Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi - ตอนที่ 119
การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) – ตอนที่ 119
ข้างหลังปราสาทวุมเม่
มีสถานที่แห่งนึงที่ถูกต่อขยายออกมาจากตัวปราสาท
ข้างในนั้นได้ขังตัวประกันที่ดยุคครูเกอร์เอาไว้ใช้สำหรับกดดันขุนนางทางใต้เอาไว้
“มาร์ควิสเทราต์! ให้พวกเราออกไปจากที่นี่เถอะ!”
ชายคนนึงที่อายุประมาณสามสิบต้นๆร้องขอ
ชายคนนี้เป็นขุนนางหนุ่มที่มีชื่อว่าเอิร์ลทาร์นาท
เขาเป็นหัวหน้าของขุนนางทางใต้ที่สนับสนุนจักรวรรดิ
ส่วนคนที่กำลังเผชิญหน้ากับเอิร์ลทาร์นาทนั้นเป็นชายร่างอวบอ้วน
เขาคือมาร์ควิสเทราต์, ชายที่พูดได้เลยว่ามีอุดมการณ์ร่วมกับดยุคครูเกอร์
“เจ้ายังจะพูดแบบนั้นอีกหรอ, เอิร์ลทาร์นาท”
ในขณะที่กำลังหัวเราะเยาะเอิร์ลทาร์นาท, มาร์ควิสเทราต์ก็เริ่มเดินจากไปอย่างช้าๆ
มีอัศวินหลายคนอยู่ข้างกายเขาเพื่อคอยคุ้มกันเขาจากตัวประกันไร้อาวุธรวมทั้งเอิร์ลทาร์นาทเพื่อไม่ให้พวกเขามีโอกาสลุกฮือขึ้นมาต่อต้านเขา
“จักรพรรดิได้ประกาศแล้วว่าทางใต้เป็นศัตรู มันน่าจะถึงเวลาที่เจ้าควรร่วมมือกับพวกเราเพื่อทำการโต้กลับแล้วไม่ใช่หรอ?”
“ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้ากับดยุคครูเกอร์ไปรวมหัวกับองค์กรอาชญากรรมนั่นต่างหากหล่ะ! มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเราซักหน่อย!”
“โถโถ เจ้าไม่รู้หรอว่าหนึ่งในสามของขุนนางทางใต้มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรนั่น? พูดแบบนี้มันไม่รุนแรงกับเพื่อนขุนนางไปหน่อยรึไง?”
“เลิกพล่ามไร้สาระได้แล้ว! พวกเขาส่วนใหญ่ถูกข่มขู่ให้ยอมร่วมมือด้วยต่างหาก! เหมือนกับที่เจ้าทำกับเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ยังไงหล่ะ!”
เอิร์ลทาร์นาทพุ่งเข้าใส่มาร์ควิสเทราต์ด้วยความโกรธแต่พวกอัศวินก็เอาหอกมาขวางทางเขาเอาไว้
เอิร์ลทาร์นาทเดาะลิ้นไม่พอใจในขณะที่ยอมถอยออกไปแต่โดยดี
“ตัดสินจากทัศนคติของเจ้าแล้ว, ดูเหมือนว่าไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจสินะ?”
“มันแน่อยู่แล้ว! พวกเราจะไม่เข้าร่วมกับสหพันธ์! พวกเราเป็นขุนนางของจักรวรรดิ!”
“เห้อ! ช่างเป็นความเด็ดเดี่ยวที่ใหญ่โตซะจริง แต่ขุนนางทุกคนรวมทั้งดินแดนของเจ้าได้ถูกตราหน้าว่าเป็นสหพันธ์แล้วรู้รึเปล่า?”
“นั่นก็เพราะเจ้าจับพวกเราเป็นตัวประกันยังไงหล่ะ!”
“ใครจะไปเชื่อคำพูดของเจ้ากัน? เมื่อสักครู่นี้, ขบวนผู้ส่งสารของจักรพรรดิพึ่งจะมาถึงที่ปราสาท จักรพรรดิตื่นตระหนกเพราะการเคลื่อนไหวของพวกเราก็เลยจัดการเจรจาขึ้นมา ตอนนี้เจ้าก็ไม่ต่างไปจากพวกเราหรอก ขุนนางทางใต้ทุกคนอยู่ในเรือลำเดียวกันแล้ว!”
มาร์ควิสเทราต์บอกเขาเช่นนั้นด้วยความภาคภูมิใจ
เมื่อได้ยินเช่นนี้, สีหน้าของเอิร์ลทาร์นาทก็บูดเบี้ยว
มีขุนนางหลายคนถูกเรียกตัวมาที่นี่ด้วยจดหมายเชิญปลอมจากดยุคครูเกอร์และถูกจับเป็นตัวประกัน พวกเขาถูกจับในตอนที่ดยุคเชิญพวกเขามาที่นี่เพื่อปรึกษาแนวทางในอนาคตของทางใต้
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่เคยนึกฝันเลยว่าครูเกอร์จะก่อกบฏกับจักรวรรดิจริงๆ
“ไหนหล่ะหลักฐานว่ามันเป็นการเจรจาจริงๆ? ไม่ใช่ว่ามันเป็นการประกาศสงครามหรอกหรอ?”
“ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็จะสู้ ถึงยังไงพวกเราก็ทำสัญญากับประเทศอื่นเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว”
“จักรวรรดิมีอำนาจพอที่จะรับมือกับเรื่องพวกนี้ได้อยู่แล้ว! ถ้าภาคีอัศวินหลวงเข้าร่วมการต่อสู้, ทางใต้ก็จะกลายเป็นแดนมอดไหม้อย่างแน่นอนรู้ตัวรึเปล่า!?”
“ก่อนที่เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น, สนธิสัญญาสันติภาพก็คงจะได้ข้อสรุปแล้ว! ซึ่งคนที่จะได้รับรองความปลอดภัยก็คือตัวข้ากับดยุคครูเกอร์”
ในขณะที่พูด, มาร์ควิสก็เผยรอยยิ้มน่ารังเกียจออกมา
ตั้งแต่แรกแล้ว, มาร์ควิสเทราต์เห็นเอิร์ลทาร์นาทเป็นแค่ตัวหมากสำหรับต่อรอง
ถ้ามันเกิดเป็นสงครามเต็มตัวขึ้นมาจริงๆ, เขาก็แค่ขายเอิร์ลไปเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และจนกว่าจะถึงตอนนั้น, อัศวินที่จะต่อสู้กับจักรวรรดิก็คงเป็นพวกอัศวินของขุนนางที่เขาจับเป็นตัวประกัน
มือของเขาจะไม่ต้องแปดเปื้อนเลยซักนิด
ด้วยความที่อ่านความคิดของมาร์ควิสได้อย่างหมดจด, เอิร์ลทาร์นาทจึงแสดงความรังเกียจออกมา
“ไอ้สารเลว……! นี่เจ้ายังกล้าเรียกตัวเองว่าขุนนางได้อีกหรอ!!?”
“แน่นอนสิ, ข้าเป็นขุนนางที่น่าเคารพนับถือ”
เอิร์ลทาร์นาทพุ่งเข้าใส่มาร์ควิสเทราต์เนื่องจากรับไม่ได้กับท่าทีที่ดูภาคภูมิใจของเขา
ซึ่งพวกอัศวินก็เข้ามาหยุดเขาไว้อีกครั้งแต่ครั้งนี้, มีขุนนางชายอีกคนโจมตีอัศวินด้วย
ด้วยโอกาสนี้เอง, เอิร์ลทาร์นาทจึงชิงดาบเล่มนึงมาได้จากพวกอัศวิน
อย่างไรก็ตาม, ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, อัศวินอีกคนก็ชี้หอกไปที่ขุนนางหญิงซึ่งอยู่ตรงมุมห้อง
“หย, หยาบคายที่สุด……เจ้าไม่สนแล้วรึไงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวประกันคนอื่น!?”
มาร์ควิสเทราต์ยกแขนขึ้นในลักษณะข่มขู่
ถ้าเขาสบัดมันลงมา, อัศวินก็จะทำการสังหารตัวประกันอย่างไร้ความปราณี
เอิร์ลทาร์นาทก้มหน้าลงด้วยความสิ้นหวังในดวงตาของเขา
อย่างไรก็ตาม,
“เอิร์ลทาร์นาท ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอกค่ะ”
ขุนนางหญิงที่แก่กว่าเอิร์ลเล็กน้อยพูด
เธอมองเอิร์ลทาร์นาทด้วยสายตามุ่งมั่น มันแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอถูกหอกจ่ออยู่
“คุณนายซิมเมล…..”
“ข้าจะไม่บอกว่าทำเพื่อจักรวรรดิ…..แต่ถ้าการมีชีวิตอยู่มันเป็นโซ่ตรวนที่พันธนาการครอบครัวของข้า, ข้าก็ขอเลือกที่จะตายดีกว่า”
“เห้อ! ก็แค่บลัฟนั่นแหล่ะ!”
“มาร์ควิสเทราต์……คนที่ห่วงแค่ตัวเองอย่างเจ้าไม่มีวันเข้าใจหรอก แม่ที่คิดถึงลูกของตัวเองหน่ะแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้เยอะ ถ้าเจ้าจะฆ่าข้าก็ลงมือได้แล้ว!”
ในขณะที่พูด, คุณนายซิมเมลก็เข้าไปใกล้อัศวินที่เอาหอกจ่อเธออยู่
อัศวินคนนั้นหันไปมองมาร์ควิสเทราต์ด้วยความลำบากใจ
ซึ่งมาร์ควิสก็ได้ส่ายศรีษะในขณะที่แสดงสีหน้าบึ้งตึง
ถ้าเขาฆ่าเธอที่นี่, เอิร์ลทาร์นาทจะเข้ามาโจมตีเขาอย่างแน่นอน
มาร์ควิสตัดสินใจว่าควรหลีกเลี่ยงความสูญเสียทั้งหมดแล้วกระตุ้นให้อัศวินคนนั้นจับตัวคุณนายซิมเมลมาให้เขา
“เอาตัวนั่งนั่นมาให้ข้า!”
“อย่ามาแตะต้องข้านะ!”
“ยังไงดีหล่ะ? เอิร์ลทาร์นาท เจ้ายังอยากจะสู้ต่อไหม?”
มาร์ควิสเทราต์ดึงมีดของเขาออกมาแล้วจ่อไปที่คอของคุณนายซิมเมล
ความลังเลแสดงอยู่บนหน้าของเอิร์ลอย่างชัดเจน
เมื่อเห็นแบบนี้, คุณนายซิมเมลก็หลับตาและเตรียมใจยอมรับชะตากรรมของตัวเอง
จากนั้น
“เอิร์ลทาร์นาท……ทำตามที่ต้องการเถอะค่ะ”
“….ข้าขอยอมรับในความเด็ดเดี่ยวของเจ้า”
ทั้งสองตัดสินใจได้แล้ว
เมื่อเห็นแบบนี้, มาร์ควิสเทราต์ก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
อย่างไรก็ตาม, มาร์ควิสได้หัวเราะออกมาอย่างหงุดหงิดด้วย
“ฮ่า, ฮ่าฮ่า, ฮ่าฮ่าฮ่า!! พวกเจ้าอยากตายกันขนาดนั้นเลยหรอ!? ไอ้พวกโง่! มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต! มีแค่พวกโง่เท่านั้นแหล่ะที่เลือกจะเอาชีวิตตัวเองไปทิ้ง! เจ้าบอกว่าเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อปกป้องอะไรซักอย่างสินะ? มันไม่มีอะไรที่สามารถปกป้องได้ด้วยการสละชีวิตกระจ้อยร่อยของเจ้าหรอก! จักรวรรดิจะไม่มีวันช่วยเหลือเจ้า!”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ, ฝ่าบาทจะไม่มีวันทอดทิ้งขุนนางที่ยังมีใจมุ่งมั่นอยู่”
มีเสียงดังก้องขึ้นมา
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ทั้งห้องก็ดังก้องไปด้วยเสียงลึกลับ
เมื่อได้ยินเสียงนั้น, หนังตาของทุกคนก็หนักขึ้นมาและบางคนก็ถึงกับทรุดลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น พวกเขาถูกโจมตีด้วยอาการง่วงอย่างกระทันหัน มันคือเวทมนตร์ที่แม้แต่อัศวินก็ยังรู้สึกว่าอยากที่จะต้านทาน
“หนอย….อะไรกัน……?”
อัศวินทุกคนหมดสภาพแล้ว
“ขออภัยด้วยค่ะ มันปรับแต่งค่อนข้างยาก”
เด็กสาวพูดในขณะที่เข้ามาในห้องพร้อมกับควงหอกของเธอ
ในตอนที่เด็กสาวหยุดควงหอก, เสียงที่ชวนให้รู้สึกง่วงก็หยุดลงในที่สุด
“ขอบคุณค่ะ คุณลินเฟีย”
“ไม่หรอกค่ะ, มันเป็นงานของข้าอยู่แล้ว”
ในขณะที่ตอบฟีเน่ไปตามปกติ, ลินเฟียก็แยกตัวคุณนายซิมเมลออกมาจากมาร์ควิสเทราต์
จากนั้นเธอก็พูดขอโทษคุณนายที่หลบใหลไปแล้ว
“ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ท่านได้รับผลของมันไปด้วย”
หอกจากดาบเวทมนตร์ของลินเฟียสามารถส่งเสียงที่ชักจูงให้ผู้คนหลับไหลได้ด้วยการควงมันเป็นวงกลม แต่ในห้องแคบๆนั้น, ผลของมันจะไม่สามารถระบุเฉพาะตัวบุคคลได้
อย่างดีที่สุด, เธอสามารถเหวี่ยงมันไปข้างหน้าหรือเล็งไปยังทิศทางนึงได้ ซึ่งในสถานการณ์ที่เธอต้องใช้ในห้องที่คนพลุกพล่านอย่างเมื่อก่อนหน้านี้, มันก็จะส่งผลกับทุกคน
อย่างไรก็ตาม, เธอสามารถกำราบอัศวินทุกคนได้แล้ว
ในตอนที่เห็นเด็กสาวเบื้องหน้าเขา, มาร์ควิสเทราต์ก็ยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์
“ชิ…..ใครกัน……?”
“ฟีเน่ ฟ็อน ไคลเนลต์ ผู้ส่งสารขององค์จักรพรรดิค่ะ”
“เจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงินหรอ….? มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง…..?”
“ข้ามาช่วยตัวประกันค่ะ”
“ไร้สาระ….ก, การ์ด!? เข้ามาที่นี่เร็ว!”
“พวกเขาหลับไปหมดแล้วครับ แต่การคุ้มกันแน่นหนามากข้าอาจจะเผลอหลุดไปซักคนสองคนก็ได้”
เซบาสพูดในขณะที่เขาปรากฏตัวขึ้นข้างฟีเน่
เซบาสได้ทำลายการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดในอาคารโดยไม่ได้ส่งเสียงเลย ซึ่งผลก็คือ, มาร์ควิสเทราต์ไม่ได้รู้ถึงการเคลื่อนไหวของพวกเขาเลยซักนิดและถูกลินเฟียลอบโจมตี
“ม, ไม่มีทางหน่า….ด, ดยุคครูเกอร์ไม่มีวันยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่!”
“ถ้าดยุคครูเกอร์หล่ะก็ตอนนี้กำลังถูกองค์ชายลีโอนาร์ดตามล่าอยู่ครับ ถึงยังนี่มันก็เป็นแผนการดั้งเดิมของพวกเราอยู่แล้ว”
“ข, ขบวนผู้ส่งสารเป็นแค่แผนลอบโจมตีพวกเราหรอ!? ไอ้พวกขี้ขลาด!?”
“มันไม่ใช่การลอบโจมตีค่ะ คำสั่งของจักรพรรดิที่ส่งมาให้ดยุคครูเกอร์ก็คือคำสั่งให้เขายอมจำนนซะ พวกเรากำลังลงโทษเขาเพราะเขาปฏิเสธที่จะทำตาม ถึงอย่างนั้น, ข้าก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันไม่ใช่การใช้เล่ห์เหลี่ยม แต่ว่า, ถ้าสามารถช่วยหลายชีวิตได้ด้วยการทำแบบนี้ไม่ว่าจะดูขี้ขลาดแค่ไหน, พวกเราก็จะทำค่ะ ถึงแม้ว่าพวกเราจะขี้ขลาด, แต่พวกท่านนั้นเป็นคนต่ำช้า แถม, ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่าพวกเราปฏิเสธตอนไหนว่าพวกเราไม่ขี้ขลาด”
ในตอนที่ฟีเน่จบการสนทนา, ลินเฟียก็เอาหอกกระแทกมาร์ควิสจนเขาสลบไป
หลังจากที่เห็นแบบนั้น, ฟีเน่ก็มองเอิร์ลทาร์นาท
“ข้าขออนุญาตแนะนำตัวอีกครั้งนะคะ, ข้าเป็นผู้ส่งสารของจักรพรรดิ, ฟีเน่ ฟ็อน ไคลเนลต์ พวกเราขอโทษด้วยที่ใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะมาช่วยพวกท่านได้”
“ฝ, ฝ่าบาท….ท่านไม่ได้ทอดทิ้งพวกเรา……”
“ช่างเป็นพระคุณยิ่งนัก…….”
เหล่าขุนนางอาวุโสที่อยู่ข้างหลังเริ่มร้องไห้ด้วยความปลื้มปิติ
ฟีเน่มองพวกเขาด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
จากนั้นเธอก็รอให้พวกเขาสงบลงแล้วเริ่มอธิบายสถานการณ์
“ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องทุกคนที่นี่ค่ะ ในปราสาทหลังนี้มีลูกน้องของพวกท่านอยู่มากมาย พวกเขาต้องต่อสู้กับพวกเราเพราะทุกคนถูกจับเป็นตัวประกัน ได้โปรดเถอะค่ะ, ช่วยโน้มน้าวให้พวกเขายอมวางอาวุธลงเถอะ”
“แน่นอนครับ”
“…..ท่านคือเอิร์ล, ทาร์นาทใช่ไหมคะ?”
“ครับ”
“พวกเรา….พวกเราได้จัดการอัศวินของท่านไปคนนึง ก่อนที่เขาจะสิ้นลม, เขาได้บอกพวกเราว่าท่านถูกจับเป็นตัวประกัน….ท่านมีลูกน้องดีๆคอยรับใช้อยู่นะคะ”
ฟีเน่ไม่ได้ขอโทษ
เธอคิดว่าไม่ว่าจะเอิร์ลทาร์นาทหรืออัศวินที่ตายไปก็ไม่ได้ต้องการคำขอโทษจากเธอ
ด้วยการเม้มริมฝีปากแน่น, เอิร์ลก็พยักหน้าตอบอย่างเงียบๆ
“ถ้างั้นพวกเราก็ควรไปกันได้แล้วค่ะ มุ่งหน้าไปยังที่ที่พวกเราจะตกเป็นเป้าสายตาแล้วให้พวกอัศวินได้รู้ว่าทุกคนปลอดภัยแล้ว”
“ข้าไม่มีปัญหาหรอกครับแต่ว่า…..มันยังมีตัวประกันกลุ่มอื่นอีก”
“กลุ่มอื่นหรอคะ?”
“ที่ถูกขังอยู่ที่นี่มีแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ขุนนางหลายคนได้ถูกพาตัวไปที่ปราสาทในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้”
พอได้ฟังเอิร์ลทาร์นาท, ฟีเน่ก็หันไปมองลินเฟียด้วยความกังวล
ลินเฟียเองก็มีสีหน้าคล้ายๆกัน
มันไม่ใช่แค่การโยกย้ายตัวประกันธรรมดาๆแน่
“ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆค่ะ”
“….ถ้าพวกเขาปลอดภัยก็คงจะดีนะคะ”
“พวกเรายังยืนยันไม่ได้ แต่สำหรับตอนนี้, พวกเราต้องให้อัศวินในปราสาทรู้ก่อนค่ะว่าคนที่นี่ปลอดภัยแล้ว ถ้าอัศวินหยุดขัดขวางพวกเราแม้ว่าจะเพียงนิดเดียว, มันก็จะช่วยให้เราค้นหาตัวประกันที่เหลือได้ง่ายขึ้น”
ลินเฟียตั้งเป้าหมายให้พวกเขาในทันทีแล้วอธิบายกับฟีเน่
ซึ่งฟีเน่ก็ได้พยักหน้าตอบเป็นการเห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม, ความกังวลในใจเธอนั้นไม่ได้เลือนหายไปเลย
มีเรื่องเลวร้ายบางอย่างกำลังเกิดขึ้นอยู่
ด้วยความรู้สึกนั้น, ฟีเน่ก็ลูบเครื่องประดับผมของเธอ
มันเป็นการกระทำเพื่อเรียกความกล้าให้เธอมุ่งหน้าต่อไป