Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 46 ประมือกับยอดเคารพครั้งแรก
- Home
- Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน
- ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 46 ประมือกับยอดเคารพครั้งแรก
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูผู้แกร่งกล้าสวมเกราะซึ่งกุมหอกยาวสีดำไว้ในมือคนนี้ มองเพียงแวบเดียวเขาก็จำได้ว่า นี่คือขุนพลใหญ่ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งของยอดเคารพซื่อฝานาม ‘นั่วฟ่านตั่ว’
จักรพรรดิเป่ยเหอไม่หงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย เขายิ้มมองเงาร่างบึกบึนดำทะมึนตรงหน้า “นั่วฟ่านตั่ว เจ้าไม่ดูเสียหน่อยเลยว่าผู้ที่อยู่ข้างกายข้าตอนนี้คือใคร เจ้าก็แหกปากร้องแล้วอย่างนั้นรึ”
เงาร่างบึกบึนดำทะมึนนั้นกวาดสายตาไป ก็มองเห็นชายหนุ่มอาภรณ์ขาวข้างกายจักรพรรดิเป่ยเหอ ‘นั่วฟ่านตั่ว’ ขุนพลใหญ่ใต้บังคับบัญชาของยอดเคารพก็อดหัวใจบีบรัดแน่นมิได้ เมื่อข่าวแพร่ออกไปหลายปี แม้แต่ผู้แกร่งกล้าระดับยอดสุดในดินแดนจิตโลกาก็ยังรู้เรื่องที่ตงป๋อเสวี่ยอิงทำลงไปในหุบเขาเขี้ยวหัก แม้ข่าวสารของเผ่ามรณะทมิฬจะมิได้ฉับไวสักเท่าใดนัก แต่บรรดาขุนพลใต้บังคับบัญชาของ ‘ยอดเคารพซื่อฝา’ ซึ่งเป็นหนึ่งในยอดเคารพก็ยังรู้จักชื่อเสียงอันโด่งดังของ ‘จ้าวหิมะเหิน’
“เป็นจ้าวหิมะเหินนั่นเอง มิน่าเล่า เจ้าเป่ยเหอจึงกล้ามาที่นี่ได้” นั่วฟ่านตั่วจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง
“ข้าก็กล้าแค่เท่านี้แหละ” จักรพรรดิเป่ยเหอพูดยิ้มๆ
ทันใดนั้น…
“ฟิ้ว”
อากาศด้านข้างบิดเบี้ยวก่อนจะแหวกออกเป็นทางเส้นหนึ่ง เงาร่างสายหนึ่งเดินออกมาจากรอยแยกกลางอากาศบิดเบี้ยวนั้น นำมาโดยชายชราท่าทางใจดีที่ห่มอาภรณ์สีทองทั้งร่าง ด้านหลังกลับมีผู้แกร่งกล้าเผ่ามรณะทมิฬที่มีกลิ่นอายยิ่งใหญ่ถึงเจ็ดคนอยู่ด้วย
“ยอดเคารพ” ขุนพลใหญ่นั่วฟ่านตั่วร่อนลงข้างๆ ทันทีก่อนจะโค้งคำนับด้วยความเคารพนบนอบหาใดเปรียบ
“ยอดเคารพซื่อฝา” จักรพรรดิเป่ยเหอก็มิได้ผ่อนคลายเช่นก่อนหน้านี้แล้ว แต่กลับสงบเสงี่ยมขึ้นเป็นอันมาก
แม่ทัพเทพทั้งสิบใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิเป่ยเหอต่างก็กังวลอยู่ไม่น้อย
“ยอดเคารพหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสนใจใคร่รู้ แต่หัวใจก็บีบรัดแน่นอย่างมิอาจควบคุม
ชื่อของคน เงาของต้นไม้
แรงคุกคามของยอดเคารพยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เกรงว่าเมื่อยอดเคารพเป่าลมออกไปคราหนึ่ง ก็สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูทั่วๆ ไปในดินแดนจิตโลกาได้แล้ว! ต่อให้เป็น ‘จักรพรรดิเซี่ย’ ก็ต้องถูกล้างสังหารในพริบตาโดยไร้แรงต้านทาน ต่อให้เป็น ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ซึ่งสามารถแผดเผาโลหิตหัวใจและหนีเอาชีวิตรอดต่อหน้าจักรพรรดิได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้า ‘ยอดเคารพ’ สามารถต้านทานได้สักสองสามกระบวนท่าก็ควรจะภาคภูมิใจในตนเองแล้ว
นี่ก็คือ ‘ยอดเคารพ’!
ต่อให้เป็น ‘ผู้วิเศษใหญ่ทั้งแปด’ ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่างของหุบเขาเขี้ยวหัก เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดเคารพก็ยังอ่อนแอกว่าอยู่ขุมใหญ่ จนต้องถูกยอดเคารพเหยียบย่ำ!
“ตามที่จักรพรรดิเป่ยเหอกล่าวไว้ ยอดเคารพได้ฝึกฝนพลังสายเลือดจนบรรลุถึงขั้นครบสมบูรณ์ถึงขีดสุดอย่างแท้จริงแล้ว หากก้าวไปอีกก้าวหนึ่ง ก็จะสามารถตื่นรู้ได้อย่างแท้จริงและคืนสู่บรรพชน! กลายเป็นเผ่าพันธุ์ของบรรพบุรุษแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง
พละกำลังเช่นนี้น่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว
ราชันย์เหวศิลาและผู้วิเศษใหญ่ทั้งแปดคนอื่นๆ ล้วนถูกเหยียบย่ำ
ต่อให้เป็น ‘จักรพรรดิเป่ยเหอ’ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในระดับจักรพรรดิ เมื่อเผชิญหน้ากับยอดเคารพ ก็ยังต่ำกว่าอยู่ขุมหนึ่ง หากตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้ปรากฏกาย เขามายังเกาะซื่อฝาก็ถือเป็นการรนหาที่ล้วนๆ
“เห็นทีคงจะไม่ค่อยเหมือนกับเผ่ามรณะทมิฬเสียแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูมองดู ‘ยอดเคารพซื่อฝา’ ชายชราซึ่งห่มอาภรณ์สีทองที่กำลังเดินมาจากกลางอากาศผู้นี้ บนร่างของยอดเคารพซื่อฝาไม่มีกลิ่นอายชั่วร้ายซ่อนลับลมคมในเอาไว้แต่อย่างใด หากแต่ทำให้คนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เขาห่มอาภรณ์สีทองอันโดดเด่นสะดุดตาเอาไว้ ใบหน้ายิ้มแย้ม ‘ยอดเคารพซื่อฝา’ ผู้นี้มองดูตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มๆ จากนั้นก็มองไปทางจักรพรรดิเป่ยเหอแล้วเอ่ยปากว่า “เป่ยเหอ เมื่อได้รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าได้เชื้อเชิญจ้าวหิมะเหินแห่งดินแดนจิตโลกามา ข้าก็เดาได้แล้วว่า เจ้าคงจะมาหาข้าที่นี่เป็นแน่”
“แน่นอนว่าต้องมาอยู่แล้ว” จักรพรรดิเป่ยเหอพูดเสียงหนักแน่น “ครั้งนี้ ยอดเคารพจะยังขัดขวางเส้นทางของข้าอีกหรือไม่”
“ขัดขวางเส้นทางของเจ้าหรือ แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยขัดขวางเส้นทางของเจ้า” ยอดเคารพซื่อฝาพูดยิ้มๆ “หากจะขัดขวางเส้นทางของเจ้า ข้าก็สามารถล่อลวงเจ้าให้ถลำลึกเข้าไปในเกาะ รอจนเข้าไปถึงส่วนลึก ข้าค่อยร่วมมือกับผู้ใต้บังคับบัญชาล้อมสังหารเจ้าก็ได้…ในเกาะลอยคว้าง พวกเราสามารถไล่ตามและโจมตีจนแตกหักกันไปข้างหนึ่งได้อยู่แล้ว ท้ายที่สุดเมื่อข้าร่วมมือกับลูกน้อง การสังหารเจ้าก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด”
จักรพรรดิเป่ยเหอสีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย
ใช่แล้ว
นี่คือเรื่องจริง!
เขาสามารถนำพาผู้ใต้บังคับบัญชากลุ่มหนึ่งมาได้ เหล่ายอดเคารพก็สามารถเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาให้มาร่วมมือกันเคลื่อนไหวได้เช่นกัน เพียงแต่ตลอดคืนวันอันยาวนานที่ผ่านมา แต่ไหนแต่ไรห้ายอดเคารพก็ไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน! ระดับอย่างพวกเขาแล้ว พวกเขาก็รังเกียจที่จะทำเช่นนี้
“สมบัติล้ำค่าบนเกาะของข้า มีผู้แกร่งกล้าอยากได้ตั้งมากมาย ไม่ใช่ว่าผู้ใดมา ข้าก็ปล่อยให้พวกเขาเอาไปตามอำเภอใจได้หรอกกระมัง” ยอดเคารพซื่อฝาพูดยิ้มๆ “ต้องแลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรม หรือไม่ก็ต้องโจมตีการสกัดกั้นของลูกน้องข้าเหล่านี้ให้แตกให้ได้! แล้วค่อยทำลายการขัดขวางของข้า ก็ย่อมสามารถนำสมบัติล้ำค่าไปได้แล้ว น่าเสียดายที่เจ้าทำมิได้ แล้วจะตำหนิใครได้เล่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังดูอยู่ด้านข้างก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
แม้จะกล่าวว่าสมบัติล้ำค่าในหุบเขาเขี้ยวหักบนเกาะลอยคว้างแทบจะทั้งหมด เผ่าชนพื้นเมืองก็จะมาช่วงชิงไป!
แต่การช่วงชิงก็ขึ้นอยู่กับพลังด้วย!
“น่าสนใจดี แม้จะกล่าวว่าภายในเผ่ามรณะทมิฬแทบจะไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ แต่ยอดเคารพซื่อฝาผู้นี้กลับยอมแลกเปลี่ยนด้วย” ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงอุทาน เขาสัมผัสมิได้ถึงความชั่วร้ายบนร่างของยอดเคารพซื่อฝาเลยแม้แต่น้อย “เพียงแต่เขาชมชอบการ ‘ทำทาน’ ทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนกลับคืนสู่ความตาย นิสัยนี้ก็ออกจะน่ากลัวอยู่บ้างจริงๆ”
……
ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมีความคิดมากมายผุดขึ้นมานั้น
จักรพรรดิเป่ยเหอกลับพูดเสียงหนักแน่นว่า “ยอดเคารพ ครั้งนี้ต้องสู้กันยกหนึ่งหรือ ข้ามีพี่หิมะเหินคอยช่วยเหลือ ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว”
“สู้กันรึ แน่นอนว่าต้องประมือกันอยู่แล้ว” ยอดเคารพซื่อฝากล่าว
จักรพรรดิเป่ยเหอ แม่ทัพเทพทั้งสิบและตงป๋อเสวี่ยอิงต่างก็หัวใจบีบรัดแน่น
จะเปิดศึกแล้วหรือ
ที่แท้แล้วยอดเคารพแข็งแกร่งเพียงใดกัน!
“ดีมาก ยอดเคารพ วันนี้ก็อย่าหาว่าข้าร่วมมือกันจัดการท่านก็แล้วกัน” นัยน์ตาของจักรพรรดิเป่ยเหอสาดประกายหนาวเหน็บ
“ต้องประมือกันสิ ทว่าแค่ต้องประมือกับจ้าวหิมะเหิน ผู้บำเพ็ญแห่งดินแดนจิตโลกาก็เป็นอันใช้ได้แล้ว” ยอดเคารพซื่อฝามองดูตงป๋อเสวี่ยอิงพลางหัวเราะคิกคัก “ข้าไม่สนใจยอดฝีมือชนพื้นเมืองอย่างพวกเจ้า เพียงแค่สนใจจ้าวหิมะเหินอยู่บ้างก็เท่านั้น จ้าวหิมะเหิน ได้ยินมาว่าเจ้าสามารถทำให้ระดับจักรพรรดิบางคนจมดิ่งลงไปได้ทันที ข้าอยากจะลิ้มรสกระบวนท่าทางด้านวิญญาณของเจ้าดูเสียหน่อย”
“ข้าประมือกับยอดเคารพอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งเฮือก
ให้อย่างไร อย่างมากที่สุดตนก็คงทำให้พลังของยอดเคารพเสียหายได้เท่านั้นเอง เกรงว่าพลังเพียงส่วนเดียวของยอดเคารพก็คงสามารถสังหารตนได้อย่างง่ายดายแล้ว เพราะถึงอย่างไรตนก็แตกต่างกับพวกบรรพชนราตรีนิรันดร์อย่างมหาศาล จึงย่อมแตกต่างจากยอดเคารพมากเสียจนน่าตกใจแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าแค่ออกกระบวนท่าก็พอแล้ว” ยอดเคารพซื่อฝาพูดยิ้มๆ “ข้าไม่รังแกผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอคนหนึ่งหรอก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
ผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอ
ในสายตาของยอดเคารพ ผู้บำเพ็ญดินแดนจิตโลกาก็คงอ่อนแอกันหมดกระมัง! ต่อให้พวกจักรพรรดิเซี่ยและราชันย์อนธการอมตะมา ก็คงมีแต่เอาชีวิตมาทิ้งเท่านั้น เคราะห์ดีที่มีกฎเกณฑ์ของ ‘หยวน’ จำกัดเอาไว้ ทำให้ยอดเคารพไม่สามารถเข้ามายังดินแดนจิตโลกาได้
ทว่าแม้จะรู้ข้อนี้เป็นอย่างดี แต่เมื่อโดนดูถูกเข้า เขาก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี
“ได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก ประกายในดวงตาก็เพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก
ตู้ม…
เขตลวงโลกเทียมร่อนลงไปแล้ว! ปกคลุมยอดเคารพซื่อฝาผู้นั้นเอาไว้
แม้กระบวนท่าที่สำแดงออกไปจะมิได้ส่งลูกหลงไปถูกบรรดาลูกมือของยอดเคารพ และมิได้ส่งผลต่อจักรพรรดิเป่ยเหอและแม่ทัพเทพทั้งสิบ ทว่าพวกเขาแต่ละคนก็ล้วนรู้สึกว่า ‘ดวงตา’ ของตงป๋อเสวี่ยอิงมีแรงดึงดูดถึงชีวิต ทำให้พวกเขาแต่ละคนอยากจะมองไปทางดวงตาของตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างมิอาจควบคุมตนเองได้ ซึ่งท่าไม้ตายนี้คือสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงรับรู้จาก ‘ดวงตาสีเทา’ ดวงตาของเขาก็กลายเป็นเต็มไปด้วยแรงดึงดูด ทำให้ผู้คนอยากจะจมดิ่งลงไป
เคราะห์ดีที่เพียงแค่มองดูอยู่ไกลๆ เท่านั้น มิได้ตกเข้าสู่เขตลวง แต่ละคนจึงยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้ทว่าแต่ละคนก็ลอบอุทานอยู่ในใจ
“เป็นกระบวนท่าทางด้านวิญญาณที่ร้ายกาจนัก ไม่รู้ว่าหากข้าถูกกระบวนท่าเข้า พลังจะเหลือสักกี่ส่วนกัน” จักรพรรดิเป่ยเหอและยอดฝีมือคนอื่นๆ พากันตกตะลึง
“เอ๊ะ”
แต่เดิมยอดเคารพซื่อฝายังดีอยู่ แต่ทันใดนั้นสีหน้าก็พลันเปลี่ยนแปรไป
ตู้ม…
กลิ่นอายดำมืดอันน่าหวาดหวั่นระลอกหนึ่งปะทุออกจากผิวกายของยอดเคารพซื่อฝาแล้วโจมตีไปทั่วทุกทิศทุกทาง เพียงพริบตาเดียวก็หอบม้วนไปทั่วฟ้าดินรอบด้าน ทำเอาฟ้าดินดำมืดไปหมด ยอดฝีมือเผ่ามรณะทมิฬอย่าง ‘นั่วฟ่านตั่ว’ ก็ยังถูกกระแทกเสียจนกระเด็นลอยถอยหลังไป บ้างก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ละคนเผยสีหน้าตื่นตระหนกออกมา
“กำหนด” จักรพรรดิเป่ยเหอตวาดออกมา
รอบกายจักรพรรดิเป่ยเหอพลันมีประกายกระบี่โหมซัดออกมาทันที ประกายกระบี่แผ่คลุมไปรอบด้าน ปกป้องตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ และปกป้องแม่ทัพเทพทั้งสิบข้างกายเอาไว้ด้วย
ฟึ่บๆๆ…
กลิ่นอายดำมืดปะทะเข้ากับประกายกระบี่ที่โหมซัดอย่างไม่หยุดหย่อน ประกายกระบี่เสียหายไปอย่างต่อเนื่อง
“นี่ นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว” ภายใต้การคุ้มกันของประกายกระบี่ ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูกลิ่นอายดำมืดที่ทำลายประกายกระบี่อย่างต่อเนื่องอยู่รอบนอก เขารู้สึกหวาดหวั่นด้วยสัญชาตญาณของชีวิต! เขาเกิดความรู้สึกเหมือนกับว่า หากร่างกายถูกกลิ่นอายดำมืดนี้สัมผัสเข้า ก็จะแหลกสลายไป
“เฮอะ!”
ทันใดนั้นยอดเคารพซื่อฝาที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามเสียงต่ำคราหนึ่ง แล้วฝืนเก็บงำกลิ่นอายเอาไว้ เขาลืมตาขึ้นแล้วมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง “จ้าวหิมะเหิน เก็บกระบวนท่าทางด้านวิญญาณลงไปได้แล้วล่ะ”
จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็เก็บกระบวนท่าลงไปในชั่วความคิดเดียว
“เป็นเขตลวงที่ร้ายกาจนัก” ยอดเคารพซื่อฝาทอดถอนใจคราหนึ่ง “ข้าคิดเอาเองว่าจะสามารถครองสติเอาไว้ได้ ทั้งยังจงใจเข้าไปในเขตลวงหมายจะสำรวจดูสักหน่อย ไหนเลยจะคิดว่าจะเสียเปรียบได้ จนแผ่กลิ่นอายออกไปภายนอก วันนี้ได้พบเห็นกระบวนท่าทางด้านวิญญาณระดับนี้ ก็นับว่าได้เปิดหูเปิดตามากทีเดียว จ้าวหิมะเหิน เป่ยเหอ ตอนนี้พวกเจ้าเข้าไปได้แล้วล่ะ!”
………………………………………