Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi - ตอนที่ 128
การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) – ตอนที่ 128
วันหลังจากที่อลัวส์มาถึง
ฉัน ลีโอ และเอริคได้ถูกท่านพ่อเรียกตัว ซึ่งมันเป็นตอนที่ฉันคิดว่าจะออกไปข้างนอกพอดีดันนั้นฉันจึงเดินลงบันไดมาพร้อมกับถอนหายใจ
ในเวลานั้นเอง ก็มีคนเรียกฉัน
“เจ้าชายอาร์โนลด์”
“ว่าไงครับ? นายกรัฐมนตรี?”
ฟรานซ์เป็นคนที่เรียกฉัน
ความจริงที่ว่าพวกเราถูกเรียกตัวนั้นก็หมายความว่าฟรานซ์น่าจะถูกเรียกเหมือนกัน จุดหมายของพวกเราน่าจะเป็นที่เดียวกันดังนั้นฉันจึงเริ่มเดินด้วยกันกับฟรานซ์
“เจ้าชายเองก็ถูกจักรพรรดิเรียกตัวหรอครับ?”
“อา และข้าก็กำลังคิดว่าจะออกไปเดินเล่นอยู่พอดีด้วย”
“คงจะลำบากใจแย่เลยนะครับแต่ช่วยเก็บความสำราญของตัวเองเอาไว้แค่ระดับพอประมาณเถอะนะครับ การแกล้งผู้ใหญ่นี่ไม่น่าสรรเสริญเลยจริงๆ”
ในตอนที่พูดจบ เขาก็ทำสีหน้าตำหนิฉันเล็กน้อย
สมกับเป็นนายกรัฐมนตรี เขาหัวไวจริงๆ
“พูดเรื่องอะไรกันครับ? ถึงจะเห็นแบบนี้ แต่ข้าก็ให้ความเคารพผู้ใหญ่นะรู้ไหม?”
“ไม่จำเป็นต้องตีเนียนหรอกครับองค์ชาย สำหรับองค์ชายเอริคนั้น มันดูขาดความกระตือรือร้นเกินไปและในส่วนขององค์ชายลีโอนาร์ด การกระทำนี้มันชั่วร้ายเกินไป ท่านอยากสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเอิร์ลซิมเมลกับข้าใช่ไหมหล่ะครับ?”
เขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคนของท่านพ่อมาตั้งแต่ตอนที่เขาเป็นเจ้าชายแล้ว ดังนั้นหลังจากที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันเขาก็รู้สึกตัวในทันทีว่าฉันน่าจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังสินะ
ฟรานซ์เป็นนายกรัฐมนตรี โดยปกติแล้ว เขาจะเป็นคนที่ผู้คนไม่กล้าแตะต้อง มีแค่ผู้เข้าชิงบัลลังก์เท่านั้นที่น่าจะแตะต้องคนระดับฟรานซ์ได้ และก็อย่างที่เขาพูด มีแค่ฉันที่จะทำเรื่องครึ่งๆกลางๆในเมืองหลวงจักรวรรดิ
“ถ้าข้าทำอะไรบางอย่างไปแล้วยังไงหรอครับ?”
“นี่ก็แค่การตักเตือนครับแต่ช่วยหักห้ามตัวเองจากการทำเรื่องแบบนี้ [ในช่วงนี้] ก็แล้วกันครับ”
“ช่วงนี้หรอ?”
“ครับ ถึงยังไงคนที่พวกเรากำลังพูดถึงก็คือองค์ชาย ท่านอาจจะอยากให้เอิร์ลซิมเมลได้ติดต่อกับข้าเพื่อให้ได้พันธมิตร ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการสันนิษฐานที่ว่าข้าจะคาดหวังในตัวเขา, ท่านคงเพ่งเล็งที่จะใช้เอิร์ลเป็นจุดติดต่อและรวบรวมขุนนางให้มาเข้าฝั่งของท่านเพิ่มขึ้น—นอกจากนี้ ท่านรู้ว่าข้าจะมองออกและแจ้งจักรพรรดิเกี่ยวกับการกระทำของท่านเพื่อที่เขาจะได้ประเมินท่านต่ำลงด้วยถูกไหม? แต่ว่านะครับท่านเริ่มโดดเด่นมาตั้งแต่ตอนที่จักรพรรดิประกาศคำว่าคู่หูเจ้าชายแฝดแล้วหล่ะครับ”
“………”
บางคนบอกว่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรพรรดิก็คือทำให้ฟรานซ์มาเป็นนายกรัฐมนตรีของเขา และนั่นก็คงจะไม่ผิด
ในฐานะมือขวาของท่านพ่อ เขาคือชิ้นส่วนสำคัญที่สุดที่สนับสนุนรากฐานของจักรวรรดิ อย่างที่ฉันคิดไว้ เขาสามารถอ่านความคิดของมือใหม่อย่างฉันได้ง่ายๆเลยสินะ”
“ข้ายอมแพ้ แล้วไง? เจ้าหมายความว่าไงที่บอกว่าข้าไม่ควรทำเรื่องแบบนั้นในตอนนี้?””
ฉันยกทั้งสองมือขึ้นเป็นการบ่งบอกว่ายอมแพ้แล้ว
ฟรานซ์ไม่ได้ประหลาดใจเลยในตอนที่เห็นแบบนี้ เขาไม่ได้แหย่ให้ฉันสารภาพ เขาแค่ให้คำแนะนำเพราะรู้เรื่องทุกอย่างอยู่แล้ว
“ฝ่าบาทจะอธิบายหลังจากนี้ครับ”
ในตอนที่พูดจบ ฟรานซ์ก็โค้งคำนับแล้วเริ่มเดินนำหน้าไปแต่เหมือนกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างออก เขาหยุดเดินแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับฉัน
“จะว่าไป….หลังจากที่เข้ามาถึงเมืองหลวง ดูเหมือนว่าเอิร์ลซิมเมลจะทำการติดต่อกับคนที่สวมฮู้ดสีเทาในทันที นั่นอาจจะเป็นเกราว์นักกลยุทธ์พเนจรที่ร่วมมือกับเอิร์ลในการป้องกันเมืองของเขาก็ได้นะครับ และหลังจากที่แยกกัน รถม้าของข้าก็เกิดคุ้มคลั่งขึ้นมาเลย…นี่มันบังเอิญไปหน่อยว่าไหมครับ?”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องนี้เลย”
ฉันทำเป็นประหลาดใจ มันต้องเป็นการแสดงที่ไม่เป็นธรรมชาติเลยแน่ๆ
เมื่อเห็นแบบนี้ ฟรานซ์ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เข้าใจแล้วครับ ข้าคงจะคิดมากเกินไปเอง เอิร์ลซิมเมลรับมือกับทหารจักรวรรดิเป็นหมื่นคนได้ดังนั้นเขาก็เลยน่าสนใจมากแต่ดูเหมือนว่ามันคงเป็นเกราว์ที่อ่านแผนการทั้งหมดของกองทัพจักรวรรดิออก ข้าคิดว่าเขาอาจจะเป็นคนในที่คุ้นเคยกับกลยุทธ์ของกองทัพจักรวรรดิของเราดีก็ได้นะครับ”
“ข้าไม่มีความรู้ในด้านนั้นเลยนะเจ้าก็น่าจะรู้นี่”
“นั่นสินะครับ องค์ชายเกลียดการเรียนหนังสือนี่หน่า ข้าคงคิดมากไปจริงๆ ขออภัยสำหรับความหยาบคายของข้าด้วยนะครับ”
ในตอนที่พูดจบ ฟรานซ์ก็เดินจากไป
ด้วยเงื่อนงำเพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถไปถึงความจริงได้แล้ว ช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ ด้วยการที่มีคนๆนี้คอยคุมผู้ติดตาม ไม่แปลกใจเลยที่ท่านพ่อจะชนะสงครามผู้สืบทอด
“ว่าแล้วเชียว เด่นไปนี่เป็นปัญหาจริงๆ….”
ถ้าฉันทำตัวเด่น ก็จะมีสายตาจับตาดูฉันมากขึ้น มันจะทำให้ฉันเคลื่อนไหวในเงามืดได้ยากขึ้นเมื่อมาสายตาที่จับจ้องมากขนาดนี้
ฉันอยากให้การคำนวณของฉันตกไปและทำให้ผู้คนดูถูกฉันอีกครั้ง แต่ว่า
ฉันก็แค่ถูกเตือนให้ปัดตกความคิดนั้นไป
“เรื่องกำลังจะมีปัญหาขึ้นอีกแล้วสินะ?”
ในขณะที่กำลังมีความรู้สึกไม่ดีนี้ ฉันก็มุ่งหน้าต่อไปยังสถานที่ที่ท่านพ่ออยู่
“สบายดีไหมครับ? ฝ่าบาท ข้าอลัวส์ ฟ็อน ซิมเมล”
อลัวส์พูดในขณะที่คุกเข่าเบื้องหน้าท่านพ่อ เมื่อได้รับการทักทายจากเขา ท่านพ่อก็ทักทายเขากลับ
“ยินดีต้อนรับ เอิร์ลซิมเมล ข้าคิดว่าเจ้าคงมาที่นี่เพื่ออธิบายสินะ ถูกไหม?”
“ครับ ตระกูลซิมเมลได้มุ่งร้ายต่อกองทัพจักรวรรดิเพราะมีคนถูกจับเป็นตัวประกัน พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะก่อกบฏกับฝ่าบาทเลยครับ ข้าขออภัยด้วย”
เขาอาจจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วแม้ว่าอลัวส์จะไม่ได้บอกเขาก็ตามแต่การที่เจ้าตัวมาที่นี่ด้วยตัวเองและอธิบายสถานการณ์กับจักรพรรดินั้นมันก็มีความหมายอยู่ ที่สำคัญที่สุด มันเร็วกว่าเมื่อได้ฟังรายละเอียดจากปากของเขา
“ข้าเชื่อคำพูดของเจ้า แต่ว่า ข้าได้ยินมาว่าตระกูลซิมเมลได้สังหารหนึ่งในแม่ทัพของกองทัพจักรวรรดิและเริ่มความขัดแย้งใช่ไหม? เจ้าจะแก้ตัวการกระทำนี้ยังไงหล่ะ?”
“ข้าไม่มีอะไรจะแก้ตัวครับแต่ว่า….ท่านลุงของข้าเป็นคนออกคำสั่ง ถ้าสิ่งที่ท่านลุงพูดเชื่อถือได้ ดูเหมือนว่าเขาจะจ้างพลซุ่มยิ่งตามคำขอจากกองทัพจักรวรรดิครับ ฝ่าบาท”
คิ้วของท่านพ่อกระตุกเล็กน้อย เขาน่าจะได้รับรายงานมาก่อนแล้ว เพราะก่อนที่อลัวส์จะมาถึง อลัวส์ได้เขียนรายงานส่งมาที่นี่ล่วงหน้า
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างอ่านมันกับได้ยินมันโดยตรงนั้นชัดเจน
“พูดอีกนัยนึงก็คือ….เจ้ากำลังบอกว่ามีคนทรยศอยู่ในกองทัพอย่างนั้นหรอ?”
“ถ้าคำพูดของท่านลุงเชื่อถือได้ก็คงจะใช่ครับ….แต่ว่า สิ่งที่ข้าพูดมันอุกอาจเกินไปดังนั้นจึงอาจจะมีความเป็นไปได้ว่ามันคือหนึ่งในแผนของดยุคครูเกอร์เหมือนกัน”
อลัวส์ไม่กล้าเอ่ยชื่อกอร์ดอน ถ้าเขาหลุดชื่อของกอร์ดอนออกมาที่นี่ มันก็มีแต่จะทำให้ความโกรธของกอร์ดอนมาลงที่เขาโดยตรง การผลักความผิดทั้งหมดไปให้ครูเกอร์ที่ถูกจับกุมแล้วมันก็เพื่อตัวอลัวส์เอง
แต่ถึงจะไม่พูดออกมา ท่านพ่อก็พอเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้
กอร์ดอนอยากให้เกิดสงครามอย่างไม่ต้องสงสัย มันคือฝีมือของเขาอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่า มันมีความเป็นไปได้ที่ครูเกอร์จะแอบทำอะไรอยู่หลังฉากดังนั้นมันจึงไม่ได้หมายความว่ากอร์ดอนจะถูกลงโทษในเรื่องนี้ได้
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังกระตุ้นความสงสัยขึ้นมา ซึ่งแค่นี้ก็พอแล้ว ถึงยังไง อลัวส์ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกับกอร์ดอนถึงขั้นที่เขาจะโจมตีเขา
ในส่วนของความรับผิดชอบ อลัวส์ก็สามารถรับผิดชอบในส่วนของการที่ไม่สามารถหยุดลุงของเขาได้ เพื่อประโยชน์ของทุกคน การปล่อยให้เรื่องนี้คลุมเครือต่อไปนั้นจะดีกว่า
“เขาจับตัวประกันและบังคับให้ขุนนางที่ไม่เชื่อฟังต่อสู้ ถ้าเป็นครูเกอร์หล่ะก็เขาน่าจะทำแบบนั้นแน่ๆ ตอนนี้ข้าเข้าใจเรื่องราวแล้ว ถ้าพวกเรามองแต่ผลลัพธ์ เจ้าได้หยุดการบุกของกองทัพจักรวรรดิด้วยการป้องกันการโจมตีทีเผลอของพวกเขาได้สำเร็จ ในแง่นี้ เจ้าได้สร้างคุณประโยชน์ให้จักรวรรดิ เจ้าทำได้ดีมาก เอิร์ลซิมเมล”
“ข้าขอน้อมรับคำชมของฝ่าบาทครับ”
“เจ้าไม่มีทางเลือกนอกจากหันดาบเข้าหากองทัพจักรวรรดิดังนั้นข้าจะถือว่าเรื่องมันแล้วไปแล้ว”
ในสถานการณ์นี้ เขาไม่สามารถลงโทษอลัวส์ได้ ตัวท่านพ่อเองก็ไม่อยากจะสืบสาวอะไรไปมากกว่านี้และเขาก็ไม่อยากตัดสินข้อหากับอลัวส์ด้วย เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าเขาลงโทษอลัวส์ มันก็มีแต่จะเรียกปัญหามามากขึ้น การโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของครูเกอร์ที่ถูกจับตัวไปแล้วนั้นถือเป็นการเล่นที่ปลอดภัยกว่า
“อยู่ในปราสาทซักพักเถอะ ที่แห่งนี้คือสถานที่ที่คนมีพรสวรรค์ของจักรวรรดิมารวมตัวกัน เจ้าจะได้เรียนรู้หลายๆอย่างที่นี่อย่างแน่นอน”
“ตามประสงค์ครับ”
เพียงเท่านี้ ท่านพ่อก็บอกให้อลัวส์กลับไปพัก
ตอนนี้เหลือแค่ท่านพ่อและฟรานซ์ด้วยกันกับฉัน ลีโอ และเอริคที่อยู่ในห้อง นี่จะต้องเป็นเรื่องสงครามผู้สืบทอดอย่างแน่นอน
“พวกเจ้ารู้ไหมว่าทำไมถึงมีแค่พวกเจ้าที่ยังอยู่ที่นี่?”
“เรื่องสงครามผู้สืบทอดหรอครับ?”
“ใช่แล้ว สงครามผู้สืบทอด….มันคือการตัดสินว่าใครจะได้เป็นคนชักนำจักรวรรดิคนต่อไป ถ้าผู้เข้าชิงที่มีพรสวรรค์เกิดขึ้นหลายคน ก็จะมีความเสียหายตามมาด้วยบ้าง แต่ว่า ครั้งนี้มันเกินกว่าที่จะรับไหว สงครามกลางเมืองเกิดจากการแข่งขันกันเองของพี่น้องแบบนี้มันดูไร้สาระเกินไป!”
ในตอนที่พูดจบ ท่านพ่อก็มองพวกเราอย่างจริงจัง
เอาเถอะ มันก็เป็นธรรมดาแหล่ะที่เขาจะโกรธ สงครามผู้สืบทอดต้องอยู่ในขอบเขตที่จะไม่สร้างความเสียหายกับผลประโยชน์ของจักรวรรดิ แต่ว่า ด้วยเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ มันได้เกินขอบเขตนั้นไปไกลแล้ว
“จะต่อสู้กันเองก็ไม่เป็นอะไรหรอกแต่ถ้าพวกเจ้าหยุดคิดถึงผลประโยชน์ของจักรวรรดิไม่ได้ก็ตัดใจเรื่องบัลลังก์ไปซะ จำใส่หัวเอาไว้ให้ดี สงครามผู้สืบทอดมีอยู่เพื่อประโยชน์ของจักรวรรดิ สิ่งที่มาเป็นอันดับหนึ่งเสมอก็คือประเทศของเรา”
“เข้าใจแล้วครับ”
“ข้าจะจำใส่ใจเอาไว้ครับ”
เอริคกับลีโอโค้งทำความเคารพ
เนื่องจากฉันคิดว่าฉันไม่ใช่ผู้เข้าชิง ฉันจึงทำตัวไม่แยแสแต่ท่านพ่อก็ได้จ้องมาทางฉัน
“อาร์โนลด์….เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”
“เข้าใจครับ แต่ข้าไม่ได้อยากได้บัลลังก์มาตั้งแต่แรกแล้วและเหนือสิ่งอื่นใดไม่เห็นมีพวกหัวรุนแรงอยู่ที่นี่ซักหน่อยครับพูดแบบนั้นก็แย่สิ”
“เจ้ามีอะไรมายืนยันไหมหล่ะว่าพวกเจ้าจะไม่กลายเป็นพวกหัวรุนแรง?”
“ไม่มีครับ”
“นั่นสินะ ถ้าเจ้าเข้าใจแล้วก็ตอบข้ามา”
“ครับ ครับ เข้าใจแล้วครับ”
ในตอนที่ฉันก้มศีรษะ ท่านพ่อก็ถอนหายใจออกมา
จากนั้นเขาก็เอนตัวพิงบัลลังก์แล้วพูดขึ้น
“พักเรื่องการต่อสู้ชิงบัลลังก์ซักพักนึง มันใกล้จะถึงวันเกิดของข้าแล้ว พูดอีกนัยนึงก็คือ วันครบรอบการครองราช 25 ปีของข้าใกล้จะมาถึงแล้ว พวกเจ้าทุกคนเข้าใจใช่ไหมว่าถ้าต่อสู้กันเองแบบโง่ๆในช่วงเวลานั้นจะเป็นยังไง?”
“แน่นอนครับ”
“ดี เทศกาลจะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการครองราชครบ 25 ปีของข้า ข้าได้เชิญแขกจากประเทศอื่นมาด้วยในครั้งนี้ พวกเจ้าทุกคนจะได้เป็นศูนย์กลางของมันและจงแสดงความมีน้ำใจกับเหล่าบุคคลสำคัญซะ จนกว่างานจะจบลง ลืมเรื่องสงครามผู้สืบทอดไปก่อน ข้าเองก็จะไม่คิดถึงมันด้วย พวกเจ้าทุกคนเข้าใจผลที่ตามมาของการดึงดันจะสู้ต่อใช่ไหม?”
เอริคกับลีโอโค้งคำนับให้กับคำพูดของท่านพ่ออย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตาม มีแค่ฉันที่ไม่ทำ ซึ่งเหตุผลก็เพราะว่าฉันมองเห็นเจตนาของท่านพ่อ
นี่คือสาเหตุที่เขาตั้งฉายาคู่หูเจ้าชายแฝดให้พวกเราสินะ ด้วยการให้สถานะกับฉัน เขาก็จะสามารถใช้ฉันสร้างความเพลิดเพลินให้กับแขกได้ ถึงยังไง การให้เจ้าชายที่มีชื่อเสียงด้านไร้ความสามารถมาต้อนรับแขกก็คงจะดูหยาบคายเกินไป อย่างไรก็ตาม เรื่องมันจะต่างออกไปในตอนที่ฉันถูกเรียกว่าคู่หูเจ้าชายฝาแฝดด้วยกันกับลีโอ
ในขณะที่ฉันกำลังขมวดคิ้วกับเรื่องนี้ ท่านพ่อก็ทำการตอกฝาโรงฉัน
“เจ้าต้องทำตัวดีๆไปซักพัก เจ้าไม่สามารถทำเรื่องที่จะสร้างความเสื่อมเสียให้กับชื่อเสียงของตัวเองได้เข้าใจไหม? ถ้าเจ้าไม่ทำข้าจะถือว่าเจ้าไม่สนใจผลประโยชน์ของประเทศ”
คนๆนี้….เขานิสัยไม่ดีเลยจริงๆ
ท่านพ่อยิ้มเหมือนกับว่าเขาพึ่งแกล้งสำเร็จ นี่คือเหตุผลที่ฟรานซ์เตือนสินะ ทั้งหมดมันเชื่อมโยงกันแล้ว
หนอย ฉันต้องมารักษาชื่อเสียงคู่หูเจ้าชายฝาแฝดไปซักพักหรอเนี่ย
“ทำตัวให้สมเกียรติ ได้ยินใช่ไหม? อาร์โนลด์”
“….ครับ เข้าใจแล้วครับ”
เมื่อเห็นฉันฝืนใจตอบ ท่านพ่อก็ยิ้มอย่างมีความสุข
แม้ว่าสงครามผู้สืบทอดจะถูกพักไว้ก่อน แต่อีกศึกนึงกำลังรอฉันอยู่
การอยู่เฉยๆและปล่อยให้ชื่อเสียงของฉันแย่ลง นี่คือสิ่งที่ฉันไม่ต้องตั้งใจก็ทำได้แล้วจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันถูกห้ามแล้ว พูดอีกนัยนึงก็คือ ฉันถูกห้ามไม่ให้ทำตัวตามปกติ
บ้าที่สุด ก็เพราะฉันเกลียดเรื่องแบบนี้แหล่ะฉันถึงพยายามทำให้ลีโอได้เป็นจักรพรรดิ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นด้วยนะ……
ในขณะที่กำลังรู้สึกเพลียกับคำสั่ง ฉันก็ได้สัมผัสถึงความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดไปอีกพักใหญ่ๆ