Silver Overlord - ตอนที่ 30
30 ได้รับธนูครั้งแรกในชีวิต
“ ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้ารู้สึกละอายใจข้าขอขอบคุณอาจารย์เอี้ยนที่ออมมือให้ให้…” โจวหย่งกล่าวขณะที่เขาป้องมือทำความเคารพไปที่เอี้ยนลี่เฉียง
ทั้งสองคนมีความเข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องอธิบายดังนั้นพวกเขาจึงรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อทหารรอบข้างได้ยินบทสนทนา พวกเขาคิดเพียงว่าโจวหย่งเพียงแค่แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนหลังจากที่เขาได้รับชัยชนะมาเท่านั้นจึงไม่ได้คิดอะไรเพิ่มเติม
“ พี่โจวไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวหรอก ข้าเพิ่งผ่านขั้นตอนท่าม้าและข้ายังขาดประสบการณ์ในหลายๆด้าน ข้ายังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากจากพี่โจว!”
“ อาจารย์เอี้ยนผ่านขั้นตอนท่าม้าเมื่ออายุสิบสี่ ด้วยพื้นฐานของท่าม้านี้ข้าคิดว่าจะใช้ไม่เวลาไม่เกินสองหรือสามปีในการผ่านขั้นตอนการยืดเส้นเอ็นและขยายกระดูครั้งต่อไปได้ ตัวข้าจะเปรียบเทียบกับความสำเร็จในอนาคตของเจ้าได้อย่างไร ” โจวหยงกล่าวขณะที่เขาเดินออกจากเวทีมวยปล้ำ
เขาเผชิญหน้ากับเอี้ยนลี่เฉียง”ข้ารู้ว่าอาจารย์เอี้ยนใช้ท่าไม้ตายจากวิชาหมัดพยัคฆ์คำรามในเวทีมวยปล้ำเป็นส่วนใหญ่แม้ว่าวิชาหมัดนี้จะเห็นได้ทั่วไป แต่ดูเหมือนว่าจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อมันถูกใช้ออกโดยเจ้า
มันควรจะมาถึงขั้นที่สี่เป็นอย่างน้อยแล้ว ข้าสงสัยว่าปรมาจารย์เอี้ยนใช้เวลาฝึกฝนวิชาการต่อสู้อื่นๆนอกเหนือจากวิชานี้หรือไม่?”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มและส่ายหน้า “ข้ากำลังสร้างรากฐานของตัวเอง ดังนั้นวิชาที่ข้าฝึกฝนมาจึงเป็นพื้นฐานทั้งหมด ข้ายังไม่สามารถฝึกวิชาต่อสู้อื่นๆได้เลย”
“ แล้วเจ้าเคยลองยิงธนูมาก่อนหรือไม่” โจวหยงยังคงถามต่อไป
“ไม่ข้าไม่เคยลอง!”
เขาไม่เคยฝึกยิงธนูมาก่อนโดยธรรมชาติแล้วเขาไม่ได้เป็นเจ้าของคันธนูใดๆ
“ การยิงธนูเป็นหนึ่งในหกศิลปะแห่งขงจื้อ นักรบทุกคนควรจะฝึกฝนมันปรมาจารย์เอี้ยนควรเรียนรู้การยิงธนูหลังจากที่ได้ก้าวไปสู่ระดับนักรบในอนาคต….” โจวหย่งพูดกับเอี้ยนลี่เฉียง
จากนั้นเขาก็หันหน้าไปรอบๆ และตะโกนสั่งทหารคนหนึ่งที่ติดตามเขามาโดยตลอด “ เซ่าหลิงไปที่ห้องของข้าและนำธนูสงครามที่อยู่บนชั้นวางอาวุธออกมา… .. ”
ทันทีที่ทหารได้ยินคำสั่งของเขาเขาก็รีบวิ่งไปที่บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ติดกับค่ายทหาร
นาทีที่เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินเขาเข้าใจว่าโจวหย่งกำลังวางแผนจะทำอะไร เขารีบปฏิเสธ “พี่โจวข้าจะรับธนูของท่านได้อย่างไรข้ายังไม่คู่ควร!”
ธนูสงครามแตกต่างจากคันธนูธรรมดา เช่นเดียวกับรถสปอร์ตที่แตกต่างจากรถธรรมดา
ทุกคนสามารถทำคันธนูจากไม้ไผ่ได้ แต่ธนูสงครามเป็นธนูที่สามารถใช้ในสนามรบจริงในสภาพแวดล้อมที่ความต้องการคุณภาพและพลังของธนูนั้นก็เข้มแข็งรุนแรงเป็นพิเศษ
เนื่องจากวัสดุที่จำเป็นและข้อจำกัดด้านเวลาในการผลิต ธนูสงครามในยุคนี้จึงเป็นหนึ่งในอาวุธที่มีราคาแพงที่สุด
ในบรรดาอาวุธระดับเดียวกันราคาของธนูสงครามนั้นแพงกว่าอาวุธอื่นๆเป็นอย่างมาก
ธนูสงครามที่ดีสามารถแลกทองคำได้มากกว่าสิบชั่ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถจ่ายได้
ค่ายทหารอยู่ข้างๆพวกเขาห่างเพียงไม่กี่ก้าวจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ ดังนั้นในขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงยังคงปฏิเสธข้อเสนอนี้ ทหารคนนั้นก็กลับมาพร้อมกับคันธนูในมือ
คันธนูนั้นถูกเก็บไว้ในถุงธนูล้ำค่าที่ปิดสนิทดังนั้นเขาจึงมองไม่เห็นคุณสมบัติของมัน แต่เอี้ยนลี่เฉียงเพียงดูก็รู้ว่าภายในกระเป๋าธนูนั้นไม่ใช่คันธนูธรรมดาแน่
กระเป๋าทำจากหนังแรดมังกรอันล้ำค่า มันเป็นสีเขียวทั้งหมดและปกคลุมไปด้วยลวดลายที่งดงามมีลักษณะคล้ายกับรูปครึ่งเสี้ยว
กระเป๋าทั้งใบยาวมากจนเกือบถึงคางของเอี้ยนลี่เฉียงเมื่อมันตั้งอยู่บนพื้น เพียงแค่วัสดุและงานฝีมือเพียงอย่างเดียวก็มีค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อยแล้ว
โจวหย่งเปิดกระเป๋าและหยิบคันธนูออกมา เมื่อเห็นธนูเอี้ยนลี่เฉียงก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ “พี่โจวธนูนี้เป็นธนูงูเหลือมมีเขาในตำนานหรือไหม … “
“ฮ่าฮ่าฮ่าอาจารย์เอี้ยนก็เคยได้ยินเกี่ยวกับธนูงูเหลือมมีเขามาก่อนหรือ ไม่เลวเลย! ธนูนี้เป็นธนูงูเหลือมมีเขา … ” โจวหย่งจ้องมองไปที่ธนูสงครามสีดำด้วยความรักขณะที่มือของเขาลูบไล้อย่างแผ่วเบา
“สิ่งนี้ได้มาจากสหายศึกที่ดีคนหนึ่งของข้ามันต้องใช้แรงดึงอย่างน้อยห้าต้านถึงจะสามารถใช้งานได้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าเพียงเก็บมันไว้เฉยๆไม่มีแรงที่จะดึงสายออกมา แต่ด้วยความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ของอาจารย์เอี้ยน ธนูนี้จะพอดีกับเจ้าอย่างแน่นอน…”
“พี่โจวมันมีค่าเกินไปมันมีค่าเกินไปจริงๆ ข้ารับมันไม่ได้!” เอี้ยนลี่เฉียงโบกมืออย่างลนลานขณะที่เขารีบปฏิเสธข้อเสนอ
ก่อนหน้านี้เอี้ยนลี่เฉียงเคยคิดว่าโจวหย่งจะมอบธนูสงครามธรรมดาให้เขา ใครจะคิดว่าโจวหย่งจะมอบธนูงูเหลือมให้เขา พูดง่ายๆก็คือนี่คือเฟอร์รารี่ท่ามกลางธนูสงคราม เป็นสิ่งที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้นอกเสียจากจะมีทองถึง 100 ชั่ง แม้ว่าโจวหย่งจะมีสถานะเป็นผู้บัญชาการของหน่วย แต่สิ่งของชิ้นนี้ก็น่าจะเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของเขา
โจวหย่งขมวดคิ้วทันที“ พวกเราเป็นผู้ฝึกยุทธ์เราไม่กลับคำพูดที่เคยพูดไป เป็นไปได้ไหมที่อาจารย์เอี้ยนจะไม่รับของขวัญของข้า เพราะเจ้าคิดว่าข้าโจวหย่งซึ่งเป็นเพียงผู้บัญชาการหน่วยไม่เหมาะที่จะตีสนิทกับอาจารย์เอี้ยน?”
คำพูดของโจวหย่งจริงจังเกินไป ทหารรอบข้างเงียบไปทันที ทุกคนจับจ้องไปที่เอี้ยนลี่เฉียง
“นั่นไม่ใช่หรอกพี่โจวนี่คือ … “
“รับไปสิ!” โจวหยงผลักธนูเข้าสู่อ้อมแขนของเอี้ยนลี่เฉียง “ ถ้าวันนี้เจ้าไม่ยอมรับธนูนี้ก็อย่าเรียกข้าว่าพี่โจวอีกเลย! ข้าละอายเกินกว่าที่จะรับมันกลับมา เขาจะหลอมมันในเตาหลอมและทำเป็นของอย่างอื่นซะ … ”
เอี้ยนลี่เฉียงรู้ว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ เขาระงับความตื่นเต้นและยอมรับธนูมา เขาป้องกำปั้นด้วยมืออีกข้างของเขาและกล่าวด้วยความเคารพ “ถ้าอย่างนั้นลี่เฉียงจะรับของขวัญจากพี่โจวในวันนี้ หากพี่โจวนับว่าข้าเป็นน้องก็อย่าเรียกข้าว่าอาจารย์อีกเลย!”
“ก็ดี!” โจวหย่งหัวเราะอย่างเต็มที่ “มามา! มาลองธนูตรงนั้นกันเถอะให้พี่น้องในค่ายเป็นสักขีพยานในความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ของเจ้า!”
“ พี่โจวข้าไม่เคยฝึกยิงธนูมาก่อน… .. ”
“ ไม่เป็นไรเรียนง่ายมากข้าจะอธิบายแล้วเจ้าจะรู้วิธีไหน ทันที… .. ”