส่วนมาแสดงให้ฉันดู
ตามหาสัตว์เลี้ยงที่หายไป, แก้ไขความขัดแย้ง ความกังวลของประชาชนเหล่านี้ได้ทยอยกันมา
เนื่องจากพวกมันเป็นปัญหาง่าย ๆทั้งหมด รางวัลก็เลยไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก
ภารกิจพวกนี้ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ภายใต้ขอบเขตงานของการ์ดหรือทหารรักษาการณ์ของเมืองหลวงแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรอการตอบสนองของพวกเขาไม่ไหวก็เลยอยากจ้างคนจากกิลด์มาช่วยแทน
“ถ้างั้นฉันขออันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ด้วย”
“สามภารกิจสินะคะ เข้าใจแล้วค่ะ ฉันขอกำหนดเส้นตายสำหรับสามภารกิจเป็นภายในวันนี้ได้ไหมคะ?”
“อา ฉันจะทำให้เสร็จวันนี้แหล่ะ”
“ถ้างั้นพวกเราจะดำเนินภารกิจตามนี้นะคะ แล้วก็ช่วยรายงานกลับมาที่กิลด์ด้วยว่าท่านทำคำขอสำเร็จรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า ฉันมีนักผจญภัยแรงค์ A ตามมาด้วยอยู่แล้ว”
ในตอนที่พูดฉันก็มองลินเฟีย อย่างไรก็ตาม สีหน้าของลินเฟียดูลำบากใจเล็กน้อย ดูเหมือนเธอจะไม่คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีสินะ
เอาเถอะมันก็แน่หล่ะ ถ้าพวกเราพูดถึงภารกิจที่สำคัญที่นี่ ภารกิจพวกนี้มันก็เรียบง่ายเกินไปจนไม่มีนักผจญภัยที่ไหนเลือกทำนั่นแหล่ะ ชื่อเสียงของฉันคงไม่เพิ่มต่อให้ฉันทำภารกิจพวกนี้สำเร็จก็ตาม
แต่นั่นก็ไม่เป็นไรหรอก
“เจ้าดูไม่พอใจสินะ?”
“องค์ชาย มันยังไม่สายเกินไปนะคะ รับภารกิจอื่นแทนไม่ดีกว่าหรอ?”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ต่อให้เป็นงานพวกนี้ ฉันก็ยังได้รับประสบการณ์ในฐานะนักผจญภัย ท่านพ่อมาบ่นเรื่องนี้กับฉันไม่ได้หรอก แล้วรายละเอียดของภารกิจก็ไม่สำคัญด้วย”
“องค์ชาย ภารกิจที่ท่านรับมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะคะ รางวัลอาจจะต่ำแต่ตัวคำขอก็เป็นปัญหาเหมือนกันนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ไม่มีใครอยากรับ”
“ก็อาจจะ แต่นี่แหล่ะคือสาเหตุที่ข้าอยากให้เจ้าอยู่ที่นี่ด้วย ข้าขอฝากหวังเอาไว้กับเจ้านะตกลงไหม”
ฉันพูดแบบนั้นกับลินเฟียอย่างสบายๆ
ในอีกด้านนึง ลินเฟียถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เธอน่าจะยอมแพ้แล้วสินะ เอาเถอะไม่เป็นไรหรอก
แบบนี้มันสะดวกกว่าหล่ะนะ
“องค์ชาย กระบวนการเสร็จสิ้นแล้วค่ะ งานแรกของท่านก็คือทำความสะอาดบ้านของเอิร์ลคนนึง”
“เข้าใจหล่ะ”
ด้วยการตอบไปเช่นนี้ ฉันก็ออกไปจากกิลด์ด้วยแรงฮึดเต็มที่
…
“ดูเหมือนว่างานแรกจะเป็นชัยชนะง่ายๆสินะ”
“ข้าไม่คิดว่างานจากขุนนางจะง่ายแบบนั้นหรอกนะ”
“ไม่หรอก มันจะง่ายแน่ เจ้าจะได้รู้เองในตอนที่พวกเราไปถึง”
ในตอนที่พูดจบ พวกเราก็มุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของเอิร์ลที่ว่า
มันคือคฤหาสน์ที่ฉันเคยไปเยี่ยมมาก่อน
“ถ้าจำไม่ผิดที่นี่คือ….”
“คฤหาสน์ของรัฐมนตรีอุตสาหกรรมคนปัจจุบัน เอิร์ลเบลส์”
ในตอนที่พูดเช่นนั้น ฉันก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์โดยไม่ขอคำอนุญาตด้วยซ้ำ
จากนั้น พ่อบ้านที่เห็นฉันเข้ามาก็ตื่นตระหนกแล้วไปเรียกเจ้านายของเขา
“อ องค์ชาย!? วันนี้มีอะไรให้ช่วยหรอครับ!?”
“ไง ไม่เจอกันนานเลยนะเอิร์ลเบลส์ อันที่จริงวันนี้ฉันกำลังสั่งสมประสบการณ์แบบนักผจญภัยอยู่หน่ะก็เลยรับคำขอของเจ้ามา”
“ร..รับคำขอหรอครับ!? ไม่เป็นไรหรอกครับองค์ชาย! โปรดรับคำขอโทษจากผมด้วย! ผมจะไปถอนภารกิจเดี๋ยวนี้แหล่ะ!”
“งานก็คือทำความสะอาดห้องของภรรยาเก่าเจ้าใช่ไหมหล่ะ? ไม่เป็นไรหรอก พาฉันไปเถอะ”
“น นั่นก็ใช่ครับแต่ว่า….มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆหรอครับ?”
“ข้าก็พึ่งบอกเจ้าไปนี่ เถอะหน่า นำทางข้าไปซะ”
“ครับ…เชิญทางนี้ครับ”
เอิร์ลเบลส์พาฉันไปที่ห้องของภรรยาเก่าด้วยสีหน้าค่อนข้างรู้สึกผิด
ห้องที่พวกเราถูกพามานั้นค่อนข้างใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น การประดับตกแต่งก็ดูเวอร์เกินจำเป็นด้วย
นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะและของโชว์ที่กระจัดกระจายตรงนู้นบ้างตรงนี้บ้าง เหมือนกับเคยมีสัตว์ป่ามาอาละวาดที่นี่
“สยองใช้ได้เลยนะเนี่ย”
“อดีตภรรยาของข้าโกรธมากในตอนที่เธอถูกบอกว่าเธอต้องหย่า…..เธอถึงกับบอกข้าว่าเธอจะสาปแช่งใครก็ตามที่กล้ามาแตะต้องของในห้องนี้….เพราะแบบนั้นคนในบ้านของข้าก็เลยไม่กล้าทำความสะอาดที่นี่ครับ”
“เข้าใจหล่ะ เพราะงั้นเจ้าก็เลยไปขอร้องกับกิลด์นักผจญภัยสินะ เอาสิ ถ้างั้นข้าจะทำความสะอาดที่นี่ให้เอง”
“ขอบคุณมาก ๆครับ ข้ากำลังคิดวร่าจะขายทุกอย่างในห้องนี้ด้วย”
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวข้าจะแยกของมีค่ามากองไว้ให้”
“ขอบคุณมากจริงๆครับ”
เอิร์ลเบลส์โค้งคำนับฉัน เหมือนเช่นเคย เขาค่อนข้างเป็นคนขี้เกรงใจ เขายังไม่เปลี่ยนไปเลยแม้ว่าจะกลายเป็นรัฐมนตรีแล้วก็ตาม
ในขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น ฉันก็มองไปที่ห้อง มีละอองสีดำกำลังรั่วไหลออกมาจากตรงนู้นบ้างตรงนี้บ้าง
ละอองพวกนี้ต้องเป็นคำสาปอย่างแน่นอน อดีตภรรยาของเขานี่นิสัยไม่ดีจริงๆ เธอตั้งใจทิ้งละอองพวกนี้เอาไว้เพื่อให้สามารถสาปใครก็ตามที่สัมผัสกับพวกมันสินะ
แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าฉันเป็นคนสังเกตเห็นด้วยตัวเองมันคงจะผิดธรรมชาติเกินไป ดังนั้น ฉันก็เลยยื่นมือออกไปยังงานศิลปะชิ้นนึงโดยทำเป็นไม่รู้เรื่อง อย่างไรก็ตาม ลินเฟียชักดาบออกมาแล้วขวางทางฉันในทันที
“มีอะไรหรอ?”
“ช่วยรอซักครู่นะคะ”
ในตอนที่พูดจบ เธอก็ใช้ดาบเขี่ยงานศิลปะ จากนั้นด้วยการตอบสนองกับการสัมผัสจากดาบเวทมนตร์ของลินเฟีย งานศิลปะชิ้นนั้นก็แตกกระจายเป็นชิ้นเล็ก ๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เอิร์ลเบลส์ก็ถลึงตากว้าง
“น นี่คือ…..!?”
“มันคือเวทมนตร์ที่ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าช๊อตใส่คนที่แตะต้องมันค่ะ พูดง่ายๆก็คือมันเป็นคำสาปเวทมนตร์”
“ผ ผู้หญิงคนนั้น….! ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ!?”
“น นั่นมันอันตรายไม่ใช่น้อยเลยนะเนี่ย….ขอบใจนะ ลินเฟีย”
“ไม่หรอกค่ะ….องค์ชาย แล้วก็นี่แหล่ะค่ะคือสาเหตุที่นักผจญภัยไม่อยากรับภารกิจแบบนี้ ถ้าลูกค้าไม่เข้าใจลักษณะของภารกิจแล้วลงรางวัลเพียงเล็กน้อย มันก็มีความเป็นไปได้ว่าพวกมันอาจจะเป็นภารกิจระดับสูง ท่านเอิร์ลคะ ช่วยไปแจ้งเรื่องนี้กับกิลด์เถอะค่ะ กิลด์น่าจะส่งนักผจญภัยที่มีความรู้ด้านเวทมนตร์มาหาท่านในภายหลัง”
“อืม นั่นสินะ ขอโทษด้วย ข้าจะทำตามที่เจ้าพูด แล้วก็ขอประทานโทษเป็นอย่างยิ่งนะครับองค์ชาย….”
“ไม่หรอก มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าซักหน่อย ว่าแต่ความโกรธของผู้หญิงนี่มันอันตรายจริง ๆนะ…..”
ฉันออกมาจากห้องในขณะที่บอกให้เอิร์ลไม่ต้องกังวลเรื่องของฉัน
ลินเฟียน่าจะสามารถลบล้างคำสาปที่ติดอยู่กับงานศิลปะพวกนี้ได้แต่ถ้าไม่อยากทำลายพวกมันก็จำเป็นต้องใช้นักเวทย์
มันคงจะดีกว่าถ้าทบทวนรายละเอียดของภารกิจใหม่ นี่เป็นเรื่องบังเอิญก็จริงแต่ฉันดีใจที่มา ถึงยังไงคนรับใช้ก็คงจะได้รับบาดเจ็บถ้าพวกเขาไปแตะต้องพวกมันโดยที่ไม่รู้เรื่อง
“องค์ชาย ตอนนี้เข้าใจรึยังคะ? มันไม่มีคำว่าภารกิจง่ายๆสำหรับนักผจญภัยหรอกค่ะ”
“อืม ข้าคิดง่ายเกินไปเอง แต่ว่านะ ในเมื่อข้ารับพวกมันมาแล้วก็มีแต่จะต้องทำให้สำเร็จเท่านั้นแหล่ะ ว่าแต่เจ้าช่วยไปด้วยกันกับข้าต่ออีกซิดนิดได้ไหม?”
“ข้าไม่มีปัญหาหรอกค่ะแต่ช่วยอย่าจับอะไรมั่วซั่วอีกนะคะ เข้าใจใช่ไหม?”
ฉันพยักหน้าให้กับคำแนะนำของลินเฟียซ้ำไปซ้ำมา
หลังจากนั้น พวกเราก็ออกจากคฤหาสน์ของเอิร์ลเบลส์แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังร้านค้าแห่งนึงที่อยู่บนถนนหลักเพื่อไกล่เกลี่ยการต่อสู้ระหว่างเจ้าของกับพวกพ่อค้าที่ตั้งอยู่ติดกัน
ลูกค้าอ้างว่ายอดขายของเขานั้นตกลงเพราะอีกฝ่ายแย่งลูกค้าไปจากเขา พวกเขาอยู่ในจุดที่ไม่ยอมฟังฉันเลยแต่ลินเฟียก็วิเคราะห์ลักษณะของร้านค้าพวกเขาแต่ละคนและอธิบายกับพ่อค้าอย่างใจเย็นว่าลูกค้าของพวกเขานั้นมันคนละกลุ่มเป้าหมายกันเลย เมื่อได้ฟังเช่นนี้ พ่อค้าทั้งสองที่กำลังเดือดดาลเหมือนมอนส์เตอร์ก็ถูกทำให้เชื่องเหมือนสัตว์เลี้ยง
ในท้ายที่สุดนั้น มันก็ได้ข้อสรุปว่าเป็นเพราะความวุ่นวายในช่วงนี้ก็เลยทำให้ลูกค้าของพวกเขาลดลง นอกจากนี้ลินเฟียยังอธิบายกับพวกเขาเพิ่มเติมว่าลูกค้าของพวกเขาน่าจะกลับมาในเร็ว ๆนี้เนื่องจากใกล้จะถึงวันฉลองครบรอบการครองราชครบ 25 ปีแล้ว ดังนั้นพวกพ่อค้าก็เลยยอมเชื่อฟังและความขัดแย้งก็ได้รับการแก้ไข
หลังจากที่พวกเราจัดการเรื่องนี้เสร็จ มันก็ถึงเวลาไปดูแลหมาในบ้านของขุนนาง อย่างไรก็ตาม เจ้าหมาตัวนี้มันฉลาดมากจนถึงขั้นที่ไม่ฟังพวกเราเลยซักนิด
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่ลินเฟียชักดาบเวทมนตร์ของเธอออกมาด้วยสายตาที่เย็นชาและเปลี่ยนมันเป็นหอก เจ้าหมาก็หลับไปในเวลาไม่นานด้วยพลังของมัน
ในท้ายที่สุดแล้ว เจ้าหมาก็หลับไปจนกระทั่งเจ้าของกลับมา
“ในที่สุดพวกเราก็เสร็จงานหมดแล้วสินะ….เหนื่อยชะมัดเลย”
“พวกเราทำภารกิจเสร็จไปสามภารกิจแต่กลับได้รางวัลมาเพียงเล็กน้อย นี่คือสาเหตุที่นักผจญภัยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับภารกิจกำจัดมอนส์เตอร์มากกว่าค่ะ ถึงยังไงก็คงไม่มีใครอยากทำงานที่ไม่คุ้มเหนื่อยอยู่แล้ว”
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วหล่ะ นี่มันเป็นงานที่ชวนให้เหนื่อยใจจริงๆ ถ้าไม่มีการเพิ่มรางวัล ก็คงจะไม่มีใครมาจัดการงานพวกนี้”
ในขณะที่พูดเช่นนั้น ฉันกับลินเฟียก็กลับไปที่กิลด์นักผจญภัยเพื่อรายงานเหตุการณ์ในวันนี้
คำขอพวกนี้น่าจะถูกติดประกาศเอาไว้ซักพักแล้ว สองในสามภารกิจได้รับการแก้ไขส่วนอีกหนึ่งต้องแก้ไขใหม่ให้เป็นภารกิจระดับสูง
พนักงานต้อนรับอารมณ์ดีตั้งแต่เริ่มยันจน ถึงยังไงเธอก็ใช้ประโยชน์จากพวกเราได้สำเร็จ ถ้ามีแค่ฉันก็คงจะไม่สามารถทำภารกิจพวกนี้ให้สำเร็จได้แต่ตราบใดที่ฉันมีนักผจญภัยแรงค์ A อย่างลินเฟียอยู่กับฉัน ภารกิจก็สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องจ้างแรงค์ A จริงๆ”
เอาเถอะ ถ้าทำไม่ได้ถึงขนาดนั้นก็คงจะเป็นพนักงานต้อนรับของกิลด์ไม่ได้หรอก
“นี่คือเครื่องหมายเสร็จสิ้นภารกิจค่ะ ส่วนนี่คือรางวัลนะคะ”
พนักงานต้อนรับส่งเงินจำนวนเล็กน้อยให้กับฉัน ฉันต้องใช้เวลาเต็มวันในการทำภารกิจทั้งหมดนี้ให้สำเร็จและนี่ก็คือทั้งหมดที่ฉันได้ นี่มันค่อนข้างโหดร้ายอยู่นะ
ในแง่นี้ มนุษย์สามารถแข็งแกร่งขึ้นจากการทำงานหนักได้แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นในฐานะนักผจญภัยได้ เอาเถอะ มันคงไม่มีใครเต็มใจจะทำงานแบบนี้หรอก
หลังจากที่ฉันถูกโน้มน้าวให้เชื่อแบบนั้นในตอนที่รับรางวัล ฉันก็ออกไปจากกิลด์ด้วยกันกับลินเฟีย
จากนั้น พวกเราสองคนก็ขึ้นรถม้ามุ่งหน้ากลับไปที่ปราสาท
“ขอโทษสำหรับวันนี้ด้วยนะ ทั้งหมดที่ข้าทำก็มีแต่จะรบกวนเจ้าอย่างเดียวเลย”
“ไม่หรอกค่ะ ถึงยังไงมันก็เป็นงานของข้าอยู่แล้ว”
เหมือนเช่นเคย ลินเฟียพึมพำออกมาอย่างอ่อนโยนโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลย ในขณะที่กำลังยิ้มให้ลินเฟียที่เป็นแบบนั้น ฉันก็เอาถุงเงินใบนึงที่ฉันเตรียมเอาไว้ออกมาจากกระเป๋าของฉันแล้วส่งมันให้กับเธอ
“นี่คือ?”
“รางวัลพิเศษสำหรับวันนี้ ถึงยังไงข้าก็ได้รับประสบการณ์เหมือนเป็นนักผจญภัยจริงๆ ด้วยเหตุนี้เองท่านพ่อก็คงจะไม่สามารถบ่นอะไรได้ ถึงยังไงมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาตราบใดที่ข้าแสดงให้เขาเห็นว่าชื่อเสียงของข้ากำลังเพิ่มขึ้น”
“แต่ข้าคิดว่ามันมีวิธีที่ง่ายกว่าในการทำแบบนั้นนะคะ…….”
ในตอนที่พูดเช่นนั้น ลินเฟียก็หยุดไปกลางคันแล้วเปิดถุงเงินดูเพราะถุงที่เธอได้รับมานั้นมันหนักกว่าที่เธอคาดเอาไว้
จากนั้น เธอก็ถลึงตากว้างให้กับจำนวนเงินที่อยู่ข้างใน
“เหรียญทองตั้งมากมายขนาดนี้!? ข้ารับเอาไว้ไม่ได้หรอกค่ะ!”
“ลินเฟียเป็นคนที่คลี่คลายภารกิจและเจ้าก็ทำหน้าที่ในฐานะคนคุ้มกันของข้าได้อย่างดี ในเมื่อวันนี้ข้าเป็นคนรบกวนเจ้า ข้าก็คิดว่านี่เป็นรางวัลที่เหมาะสมแล้วหล่ะ”
“ข้ารับเอาไว้ไม่ได้หรอกค่ะ! ข้าได้รับจากท่านมามากพอแล้วค่ะ องค์ชาย!”
“ข้าถึงบอกไงว่ามันเป็นรางวัลพิเศษ ข้าเองก็เป็นคนไร้เหตุผลเหมือนกันเพราะฉะนั้นรับเอาไว้เถอะ”
ในตอนที่พูดจบ ฉันก็ดันถุงเงินไปให้ลินเฟีย
ลินเฟียดูกระวนกระวายแต่หลังจากนั้น เธอก็เอ่ยปากพูดอย่างลังเล
“มัน….มันเพื่อจุดประสงค์อะไรคะ?”
“อะไรอีกหล่ะ?”
“องค์ชายจงใจออกมาหาประสบการณ์ชีวิตแบบนักผจญภัยเพราะท่านอยากให้รางวัลพิเศษกับข้าใช่ไหมหล่ะคะ? ถึงยังไงท่านก็คงจะรู้ความกังวลของข้าแล้ว”
“เจ้าคิดมากไปหน่า ข้าไม่ทำแบบนั้นหรอก”
“ถ้าเป็นองค์ชายหล่ะก็มันมีความเป็นไปได้แน่นอนค่ะ”
เธอนี่หัวแหลมจริง ๆนะ ฉันคงหลอกเธอไม่ได้ง่าย ๆ
ในขณะที่กำลังถอนหายใจใส่ลินเฟียที่ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการไม่รับรางวัล ฉันก็พึมพำออกมา
“คริสต้าสูญเสียแม่ของเธอไปในตอนที่ยังเด็กมาก ๆ ซึ่งมันก็เป็นแม่ของข้าเองที่ฉุดเธอขึ้นมา ข้ากับลีโอรักเธอมาก แต่ว่าอย่างที่ข้าคิด เธอคงอยากอยู่ด้วยกันกับพี่สาวแท้ ๆของเธอ ท่านพี่ลีเซมากกว่า เธอน่าจะรู้สึกโดดเดี่ยวในบางครั้ง และในทุก ๆวันเกิดของเธอ ท่านพี่ลีเซจะส่งของขวัญมาให้เธอ พูดตามตรง พวกมันไม่น่าจะเรียกได้ว่าของขวัญด้วยซ้ำแต่คริสต้าก็มักจะมีความสุขในตอนที่ได้รับมัน เธอมีความสุขที่พี่สาวของเธอส่งของขวัญมาให้ เธอสามารถรู้สึกได้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอกับพี่สาว นี่คือสาเหตุที่ข้าอยากให้เจ้าซื้อของขวัญไปให้น้องสาวของเจ้าด้วยเงินนั่น นี่เป็นวิธีขอโทษในแบบของข้าด้วย เพราะเจ้าต้องทำงานหนักเพื่อพวกเราเจ้าก็เลยไปอยู่กับน้องสาวไม่ได้”
“ขอโทษหรอคะ?…..องค์ชายได้ช่วยน้องสาวของข้าไปแล้วนะคะ ท่านให้การสนับสนุนข้าอย่างเต็มที่แม้ว่าท่านจะไม่มีพันธะให้ต้องทำแบบนั้นก็ตาม แม้กระทั่งตอนนี้ ท่านก็ยังพยายามมอบรางวัลที่ข้าไม่สมควรได้รับอีก ที่ข้าอยู่ที่นี่ก็เพื่อตอบแทนหนี้นั้นค่ะ ไม่มีความจำเป็นที่องค์ชายจะต้องมาขอโทษข้าเลย”
“คนที่ช่วยเหลือน้องสาวของเจ้าคือลีโอกับคนอื่น ๆต่างหาก ข้าแค่ให้เงินเจ้าเท่านั้น พูดตามตรง ข้าไม่ได้คิดว่าตัวเองมีประโยชน์เลย แต่นั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่ข้าทำได้ แม้กระทั่งตอนนี้ ข้าก็ไม่สามารถปล่อยเจ้าไปเยี่ยมน้องสาวที่ชายแดนได้ ถึงยังไงก็คงไม่มีใครมาทดแทนเจ้าได้ นี่คือสาเหตุที่อย่างน้อยข้าก็อยากทำให้มากถึงขนาดนี้”
“แต่ว่า….”
“ถ้างั้นก็เอาแบบนี้เป็นไง คิดซะว่านี่เป็นการลงทน ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถก้าวข้ามความคาดหวังของเขาได้ในซักวันนึง นั่นคือสิ่งที่ข้าจะลงทุนกับเจ้า เจ้าจะสามารถตอบแทนข้าได้ในซักวันนึง”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ลินเฟียก็ครุ่นคิดอยู่พักนึงแล้วโค้งคำนับฉันอย่างเงียบ ๆ
“เข้าใจแล้วค่ะ องค์ชายอาร์โนลด์ ข้าจะรับเงินของท่านไว้ก่อนล่วงหน้า แล้วข้าจะทำงานหนักเพื่อตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”
“ความพยายามของเจ้าในตอนนี้ก็เพียงพอแล้วหล่ะแต่ข้าจะตั้งตารอนะ”
เธอดูรู้สึกผิดมาก ๆ ดูเหมือนว่าลินเฟียจะประเมินค่าตัวเองเอาไว้ต่ำมากเลย แต่ว่าฉันกลับตีค่าเธอเอาไว้สูง
เอาเถอะ นี่ก็ถือเป็นข้อดีของลินเฟียเหมือนกัน เธอไม่ได้ทะนงตนดังนั้นเธอจึงไม่เคยลดการป้องกันลง
แม้กระทั่งงานที่ไม่สำคัญแบบนี้ เธอก็ยังทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ประสบความสำเร็จ นี่คือสาเหตุที่เธอมีความจำเป็นต่อขุมอำนาจของเรา
ในขณะที่กำลังคิดเช่นนี้ รอยยิ้มเล็ก ๆ ก็เผยออกมาบนหน้าของฉัน
“จะว่าไป เจ้าจะเรียกข้าว่าองค์ชายอีกนานแค่ไหน?”
“ท่านหมายความว่ายังไงคะ?”
“เจ้าบอกว่าจะเปลี่ยนวิธีเรียกข้าในตอนที่กลับมาไม่ใช่รึไง?”
“เอ่อ….”
นี่เป็นท่าทีที่หาได้ยากสำหรับลินเฟีย เธอต้องลืมไปแล้วแน่ ๆสินะ
มันไม่จำเป็นต้องมีระยะห่างแบบนั้นระหว่างตัวฉันกับบุคคลที่มีพรสวรรค์ในขุมอำนาจของฉันหรอก
“มันน่าจะถึงเวลาที่เจ้าจะหยุดเรียกข้าว่าองค์ชายแล้วไม่ใช่หรอ? เอาจริง ๆข้าก็ไม่อยากได้คำว่าท่านด้วย”
“ข้า ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ…..”
ฉันยิ้มกลับไปให้ลินเฟียที่กำลังตื่นตระหนก
เมื่อพิจารณาจากนิสัยของเธอมันคงเป็นเรื่องยากที่เธอจะโยนความเคารพแบบนั้นทิ้งไป
หลังจากที่คิดอยู่ซักพัก ลินเฟียก็พึมพำ
“ถ ถ้างั้น….นับจากนี้ไปข้าจะเรียกว่าท่านอาร์โนลด์ได้ไหมคะ?”
“ไม่ใช่ท่านอัลหรอ?”
“ข้า ข้าเรียกท่านแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ…..”
“น่าเสียดายนะ เอาเถอะ ข้าคิดว่าแบบนั้นก็ได้อยู่ แล้วเจ้าก็หยุดใช้คำว่าองค์ชายด้วย ข้าไม่ชอบเลยจริงๆ ถึงยังไงข้าก็จัดการอะไรได้ยากในตอนที่ถูกเรียกว่าองค์ชาย”
ในตอนที่พูดเช่นนั้น ฉันก็ยื่นมือขวาไปให้ลินเฟีย
แล้ว
“ในอนาคตก็ช่วยดูแลข้าต่อไปด้วยนะ ลินเฟีย”
“…..ค่ะ ท่านอาร์โนลด์”
ในตอนที่พูดเช่นนั้น ลินเฟียก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนแล้วจับมือขวาของฉันอย่างมั่นใจ