Silver Overlord - ตอนที่ 101
101 – ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เอี้ยนลี่เฉียงนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนหลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของเอี้ยนเต๋อชางที่ละเมอออกมา
ความแค้น ความแค้น ความแค้น…
เอี้ยนลี่เฉียงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่อยู่ในใจ เอี้ยนเต๋อชางเล่าให้ฟังว่าแม่ของเขาจากไปจากด้วยอาการป่วยเมื่อเขาอายุได้เพียงครึ่งปี
เอี้ยนลี่เฉียงถูกเลี้ยงดูโดยแม่นมที่เอี้ยนเต๋อชางจ้างมา
ตลอดสิบปีที่ผ่านมาเอี้ยนลี่เฉียงไม่เคยสงสัยเรื่องที่เอี้ยนเต๋อชางบอกเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
อย่างไรก็ตามคำพูดของเขาในคืนนี้ทำให้เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก เป็นไปได้ไหมที่แม่ของเขาจากไปเพราะสาเหตุอื่น? หรือนางถูกใครบางคนฆ่า?
ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นเอี้ยนเต๋อชางก็คงไม่ได้พูดถึงเรื่องการแก้แค้น
เอี้ยนเต๋อชางต้องรู้จักตัวตนของคนร้าย แต่ก็ไม่มีความสามารถที่จะแก้แค้นได้ ดังนั้นเขาจึงเข้มงวดกับเอี้ยนลี่เฉียงตั้งแต่วัยเยาว์
เขาให้เอี้ยนลี่เฉียงฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ทุกวันเพื่อที่จะได้แข็งแกร่งขึ้น ‘เขาต้องการให้ข้ามีพลังและก้าวไปสู่การเป็นนักรบเพื่อที่ข้าจะมีความสามารถเพียงพอที่จะล้างแค้นให้ท่านแม่หรือไม่?’
สิ่งนี้อธิบายทุกสิ่งที่เขาเคยประสบที่บ้านตั้งแต่เด็ก
พรุ่งนี้เขาควรถามพ่อไหม?
ไม่เขาจะไม่บอกพ่อ เว้นแต่ว่าเขาจะมีความสามารถในการล้างแค้นให้นางไม่เช่นนั้นพ่อของเขาจะไม่มีทางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เอี้ยนลี่เฉียงนอนกระสับกระส่ายอยู่ที่เตียงของตัวเอง ในท้ายที่สุดเขาตัดสินใจว่าเขาต้องลุกขึ้นเพื่อฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น
ยิ่งเขาฝึกฝนวิชานี้มากเท่าไหร่เอี้ยนลี่เฉียงก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาดูเหมือนจะค่อยๆแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น หากเขาไม่ได้ฝึกฝนมันมันจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปทั้งวัน
ยิ่งเขาฝึกฝนมากเท่าไหร่ร่างกายของเขาก็จะรู้สึกสบายมากขึ้นเท่านั้น
ในคืนนั้นที่เอี้ยนลี่เฉียงฝึกคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นไม่น้อยกว่าสามรอบและหยุดลงหลังจากที่ท้องฟ้าสว่างไสว จากนั้นเขาก็ออกจากห้องและเดินไปที่สวนหลังบ้านซึ่งเขามักจะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เพื่อบริหารกล้ามเนื้อและกระดูกอยู่พักหนึ่ง
หลังจากฝึกวิชาหมัดพยัคฆ์คำรามสองรอบและเห็นว่าถึงเวลาที่โจวหงต้งและภรรยาเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วเขาก็เข้าไปในห้องของเอี้ยนเต๋อชางเพื่อช่วยเขาทำกิจวัตรยามเช้า
ตอนที่เอี้ยนลี่เฉียงเข้าไปในห้องของเอี้ยนเต๋อชางในขณะที่ยกกาละมังน้ำเข้าไปด้วย เอี้ยนเต๋อชางก็ตื่นแล้วและค่อยๆแต่งตัว
“พ่ออาการบาดเจ็บของท่านยังไม่หายมันอาจจะทำให้แผลเปิดขึ้นมาอีกเดี๋ยวข้าจะช่วยท่านเอง… “
“ไม่จำเป็นไม่จำเป็น ข้าค่อยๆฟื้นตัวแล้วหากข้าไม่ได้ขยับตัวบ้างมันอาจจะทำให้ข้าเป็นง่อยก็ได้…” เอี้ยนเต๋อชางปฏิเสธความช่วยเหลือของเอี้ยนลี่เฉียงเข้าและยืนกรานที่จะทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นว่าเอี้ยนเต๋อชางสามารถแต่งตัวตัวเองได้อย่างช้าๆแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงเข้าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเนื่องจากความกังวลมากมายได้ถูกคลายออกจากใจของเขา
หลังจากเมามายเมื่อคืนนี้ใบหน้าของเอี้ยนเต๋อชางก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากนอนหลับมาทั้งคืน ดูเหมือนเขาจะพักผ่อนเต็มที่แล้วด้วย
แม้ว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะยังคงช้าเล็กน้อย แต่เขาสามารถนั่งตัวตรงบนเตียงได้ด้วยตัวเองและเขาสามารถลองใส่เสื้อผ้าถุงเท้าและรองเท้าได้โดยไม่ต้องให้เอี้ยนลี่เฉียงเข้าช่วยเหลือ
หลังจากนั้นเอี้ยนเต๋อชางปฏิเสธความช่วยเหลือของเอี้ยนลี่เฉียงเขาก็ล้างหน้าด้วยตัวเอง
เอี้ยนลี่เฉียงเข้าทำได้เพียงอยู่ในห้องและเฝ้าดูเอี้ยนเต๋อชาง ทำงานทุกอย่างให้เสร็จอย่างช้าๆ
ในท้ายที่สุดเมื่อเขาเห็นว่าเอี้ยนเต๋อชางกำลังจะเทน้ำเอี้ยนลี่เฉียงเข้าก็รีบเข้าไปช่วยเหลือทันที “ ข้าจะทำเองท่านพ่อ…”
“ก็ได้. ” เอี้ยนเต๋อชางหยุดยืนกราน อย่างไรก็ตามเขาเฝ้าดูลี่เฉียงเข้าถืออ่างล้างหน้าออกไปข้างนอกด้วยสายตาที่ซับซ้อน เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเดินไปถึงประตูเอี้ยนเต๋อชางก็ร้องเรียกเขาอีกครั้ง “ ลี่เฉียง…”
“ ครับพ่อ?” เอี้ยนลี่เฉียงเข้าหยุดและหันกลับมา
เอี้ยนเต๋อชางลังเลสักครู่ก่อนที่จะถามคำถาม “ เมื่อวาน…หลังจากข้าได้พูดอะไรแปลกๆหรือเปล่า?”
“ ก็มีบ้างแต่ไม่มีอะไรแปลกๆ…” เอี้ยนลี่เฉียงเข้าหน้าซีด
“ แค่นั้นเอง?” เอี้ยนเต๋อชางจ้องที่ใบหน้าของลี่เฉียงเข้า
“แน่นอน!” เอี้ยนลี่เฉียงเข้าหัวเราะการแสดงออกบนใบหน้าของเขาผ่อนคลาย “ ท่านพูดอะไรไม่ชัดเลยหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกชายของท่านก็จะไม่มีทางเข้าใจอย่างแน่นอน!”
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกบนใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงเข้าไม่มีอะไรผิดปกติในที่สุดเอี้ยนเต๋อชางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ข้าดื่มมากไปหน่อยเมื่อวานนี้กลัวว่าจะพูดอะไรไร้สาระออกมา หลังจากหลายปีผ่านไปข้าก็เพิ่งได้ดื่มสุราเมื่อคืนนี้เอง! “
“ท่านพ่อท่านเลี้ยงดูข้ามาอย่างยากลำบากการจะดื่มจนเมาสักวันก็ไม่เห็นจะเป็นไรต่อให้ท่านดื่ม 20 30 ครั้งก็ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย.. “
เอี้ยนลี่เฉียงทำให้เอี้ยนเต๋อชางหัวเราะอย่างสนุกสนาน มีรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าของเขาก่อนที่เขาจะรีบปั้นหน้าตรงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ข้าวหมายถึงร่างกายของข้ากำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆเจ้าไม่มีอะไรต้องห่วง เรามีแม่อู๋โจวหงต้าและภรรยาของเขาคอยดูแลงานบ้านและทำอาหารจึงไม่จำเป็นต้องให้เจ้าต้องกังวล
ข้าอยากให้เจ้าจดจ่อกับอนาคตของตัวเองโดยเฉพาะเจ้าซึ่งได้รับอันดับ 1 ในการสอบก็ควรที่จะตีเหล็กตอนร้อนๆมุ่งมั่นฝึกฝนตัวเอง เข้าใจหรือไม่?”
“ มั่นใจได้เลยท่านพ่อวันนี้ข้ายังไม่ได้นอนเลยเมื่อคืนเข้าฝึกฝนพยัคฆ์คำรามตั้งแต่กลางคืนจนถึงเช้า! “
“ดี!” เอี้ยนเต๋อชางพยักหน้า
“ หลังจากพักผ่อนให้เพียงพอเจ้าก็ไปฝึกฝนอีกครั้งโดยไม่ต้องสนใจเรื่องที่บ้านอีกแล้ว เจ้าควรมุ่งมั่นกับการฝึกฝนตัวเองข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้รับคันธนูงูเหลือมเขามาด้วยถ้ามีเวลาเจ้าก็ฝึกซ้อมมันซะ”
เอี้ยนเต๋อชางดูเหมือนจะหายดีจริงๆแล้วจริงๆ ไม่งั้นเขาคงไม่เคี่ยวเข็ญเอี้ยนลี่เฉียงเหมือนเช่นปกติ
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าแผนของเอี้ยนเต๋อชางในวันนี้จะล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อคู่พ่อลูกกินอาหารเช้าเสร็จบ้านของพวกเขาก็คึกคักไปด้วยเสียงและความตื่นเต้นทันที …