Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi - ตอนที่ 127
การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) – ตอนที่ 127
หนึ่งเดือนผ่านไปตั้งแต่การต่อสู้กับดยุคครูเกอร์ ด้วยกองทัพและเจ้าหน้าที่ที่ท่านพ่อส่องไป เรื่องราวทางใต้ก็เริ่มสงบลงอีกครั้ง
ในขณะที่เรื่องเริ่มสงบลง ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้น
ประตูหลักของเมืองหลวงจักรวรรดิ
ผ่านมันไปมีกลุ่มคนสีเทากำลังอยู่บนหลังม้าและฉันก็เข้าไปหาพวกเขาด้วยรูปลักษณ์ของเกราว์
“เดินต่อไปแบบนั้นแหล่ะ”
“ครับ….ไม่เจอกันนานเลยนะครับ เกราว์”
“อา อลัวส์”
กลุ่มคนสีเทาที่ว่านี้ก็คือกลุ่มของอลัวส์
เนื่องจากแม่ของเขากลับไปที่ดินแดนได้อย่างปลอดภัย เขาจึงมาที่นี่เพื่อขอโทษท่านพ่อ เหตุผลที่เขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่เปิดเผยตัวตนนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
อลัวส์ทำลายแผนของสองขุมอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างกอร์ดอนและครูเกอร์ได้ ต่อให้ไม่เอาเรื่องนั้นมาคำนวนด้วย เขาก็ยังเป็นผู้ปกครองหนุ่มที่ทนรับการโจมตีของทหารจักรวรรดินับหมื่นได้ด้วยคนแค่พันคน
“แม่ของเจ้าสบายดีไหม?”
“ครับขอบคุณครับ”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย เจ้าชายลีโอนาร์ดต่างหากหล่ะที่เป็นคนช่วยเหลือแม่ของเจ้า”
“ต้องขอบคุณท่านเกราว์ที่ทำให้ข้าได้เจอท่านแม่อย่างปลอดภัยครับ”
ในขณะที่พูด อลัวส์ก็เผยรอยยิ้มมีเสน่ห์ออกมาภายใต้ฮู้ดคลุมของเขา ในขณะที่ยิ้มตอบอลัวส์ ฉันก็ตรงเข้าประเด็นหลัก ก็อย่างที่ว่าฉันควรจะจบเรื่องนี้ให้เร็วๆ
“อลัวส์ ตำแหน่งของเจ้านั้นค่อนข้างละเอียดอ่อน มันจะไม่มีบทลงโทษสำหรับเจ้าหรอกแต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าจะถูกนำไปใช้ทางการเมือง”
“ครับ….ข้าเตรียมใจเอาไว้แล้ว” ข้าสามารถปกป้องดินแดนของตัวเองและทางใต้เอาไว้ได้ ถ้าข้าต้องการอะไรมากกว่านี้ข้าก็คงจะขอมากเกินไปแล้วหล่ะครับ”
สายตาของอลัวส์ในขณะที่พูดนั้นเป็นสายตาของคนที่ทำการตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว
นี่เขาเตรียมใจได้ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่อีกสินะ ต่อให้ฉันบอกเขาว่าจะไม่มีบทลงโทษ มันก็ยังไม่แน่นอนว่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ โทษประหารสำหรับเขายังเป็นไปได้อยู่ แต่ว่า ด้วยความแน่วแน่นี้ เขาก็น่าจะสามารถผ่านมันไปได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เขาเป็นคนที่เก่งใช้ได้เลยนะ ถ้าฉันอายุเท่ากัน ฉันจะเตรียมใจเผชิญหน้ากับความตายได้รึเปล่านะ?
ไม่สิ ต่อให้เป็นฉันในตอนนี้ก็ยังทำไม่ได้เลย ในแง่นี้ อลัวส์เก่งกว่าฉันมาก นี่คือสาเหตุที่ทำไมเขาถึงเป็นคนที่ควรค่าแก่การช่วยเหลือ
“ข้าเตรียมของขวัญมาให้เจ้า”
“ของขวัญหรอครับ?”
“ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าเป็นตัวของตัวเองเหตุการณ์จะพัฒนาไปในทางที่ดีสำหรับเจ้าอย่างแน่นอน”
“เข้าใจแล้วครับ…ข้าจะจำใส่ใจเอาไว้”
“อา”
หลังจากที่บอกเขาไปแบบนั้น ฉันก็จากไป
มีสายตามากมายกำลังจับจ้องอลัวส์อยู่ เนื่องจากมีอัศวินหลวงคอยคุ้มกันกลุ่มของเขา ก็แสดงว่าต้องมีนักฆ่ากำลังหมายชีวิตเขาอยู่ด้วย มีพวกเขาบางคนเดินตามฉันมาแต่หลังจากที่ฉันเดินเข้าไปในตรอกมืดๆ ฉันก็เคลื่อนย้ายหนีไป
ห้องที่ฉันเคลื่อนย้ายเข้ามานั้นคือโรงเตี๊ยมที่หันเข้าหาถนนหลักซึ่งมีเซบาสกำลังรอฉันอยู่
“ยินดีต้อนรับกลับครับ”
“อา เป้าหมายเป็นยังไงบ้าง?”
“เป็นไปตามกำหนดการครับ”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ฉันก็มองออกไปนอกหน้าต่าง
มีรถม้าและม้ามากมายกำลังสัญจรไปมาบนถนนหลัก
ที่จอดอยู่ข้างถนนหลักก็คือรถม้าที่ดูธรรมดาแต่มีการสร้างที่ประณีต
“เขาไม่ชอบทำตัวเด่นเหมือนเดิมเลยนะ”
“คงเป็นนิสัยของเขานั่นแหล่ะครับ”
คนที่อยู่บนรถม้าคันนั้นก็คือนายกรัฐมนตรีฟรานซ์ ฟรานซ์นั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นสามีที่ทุ่มเทและเมื่อไหร่ก็ตามที่เขายุ่งกับงานมากๆเขาก็มักจะซื้อของขวัญไปให้เธอ ตอนนี้ผู้ช่วยของเขากำลังซื้อมันให้เขาอยู่ ถึงยังไงเขาก็โดดเด่นเกินกว่าที่จะออกมาซื้อด้วยตัวเอง
ฉันขอโทษฟรานซ์ในใจแล้วดีดนิ้วเบาๆ ซึ่งผลก็ทำให้ม้าที่ลากรถม้าของฟรานซ์อยู่เริ่มแตกตื่น
จากนั้นเชือกที่เชื่อมต่อรถกับม้าเอาไว้ก็ถูกดึงและรถม้าก็เริ่มเสียการควบคุม
“ขอโทษนะ ท่านนายกรัฐมนตรี….”
“มันช่วยไม่ได้หรอกครับ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เขาเป็นมิตรกับท่านอลัวส์”
“ข้ารู้แต่ข้ารู้สึกผิดกับเขา เอาเถอะถึงอย่างนั้นข้าก็ยังทำอยู่ดีนั่นแหล่ะนะ”
อยู่บนรถม้าที่เสียการควบคุมคนเดียวคงไม่ดีกับหัวใจของเขา แต่ในเมื่อมันเป็นเพราะความตั้งใจ ทิศทางที่ม้าดึงเขาไปจึงถูกปรับแต่งด้วยบาเรียดังนั้นมันไม่น่าจะมีความเสียหายอะไรกับพื้นที่รอบๆ มันคงไม่มีใครเจ็บตัวจากเหตุการณ์นี้แต่ฟรานซ์ที่อยู่ข้างในอาจจะเริ่มเกลียดรถม้านับจากนี้เป็นต้นไป แต่ก็เอาเถอะ มันไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก
รถม้ากำลังเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ม้ารู้สึกตื่นเต้นและไม่มีคนคอยควบคุมมันอยู่แถมฟรานซ์ก็ไม่มีวิธีหยุดไม่ให้พวกมันคลั่งด้วย
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันสามารถใช้เวทมนตร์ช่วยเขาได้แต่ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น
“สำหรับวัยขนาดนี้ถือว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถไม่เบาเลยนะครับ”
นี่คือความคิดเห็นจากเซบาส ที่หางตาของเขาคืออลัวส์ที่กำลังควบม้าขนาบกับรถม้าของฟรานซ์
“คิดว่าเขาจะจัดการยังไง?”
“เพื่อผลลัพธ์ที่แน่นอน การช่วยท่านนายกรัฐมนตรีจากรถม้าคันนั้นคือตัวเลือกที่ดีที่สุด เมื่อพิจารณาจากอัศวินที่คอยติดตามเขาอยู่นั้นมันไม่น่าจะยากอะไร แต่ว่า”
“ม้าที่เตลิดอาจจะทำร้ายคนที่อยู่รอบๆสินะ”
“ครับ ความสำคัญอันดับหนึ่งของเขาควรจะเป็นการทำให้ม้าใจเย็นลงก่อน แต่ว่า การเข้าหาม้าที่แตกตื่นด้วยม้าอีกตัวมันอันตราย อย่างเลวร้ายที่สุด ม้าของเขาอาจจะรู้สึกแตกตื่นขึ้นมาเหมือนกันและเขาก็จะจบลงที่การถูกสลัดหลุดจากหลังม้า”
“อืม มันอันตรายจริงๆนั่นแหล่ะ…แต่ว่าเขาเป็นคนที่รับมือกับทหารจักรวรรดิ 10,000 คนได้เลยนะ การตัดสินใจแบบนั้น เขาคงสามารถทำได้ง่ายๆอยู่แล้วหล่ะ”
มันเป็นความจริงที่เขาได้รับความช่วยเหลือจากซิลเวอร์ ฉันไม่ปฏิเสธเลยว่าฉันคอยหนุนหลังเขา แต่ถึงอย่างนั้น ตัวอลัวส์เองก็เลือกที่จะหันดาบเข้าหากองทัพที่มีจำนวนมากกว่าถึงสิบเท่า เขาไม่ได้หนีและเลือกที่จะอยู่ปกป้องดินแดนของตัวเองในฐานะผู้ปกครอง เขาตัดสินใจที่จะปกป้องชาวเมืองทุกคนในฐานะขุนนางจักรวรรดิ
นี่คือการตัดสินใจของเด็กชายอายุยี่สิบปี
“เขาจะเป็นลูกน้องที่ดีของลีโอในตอนที่เขากลายเป็นจักรพรรดิอย่างแน่นอน”
“จักรวรรดินั้นกว้างใหญ่ มันไม่สามารถปกครองได้ด้วยจักรพรรดิตัวคนเดียว ถึงยังไง ขุนนางที่น่าเชื่อถือก็เป็นสิ่งจำเป็นครับ”
ใช่แล้ว ฉันพยักหน้า ทางใต้สูญเสียขุนนางที่มีอิทธิพลไปคนนึง และแน่นอนว่าดินแดนของขุนนางคนนั้นจะถูกแจกจ่ายไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้มันเป็นความจริงที่ไม่มีขุนนางคนไหนสามารถทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางได้
อย่างไรก็ตาม อลัวส์มีพรสวรรค์อันโดดเด่นที่จะรับบทบาทนั้น เขาได้รับเครดิตมามากพอที่จะทำแบบนั้น ยังมีหลายสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้แต่ฉันก็ยังคาดหวังอนาคตของเขา
เห็นได้ชัดเลยว่า ดูเหมือนอลัวส์จะเลือกทำให้ม้าสงบ ในขณะที่ควบม้าขนาบพวกมันอย่างเต็มที่เขาก็พยายามทำให้พวกมันใจเย็นลง
หลังจากนั้นซักพัก ม้าที่ลากรถม้าของฟรานซ์ก็ค่อยๆหยุดลง
สัตว์นั้นสามารถรับรู้ได้ว่าใครน่ากลัว การที่สามารถทำให้พวกมันใจเย็นลงได้นั้นก็หมายความว่าตัวอลัวส์เองก็มีจิตใจที่เยือกเย็น
“เพียงเท่านี้ อลัวส์ก็น่าจะปลอดภัยแล้ว นายกรัฐมนตรีไม่ใช่คนที่จะช่วยเหลือคนอื่นด้วยความเห็นใจแต่เขาเป็นคนที่มักจะมองไปถึงอนาคตเสมอ ในตอนที่เขาคาดหวังในอนาคตของอลัวส์ เขาก็จะหยุดท่านพ่ออย่างแน่นอนต่อให้ท่านพ่อจะพยายามลงโทษเขาก็ตาม
“แต่ฝ่าบาทคงไม่คิดจะลงโทษเขาตั้งแต่แรกแล้วหล่ะครับ”
“มันก็จริงแหล่ะนะ ถ้าเขาลงโทษอลัวส์ในตอนนี้ มันก็จะทำให้ความวุ่นวายทางใต้ปะทุขึ้นอีก พูดตามตรง การที่ให้เขาได้เจอกับนายกรัฐมนตรีนั้นมันมีจุดประสงค์อื่น”
“และนั่นก็คงจะเป็น?”
“ถ้านายกรัฐมนตรีคาดหวังในตัวอลัวส์ เขาก็จะพยายามทำให้เขาอยู่ในจุดที่เข้าถึงจักรพรรดิได้ พูดอีกนัยนึงก็คือ เขาจะพยายามเก็บอลัวส์เอาไว้ในปราสาทและอบรมสั่งสอนเขา ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะมีโอกาสได้ติดต่อกับลีโอและเขาก็จะได้เรียนรู้เรื่องต่างๆอีกมากมาย”
“ถ้าจักรพรรดิถูกใจท่านอลัวส์จำนวนขุนนางที่เข้าหาเขาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ท่านได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกขุมอำนาจอื่นแย่งตัวไปด้วยรึเปล่าครับ?”
“การที่คิดเรื่องแบบนี้ได้ เจ้านี่นิสัยไม่ดีจริงๆนะ รู้รึเปล่า?”
“คนที่ไม่มีนิสัยแย่ๆคงทำหน้าที่พ่อบ้านไม่ได้หรอกครับ ถึงยังไงถ้าข้าไม่สามารถคิดแผนการที่ชั่วร้ายและแยบยลขึ้นมาได้ ก็อาจจะมีบางคนเริ่มหาจุดอ่อนในการทำงานของข้า”
“……..”
ฉันจ้องเซบาสอย่างเงียบๆแต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจมัน
ให้ตายเถอะ เขาไม่มีความเคารพในตัวเจ้านายเลยซักนิด
“การที่ข้าเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายแบบนี้ต้องเป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากเจ้าแน่ๆเลย ข้ามั่นใจ”
“รู้สึกเป็นเกียรติครับ”
เมื่อเห็นท่าทีภาคภูมิใจของเซบาส ฉันก็ถอดใจเพราะมันดูไม่ได้ส่งผลกระทบกับเขาเลยซักนิด
“ไปกันเถอะ พวกเราเสร็จธุระที่นี่แล้ว ต้องขอบคุณท่านพ่อ ช่วงนี้ก็เลยเริ่มมีคนมาสนใจข้าเพราะฉะนั้นข้าก็เลยไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระเหมือนเมื่อก่อนได้”
“ฝ่าบาทเรียกท่านว่าคู่หู่เจ้าชายฝาแฝดนี่ครับ ถ้าทุกอย่างยังเป็นไปแบบนี้ จุดยืนของท่านจะพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน ฝ่าบาทเข้าใจใช้แผนดีจริงๆ”
“น่ารำคาญจะตาย”
ในขณะที่บทสนทนาดำเนินไปเช่นนี้ พวกเราก็ออกจากโรงเตี๊ยม การมาถึงของอลัวส์คือหลักฐานว่าทางใต้สงบลงแล้ว ฉันได้เตรียมการจนกระทั่งถึงช่วงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แต่จากตรงนี้ไปเรื่องจะยุ่งขึ้นอีกอย่างแน่นอน