Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 54 เวลามาถึงแล้ว
- Home
- Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน
- ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 54 เวลามาถึงแล้ว
ณ จวนอันเงียบสงบห่างไกลผู้คนแห่งหนึ่งในโลกทิพย์กิเลนบูรพา ตงป๋อเสวี่ยอิงและอวี๋จิ้งชิวผู้เป็นภรรยาพำนักอยู่ที่นี่
“จิ้งชิว จิ้งชิว” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่หน้าประตูห้องเงียบแห่งหนึ่งพลางตะโกนขึ้น เสียงนั้นลอยตรงเข้าไป
“โครม”
ประตูห้องเงียบเปิดออกเสียงดังโครมคราม อวี๋จิ้งชิวเดินออกมาอย่างจนใจอยู่บ้าง นางมองสามีของตนแวบหนึ่งด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “เสวี่ยอิง ท่านไม่รู้หรือว่าข้ากำลังเก็บตัวบำเพ็ญอยู่น่ะ หากไม่มีเรื่องสำคัญก็อย่ามารบกวนข้าสิ การทดลองเมื่อครู่เพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ก็ถูกท่านทำลายลงเสียแล้ว ท่านยังมายิ้มหน้าบานอยู่ได้ แม้ข้า ภรรยาของท่านจะมีพลังสู้ท่านมิได้ แต่การบำเพ็ญก็สำคัญมากนี่นา”
“ฮ่าฮ่า ไม่ว่าจะบำเพ็ญอะไร วันนี้ก็หยุดให้หมดเถิด มาๆๆ พวกเราสองสามีภรรยามาดื่มสุราฉลองกันเสียหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับดึงตัวภรรยามา
“ฉลองกันเสียหน่อยหรือ” อวี๋จิ้งชิวงุนงงอยู่บ้าง “ฉลองอะไรกัน มีเรื่องอันใดควรค่าแก่การฉลองด้วยหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับจงใจไม่พูด เขาดึงภรรยาเข้าไปในสวนแห่งหนึ่ง ทั้งสองนั่งลงตรงข้ามกัน
เขาโบกมมือคราหนึ่ง
มวลบุปผารอบด้านก็เบ่งบาน กลิ่นหอมขจรขจายไปทั่ว ต้นไม้ก็แตกหน่อใหม่ ผีเสื้อทั้งหลายก็ผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่าแล้วบินฉวัดเฉวียนไปรอบดอกไม้ นกน้อยก็ร้องจิ๊บๆ ทะเลสาบไกลออกไปก็มีสัตว์ประหลาดต่างๆ ปรากฏขึ้น เรื่องน่ายินดีทั้งหลายเกิดขึ้นมา
“จิ้งชิว ข้ารินสุราให้เจ้านะ เป็นสุราป่าฝนที่ข้าหมักเองกับมือเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงรินสุรา
อวี๋จิ้งชิวตกตะลึงอยู่บ้าง นางมองไปรอบๆ พลางเอ่ยขึ้นอย่างอดมิได้ว่า “ท่านรีบพูดมาเถิด ว่าที่แท้แล้วมีเรื่องันใดกันแน่ที่ควรค่าแก่การฉลองขนาดนี้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งจอกสุราให้ภรรยา “พวกเรามาชนจอกกันสักหน่อยก่อนเถิด”
“ก็ได้ๆๆ ตามใจท่าน” อวี๋จิ้งชิวจนใจ
หลังสองสามีภรรยาชนจอกกันแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงพูดเสียงต่ำว่า “ข้าจะบอกความลับใหญ่เรื่องหนึ่งกับเจ้า!”
“ไหน ข้าจะฟังดูสิว่าเรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว” อวี๋จิ้งชิววางจอกสุราลง
“วิถีอากาศ ข้าบรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางยิ้มตาหยี
อวี๋จิ้งชิวชะงักค้างไป
จากนั้นนัยน์ตาของนางก็เบิกกว้าง! จ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง
“จริงหรือ” หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง อวี๋จิ้งชิวจึงเอ่ยขึ้น
“จริงสิ!” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
อวี๋จิ้งชิวตื่นเต้นหาใดเปรียบ พวกเขารู้มาตั้งนานแล้วว่าโลกกำเนิดบ้านเกิดจวนจะถึงการแตกสลายครั้งใหญ่แล้ว อย่างตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยาก็ขะมักเขม้นกับการบำเพ็ญ แต่อันที่จริงแล้วพวกเขาก็เข้าใจดีว่า การคิดจะเอาชีวิตรอดจากการแตกสลายครั้งใหญ่ให้ได้นั้น ความหวังริบหรี่ยิ่งนัก แม้แต่พวกบรรพชนเทียนอวี๋ก็ยังรู้สึกเลยว่าเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ที่สูงเกินเอื้อม
ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถก้าวเข้าสู่วิถีอากาศขั้นสุดยอดก่อนการแตกสลายครั้งใหญ่จะมาถึง!
หลังจากบรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้ว การควบคุมอากาศก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก หากเขาสำแดง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา’ ออกมา ก็สามารถพาสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทะลุผ่านไปได้
“ทว่าตอนนี้ข้าบอกเรื่องนี้แก่เจ้าเท่านั้น เจ้าไม่ต้องแพร่งพรายออกไปล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “ข้ายังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่ต้องทำในดินแดนจิตโลกา รอทำเรื่องนี้เสร็จแล้ว ค่อยประกาศออกไปก็ยังไม่สาย”
“ได้สิ” อวี๋จิ้งชิวพยักหน้า เรื่องใหญ่เร่งด่วนกว่า
“ค่อยยังชั่วหน่อย” อวี๋จิ้งชิวถอนหายใจคราหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยิ้มออกมา พวกเขาสองสามีภรรยามองความเป็นความตายทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเหนือธรรมดา เชื่อว่าตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยาบำเพ็ญมาจนมีพลังเช่นทุกวันนี้ก็คงมองได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว แต่พวกเขาสองสามีภรรยาก็ยังหวังว่าจะสามารถปกป้องลูกๆ ได้
……
ณ เมืองหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณา ดินแดนจิตโลกา
ร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งประจำการอยู่ที่เมืองหิมะเหินกุมอาวุธเทพคละถิ่นเอาไว้ในมือ ทำความคุ้นเคยกับพลังหลังจากบรรลุแล้ว
“น่าแปลกนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในห้องเงียบ มือกุมหอกชิงเหอเอาไว้ แต่กลับเผยสีหน้าตกใจออกมา
นับตั้งแต่วิถีอากาศบรรลุถึงขั้นสุดยอด
สติรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถทะลุผ่านอณูหมอกดำทรงกลมไปได้อย่างง่ายดาย อณูหมอกดำทรงกลมอันเร้นลับในอดีต บัดนี้กลับเหมือนกับอณูเล็กๆ ในร่างกายตนอย่างไรอย่างนั้น ตนสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดาย สติรับรู้ของตนถึงขั้นสามารถทะลุผ่านมิติคละถิ่นอันเวิ้งว้างได้! โลกกำเนิดอันกว้างใหญ่ไพศาลเกิดระลอกคลื่นขึ้นทุกชั่วขณะ ทำให้พลังคละถิ่นรอบด้านเกิดระลอกคลื่นขึ้นมา
“เมื่อกุมหอกชิงเหอเอาไว้ การสัมผัสรับรู้มิติคละถิ่นก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ระยะทางที่แทรกเข้าไปได้ก็ไกลขึ้นมากทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงรำพึง
“ยังมีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งกระบวนท่าที่หกและกระบวนท่าที่เจ็ดอีก”
สองกระบวนท่าสุดท้ายของเจ็ดกระบวนคละถิ่น อานุภาพไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ต่อให้สำเร็จเป็นขั้นสุดยอดและมีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งชี้แนะก็ยังสำแดงออกไปมิได้ ต้องอาศัยอาวุธเทพคละถิ่นจึงจะสามารถทำได้! ต้องอาศัยสองกระบวนท่านี้ พลังของตงป๋อเสวี่ยอิงจึงจะสามารถเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูทั่วไปได้ อันที่จริงแล้ว หากไม่มีหอกชิงเหอ ลำพังแต่คละถิ่นห้ากระบวนท่าแรก…อาศัยสมบัติลับระดับยอดสุดต่างๆ ก็สามารถเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูได้ เหมือนกับจอมกระบี่!
“สองกระบวนท่าสุดท้ายนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจ แน่นอนว่าเขาคงจะไม่ทำตามอย่างโง่งม หากแต่ซึมซับสิ่งสำคัญในนั้นแล้วหลอมรวมเข้าไปในกระบวนท่าของตน
ทำให้วิธีการของตนสมบูรณ์มากขึ้น
******
ทำให้กระบวนท่าวิถีอากาศขั้นสุดยอดซึมซับเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งแล้วสำแดงออกไปด้วยอาวุธเทพคละถิ่น
วันหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังทดลองทำให้กระบวนท่าแข็งแกร่งขึ้น เขาสำแดงกระบวนท่าจำพวกบริเวณออกมา เดิมทีวิถีอากาศก็มีชื่อเสียงด้านบริเวณเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว
“วิ้ง”
อาศัยหอกชิงเหอ เดิมทีการสัมผัสรับรู้ก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้ว
ยามนี้
สติรับรู้หลอมรวมอณูหมอกดำทรงกลมจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าไปอย่างต่อเนื่องแล้วแผ่กำจายออกมา แทบจะในชั่วพริบตาเดียวก็แพร่ไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา สถานที่ต่างๆ ภายในดินแดนจิตโลกา รวมทั้งที่พำนักของสามบรรพชนอย่างบรรพชนราตรีนิรันดร์ บรรพชนนิจรัตติกาลและรัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง ล้วนแต่ถูกตงป๋อเสวี่ยอิงตรวจสอบอย่างละเอียด นอกจากวังเทพจิตโลกาและหุบเขาเขี้ยวหักแล้ว ยังมีสถานที่อีกสามแห่งที่เขามิได้ตรวจสอบ
สถานที่สามแห่งนี้ได้แก่สถานที่พำนักและบำเพ็ญของจักรพรรดิเซี่ย ผู้พเนจรและเจ้าเมืองอนันต์
เพื่อหลบเลี่ยงมิให้ถูกจับได้
ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ถึงค่ายกลต้องห้ามที่พวกจักรพรรดิเซี่ยทิ้งเอาไว้ และรู้ว่าหากล่วงล้ำเข้าไปก็จะถูกพบเข้า จึงมิได้ตรวจสอบดู
“การตรวจสอบของข้าสามารถครอบคลุมไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาได้เลยหรือนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นตะลึง
ดินแดนจิตโลกายิ่งใหญ่นัก ใหญ่โตกว่าโลกกำเนิดทั่วไปมากนัก
กฎเกณฑ์อันสูงส่งก็ยังกดดันอย่างมหาศาล!
โดยทั่วไปขอบเขตการตรวจสอบด้วยบริเวณของผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดก็มีจำกัดมาก ห่างจากคำว่าปกคลุมทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาไกลลิบลับ ต่อให้เป็นตอนที่ทั้ง ‘โลกทิพย์โบราณดั้งเดิม’ ยังสมบูรณ์ดีนั้น แม้จะเล็กกว่าดินแดนจิตโลกามาก ผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดก็มิอาจทำได้ถึงขั้นปกคลุมทั้งหมดภายในชั่วความคิดเดียวอยู่ดี!
“หากไม่มีหอกชิงเหอ…” ตงป๋อเสวี่ยอิงลองสัมผัสรับรู้ด้วยตนเองล้วนๆ โดยไม่อาศัยหอกชิงเหอ
ขอบเขตการสัมผัสรับรู้ก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็วในทันที
ต่อให้มีวิธีการอย่างเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่ง ก็คาดว่าขอบเขตที่สามารถปกคลุมได้ในชั่วความคิดหนึ่งนั้น ก็แค่มากกว่าสองเท่าของอาณาเขต ‘รัฐโบราณคิมหันตวายุ’ ไปเล็กน้อยเท่านั้น! ยังห่างจากปกคลุมทั่วทั้งขอบเขตดินแดนจิตโลกามากนัก
“สามารถปกคลุมทั้งผืนดินได้เชียวหรือนี่ หากเป็นเช่นนี้แล้ว ราชันย์อนธการอมตะผู้นั้นก็มิใช่ว่าหนีไม่พ้นจากขอบเขตการตรวจตราของข้าหรอกหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเยสีหน้ายินดีออกมา
หากศัตรูอยู่ภายในขอบเขตบริเวณของตนโดยตลอด
ต่อให้หนีจากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งแล้วซ่อนเร้นร่องรอยแก้ไขกลิ่นอายในทันที แต่เนื่องจากอยู่ภายใต้การตรวจตราของเขาตลอดเวลา ตนก็จะสามารถ ‘มองเห็น’ การปลอมแปลตัวตนของคนผู้นั้นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง จึงย่อมหนีไม่พ้น! หากขอบเขตบริเวณของตนค่อนข้างเล็ก เช่นมีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งเพียงแค่สองเท่าของรัฐโบราณคิมหันตวายุเท่านั้น ทันทีที่ศัตรูหนีพ้นจากขอบเขตบริเวณ ก็จะแก้ไขกลิ่นอายและรูปลักษณ์ทันที ก็จะตามรอยไม่พบ หากเป็นเช่นนั้นตนก็จะตามหาศัตรูไม่พบเลย!
“แต่ว่าบริเวณของข้าครอบคลุมทั่วทุกหนแห่งนี่นา” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้ายินดีออกมา
“หากไม่สนใจว่าจะถูกพบ ก็สามารถฝืนไปตรวจสอบจักรพรรดิเซี่ย ผู้พเนจรและเจ้าเมืองอนันต์ได้เลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ หากฝืนไปตรวจสอบเมื่อใด ก็จะต้องถูกพบอย่างแน่นอน
เหมือนกับเมื่อพวกจักรพรรดิเซี่ยมาตรวจสอบตน ก็จะถูกตนพบทันทีเช่นเดียวกัน
“ราชันย์อนธการอมตะ! สวรรค์ต้องการให้เจ้าสูญสิ้นไปจริงๆ!”
นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงฉายแววอาฆาตออกมา บัดนี้ เจ้าคนบ้านี่กำลังเก็บเกี่ยววิญญาณของสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างบ้าคลั่งตามอำเภอใจ ตนมิอาจขัดขวางได้มาตลอด ก่อนหน้านี้ เจ้าเมืองอนันต์ซึ่งเป็นคนเดียวที่สามารถสะกดรอยเขาได้ไม่ยอมช่วยเหลือ เคราะห์ดีที่ตนมีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่ง มีอาวุธเทพคละถิ่น บริเวณอากาศก็กว้างใหญ่ไพศาล สามารถปกคลุมทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาได้!
ศัตรูไม่มีที่ให้หนีไปไหนได้!
แม้แต่หุบเขาเขี้ยวหัก ตนก็สามารถจัดเตรียมร่างแยกไปไว้ยังพรมแดนที่บริเวณปกคลุมไปถึง หากราชันย์อนธการอมตะหนีไปยังหุบเขาเขี้ยวหัก ก็จะสิ้นใจเร็วขึ้นไปอีก!
“ดีมาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงข่มความอาฆาตเอาไว้ “เนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้ว ทำให้พลังแข็งแกร่งขึ้นอีกสักหน่อยก็แล้วกัน”
การยกระดับขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ต้องยกระดับและเสริมความแข็งแกร่งเสียก่อน
ส่วนเรื่องที่ซับซ้อนอย่างการฝึกกายคละถิ่น ด้วยระดับขั้นของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ ก็รู้สึกว่าสามารถไปทดลองคิดค้นฝึกกายคละถิ่นชั้นที่สามได้แล้ว แต่ความยากก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มิใช่สามารถสำเร็จได้ในช่วงสั้นๆ
เพียงแค่ทำให้แข็งแกร่งขึ้นอีกสักเล็กน้อย ก็สามารถลงมือได้แล้ว!
……
เรื่องที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จเป็นขั้นสุดยอด นอกจากจะบอกภรรยาและถูกเจ้าเมืองหลัวพบเข้าแล้ว ก็มิได้บอกให้ผู้ใดล่วงรู้อีก
หลังจากบรรลุได้หกร้อยปี พลังของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นอีกเป็นกอง เขาทำให้กระบวนท่าที่ใช้เป็นประจำสมบูรณ์ขึ้น
“ใกล้แล้ว พลังของข้าสามารถบรรลุถึงระดับยอดสุดได้ในช่วงเวลาสั้นๆ มิอาจยกระดับขึ้นได้อย่างชัดเห็นได้ชัดอีกแล้ว ได้เวลาลงมือแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ ก่อนหน้านี้เขายังวางแผนจะตามหาประมุขโลกสักกลุ่มหนึ่งมาร่วมมือกัน บัดนี้พลังของตนเพิ่มพูนขึ้นเป็นอันมาก หากต่อสู้กันตัวต่อตัวก็เพียงพอแล้ว
…………………………………..