Silver Overlord - ตอนที่ 94
94 – เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก
เสิ่นเติ้งเปิดเผยความสามารถของเขาออกมา สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากสือต้าเฟิงก็คือการฉายภาพของธรรมของเสิ่นเติ้งเป็นนกกระเรียนมงกุฎแดง
นอกจากนี้สิ่งที่เสิ่นเติ้งใช้ต่อสู้ไม่ใช่วิชาหมัดแต่เป็นวิชาฝ่ามือ
สือต้าเฟิงคล้ายกับบ้าคลั่งไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะผ่านที่ใดเขาจะฟาดด้วยกำปั้นทันทีที่เห็นคนข้างๆ เขาไม่สนใจสถานการณ์ปัจจุบันและจะโจมตีทุกคนก่อนที่จะพูดอะไร
ในทางกลับกันร่างของเสิ่นเติ้งนั้นสง่างามและว่องไวคล้ายกับนกกระเรียนมงกุฎแดงที่กระพือปีกขณะที่มันเต้นรำท่ามกลางฝูงชน
การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วมาก ในช่วงเวลาสั้นๆทั้งสองได้โค่นผู้สมัครสองคนตามลำดับ ทำให้ผู้สมัครทั้งหมดสี่คนถูกขับไล่ออกจากเวทีทันที
ความแข็งแกร่งของทั้งคู่ในเวลานี้แข็งแกร่งกว่าเวลาที่พวกเขาต่อสู้ในเวทีถึงสองเท่า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ออกแรงเต็มที่ในระหว่างการแข่งขันบนเวที
หลังจากเสิ่นเติ้งเอาชนะผู้สมัครสองคนแล้วก็ไม่มีใครอยู่ใกล้เขาอีกต่อไป เขาหันกลับมาและเห็นเอี้ยนลี่เฉียงที่ยังคงฝังรากอยู่ในที่เดิมของเขา
เอี้ยนลี่เฉียงกำลังเฝ้าดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขาในสังเวียน ขณะนี้ไม่มีใครอยู่ที่ด้านข้างของเอี้ยนลี่เฉียงเลยในตอนนี้ พวกเขาหนีหายไปหมดแล้ว
“เอี้ยนลี่เฉียง! เรากำลังออกแรงอย่างแข็งขันที่นี่แต่เจ้ากับขี้เกียจอยู่ข้างสนาม หากเจ้าติดหนึ่งในสิบโดยไม่ต้องออกแรงเจ้าจะไม่รู้สึกอับอายหรือ!”เสิ่นเติ้งตะโกนเสียงดัง
แต่เขาไม่ได้พุ่งเข้ามาโจมตีเอี้ยนลี่เฉียง แต่เขากลับพุ่งเข้าหาผู้สมัครคนอื่นที่อยู่ถัดจากเขา ทั้งสองคนรู้ดีว่าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว
เว้นเสียแต่ว่าเขากำลังต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งสามอันดับแรกในช่วงเวลาสุดท้ายเขาจะไม่ต่อสู้กับเอี้ยนลี่เฉียงก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นใช้ประโยชน์จากมัน
เสิ่นเติ้งมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงแต่เขาไม่ได้พูดอะไร อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของเขาช้าลงในทันที
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเห็นเช่นนั้นเขาก็ตระหนักว่าเสิ่นเติ้งกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเทียบกับนิสัยที่เปิดเผยของสือต้าเฟิงแล้วเสิ่นเติ้งเป็นคนเจ้าเล่ห์มากกว่า
จริงๆแล้วเขาเชื่อว่าเอี้ยนลี่เฉียงต้องการที่จะรักษาความแข็งแกร่งของตัวเองไว้ดังนั้นเขาจึงต้องเตรียมความพร้อมไว้สำหรับตัวเองด้วยเพื่อไม่ให้ความแข็งแกร่งของเขาหมดเร็วเกินไป ในขณะนี้ทั้งสามรู้สึกได้ว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้กันในที่สุด
เอี้ยนลี่เฉียงจำเป็นต้องรักษาความแข็งแกร่งของเขาจริงๆหรือ? เขาเต็มไปด้วยพลังงานที่ได้มาจากการฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นทุกวัน ในความคิดของเขาการแข่งขันก่อนหน้านี้ไม่สามารถถือได้ว่าเป็นการอุ่นเครื่องด้วยซ้ำ!
เอี้ยนลี่เฉียงส่งเสียงหัวเราะ ร่างกายของเขาแสดงท่าทางคล้ายกับเสือร้ายพุ่งเข้าหาผู้สมัครสองคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ไม่ไกลจากเขา
ผู้สมัครทั้งสองกำลังวางแผนบางอย่างเพื่อให้การต่อสู้ของพวกเขาไม่รุนแรงและพลังงานยังคงมีอยู่เต็มที่ ทั้งคู่ดูเหมือนจะตั้งใจที่จะถ่วงเวลาในขณะที่พวกเขารอให้คนอื่นต่อสู้กันจนหมดแรงในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะได้อันดับที่ดีขึ้น
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้สมัครเพียงคนเดียวที่มีความตั้งใจดังกล่าว ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ทักษะการต่อสู้ของผู้สมัครทุกคนถูกทดสอบ
ในขณะเดียวกันก็ทดสอบความสามารถของทุกคนในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆรวมทั้งความคล่องตัว เนื่องจากในสนามรบจริงมีความเป็นไปได้ที่ผู้สมัครจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้
เมื่อเห็นว่าเอี้ยนลี่เฉียงกำลังวิ่งเข้าหาพวกเขาผู้สมัครทั้งสองรีบวิ่งหนีทันทีโดยไม่สนใจการต่อสู้แม้แต่น้อย พวกเขาไม่เคยคิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะพุ่งมาทางพวกเขาเลย
ก่อนที่ผู้สมัครทั้งสองจะทันได้หนีไปไกลภาพธรรมที่อยู่ด้านหลังของเอี้ยนลี่เฉียงซึ่งเป็นรูปพยัคฆ์ร้ายก็ปรากฏขึ้น มันเป็นภาพที่ชัดเจนและยิ่งใหญ่ปลดปล่อยรัศมีพลังที่น่ากลัวทำให้ผู้คนทั้งสนามต่างตกตะลึง
เอี้ยนลี่เฉียงยิงหมัดพยัคฆ์คำรามต่อเนื่องโจมตีเข้าใส่ผู้สมัครทั้ง สองอย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกัน
เนื่องจากผู้สมัครสองคนติดอันดับหนึ่งในห้าสิบอันดับแรกพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าผู้สมัครทั่วไปโดยธรรมชาติ เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงฟาดด้วยหมัดคู่ พวกเขาก็ใช้ฝ่ามือปิดผนึกการโจมตีของเอี้ยนลี่เฉียง
เพียงมองตากันผู้สมัครทั้งสองก็ลงมือโจมตีเข้าใส่เอี้ยนลี่เฉียงโดยไม่ต้องให้สัญญาณนัดหมาย
หากคนอื่นเข้ามาโจมตีผู้สมัครสองคนนี้ในเวลาเดียวกันทั้งคู่จะมีความสามารถในการจัดการพวกเขาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของเอี้ยนลี่เฉียงจะมีมากมายถึงขนาดนี้ มันเกินความคาดหมายของพวกเขาไปแล้ว
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงบรรลุขั้นตอนท่าม้าเขาได้รับความแข็งแกร่งของม้าแรดตัวเดียว ในช่วงสองสามวันนี้เอี้ยนลี่เฉียงได้ฝึกฝนอย่างไม่ลดละและขยันหมั่นเพียรในคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นทุกวัน
พลังที่สะสมอยู่ในร่างกายของเขานั้นเทียบเท่าได้กับม้าแรดสองตัวไปแล้ว
ความแข็งแกร่งของร่างกายที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันทำให้พลังที่น่ากลัวของหมัดพยัคฆ์คำรามเพิ่มขึ้นหลายเท่า แม้ว่าหมัดพยัคฆ์คำรามต่อเนื่องของเอี้ยนลี่เฉียงจะอยู่ในขอบเขตของชั้นที่สี่เท่านั้น
และพลังที่น่าเกรงขามของหมัดพยัคฆ์คำรามต่อเนื่องที่อยู่ในขอบเขตของชั้นที่สี่ของเขาก็แข็งแกร่งมากกว่าหมัดพยัคฆ์คำรามในขอบเขตชั้นที่ห้าของคนทั่วไปอยู่พอสมควร
นี่คือความหมายของ ‘ขอบเขตที่คนผู้หนึ่งสามารถต้านทานคน สิบคนด้วยตัวคนเดียว’ ด้วยพลังบ่มเพาะที่แตกต่างกันย่อมสามารถใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งมากมายมหาศาล
ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความประหลาดใจผู้สมัครทั้งสองถูกโจมตีด้วยหมัดพยัคฆ์คำรามต่อเนื่องของเอี้ยนลี่เฉียงในเวลาเดียวกัน
พวกเขาถูกกระแทกออกไปไกลเจ็ดถึงแปดวาด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของหมัด พวกเขากระเด็นออกนอกวงกลม แม้พ่ายแพ้ไปแล้วแต่พวกเขาก็ไม่สามารถลุกยืนขึ้นได้
ผู้สมัครคนอื่นๆที่สังเกตเห็นต่างก็ตกตะลึงกับพลังการโจมตีของเอี้ยนลี่เฉียง
“ อ้า… .. ” ด้วยหมัดของเอี้ยนลี่เฉียงเสียงคำรามของเสืออีกตัวก็ดังขึ้นในอากาศ ผู้สมัครอีกคนถัดจากเขาถูกโจมตีอย่างรวดเร็ว
เขาล้มลงกับพื้นภายในวงกลม เนื่องจากเขาไม่สามารถลุกขึ้นได้เจ้าหน้าที่สนามตัดสินให้เขาออกจากการประลอง
สำหรับผู้สมัครคนที่สี่ไม่ได้ถูกจัดการโดยกำปั้นของเอี้ยนลี่เฉียง เอี้ยนลี่เฉียงคว้าเข็มขัดของเขาไว้ก่อนจะเหวี่ยงออกนอกวงกลมอย่างสบายๆ ผู้สมัครคนนั้นบินออกนอกวงกลมโดยที่ไม่สามารถต่อต้านได้
ในวินาทีต่อมาเอี้ยนลี่เฉียงก็พุ่งเข้าสู่กลางวงกลมด้วยการโจมตี อันดุร้าย เมื่อเสียงคำรามของเสือดังขึ้นผู้สมัครเจ็ดแปดคนที่อยู่ด้านในวงกลมบริเวณรอบรอบเอี้ยนลี่เฉียงต่างก็ตกใจแตกฮือกันออกไปในทิศทางต่างๆ
เสิ่นหงปิงและสือฉางเฟิงมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความตกตะลึง ทั้งคู่ไม่คิดเลยว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ดวงตาของสือฉางเฟิงเป็นประกายเมื่อเขาจ้องไปที่เอี้ยนลี่เฉียงขณะที่เขาพึมพำกับตัวเองอย่างเหม่อลอย
“ นี่มันผู้ใหญ่รังแกเด็กชัดๆ”