Silver Overlord - ตอนที่ 47
47 – ผูกน้ำใจ
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงออกจากคฤหาสน์ตระกูลลู่ เขาได้นั่งในรถม้าหรูหราส่วนตัวของนายผู้เฒ่าลู่ซึ่งเป็นวิธีที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับวิธีที่เขามาถึงที่นี่ก่อนหน้านี้
พ่อบ้านใหญ่เป็นคนออกมาส่งเอี้ยนลี่เฉียงถึงรถม้าด้วยตัวเอง ภายใต้การคุ้มครองของพ่อบ้านลู่และองครักษ์อีก 2 คน เอี้ยนลี่เฉียงจึงนั่งรถม้ากลับไปด้วยความสง่างาม
พระอาทิตย์เพิ่งตกดินก่อนที่เอี้ยนลี่เฉียงจะมาถึงตระกูลลู่ แต่ตอนนี้ในขณะที่เขากำลังกลับก็เป็นเวลายามสองยามสามแล้ว ท้องฟ้าด้านนอกได้รับการประดับประดาไปด้วยดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วน
พวกเขาส่งเอี้ยนลี่เฉียงขึ้นรถม้าเพื่อเป็นการแสดงถึงความสุภาพและความเคารพ
แต่ยิ่งไปกว่านั้นเพราะเอี้ยนลี่เฉียงถือทองคำห้าร้อยเหรียญที่ตระกูลลู่ให้เป็นรางวัลแก่เขา มันคงไม่สะดวกสำหรับเขาที่จะให้ม้าแรดแรดแบกหีบที่เต็มไปด้วยทองคำจำนวนมหาศาล
เขาเปิดหีบและหยิบแท่งสีทองแวววาวออกมา มันให้ความรู้สึกหนักอึ้งและเย็นเยียบแต่ภายในหัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงกลับอุ่นมั่นคง
แม้ว่าต่อให้รวมทั้งสองชีวิตเข้าด้วยกันเอี้ยนลี่เฉียงก็ไม่เคยมีเงินมากมายมหาศาลถึงขนาดนี้มาก่อน
ทองคำแวววาวเหล่านี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากในโลกต้องต้องหลั่งเลือดสละชีวิต หรือแม้กระทั่งกลายเป็นคนวิกลจริตที่เอาแต่ใจตัวเองจนไม่รับรู้ถึงครอบครัวและญาติพี่น้องได้
ทองคำแท่งที่มีค่ามากมายกลับแลกเปลี่ยนด้วยแท่งอ้ายเย่อันไร้ค่าเพียงสามชิ้น
ในโลกนี้มีหลายครั้งที่สิ่งต่างๆก็น่าอัศจรรย์
ใครจะตัดสินได้อย่างแท้จริงว่าของมีค่านั้นมีค่าจริงๆหรือเป็นเพียงสิ่งราคาถูก ?
เมื่อเขานึกย้อนไปถึงคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นที่เขาซื้อมาจากแผงขายของข้างถนน เอี้ยนลี่เฉียงที่กำลังถูทองคำแท่งในมือก็ถอนหายใจกับตัวเอง
ความรู้สึกและความตื่นเต้นที่แท่งทองคำก่อตัวขึ้นภายในเอี้ยนลี่เฉียงกินเวลาสั้นกว่าที่เขาคาดไว้มาก รถม้าเพิ่งออกจากทางเข้า คฤหาสน์ตระกูลลู่เอี้ยนลี่เฉียงก็สงบลงแล้ว
จากนั้นเขาก็คว้าเหรียญทองหนึ่งกำมือจากหีบออกมาโดยไม่ได้นับ เขาผลักพวกมันเข้าไปในอ้อมแขนของพ่อบ้านลู่ซึ่งกำลังพาเขากลับ
ตระกูลลู่ได้ส่งพ่อบ้านสิบสองคนไปทั่วทุกมุมของเมืองหวงหลงเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่สุดท้ายกลับเป็นเขาคนเดียวที่สามารถพาเอี้ยนลี่เฉียงมา
ในขณะที่พ่อบ้านคนอื่นๆล้วนกลับมามือเปล่า แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คาดคิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะสามารถช่วยเด็กได้อย่างน่าอัศจรรย์ในที่สุด
แม้ว่าพ่อบ้านใหญ่จะยังไม่ได้พูดอะไร แต่พ่อบ้านลู่ก็รู้อยู่แล้วว่าอนาคตของเขาในตระกูลลู่จะมีความมั่นคงอย่างแน่นอน
ในขณะที่ยังคงจมอยู่กับจินตนาการของตัวเอง พ่อบ้านลู่ก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่หนักหน่วงถูกผลักเข้ามาในอ้อมแขนของเขา
ในขณะที่เขาก้มศีรษะลงมองเขาก็พบว่าเอี้ยนลี่เฉียงเอาทองคำหนึ่งกำมือยัดมาให้เขาทำให้พ่อบ้านลู่ตกตะลึงอย่างกะทันหัน
“นายน้อยเอี้ยนข้าไม่อาจยอมรับสิ่งนี้ได้ … “พ่อบ้านลู่ลดเสียงลงและพยายามที่จะคืนทองคำให้เอี้ยนลี่เฉียง
อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงกดมือของพ่อบ้านลู่ไว้และพูดกับเขาเบาๆ
“พ่อบ้านลู่ถ้าไม่ใช่เพราะท่านพาข้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลลู่ข้าก็จะไม่ได้รับโอกาสนี้ ในความเป็นจริงข้ายังคงเป็นหนี้บุญคุณของท่าน ดังนั้นทองคำเหล่านี้ก็ควรแบ่งปันอย่างเหมาะสม นั่นเป็นสิ่งที่ท่านสมควรได้”
“ ไม่ได้อย่างเด็ดขาดนี่เป็นสิ่งที่นายผู้เฒ่ามอบให้กับนายน้อยเอี้ยน…” พ่อบ้านลู่ผลักแท่งทองกลับไปที่เอี้ยนลี่เฉียง
“ สิ่งที่นายผู้เฒ่าลู่มอบให้ข้าก็ต้องเป็นของข้า ดังนั้นข้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ ท่านไม่ต้องกังวลหรอก…”เอี้ยนลี่เฉียงดันเหรียญทองคำกลับไป
” … “
“หากพ่อบ้านลู่ยืนกรานปฏิเสธมันจะไม่ดีถ้าคนข้างนอกได้ยิน
ข้าทราบดีว่าท่านทำงานหนักในตระกูลลู่ก็เพื่อให้ครอบครัวของตัวเองมีสถานะความเป็นอยู่ดีขึ้น ?
แต่ที่นี่ข้ากำลังมอบให้ท่านมันก็เปิดเผยและตรงไปตรงมาด้วยความจริงใจ ข้าไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อยเกี่ยวกับการที่นายผู้เฒ่าลู่จะรู้เรื่องนี้ แล้วท่านจะกังวลอะไรพ่อบ้านลู่? “
เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นความจริงใจอย่างแท้จริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นใดพ่อบ้านลู่ก็มองไปที่ทองคำที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยดวงตาเปล่งประกาย
จากนั้นมองไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงในที่สุดเขาก็ไม่ได้พยายามที่จะผลักทองคำออกไปอีกแล้วแต่กลับยิ้มอย่างพอใจแทน
เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะยัดทองคำแท่งลงไปในอกเสื้อ “ ถ้าอย่างนั้น…ลู่เหวินปิงขอบคุณนายน้อยเอี้ยนสำหรับของขวัญ…”
“ นั่นเป็นสิ่งที่ท่านควรได้รับอยู่แล้ว พ่อของข้าพูดเสมอว่าหากเรามุ่งมั่นกับงานของเราสักวันหนึ่งโชคดีจะมาถึง” รอยยิ้มบนใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงดูจริงใจและเป็นมิตรมากขึ้น
พ่อบ้านลู่แอบถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ เด็กอายุสิบสี่ปีคนนี้มีจิตใจที่ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้มีลักษณะของเด็กหนุ่มแม้แต่น้อยแต่เหมือนผู้ใหญ่ที่เล่นการเมืองอย่างช่ำชอง
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายผู้เฒ่าถึงให้พ่อบ้านใหญ่ส่งเขาที่ทางเข้าคฤหาสน์เป็นการส่วนตัว เฉพาะแขกผู้มีเกียรติที่มีชื่อเสียงเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าว
ถ้าเอี้ยนลี่เฉียงในปัจจุบันเป็นคนที่มีความสามารถเช่นนี้แล้วเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าในอนาคตเขาจะก้าวขึ้นสู่ระดับไหน
ด้วยความตั้งใจที่จะผูกมิตรซึ่งกันและกันอย่างชัดเจน เอี้ยนลี่เฉียงและพ่อบ้านลู่ก็คุยกันอย่างกระตือรือร้นและในพริบตามิตรภาพของพวกเขาก็ลึกซึ้งขึ้นอย่างรวดเร็ว